ให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ หัวหิน ประกาศให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ ในหัวหิน, ประจวบคีรีขันธ์

ให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ในหัวหิน: เจาะลึกตลาดเช่า 2568 สำหรับผู้เช่าคนไทย

หัวหินยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและใช้ชีวิตสบายๆ สำหรับคนไทยจำนวนมาก ด้วยเสน่ห์ของเมืองชายทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ไปจนถึงโรงพยาบาลและโรงเรียน ทำให้ความต้องการอพาร์ทเมนท์ให้เช่าในหัวหินยังคงสูงอย่างต่อเนื่องในปี 2568 นี้ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกตลาดเช่าอพาร์ทเมนท์ในหัวหิน โดยเน้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้เช่าชาวไทยโดยเฉพาะ เราจะสำรวจปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาเช่า ทำเลที่ตั้งที่น่าสนใจ ประเภทของอพาร์ทเมนท์ที่ได้รับความนิยม รวมถึงข้อควรรู้และเคล็ดลับในการหาอพาร์ทเมนท์ที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ เพื่อให้การค้นหาที่พักในฝันของคุณเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่าที่สุดในปีนี้

ภาพรวมตลาดอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าในหัวหิน ปี 2568

หัวหินเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ทั้งจากนักท่องเที่ยวและผู้พักอาศัยชาวไทยและต่างชาติ ในปี 2568 ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยในหัวหินกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เศรษฐกิจท้องถิ่นมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการเช่าที่พักอาศัยเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย สำหรับกลุ่มผู้เช่าคนไทย ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน คนวัยทำงาน พนักงานบริษัท ครอบครัว ตลอดจน พนักงานที่ทำงานระยะไกล (Remote workers) ต่างก็เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยในหัวหินมากขึ้น ด้วยเหตุผลทั้งด้านไลฟ์สไตล์และค่าครองชีพที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ

จากข้อมูลตลาดปีที่ผ่านมาพบว่าอุปทานที่พักให้เช่าในหัวหินมีอยู่จำนวน หลายร้อยยูนิต กระจายทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเช่า และอพาร์ทเม้นท์แบบดั้งเดิม โดยภาพรวมแล้วถือว่า เพียงพอต่อความต้องการ และสามารถรองรับผู้เช่าได้หลากหลายกลุ่ม ประเภทที่อยู่อาศัยที่ได้รับความสนใจมากในหัวหินคือคอนโดและวิลล่าตากอากาศ แต่ อพาร์ทเม้นท์ ก็เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้เช่าคนไทย เนื่องจากมีราคาค่าเช่าเข้าถึงง่ายและอยู่ในทำเลสะดวกใกล้แหล่งงานหรือสถานศึกษา

แนวโน้มราคาเช่าในปี 2568 มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ตามทิศทางตลาดเช่าทั่วประเทศที่ค่าเช่าเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบปีต่อปี (YoY) อัตราค่าเช่าในหลายพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (โดยเฉพาะคอนโดและบ้านเช่าในเมืองใหญ่) อย่างไรก็ตาม หัวหินยังถือว่ามีค่าครองชีพและค่าเช่าที่ถูกกว่าหลายเมืองท่องเที่ยวใหญ่ เช่น ภูเก็ต หรือพัทยา ผู้เช่าจึงยังสามารถหาอพาร์ทเม้นท์ราคาเหมาะสมในหัวหินได้ไม่ยาก ความต้องการเช่า (ดีมานด์) ในช่วงต้นปีอาจปรับลดลงบ้างตามฤดูกาลท่องเที่ยว แต่โดยรวมแล้วแนวโน้มตลอดปี 2568 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มคนไทยที่ย้ายถิ่นมาทำงานทางไกลและกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวระยะยาว

สำหรับผู้เช่าคนไทย ข้อดีของการเช่าอพาร์ทเม้นท์ในหัวหิน คือ สามารถใช้ชีวิตใกล้ชายทะเลและสถานที่ท่องเที่ยวในบรรยากาศผ่อนคลาย โดยที่ยังเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หัวหินอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 200 กิโลเมตร เดินทางด้วยรถยนต์เพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น การมาพำนักอยู่ที่นี่ในระยะยาวจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งพักผ่อนควบคู่ไปกับการทำงาน (ตามเทรนด์ Workation ที่เป็นที่นิยม) อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมารัฐได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการรถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ใหม่ ทำให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-หัวหินสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลบวกต่อตลาดที่อยู่อาศัยในหัวหินโดยตรง

สรุปภาพรวม ณ ปี 2568 ตลาดอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าในหัวหินมีความคึกคัก มีตัวเลือกหลากหลายระดับราคา ผู้เช่าคนไทยสามารถหาอพาร์ทเม้นท์ที่ตรงใจได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะมองหาห้องพักราคาประหยัดสำหรับนักศึกษา ห้องชุดขนาดพอเหมาะสำหรับคู่รักวัยทำงาน หรือห้องแบบครอบครัวที่กว้างขวางขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้หัวหินกลายเป็นทำเลที่น่าจับตามองสำหรับการเช่าที่พักอาศัยในปีนี้

ทำเลยอดนิยมสำหรับเช่าอพาร์ทเม้นท์ในหัวหิน

พื้นที่ต่าง ๆ ในหัวหินมีลักษณะและเสน่ห์เฉพาะตัว ซึ่งส่งผลต่อบรรยากาศและระดับราคาค่าเช่าของอพาร์ทเม้นท์ในแต่ละย่าน ผู้เช่าคนไทยควรทำความรู้จัก ทำเลยอดนิยม ของหัวหินเพื่อเลือกที่พักให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง ดังนี้:

1. ย่านใจกลางเมืองหัวหิน (ตัวเมืองหัวหิน)

ย่านตัวเมืองถือเป็นทำเลสุดคลาสสิกของหัวหิน ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณรอบๆ ถนนเพชรเกษมช่วงกิโลเมตรต้นๆ (ใกล้กับตลาดโต้รุ่งหัวหินและสถานีรถไฟหัวหิน) ไปจนถึงโซนตลาดฉัตรไชยและชายหาดใจกลางเมือง ทำเลนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดโต้รุ่ง ร้านอาหารท้องถิ่นและคาเฟ่ชื่อดัง ห้างสรรพสินค้า (เช่น มาร์เก็ตวิลเลจ และ ห้างบลูพอร์ต) โรงพยาบาล และสถานที่ราชการต่างๆ ผู้เช่าที่พักในย่านนี้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย เดินทางระยะสั้น ไปยังที่ทำงานหรือสถานศึกษาภายในเมือง โดยหลายครั้งไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ส่วนตัว

บรรยากาศของใจกลางเมืองหัวหินจะคึกคัก มีผู้คนตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะมีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ แวะเวียนมา ย่านนี้จึงเหมาะกับ พนักงานบริษัท ที่ทำงานในหัวหิน, ครอบครัวเล็ก ที่ต้องการอยู่ใกล้โรงเรียนลูก, รวมถึง คนโสดหรือคู่รักวัยทำงาน ที่ชอบความสะดวกใกล้ร้านค้าและร้านอาหารมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นทำเลยอดนิยมของ ผู้สูงอายุหรือผู้เกษียณ ที่มาใช้ชีวิตสงบๆ ใกล้ทะเลแต่ยังเข้าถึงบริการทางการแพทย์ง่าย (เพราะมีโรงพยาบาลดีๆ อยู่ในเมือง)

อพาร์ทเม้นท์ในตัวเมืองหัวหิน มีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่หอพักราคาประหยัดไปจนถึงเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ทันสมัย บางแห่งเป็นตึกเก่าคู่วิถีหัวหิน เปิดให้เช่ารายเดือนในราคาเอื้อมถึง (เช่น ห้องพักพัดลมราคาหลักพันกลางๆ ถึงไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน และห้องแอร์ประมาณ 5,000-8,000 บาท) อพาร์ทเม้นท์เหล่านี้มักอยู่ในซอยไม่ห่างจากถนนใหญ่ เช่น ย่านซอยหัวหิน 51, ซอยหัวหิน 74 หรือแถบใกล้ตลาดโต้รุ่ง ซึ่งมีจุดเด่นคือเดินออกมาไม่นานก็เจอร้านอาหารและตลาดสดทั้งเช้าและเย็น

ขณะเดียวกัน ในย่านใจกลางเมืองเองก็มีอพาร์ทเม้นท์สร้างใหม่สไตล์คอนโดมิเนียมหลายแห่ง ห้องพักเหล่านี้จะตกแต่งทันสมัย เฟอร์นิเจอร์ครบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง เช่น ลานจอดรถในร่ม ลิฟต์ รวมถึงบางแห่งมี สระว่ายน้ำและฟิตเนส บนชั้นดาดฟ้าเพื่อบริการผู้เช่าเลยทีเดียว ราคาค่าเช่าของอพาร์ทเม้นท์ระดับกลางถึงสูงในตัวเมืองอาจอยู่ที่ประมาณ 6,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดห้องและความใหม่ของโครงการ ยิ่งใกล้ถนนใหญ่หรือห้างดัง ราคาก็อาจสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ข้อดีคือผู้เช่าจะได้ทั้งทำเลที่เดินไปไหนมาไหนสะดวก และห้องพักคุณภาพที่พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที

โดยสรุป หากคุณให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ย่านใจกลางเมืองหัวหินเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด คุณจะอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางการค้าการบริการของหัวหิน ทั้งยังใช้ชีวิตใกล้ชายหาดหัวหินในระยะเดินไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เลือกพักย่านนี้ควรยอมรับบรรยากาศที่คึกคักและการจราจรที่หนาแน่นในบางเวลา แลกกับความสะดวกที่ได้รับ

2. โซนใต้หัวหิน: เขาตะเกียบ – หนองแก

ทางด้าน ใต้ของตัวเมืองหัวหิน เป็นอีกหนึ่งทำเลยอดนิยมสำหรับการเช่าอพาร์ทเม้นท์ โซนนี้ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่บริเวณ ซอยหัวหิน 87–หนองแก (ที่ตั้งของห้างบลูพอร์ตและสวนศรี) ต่อเนื่องลงไปจนถึงย่าน เขาตะเกียบ และหมู่บ้านหนองแกที่อยู่ใกล้ชายหาด ย่านเขาตะเกียบ–หนองแกนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโซนที่มีบรรยากาศเงียบสงบและใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัวและอยากอยู่ใกล้ชายทะเลแบบเดินถึงได้ง่าย

จุดเด่นของโซนเขาตะเกียบ–หนองแก คือมีสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งพักผ่อนชื่อดังหลายแห่ง เช่น ชายหาดเขาตะเกียบ (เงียบสงบกว่าหาดหัวหินหลัก), สวนสนประดิพัทธ์, ตลาดจักจั่น (Cicada Market) และสวนน้ำขนาดใหญ่ วานา นาวา (Vana Nava Water Jungle) นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ โรงแรมและรีสอร์ทหรู หลายแห่ง ทำให้ย่านนี้มีบรรยากาศกึ่งชุมชนที่พักอาศัยและกึ่งแหล่งท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ คนที่พักในละแวกนี้จะได้รับทั้งความสงบและความสะดวก เพราะภายในหนองแกมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารท้องถิ่น คาเฟ่น่านั่ง และคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ รองรับการใช้ชีวิตประจำวันได้ครบถ้วน

กลุ่มผู้เช่าที่นิยมอยู่โซนนี้ เช่น ครอบครัวคนไทย ที่ต้องการความสงบปลอดภัยสำหรับเด็กๆ, ชาวต่างชาติหรือคนไทยที่ทำงานจากที่บ้าน (ดิจิทัลโนแมด) ที่อยากอยู่ใกล้ทะเลเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน หรือแม้แต่ พนักงานโรงแรมและรีสอร์ท ในละแวกนั้นเองที่มองหาที่พักใกล้ที่ทำงาน ย่านนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มี รถยนต์ส่วนตัว เพราะสามารถขับเข้าเมืองหัวหินได้ภายใน 5-10 นาที แต่ถ้าไม่มีรถก็ไม่ลำบากนัก เนื่องจากมีบริการ รถสองแถว สายสีเขียววิ่งผ่านถนนเพชรเกษมจากตัวเมืองมายังเขาตะเกียบอย่างสม่ำเสมอ ค่าโดยสารประหยัดและหาโบกรถได้ง่ายบนถนนใหญ่

อพาร์ทเม้นท์ในย่านเขาตะเกียบ–หนองแก ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารไม่สูงมาก (ประมาณ 3-5 ชั้น) กระจายตัวอยู่ตามซอยต่างๆ ที่ไม่ไกลจากถนนใหญ่และชายหาด บางแห่งตั้งอยู่ติดกับคอนโดหรือโรงแรม ทำให้ได้วิวและบรรยากาศดี อพาร์ทเม้นท์ราคาประหยัดในย่านนี้ก็มีให้เลือกหลายแห่ง เช่น หอพักหรือห้องเช่าที่อยู่ลึกเข้ามาในซอยหน่อย (ไม่ติดทะเล) โดยราคาจะเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 4,000-6,000 บาท/เดือน สำหรับห้องสตูดิโอธรรมดา มีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานและเครื่องปรับอากาศ

ส่วนอพาร์ทเม้นท์ระดับกลางขึ้นไปหรือที่อยู่ใกล้ทะเลมากๆ (บางแห่งเดินไปชายหาดได้ในไม่กี่นาที) ค่าเช่าอาจอยู่ในช่วง 7,000-12,000 บาท/เดือน หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความใหม่ของอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ บางแห่งในหนองแกมีลักษณะเป็น เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ครบวงจร มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และบริการทำความสะอาดให้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวกเทียบเท่าโรงแรมแต่เช่าระยะยาวในราคาย่อมเยากว่า (เช่น รายเดือน 10,000-20,000 บาท สำหรับห้องชุดขนาดใหญ่พร้อมบริการ)

ย่านเขาตะเกียบ–หนองแกจึงเป็นทำเลที่ผสมผสานระหว่างความเป็นรีสอร์ทและที่อยู่อาศัย ผู้เช่าจะได้รับความรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ตลอดเวลา มีวิวทะเลหรือขุนเขาให้ชื่นชม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเดินทางเข้าเมืองหรือไปยังจุดหลักๆ ของหัวหินได้ไม่ยาก หากคุณให้ความสำคัญกับ บรรยากาศการพักผ่อนและความสงบ โซนนี้นับว่าเหมาะอย่างยิ่ง

3. โซนชานเมืองและตอนเหนือหัวหิน: บ่อฝ้าย – สนามบินหัวหิน

นอกจากตัวเมืองและโซนใต้แล้ว ย่านชานเมืองตอนเหนือของหัวหิน ก็เป็นอีกบริเวณหนึ่งที่มีที่พักให้เช่ามาก โดยเฉพาะบริเวณ บ้านบ่อฝ้าย และพื้นที่ใกล้กับ สนามบินหัวหิน (อยู่ห่างตัวเมืองขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 5-8 กิโลเมตร) ย่านนี้มีลักษณะเป็นชุมชนท้องถิ่นที่ค่อนข้างสงบเงียบ มีบ้านพักอาศัยของคนพื้นที่ดั้งเดิมผสมกับโครงการหมู่บ้านจัดสรรเกิดใหม่หลายแห่ง ความเจริญอาจไม่หนาแน่นเท่าใจกลางเมือง แต่ก็มีร้านค้า ตลาดสด และซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อมรองรับการใช้ชีวิตพื้นฐานอยู่พอสมควร

กลุ่มผู้เช่าที่มักเลือกพักโซนบ่อฝ้าย-สนามบิน ได้แก่ นักศึกษาและบุคลากรการศึกษา เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน (ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามสนามบินหัวหินพอดี) ทำให้มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งมองหาหอพักใกล้มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม พนักงานราชการหรือพนักงานบริษัท ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานแถบชานเมือง เลือกอยู่ย่านนี้เพราะใกล้ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่ง ครอบครัวคนไทย ที่ต้องการเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ราคาถูกกว่าในเมือง และยอมขับรถเข้าเมืองประมาณ 10-15 นาทีเพื่อมาทำงานหรือพาลูกไปโรงเรียน

ข้อดีของการอยู่โซนชานเมืองตอนเหนือ คือความสงบ เป็นส่วนตัว รถติดน้อยกว่า และได้พื้นที่ใช้สอยในราคาที่ถูกลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบงบประมาณเท่ากันกับการเช่าในตัวเมือง คุณอาจได้ห้องพักที่ขนาดใหญ่กว่า หรือได้บ้านเช่าทั้งหลังในราคาที่คุ้มค่า ที่สำคัญคือย่านบ่อฝ้ายมีวิวเขาและธรรมชาติที่ผ่อนคลาย ใครที่ไม่ชอบความพลุกพล่านของย่านท่องเที่ยวจะถูกใจบริเวณนี้

อพาร์ทเม้นท์ในโซนบ่อฝ้าย-สนามบินหัวหิน ส่วนมากเป็นอาคารห้องเช่าและหอพักขนาดเล็ก (ความสูง 2-4 ชั้น) ที่บริหารแบบกันเองโดยเจ้าของ คนในพื้นที่บางส่วนปรับปรุงบ้านพักหรืออาคารพาณิชย์ให้เป็นห้องเช่ารายเดือนเพื่อตอบสนองดีมานด์นักศึกษา ทำให้ค่าเช่าในย่านนี้ค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับโซนอื่นๆ โดยห้องพักพัดลมแบบธรรมดาอาจมีราคาตั้งแต่ 3,000-4,000 บาท/เดือน เท่านั้น ส่วนห้องแอร์หรือห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็อยู่ราว 5,000-7,000 บาท/เดือน เท่านั้นเอง ซึ่งนับว่าเป็นระดับราคาที่ผู้ปกครองนักศึกษาหรือคนทำงานรุ่นใหม่สามารถจ่ายได้สบายๆ

บางอพาร์ทเม้นท์ในบ่อฝ้ายจะตั้งอยู่ใกล้ถนนใหญ่หรือป้ายรถประจำทาง เพื่อให้ผู้เช่าสัญจรเข้าเมืองได้ง่าย หากไม่มีรถส่วนตัวก็ยังพอหา รถสองแถว หรือรถโดยสารประจำทางที่วิ่งระหว่างตัวเมืองหัวหินกับพื้นที่ใกล้เคียงได้ แต่โดยมากผู้ที่พักย่านนี้มักมี มอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ส่วนตัว เพื่อความสะดวก เพราะระยะทางถึงตัวเมืองประมาณ 6-10 กิโลเมตร การมีพาหนะเองจะช่วยย่นเวลาเดินทางมากกว่า

นอกจากโซนบ่อฝ้ายแล้ว ฝั่งตะวันตกของตัวเมือง (เช่น บริเวณเชิงเขาหินเหล็กไฟ หรือออกไปทางอำเภอหินกอง) ก็มีที่พักและบ้านเช่ากระจายอยู่ แต่สำหรับอพาร์ทเม้นท์โดยเฉพาะจะไม่หนาแน่นเท่าด้านตัวเมืองและชายทะเล ผู้ที่ต้องการความสงบมากๆ และเน้นเช่าบ้านเป็นหลัง อาจพิจารณาย่านนอกเมืองเหล่านี้ ซึ่งค่าเช่าจะถูกลงไปอีก หรือได้พื้นที่กว้างขวางในงบประมาณเท่ากัน แต่ต้องแลกกับระยะทางที่ไกลเมือง

ภาพรวมทำเล: จะเห็นได้ว่าหัวหินมีทำเลให้เลือกหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของผู้เช่า หากคุณชอบความสะดวก ให้เลือกตัวเมือง ถ้าชอบความสงบใกล้ทะเล เลือกโซนเขาตะเกียบ-หนองแก แต่ถ้างบประมาณจำกัด และไม่รังเกียจที่จะอยู่ห่างศูนย์กลางออกมาหน่อย โซนชานเมืองตอนเหนืออย่างบ่อฝ้ายก็เป็นคำตอบที่ดี ทั้งนี้ ควรลงพื้นที่ดูสภาพแวดล้อมจริงของแต่ละทำเลในหัวหินก่อนตัดสินใจ เพราะแต่ละย่านอาจมีบรรยากาศช่วงกลางวัน-กลางคืนแตกต่างกัน และเรื่องการเดินทางในชีวิตประจำวันก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาควบคู่กับค่าเช่าด้วย

ราคาเช่าอพาร์ทเม้นท์เฉลี่ยในแต่ละโซน (อัปเดตปี 2568)

ราคาค่าเช่า ของอพาร์ทเม้นท์ในหัวหินจะแตกต่างกันตามทำเลที่ตั้ง ระดับคุณภาพของอาคาร และขนาดห้อง เพื่อให้เห็นภาพรวม เราสามารถสรุปราคาเช่าเฉลี่ยคร่าวๆ ของแต่ละโซนยอดนิยมได้ดังนี้:

• ใจกลางเมืองหัวหิน: อพาร์ทเม้นท์ทั่วไปในตัวเมือง (ห้องสตูดิโอ 20-30 ตร.ม.) มีค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 5,000-8,000 บาท/เดือน สำหรับอาคารเก่าหรืออาคารธรรมดาที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาก ส่วนอพาร์ทเม้นท์สร้างใหม่หรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับกลาง-สูงในเมือง ค่าเช่าจะอยู่ที่ราว 10,000-15,000 บาท/เดือน (สำหรับห้องขนาด 30-40 ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์และแอร์) ซึ่งสะท้อนถึงทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งจับจ่ายใช้สอย
• โซนเขาตะเกียบ–หนองแก (ใต้เมือง): ราคาเฉลี่ยใกล้เคียงกับใจกลางเมือง แต่อาจ ยืดหยุ่นกว้าง ขึ้นอยู่กับความใกล้ทะเล หากเป็นห้องเช่าในซอยลึกหรืออยู่ห่างชายหาด ราคาอาจอยู่ที่ 4,000-6,000 บาท/เดือน (คล้ายตัวเมือง) แต่ถ้าเป็นอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดบริการใกล้หาด ค่าเช่าสามารถสูงถึง 12,000-20,000 บาท/เดือน ได้สำหรับห้องวิวทะเลหรือโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยภาพรวมแล้วห้องพักมาตรฐานในย่านนี้จะอยู่ที่ประมาณ 6,000-10,000 บาท/เดือน ซึ่งแลกมากับบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติที่โดดเด่น
• โซนบ่อฝ้าย–สนามบิน (ชานเมืองตอนเหนือ): ค่าเช่าเฉลี่ยถูกที่สุดในบรรดาทำเลหลักของหัวหิน โดยห้องพักสตูดิโอขนาดเล็กในละแวกนี้มีราคาเฉลี่ยเพียง 3,000-5,000 บาท/เดือน เท่านั้น ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มนักศึกษาหรือนักเรียนที่งบประมาณจำกัด หากต้องการห้องแอร์หรือห้องที่ตกแต่งดีขึ้นมาหน่อย ราคาอาจเพิ่มเป็น 5,000-7,000 บาท/เดือน ซึ่งยังถือว่าถูกกว่าในเมืองเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับบ้านเช่าทั้งหลังหรือทาวน์เฮาส์ชานเมืองในโซนนี้ ราคาก็อาจเริ่มต้นประมาณ 8,000-12,000 บาท/เดือน (ได้บ้าน 2-3 ห้องนอน) ซึ่งดึงดูดครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากกว่าอพาร์ทเม้นท์ทั่วไป

ทั้งนี้ ปี 2568 คาดว่าราคาค่าเช่าในหัวหินจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย (~3-5%) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามภาวะเงินเฟ้อและความต้องการเช่าที่ขยายตัว ผู้เช่าควรวางแผนงบประมาณสำหรับค่าเช่าโดยเผื่อเงินไว้อีกเล็กน้อยหากจะเซ็นสัญญาเช่าใหม่ หรือกรณีต่อสัญญาเจ้าของที่พักอาจปรับค่าเช่าขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม การแข่งขันระหว่างผู้ปล่อยเช่าก็ยังมีอยู่ ทำให้หลายแห่ง จัดโปรโมชั่น หรือคงราคาเดิมเพื่อรักษาผู้เช่าเก่า ฉะนั้นอย่าลังเลที่จะเจรจาเรื่องราคาหรือสอบถามโปรโมชั่นส่วนลด (เช่น ฟรีค่าส่วนกลางเดือนแรก หรือลดค่าประกันพิเศษ) กับทางอพาร์ทเม้นท์ โดยเฉพาะเมื่อคุณวางแผนจะเช่าระยะยาว

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรมองหาในอพาร์ทเม้นท์หัวหิน

เมื่อเลือกอพาร์ทเม้นท์สำหรับเช่า สิ่งอำนวยความสะดวก (facilities) ภายในที่พักและตัวอาคารเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เช่าคนไทยไม่ควรมองข้าม นอกจากสภาพห้องและราคาแล้ว ควรตรวจสอบว่าอพาร์ทเม้นท์นั้นมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ครบถ้วนหรือไม่ เพื่อให้การพักอาศัยสะดวกสบายและปลอดภัย:

• อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง: ในยุคดิจิทัล อินเทอร์เน็ตถือเป็นปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องทำงานหรือเรียนออนไลน์ อพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่ในหัวหินปัจจุบันจะมีบริการ Wi-Fi ครอบคลุมทั้งอาคาร บางแห่งรวมค่าอินเทอร์เน็ตไว้ในค่าเช่า (มี Wi-Fi ให้ใช้ฟรี) หรืออย่างน้อยก็มีระบบสายเคเบิลรองรับให้ผู้เช่าสามารถติดตั้งอินเทอร์เน็ตในห้องของตนเองได้ ความเร็วอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปในตัวเมืองหัวหินนั้นรองรับการทำงานและสตรีมมิ่งได้สบาย แต่ถ้าคุณเป็นสายทำงานระยะไกลที่ต้องการความเสถียรสูง แนะนำให้สอบถามความเร็วแพ็กเกจและจำนวนผู้ใช้แชร์สัญญาณในตึกนั้นๆ ไว้ด้วย
• ที่จอดรถและที่จอดจักรยานยนต์: สำหรับผู้เช่าที่มีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว พื้นที่จอดรถ คือสิ่งที่ต้องสอบถามให้ชัดเจน อพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่หรือสร้างใหม่มักมีลานจอดรถในร่มหรือกลางแจ้งให้ผู้เช่า โดยบางแห่งไม่คิดค่าจอดเพิ่มเติม แต่บางแห่งอาจมีค่าบริการเล็กน้อยรายเดือน (เช่น ค่าที่จอดรถยนต์ 300-500 บาท/เดือน หากที่จอดมีจำกัด) ส่วนรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่จะให้จอดได้ฟรีแต่ต้องจอดในจุดที่จัดไว้ให้เป็นระเบียบ ควรตรวจดูว่าที่จอดเพียงพอกับจำนวนผู้พักหรือไม่ โดยเฉพาะในตึกที่อยู่ใจกลางเมืองที่พื้นที่อาจจำกัด
• ระบบรักษาความปลอดภัย: ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้เช่าควรมองหาอพาร์ทเม้นท์ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ เช่น การเข้า-ออกอาคารด้วยระบบคีย์การ์ด (ช่วยป้องกันคนนอกเข้าอาคาร), กล้องวงจรปิด (CCTV) ติดตั้งตามทางเดิน ชั้นต่างๆ และลานจอดรถ, รวมถึงมี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ประจำการช่วงกลางคืน สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณอุ่นใจเมื่อต้องพักอาศัยระยะยาว ยิ่งถ้าเป็นผู้เช่าผู้หญิงหรืออยู่คนเดียว การมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีจะยิ่งสำคัญ นอกจากนี้ ระบบ สัญญาณเตือนภัย ต่างๆ อย่างเครื่องตรวจจับควันไฟหรือถังดับเพลิงตามทางเดิน ก็ควรมีพร้อมและอยู่ในสภาพใช้งานได้ เผื่อกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
• เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน: อพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่ในหัวหิน (โดยเฉพาะที่เจาะกลุ่มผู้เช่าคนไทย) มักให้เช่าแบบ พร้อมเฟอร์นิเจอร์บางส่วนหรือครบชุด คุณควรตรวจสอบว่าภายในห้องพักมีอะไรให้บ้าง เช่น เตียงที่นอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะเอนกประสงค์ เป็นเฟอร์นิเจอร์หลักที่ควรมี นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศ แทบจะเป็นสิ่งจำเป็นเพราะหัวหินอากาศร้อนชื้น หากห้องไหนไม่มีแอร์ (เช่น ห้องพัดลมราคาถูก) คุณต้องพิจารณาว่ารับสภาพอากาศได้หรือไม่ หรือต้องเตรียมพัดลมเพิ่มเติมเอง ส่วน เครื่องทำน้ำอุ่น ในห้องน้ำก็ควรมีเช่นกัน เพราะแม้หัวหินจะไม่หนาวจัด แต่น้ำอุ่นช่วยให้การอาบน้ำสบายขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่อาจมีให้ ได้แก่ ตู้เย็น โทรทัศน์ ไมโครเวฟ (บางแห่งจัดให้ภายในห้องเลย) และ ฟรี Wi-Fi router หากอพาร์ทเม้นท์ติดตั้งเน็ตแยกห้อง สิ่งเหล่านี้หากไม่มีให้ คุณก็อาจต้องเตรียมจัดหาเอง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้นการเลือกที่ที่มีของให้ครบจะประหยัดเงินและสะดวกกว่า ทั้งยังลดภาระการขนย้ายตอนย้ายเข้าย้ายออก
• สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางอื่นๆ: ยิ่งอพาร์ทเม้นท์มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาก ค่าเช่าก็อาจสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ก็เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้เช่าได้ เช่น ลิฟต์โดยสาร (สำคัญหากอาคารสูงเกิน 4 ชั้น จะช่วยให้ขึ้นลงสะดวกโดยเฉพาะผู้สูงวัย), พื้นที่ซักผ้า-ตากผ้า (หลายที่จัดเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญไว้บริการ, มีจุดตากผ้าหรืออบผ้าในร่ม), เครื่องกรองน้ำ/ตู้น้ำหยอดเหรียญ ในอาคาร, และ พื้นที่ส่วนกลาง อื่นๆ อย่างโถงนั่งเล่นหรือดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิว หากเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดมิเนียมที่ปล่อยเช่า ก็อาจมี สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องประชุมเล็กๆ ให้ใช้งาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับสิ่งไหน ลิสต์รายการออกมาแล้วเปรียบเทียบแต่ละที่ดู
• การดูแลและบริการจากผู้ดูแลอาคาร: แม้อาจไม่ใช่ “สิ่งปลูกสร้าง” แต่บริการของผู้ดูแลก็ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในเชิงคุณภาพ เช่น บางอพาร์ทเม้นท์มี นิติบุคคลหรือลุงยาม/แม่บ้าน ที่ช่วยรับพัสดุไปรษณีย์แทนคุณได้, มีการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางอย่างสม่ำเสมอ, หลอดไฟหรืออุปกรณ์ส่วนกลางเสียก็ได้รับการซ่อมไว สิ่งเหล่านี้ช่วยให้การอยู่อาศัยราบรื่นไม่สะดุด คุณอาจลองพูดคุยกับผู้ดูแลหรือสังเกตความเรียบร้อยของตึกตอนเข้าไปเยี่ยมชม เพื่อประเมินคุณภาพการจัดการของอพาร์ทเม้นท์นั้นๆ ประสบการณ์ที่ดีของผู้เช่าคนก่อนๆ (อาจหารีวิวในอินเทอร์เน็ตหรือถามคนที่พักอยู่) ก็เป็นตัวชี้วัดหนึ่งเรื่องบริการ

โดยสรุป ในการเลือกอพาร์ทเม้นท์ อย่าดูแค่ราคาและทำเลเท่านั้น แต่ควรใส่ใจสิ่งอำนวยความสะดวกและสภาพแวดล้อมโดยรวมของที่พักด้วย เพราะคุณภาพชีวิตตลอดสัญญาเช่า 6 เดือนหรือ 1 ปีของคุณจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้ การมีอินเทอร์เน็ตดีๆ ไว้ทำงาน การมีที่จอดรถปลอดภัย การมีแอร์-น้ำอุ่นพร้อมใช้ หรือแม้แต่การมีฟิตเนสให้ออกกำลังใกล้ห้อง ล้วนเพิ่มความสุขความสะดวกให้การพักอาศัยในหัวหินของคุณอย่างยิ่ง

รูปแบบห้องและขนาดที่เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย

ผู้เช่าคนไทยที่มองหาอพาร์ทเม้นท์ในหัวหินมีหลากหลายกลุ่ม ทั้ง นักเรียนวัยเรียน, วัยทำงาน, ครอบครัว, และ คนทำงานระยะไกล ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการขนาดห้องและรูปแบบห้องที่แตกต่างกันไป การเลือกประเภทห้องที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณอยู่ได้สบายและคุ้มค่ากับค่าเช่าที่จ่ายไป ดังนี้คือคำแนะนำสำหรับแต่ละกลุ่ม:

• นักเรียน/นักศึกษา: สำหรับกลุ่มนักเรียนมัธยมหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มาเรียนในหัวหิน (เช่น ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน หรือวิทยาลัยอาชีวะในพื้นที่) ห้องพักขนาดเล็กประเภทสตูดิโอ เหมาะสมที่สุด โดยทั่วไปขนาดห้องอาจอยู่ที่ประมาณ 20-25 ตารางเมตร มีเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ โต๊ะอ่านหนังสือ และตู้เสื้อผ้าเพียงพอต่อการใช้งานคนเดียวหรือสองคน หากมาเป็นกลุ่มเพื่อน อาจพิจารณาหาหอพักที่มีห้องพักรวม (พัก 2-3 คนต่อห้อง) เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ห้องพักนักเรียนมักไม่ต้องการความหรูหรา เน้นราคาประหยัดและความปลอดภัยเป็นหลัก ค่าเช่าที่เหมาะกับนักเรียนมักจะอยู่ในช่วง 3,000-5,000 บาท/เดือน (แบ่งกันจ่ายกับเพื่อนจะถูกลงอีก) สิ่งที่ควรมีในห้องสำหรับกลุ่มนี้คือโต๊ะอ่านหนังสือ โคมไฟ และปลั๊กไฟเพียงพอสำหรับใช้งานคอมพิวเตอร์พกพา หากอพาร์ทเม้นท์มีพื้นที่ส่วนกลางให้นั่งติวหรือทำรายงานร่วมกับเพื่อนได้ก็จะดีมาก นอกจากนี้ นักเรียนควรเลือกอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ ใกล้สถานศึกษา หรือมีรถโดยสารผ่าน เพื่อให้การเดินทางไป-กลับโรงเรียนสะดวกและปลอดภัย
• พนักงานบริษัท/มนุษย์เงินเดือน: กลุ่มคนวัยทำงานที่ย้ายมาปฏิบัติงานในหัวหินหรือคนพื้นที่ที่ต้องการแยกออกมาอยู่เอง มักมองหาห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศเหมาะกับการพักผ่อนหลังเลิกงาน ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน (1 Bedroom) ขนาดประมาณ 28-40 ตารางเมตร จึงค่อนข้างตอบโจทย์ เนื่องจากแบ่งสัดส่วนพื้นที่นอนกับพื้นที่นั่งเล่นออกจากกัน ทำให้ใช้ชีวิตสะดวกขึ้น (เช่น มีมุมดูทีวีหรือรับแขกแยก ไม่รบกวนคนที่พักด้วยถ้ามี) พนักงานออฟฟิศบางคนยังเลือกพักห้องสตูดิโอขนาดเล็กเพื่อประหยัดงบ แต่ถ้างบถึงการมีห้องหนึ่งห้องนอนก็จะสบายกว่า ค่าเช่าสำหรับห้องกลุ่มนี้มักอยู่ราว 6,000-10,000 บาท/เดือน แล้วแต่ทำเลและความใหม่ของอาคาร สิ่งที่คนทำงานมองหาคือเฟอร์นิเจอร์ครบ (มีเตียง ที่นอนนุ่มสบาย ตู้เสื้อผ้าโตๆ ใส่เสื้อผ้าทำงานได้หมด และมุมโต๊ะทำงานเล็กๆ ในห้อง) รวมถึง ห้องน้ำในตัวสะอาดๆ มีเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อม นอกจากนี้ความเงียบสงบของตัวอาคารในเวลากลางคืนก็สำคัญ เพราะหลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน คนกลุ่มนี้ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อพาร์ทเม้นท์ที่มีกฎเข้มงวดเรื่องเสียงรบกวนหรือไม่มีร้านเหล้าบาร์ดังอยู่ข้างๆ จะได้รับคะแนนบวกจากพนักงานบริษัท อีกประการคือ ควรเลือกที่ตั้งอพาร์ทเม้นท์ให้ ใกล้ที่ทำงาน มากที่สุดเท่าที่จะหาได้ หรือต้องเดินทางไม่ซับซ้อน เช่น นั่งรถไม่กี่ต่อหรือขับรถไม่นาน เพื่อประหยัดเวลาในชีวิตประจำวัน
• ครอบครัว (คู่แต่งงาน/มีบุตร): สำหรับครอบครัวคนไทยที่ย้ายมาอยู่หัวหิน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลงานหรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศ มักจะต้องการพื้นที่ใช้สอยมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน (2 Bedroom) หรือ อพาร์ทเม้นท์ห้องมุมขนาดใหญ่ จึงตอบสนองความต้องการได้ดีกว่า ห้องประเภทนี้มักมีขนาดตั้งแต่ 50-70 ตารางเมตรขึ้นไป มี 2 ห้องนอนแยก (สำหรับพ่อแม่ 1 ห้อง และลูก 1 ห้อง) พร้อมห้องน้ำ 1-2 ห้อง และพื้นที่นั่งเล่นกลางที่กว้างพอให้สมาชิกครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกัน ค่าเช่าห้องสองห้องนอนในหัวหินอาจอยู่ราว 12,000-20,000 บาท/เดือน (หรือมากกว่านั้นหากเป็นโครงการหรู) ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่ครอบครัวต้องวางแผนให้เหมาะสม บางครอบครัวที่มีงบจำกัดอาจเลือกเช่า บ้านทั้งหลัง หรือ ทาวน์โฮม แทนอพาร์ทเม้นท์ เพราะได้พื้นที่มากกว่าในราคาใกล้เคียงกัน แต่ก็ต้องดูแลเรื่องซ่อมบำรุงเองมากขึ้นหากต้องการอยู่เป็นครอบครัวในอพาร์ทเม้นท์ ควรเลือกอาคารที่ เป็นมิตรกับเด็ก เช่น มีพื้นที่ให้เด็กวิ่งเล่นได้บ้าง (ลานจอดหรือสนามเล็กๆ), ไม่มีกลิ่นบุหรี่แรงหรือผู้พักอาศัยที่อาจพฤติกรรมไม่เหมาะกับเด็ก และระบบรักษาความปลอดภัยต้องดีเพื่อความสบายใจของพ่อแม่ นอกจากนี้ ลองตรวจสอบว่าอยู่ใกล้โรงเรียนหรือเนิร์สเซอรี่หรือไม่ เพื่อการรับส่งบุตรง่าย หรือใกล้สวนสาธารณะ/ชายหาด ให้ลูกได้มีกิจกรรมนอกบ้านในช่วงเย็นสุดสัปดาห์ ครอบครัวใหญ่อาจพิจารณาเช่าห้อง 2 ห้องติดกัน (หากหา 2 ห้องนอนในห้องเดียวไม่ได้) โดยใช้วิธีเจาะประตูเชื่อมถ้าอาคารอนุญาต หรือแบ่งผู้ใหญ่พักห้องหนึ่ง เด็กพักอีกห้องหนึ่งก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
• กลุ่มผู้ทำงานระยะไกล/ฟรีแลนซ์ (Remote Workers): ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) และหัวหินก็เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการมาพักผ่อน+ทำงานควบคู่กัน (Workation) กลุ่มนี้มีความยืดหยุ่นสูงและมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในที่พักเพื่อทำงาน ดังนั้น ห้องที่มีพื้นที่ทำงานสะดวกสบาย และบรรยากาศเงียบสงบจึงจำเป็นมาก ขนาดห้องอาจไม่ต้องใหญ่มากหากอยู่คนเดียว สตูดิโอ 25-30 ตร.ม. ที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นสัดส่วนก็เพียงพอ แต่สิ่งที่ควรมีคือโต๊ะและเก้าอี้ที่นั่งทำงานนานๆ ได้ไม่ปวดหลัง หรือมีมุมให้จัดโต๊ะทำงานใกล้ปลั๊กไฟและจุดสว่าง นอกจากนี้ ความเร็วอินเทอร์เน็ตในห้องต้องดี เป็นพิเศษ กลุ่มนี้สามารถลงทุนเพิ่มเพื่ออินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ส่วนตัวหรือ Wi-Fi ส่วนตัวภายในห้องได้ หากของฟรีที่ตึกให้มายังไม่ตอบโจทย์บางคนอาจทำงานเป็นทีมเล็กๆ หรือมาเป็นคู่รักที่ต่างก็ทำงานจากระยะไกลทั้งคู่ ดังนั้นห้องขนาด 1 ห้องนอน ที่มีห้องนั่งเล่นแยกจะเอื้อให้แต่ละคนมีสมาธิทำงานของตัวเองมากขึ้น (เช่น คนหนึ่งทำงานในห้องนอน อีกคนในห้องนั่งเล่น) โดยไม่รบกวนกัน ค่าเช่าสำหรับห้องของกลุ่ม remote worker นี้แล้วแต่ความต้องการ บางคนเน้นประหยัดก็เช่าห้อง 5-6 พันบาทแล้วปรับแต่งมุมทำงานเอง ในขณะที่บางคนยอมจ่าย 10,000+ บาท เพื่ออยู่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ที่มีทุกอย่างพร้อม ไม่เสียเวลาจัดหาใดๆอีกสิ่งที่ผู้ทำงานระยะไกลให้ความสำคัญคือ สภาพแวดล้อมรอบที่พัก เช่น มีร้านกาแฟดีๆ หรือโคเวิร์กกิ้งสเปซใกล้ๆ ที่สามารถเดินไปเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานได้ หรือใกล้ร้านอาหารอร่อยๆ ที่นั่งทำงานได้ทั้งวัน การเดินทางก็อาจต้องการที่จอดรถสะดวกเพราะต้องขับออกไปพบลูกค้าบ้าง หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์ที่ตอบโจทย์เหล่านี้จะดึงดูดกลุ่มคนทำงานไอที/ครีเอทีฟ/ฟรีแลนซ์ให้มาพักได้ยาวๆ

สรุปแล้ว แต่ละกลุ่มผู้เช่าควรวิเคราะห์ความต้องการของตนเอง เช่น จำนวนผู้อยู่อาศัย, กิจวัตรประจำวัน, งบประมาณ และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ก่อนจะเลือกประเภทและขนาดห้อง ไม่มีขนาดใดที่ดีที่สุดแบบครอบจักรวาล แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณเอง การเลือกห้องที่ “พอดี” จะช่วยให้คุณอยู่ได้อย่างแฮปปี้และไม่จ่ายเงินเกินความจำเป็น

เงื่อนไขการเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่ควรรู้

ก่อนตัดสินใจทำสัญญาเช่าอพาร์ทเม้นท์ในหัวหิน ผู้เช่าควรทำความเข้าใจ เงื่อนไขและข้อตกลงในการเช่า ให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือความเข้าใจผิดในภายหลัง นี่คือเงื่อนไขสำคัญต่างๆ ที่ควรรู้และตรวจสอบ:

1. เงินประกัน (มัดจำ) และค่าเช่าล่วงหน้า: โดยทั่วไปการเช่าที่พักในไทย เจ้าของห้องจะเรียกเก็บ เงินประกันความเสียหาย และ ค่าเช่าล่วงหน้า ก่อนเข้าพัก เงินประกันมักมีจำนวนเท่ากับค่าเช่า 1 เดือน (บางที่อาจเคยเรียก 2 เดือน แต่ตามกฎหมายใหม่ผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องจำกัดที่ 1 เดือน) ส่วนค่าเช่าล่วงหน้าคือค่าเช่าของเดือนแรกที่ต้องจ่ายก่อนอยู่ ดังนั้นในวันทำสัญญา ผู้เช่าต้องเตรียมเงินประมาณ 2 เดือนของอัตราค่าเช่า (เช่น ถ้าค่าเช่า 8,000 บาท/เดือน ก็ต้องจ่าย ~16,000 บาท ณ วันเซ็นสัญญา) เงินประกันนี้เจ้าของจะคืนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญาและผู้เช้าย้ายออก โดยไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน และชำระค่าสาธารณูปโภคครบถ้วนตามที่กำหนด ดังนั้นควรรักษาห้องให้อยู่ในสภาพดีเพื่อให้ได้คืนเงินเต็มจำนวนอย่างรวดเร็ว
2. ระยะเวลาสัญญาเช่า (สัญญาระยะสั้น/ระยะยาว): อพาร์ทเม้นท์แต่ละแห่งอาจมีเงื่อนไขระยะเวลาเช่าขั้นต่ำต่างกันไป ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำ สัญญาเช่าระยะยาว 1 ปี เพื่อให้ได้อัตราค่าเช่าคงที่และค่อนข้างถูกกว่า หากผู้เช่าไม่สะดวกทำสัญญานานขนาดนั้น บางแห่งก็มี สัญญาเช่า 6 เดือน หรือแม้แต่ 3 เดือน ให้เลือก แต่อาจคิดค่าเช่าในอัตราสูงขึ้นเล็กน้อย (เพราะการเช่าระยะสั้นผู้ให้เช่ามีความเสี่ยงหาผู้เช่าต่อบ่อยครั้ง) ในกรณีที่ต้องการเช่ารายเดือนแบบไม่ทำสัญญาผูกมัดเลย ก็มีบางที่ที่ยอมให้ทำ สัญญาเดือนต่อเดือน ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นห้องพักลักษณะกึ่งโรงแรม หรือคิดค่าเช่าแบบรวมค่าน้ำไฟในราคาที่แพงกว่าปกติ ผู้เช่าควรสอบถามเงื่อนไขนี้ล่วงหน้าและอ่านสัญญาให้ดี เช่น หากต้องย้ายออกก่อนครบสัญญาจะมีบทลงโทษหรือไม่ (บางที่อาจริบเงินประกัน หรือบางแห่งถ้าเช่าเกิน 6 เดือนแล้วก็ให้แจ้งล่วงหน้า 1 เดือนได้โดยไม่เสียเงินประกัน) สิ่งเหล่านี้ควรระบุชัดในสัญญา
3. ค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: โดยปกติค่าใช้จ่ายที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบนอกเหนือจากค่าเช่าห้อง มีดังนี้
• ค่าไฟฟ้า: มักคิดตามมิเตอร์หน่วยที่ใช้จริง ค่าไฟตามอพาร์ทเม้นท์ทั่วไปอาจคิดหน่วยละ 7-8 บาท ซึ่งสูงกว่าอัตราของการไฟฟ้านิดหน่อย (4-5 บาท) เพื่อรวมค่าบริการหรือค่าบำรุงรักษามิเตอร์ แต่ตามกฎหมายแล้วผู้ให้เช่าไม่ควรคิดเกินอัตราทางราชการมากนัก ดังนั้นบางแห่งจึงคิดราคาใกล้เคียงราคาจริง (เช่น 5 บาท/หน่วย) กรณีมีเครื่องปรับอากาศ ค่าไฟจะเป็นส่วนสำคัญของค่าใช้จ่ายต่อเดือนของคุณ ควรใช้อย่างประหยัดและปิดเมื่อไม่จำเป็น
• ค่าน้ำประปา: ส่วนใหญ่คิดแบบเหมาจ่ายเป็นต่อหัว (เช่น ต่อคน 100-200 บาท/เดือน) หรือคิดตามมิเตอร์หน่วยละ 15-20 บาท ทั้งนี้เพราะน้ำประปามีราคาถูกกว่ามาก ค่าใช้งานปกติจึงไม่สูงนัก ผู้ให้เช่าหลายที่ตั้งราคาเหมารวมเพื่อความสะดวก เช่น คนเดียว 100 บาท ใช้น้ำไม่อั้น (ในเกณฑ์ปกติ) ถ้าอยู่อาศัยหลายคนก็อาจบวกเพิ่มตามจำนวนคน
• ค่าอินเทอร์เน็ต/เคเบิลทีวี: บางอพาร์ทเม้นท์รวม Wi-Fi ฟรีไว้แล้ว แต่บางแห่งอาจคิดเพิ่มเดือนละ 300-500 บาท หากต้องการติดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าห้องส่วนตัว ส่วนเคเบิลทีวีในยุคนี้ไม่ค่อยจำเป็นเพราะคนหันมาดูทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตกันมากกว่า แต่ถ้าคุณอยากได้ช่องดาวเทียม ก็อาจสอบถามว่าตึกมีบริการจานดาวเทียมหรือไม่
• ค่าโทรศัพท์/อื่นๆ: ปัจจุบันไม่ค่อยมีเพราะทุกคนใช้มือถือส่วนตัว แต่ถ้าอพาร์ทเม้นท์ไหนมีโทรศัพท์สายตรงเข้าห้อง (เช่น เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์) ก็ควรถามอัตราค่าบริการ
• ค่าที่จอดรถ: ดังที่กล่าวไป หากคุณมีรถยนต์ ส่วนใหญ่คิดรายเดือนเพิ่มประมาณ 300-500 บาท (หรือบางที่ฟรี) ส่วนมอเตอร์ไซค์มักไม่คิดค่าใช้จ่าย
• ค่าทำความสะอาด/บริการเสริม: หากเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ อาจมีบริการแม่บ้านทำความสะอาดห้องให้รายสัปดาห์หรือรายเดือน ในกรณีนี้อาจรวมในค่าเช่าหรือมีค่าบริการพิเศษต่างหาก เช่น ครั้งละ 200-500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง
• ค่าไฟส่วนกลาง/ค่าส่วนกลาง: อพาร์ทเม้นท์ทั่วไปมักไม่เก็บเพิ่ม เนื่องจากรวมไว้ในค่าเช่าแล้ว มีเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ปล่อยเช่ารายเดือนเท่านั้นที่บางครั้งเจ้าของห้องอาจผลักภาระ ค่าส่วนกลางโครงการ มาให้ผู้เช่าช่วยจ่าย ต้องตกลงกันในสัญญาให้ชัด (แต่ในกรณีอพาร์ทเม้นท์ดำเนินการโดยตรง เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นใหญ่)
4. ก่อนเซ็นสัญญา ขอให้ผู้เช่าขอรายละเอียดค่าบริการทุกประเภท เป็นรายการลายลักษณ์อักษรหรือดูจากหน้า “สัญญาเช่า” ให้ครบว่ามีค่าอะไรบ้าง เท่าไร จะได้วางแผนค่าใช้จ่ายถูก และป้องกันการถูกเรียกเก็บเกินจริง
5. เงื่อนไขการต่ออายุ/ยกเลิกสัญญา: ปกติเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า (เช่น 1 ปี) หากผู้เช่าต้องการอยู่ต่อ สามารถแจ้งผู้ให้เช่าเพื่อ ต่อสัญญา อีกระยะเท่าเดิมได้ ส่วนใหญ่อัตราค่าเช่าจะเท่าเดิมหรือปรับขึ้นเล็กน้อยตามดัชนีเศรษฐกิจ (เช่น 3-5%) ผู้เช่าควรสอบถามล่วงหน้าว่าหากอยู่ต่อ ต้องทำสัญญาใหม่ทุกปีหรือจะปรับเป็นสัญญาแบบต่อเนื่องรายเดือนเมื่อครบปีแล้ว (บางแห่งพอครบ 1 ปี จะให้เช่าเดือนต่อเดือนโดยไม่ต้องทำสัญญาใหม่ แต่เงินประกันยังถือต่อไป) ในกรณีที่ ต้องการย้ายออกก่อนสัญญาหมด ควรทราบเงื่อนไขด้วย เช่น ต้องแจ้งล่วงหน้ากี่วัน (มาตรฐานคือ 30 วัน หรือ 1 เดือน) และผลทางการเงินจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ถ้าแจ้งล่วงหน้าและทำตามขั้นตอน ผู้ให้เช่าอาจยอมคืนเงินประกันให้ตามส่วนที่เหลือ แต่บางแห่งก็อาจยึดเงินประกันทั้งหมดเป็นค่าปรับการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด ซึ่งถ้าสัญญาระบุเช่นนั้นเราก็ต้องยอมรับตามที่เซ็นไป ฉะนั้นใครที่คิดว่าอาจอยู่ไม่ครบตามกำหนด ควรเลือกที่ที่มีสัญญายืดหยุ่นหน่อย หรือคุยต่อรองเงื่อนไขไว้ตั้งแต่แรก เช่น หาผู้เช่ารายใหม่มาแทนได้จะคืนเงินประกัน เป็นต้น
6. ข้อปฏิบัติและกฎระเบียบของอพาร์ทเม้นท์: แต่ละที่มักมีกฎสำหรับผู้พักอาศัยที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น ห้ามส่งเสียงดังหลังเวลา 22:00 น., ห้ามเลี้ยงสัตว์ (ข้อนี้พบมาก – ถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยงต้องเช็คให้ดี บางแห่งอนุญาตเฉพาะสัตว์ตัวเล็กและอาจเก็บค่าประกันเพิ่ม), ห้ามสูบบุหรี่ภายในห้อง (เพื่อป้องกันกลิ่นติดและไฟไหม้ อนุญาตสูบได้เฉพาะระเบียงหรือพื้นที่ที่จัดไว้), ห้ามดัดแปลงห้องหรือทำความเสียหายต่อผนัง/พื้น (เช่น เจาะผนังติดชั้นวางโดยพลการ), รวมถึง ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้าพักค้างคืนโดยไม่แจ้ง (บางแห่งเข้มงวดเรื่องนี้เพื่อความปลอดภัย ผู้เข้าพักต้องลงชื่อหรือแลกบัตร) ผู้เช่าควรถามถึงกฎเหล่านี้เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกและไม่โดนตักเตือนหรือค่าปรับภายหลัง หากคุณมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น อยากเลี้ยงน้องหมาแมว หรือชอบเปิดเพลงเสียงดัง ก็ควรมองหาที่พักที่ผ่อนปรนกฎเหล่านี้หรือเลือกอยู่บ้านเช่าแทนที่จะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่มีกฎเคร่ง

โดยรวมแล้ว การอ่าน สัญญาเช่าอย่างละเอียด และทำความเข้าใจกับเงื่อนไขทุกข้อจะช่วยให้การเช่าของคุณราบรื่น คำแนะนำคือให้ขอสำเนาสัญญากลับมาเก็บไว้ด้วยหนึ่งชุด และหากมีสิ่งใดไม่เข้าใจให้ถามผู้ปล่อยเช่า/ผู้ดูแลก่อนเซ็น อย่าอายที่จะขอคำอธิบายเพิ่มเติม เพราะการเช่าที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องสัญญาผูกพันทางการเงินและสิทธิความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย เมื่อทุกอย่างชัดเจนและเป็นธรรม ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าก็จะอยู่กันได้ด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ตกลงกันไว้

ข้อดีของการเช่าอพาร์ทเม้นท์ เทียบกับคอนโดหรือบ้านเช่า

เมื่อตัดสินใจจะเช่าที่อยู่อาศัยในหัวหิน ผู้เช่าหลายคนอาจลังเลระหว่าง อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียม, หรือ บ้านเช่า ว่ารูปแบบใดจะตอบโจทย์มากที่สุด แต่ละแบบมีข้อดี-ข้อด้อยต่างกันออกไป สำหรับการเช่า “อพาร์ทเม้นท์” นั้นมีข้อได้เปรียบเฉพาะหลายประการเมื่อเทียบกับคอนโดหรือบ้าน เราสามารถสรุปเป็นหัวข้อได้ดังนี้:

• ค่าเช่าถูกกว่าและคุ้มค่ากว่า: โดยทั่วไป ค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์จะถูกกว่าคอนโดมิเนียม ในทำเลใกล้เคียงกันค่อนข้างมาก เนื่องจากอพาร์ทเม้นท์เป็นการปล่อยเช่าทั้งตึกโดยเจ้าของรายเดียว ไม่มีต้นทุนค่าส่วนกลางหรือค่าการตลาดเท่าคอนโด อีกทั้งการตกแต่งภายในอาจเรียบง่ายกว่า ทำให้ผู้เช่าสามารถเช่าห้องขนาดเท่ากันได้ในราคาที่ถูกกว่า ตัวอย่างเช่น ห้องสตูดิโอ 30 ตร.ม. ในตัวเมืองหัวหิน หากเป็นคอนโดอาจเสียค่าเช่า 10,000+ บาท แต่ถ้าเป็นอพาร์ทเม้นท์อาจอยู่ที่ 6,000-8,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับ บ้านเช่า การเช่าอพาร์ทเม้นท์มักไม่มีค่าบำรุงรักษาสวนหรือพื้นที่เพิ่มเติม ค่าเช่าที่จ่ายจึงเป็นค่าใช้จ่ายตายตัวที่ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว จึงง่ายต่อการบริหารงบประมาณรายเดือน
• เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมอยู่ทันที: อพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่มักให้เช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้หลักครบชุด (Fully furnished) ซึ่งต่างจากบ้านเช่าหลายแห่งที่มักปล่อยเช่าแบบบ้านเปล่าหรือมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ผู้เช่าบ้านอาจต้องลงทุนซื้อของตกแต่งเองเพิ่ม แต่กับอพาร์ทเม้นท์ คุณสามารถ หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายก้อนในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ลดภาระทั้งเรื่องเงินและความยุ่งยากในการขนย้ายเมื่อย้ายออก
• การดูแลอาคารและซ่อมบำรุงโดยผู้ให้เช่า: ข้อดีข้อนี้โดดเด่นกว่าเช่าบ้านมาก เพราะเมื่อคุณเช่าบ้าน หากมีสิ่งของหรือส่วนใดชำรุด (เช่น หลังคารั่ว, ท่อประปาแตก) ผู้เช่ามักต้องรับผิดชอบประสานงานช่างซ่อมเอง หรือบางครั้งต้องออกค่าใช้จ่ายเองด้วยซ้ำ แต่สำหรับ อพาร์ทเม้นท์ จะมีผู้ดูแลอาคารคอยจัดการเรื่องซ่อมบำรุงส่วนกลางและช่วยประสานการซ่อมอุปกรณ์ในห้องพักที่เสียหาย (ซึ่งไม่ได้เกิดจากการใช้งานผิดปกติของผู้เช่า) โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายกับผู้เช่า หรือคิดในราคาย่อมเยามาก เช่น แอร์เสีย ไฟดับ ก็แจ้งผู้จัดการตึกให้เรียกช่างมาตรวจได้ทันที ผู้เช่าไม่ต้องวิ่งหาเอง ช่วยให้สะดวกและอุ่นใจกว่าการอยู่บ้านเช่าที่ต้องจัดการทุกอย่างเอง
• ชุมชนและความปลอดภัย: การอยู่อพาร์ทเม้นท์หมายถึงมีเพื่อนบ้านรายล้อมหลายห้องในตึกเดียวกัน ในแง่ของ ความปลอดภัย และความสบายใจ จึงอุ่นใจกว่าการอยู่บ้านเช่าเดี่ยวๆ เพราะมีคนพลุกพล่านตามสมควรทำให้โจรผู้ร้ายยากจะเข้ามาก่อเหตุ นอกจากนี้ส่วนใหญ่จะมีระบบคีย์การ์ด, กล้อง CCTV, ยามรักษาการณ์ดังที่กล่าวไว้ ซึ่งคอนโดก็มีเช่นกัน แต่บ้านเช่าหลายหลังไม่มีระบบเหล่านี้ ต้องดูแลตัวเองมากกว่า ขณะเดียวกัน สังคมของผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ ส่วนใหญ่จะเป็นคนประเภทใกล้เคียงกัน (เช่นวัยทำงาน วัยเรียน) การอยู่ร่วมกันอาจง่ายกว่าคอนโดที่บางทีมีทั้งเจ้าของห้องและผู้เช่าหลากหลายแบบ ความสัมพันธ์กับผู้ดูแลตึกก็มักเป็นกันเอง สามารถพูดคุยต่อรองขอความช่วยเหลือได้ง่ายเพราะเป็นเจ้าของคนเดียวดูแลเอง ต่างจากคอนโดที่ต้องผ่านนิติบุคคลหลายขั้นตอน
• เงื่อนไขเช่ายืดหยุ่นกว่า: อพาร์ทเม้นท์ (โดยเฉพาะที่มีห้องให้เช่าจำนวนมาก) มักมีเงื่อนไขการเช่าที่ ยืดหยุ่นกว่าคอนโด เช่น กำหนดเงินประกันเพียง 1 เดือน (ตามที่กฎหมายควบคุมสัญญากำหนด) ในขณะที่เจ้าของคอนโดส่วนบุคคลยังคงเรียกประกัน 2 เดือนอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ การต่อรองเรื่องระยะสัญญาหรือการย้ายออกก่อนกำหนดอาจต่อรองได้ง่ายกว่า เพราะเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ทำธุรกิจปล่อยเช่าเป็นอาชีพอยู่แล้ว ย่อมมีแนวทางรับมือ แต่อย่างเจ้าของคอนโดบางรายปล่อยเช่าห้องเดียว หากคนเช่ายกเลิกก่อนก็อาจจะมีปัญหาและเข้มงวดมาก
• ไม่มีค่าบริการแฝง: การเช่าคอนโดผู้อยู่มักต้องรับภาระ ค่าน้ำ-ค่าไฟในอัตราที่นิติบุคคลกำหนด ซึ่งบางที่อาจบวกเพิ่ม และถ้าใช้บริการพิเศษของคอนโด (เช่น จอดรถคันที่ 2, ยิมที่เสียค่าสมาชิก) ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก ส่วนบ้านเช่าคุณต้องจ่ายค่าส่วนกลางหมู่บ้านเอง (ถ้ามี) แต่กับอพาร์ทเม้นท์ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่รวมในค่าเช่าที่ตกลงแล้ว ไม่มีการมาเก็บเพิ่มภายหลัง (ยกเว้นค่าน้ำค่าไฟตามใช้ ซึ่งทราบอัตราล่วงหน้าแน่นอน) จึงช่วยลดความกังวลเรื่องบิลค่าใช้จ่ายแฝงได้

อย่างไรก็ดี ข้อด้อยของอพาร์ทเม้นท์ก็มีอยู่บ้างเช่นกันเมื่อเทียบกับคอนโดหรือบ้าน เช่น ความเป็นส่วนตัว ที่อาจน้อยกว่าคอนโดหรู (เพราะผนังอาจไม่กันเสียงเท่า, จำนวนยูนิตต่อชั้นมากกว่า) และ สิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรา บางอย่างอาจไม่มีเท่าคอนโด (เช่น สระว่ายน้ำใหญ่, ห้องฟิตเนสอุปกรณ์ครบ) รวมถึง พื้นที่ใช้สอย ที่จำกัดกว่าบ้าน (ไม่มีสนามหรือพื้นที่ครัวใหญ่) แต่หากพิจารณาโดยรวมสำหรับผู้เช่าคนไทยที่ต้องการความคุ้มค่าและความสะดวกในการใช้ชีวิต อพาร์ทเม้นท์ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในเมืองตากอากาศอย่างหัวหินที่เราสามารถออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน (เช่น ไปชายหาด ไปสวนสาธารณะ) ทดแทนพื้นที่ส่วนตัวที่น้อยลงได้

การตัดสินใจเลือก ควรขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญส่วนตัวของคุณ หากงบประมาณจำกัดและต้องการที่อยู่พร้อมอยู่ทันที อพาร์ทเม้นท์คือคำตอบที่ดี แต่ถ้าคุณต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกหรูและพร้อมจ่ายเพิ่ม คอนโดอาจตอบโจทย์มากกว่า หรือถ้าคุณมีครอบครัวใหญ่ ต้องการพื้นที่มากๆ และยอมจัดการดูแลเอง บ้านเช่าก็น่าสนใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าทางเลือกไหน การสำรวจสถานที่จริงและอ่านสัญญาอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณได้ที่พักที่พึงพอใจที่สุด

ความสะดวกในการเดินทางเมื่อพักอาศัยในหัวหิน

หัวหินเป็นเมืองขนาดกลางที่มีระบบคมนาคมไม่ซับซ้อนมาก การใช้ชีวิตประจำวันของผู้เช่าสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก แม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็ยังพอเดินทางในเมืองได้สะดวกพอสมควร โดยนี่คือข้อมูลด้านการเดินทางและระบบขนส่งที่ควรรู้หากคุณมาเช่าอาศัยที่หัวหิน:

• การเดินทางภายในเมือง: เส้นทางหลักของหัวหินคือ ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ซึ่งพาดผ่านใจกลางเมืองและเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งเหนือ (ไปชะอำ) และใต้ (ไปปราณบุรี) ตามแนวถนนเพชรเกษมจะมี รถสองแถว ให้บริการเป็นระยะ ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนหลักของที่นี่ โดยเฉพาะสายที่วิ่งจากตลาดหัวหินผ่านหน้าห้าง Market Village, Bluport ลงไปจนถึงเขาตะเกียบ คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมักใช้กันเพราะราคาถูก (ประมาณ 10-20 บาทต่อเที่ยว ตามระยะทาง) ถ้าคุณพักอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ติดถนนเพชรเกษม หรือไม่ลึกในซอยจนเกินไป ก็สามารถโบกรถสองแถวสีเขียวขึ้นลงได้สะดวกตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนี้ยังมี มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ประจำจุดต่างๆ ในเมือง เช่น หน้าโรงพยาบาล ตลาดโต้รุ่ง ค่าบริการเริ่มต้น 20-30 บาท เหมาะกับการนั่งไปท้ายซอยหรือจุดที่สองแถวไม่ผ่าน
• การมีพาหนะส่วนตัว: แม้หัวหินจะเล็กกว่ากรุงเทพฯ แต่การมี มอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ส่วนตัว จะเพิ่มความสะดวกอย่างมาก โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในซอยลึกหรือชานเมือง การขี่มอเตอร์ไซค์ในหัวหินค่อนข้างได้รับความนิยม ถนนไม่พลุกพล่านมาก (ยกเว้นตรงตลาด) และหาที่จอดง่าย จึงแนะนำสำหรับคนโสดหรือคู่รักที่ไม่ต้องขนของมาก ส่วนครอบครัวอาจสะดวกกับรถยนต์ ยิ่งมีเด็กเล็กก็จำเป็นสำหรับเดินทางไปโรงเรียนหรือไปซื้อของครั้งละเยอะๆ ถ้าคุณไม่มีรถมาเอง สามารถพิจารณา เช่ารถมอเตอร์ไซค์รายเดือน ซึ่งในหัวหินมีหลายร้าน (ราคาเช่ามอเตอร์ไซค์ต่อเดือนอยู่ราว 2,500-3,500 บาท ขึ้นกับรุ่น) หรือ เช่ารถยนต์รายเดือน ก็ได้ (มีทั้งแบบรถเก๋งธรรมดา ~15,000 บาท/เดือน หรือถูกกว่านั้นถ้าต่อรองนานๆ)
• เส้นทางเชื่อมต่อจังหวัดอื่น: การเดินทางจากหัวหินไปกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียง ปัจจุบันสะดวกขึ้นมาก มีบริการ รถตู้ปรับอากาศ และ รถบัสโดยสาร จากหัวหินไปกรุงเทพทุกวัน (ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งหัวหินหรือหน้าห้าง) ใช้เวลา ~3 ชั่วโมงถึงกทม. ค่าโดยสารประมาณ 180 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ สถานีรถไฟหัวหิน ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง ก็ให้บริการรถไฟรางคู่สายใต้ ในอนาคตอันใกล้เมื่อโครงการรถไฟทางคู่เสร็จสมบูรณ์ จะมีขบวนรถไฟรุ่นใหม่ที่รวดเร็วและสะดวกสบายวิ่งผ่าน ทำให้การโดยสารรถไฟไปยังจังหวัดอื่นง่ายขึ้น (ขณะนี้ก็มีรถไฟวิ่งแต่ยังไม่ถี่มาก) มีข่าวโครงการ รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หัวหิน และ มอเตอร์เวย์ ที่จะมาเชื่อมในอีกไม่กี่ปี ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง หัวหินจะยิ่งเดินทางเข้าออกสะดวกรวดเร็วขึ้นไปอีก
• การเดินทางไปจุดสำคัญในเมือง: ถ้าคุณเลือกอพาร์ทเม้นท์ได้ทำเลเหมาะ การเดินทางในชีวิตประจำวันแทบไม่เป็นปัญหา เช่น หากอยู่ใกล้ตลาดหรือห้าง คุณสามารถ เดินหรือปั่นจักรยาน ไปจ่ายตลาดเช้าหรือซื้อของได้ หรือถ้าอยู่ใกล้ที่ทำงานก็ยิ่งดี การจราจรในหัวหินแม้ช่วงเทศกาลจะติดขัดบ้าง แต่วันธรรมดารถค่อนข้างโล่งกว่ากรุงเทพฯ มาก ดังนั้นการขับรถไป-กลับจากบ้านไปที่ทำงาน โรงเรียน ห้างร้านต่างๆ ใช้เวลาไม่นาน (ขับรถข้ามเมืองหัวหินเหนือจรดใต้ไม่เกิน 20-30 นาที) หัวหินยังมีถนนเลียบชายหาดและถนนเล็กขนานเพชรเกษมที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดได้ในบางช่วง
• ความสะดวกใกล้บ้าน: อีกมิติหนึ่งของความสะดวกในการใช้ชีวิตคือ การเดินไปใช้บริการต่างๆ ใกล้ที่พัก ซึ่งหัวหินก็มีจุดเด่นในเรื่องนี้ หากคุณพักในเมือง คุณจะพบว่ามี ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven, FamilyMart อยู่แทบทุกย่านห่างไปไม่เกิน 200-300 เมตร, มี ตลาดสดและตลาดนัด (อย่างตลาดโต้รุ่ง, ตลาดฉัตรไชย) ให้จับจ่ายอาหารการกินง่ายดาย, มีร้านอาหารอร่อยตั้งแต่รถเข็นไปจนภัตตาคาร, ร้านขายยา, ธนาคาร, ไปรษณีย์ กระจายอยู่ในระยะทางใกล้ๆ ซึ่งคุณสามารถเดินหรือขี่จักรยาน/มอเตอร์ไซค์ไปได้ในไม่กี่นาที ดังนั้นการใช้ชีวิตประจำวันในหัวหินถ้าเลือกทำเลที่เหมาะสม จะง่ายและประหยัดเวลา ไม่ต้องเผื่อเวลาเดินทางนานๆ เหมือนเมืองใหญ่

โดยสรุป ระบบขนส่งในหัวหิน อาจไม่ทันสมัยเท่ากรุงเทพฯ (ไม่มีรถไฟฟ้าหรือ MRT) แต่ก็มีความเรียบง่ายและเพียงพอต่อความต้องการคนในพื้นที่ สำหรับผู้เช่าที่ไม่มีรถยนต์ ก็ยังสามารถอาศัยสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือเดินเท้าในระยะทางสั้นๆ ได้ ส่วนใครที่มีรถ การขับรถในหัวหินก็ไม่ตึงเครียด ถนนเรียบขับง่ายและวิวสองข้างทางสวยงาม หากวางแผนเลือกที่พักโดยคำนึงถึงเส้นทางการเดินทางไปทำงาน/ไปเรียนของตนเองร่วมด้วย คุณจะพบว่าการอยู่อาศัยในหัวหินนั้นสะดวกและผ่อนคลายอย่างที่หวังไว้แน่นอน

สิทธิผู้เช่าตามกฎหมายไทยที่ควรรู้

เมื่อเช่าที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ บ้านเช่า หรือคอนโด ผู้เช่ามีสิทธิและความคุ้มครองตามกฎหมายที่ควรรู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ในประเทศไทยมีกฎหมายที่ออกมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในธุรกิจเช่าที่อยู่อาศัย (ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย พ.ศ. 2561) ซึ่งส่งผลให้สัญญาเช่ามาตรฐานต้องเป็นธรรมกับผู้เช่ามากขึ้น สิทธิสำคัญของผู้เช่าที่ควรทราบ มีดังนี้:

• ได้รับสัญญาเช่าเป็นภาษาไทยและมีสำเนาเก็บ: ผู้ให้เช่าต้องจัดทำ หนังสือสัญญาเช่า ที่เป็นลายลักษณ์อักษร โดยพิมพ์ด้วยภาษาไทยที่ชัดเจน อ่านง่าย ในสัญญาต้องระบุรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน เช่น ชื่อ-ที่อยู่ของผู้ให้เช่า/ผู้เช่า ที่ตั้งของอาคาร, รายละเอียดลักษณะห้อง, ระยะเวลาเช่า, ค่าเช่า, กำหนดวันชำระ, รายการค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ), จำนวนเงินประกัน, รวมถึงกฎระเบียบของที่พัก สัญญานี้ต้องทำขึ้น อย่างน้อย 2 ฉบับ เพื่อให้ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าถือไว้ฝ่ายละฉบับ ผู้เช่ามีสิทธิได้รับสำเนาสัญญาเก็บไว้เพื่ออ้างอิง หากผู้ให้เช่าไม่ยอมทำสัญญาหรือไม่ให้สำเนา ผู้เช่าสามารถปฏิเสธการจ่ายเงินมัดจำจนกว่าจะได้รับเอกสารครบถ้วน
• ห้ามเรียกเก็บเงินเกินจริง: กฎหมายคุ้มครองผู้เช่าระบุว่า ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ตัวอย่างเช่น เงินประกันความเสียหาย ห้ามเรียกเกิน 1 เดือนของค่าเช่า และ ค่าเช่าล่วงหน้า ก็ห้ามเก็บเกิน 1 เดือนเช่นกัน (รวมแล้ววันทำสัญญาควรจ่ายไม่เกิน 2 เดือน) หากผู้ให้เช่ารายใดพยายามเรียกเก็บมัดจำ 2-3 เดือนในกรณีที่เข้าข่ายทำเป็นธุรกิจ (เช่น มีห้องให้เช่าเกิน 5 ห้อง) จะถือว่าผิดกฎหมายข้อนี้ นอกจากนี้ ค่าน้ำค่าไฟ ก็ห้ามบวกเกินอัตราที่ทางราชการกำหนด (คือคิดตามมิเตอร์จริง ไม่ใช่ไปตั้งราคาแพงเว่อร์ เช่น ค่าน้ำหน่วยละ 30-40 บาท แบบนี้ผิด) ผู้เช่าควรรู้สิทธิข้อนี้เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ
• สิทธิในการบอกเลิกสัญญาก่อนหมดอายุ: ตามกฎหมายใหม่ ผู้เช่ามีสิทธิยกเลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับใดๆ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตกลง (เช่น แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน) ทั้งนี้สิทธินี้มุ่งคุ้มครองผู้เช่าจากการที่บางครั้งต้องย้ายที่อยู่ด้วยเหตุจำเป็น เช่น ย้ายงาน ย้ายโรงเรียน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ผู้เช่าควรอ่านเงื่อนไขในสัญญาให้ชัด เพราะบางกรณีถ้าเช่ายังไม่ถึงระยะเวลาหนึ่ง (เช่น ไม่ถึง 1 ใน 3 ของสัญญา) อาจยังไม่มีสิทธิบอกเลิก โดยไม่เสียเงินประกัน เป็นต้น แต่โดยทั่วไปถ้าอยู่มาเกินระยะหนึ่งและแจ้งล่วงหน้าตามกำหนด ผู้ให้เช่าควรคืนเงินประกันให้ผู้เช่าเต็มจำนวน การบอกเลิกสัญญาไม่ควรส่งผลให้ผู้ให้เช่ายึดเงินประกันทั้งหมดโดยไม่มีเหตุ
• ได้รับเงินประกันคืนทันทีเมื่อสิ้นสุดสัญญา: เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง และผู้เช้าไม่ได้ต่อสัญญาอีก ผู้ให้เช่าต้องทำการตรวจห้องพัก หากไม่มีความเสียหายใดๆ เกินกว่าการใช้งานปกติ ผู้เช่ามีสิทธิได้รับเงินมัดจำคืนทั้งหมดทันที (หลักกฎหมายระบุว่า “ทันที” หมายถึงภายในวันสิ้นสุดสัญญาหรือไม่ควรช้าเกินจำเป็น) เว้นแต่พบความเสียหายที่ต้องซ่อม ผู้ให้เช่าอาจหักค่าเสียหายตามจริงออกจากเงินประกัน (ซึ่งต้องมีใบเสร็จหรือหลักฐานค่าใช้จ่ายให้ดู) และคืนส่วนที่เหลือให้ ดังนั้นวันย้ายออกผู้เช่าควรติดต่อนัดหมายเจ้าของเพื่อตรวจห้องร่วมกันและรับเงินมัดจำคืนในวันนั้นเลย หากผู้ให้เช่าผิดนัดไม่คืนเงิน คุณมีสิทธิทวงถามหรือดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
• ห้ามเจ้าของละเมิดความเป็นส่วนตัวผู้เช่า: ผู้เช่ามีสิทธิในความเป็นส่วนตัวในที่พักที่เช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เจ้าของหรือผู้ดูแลไม่มีสิทธิ เข้าห้องพักของผู้เช่าโดยไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่กรณีฉุกเฉินที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน (เช่น น้ำท่วมห้อง, เพลิงไหม้) มิฉะนั้นการเข้าห้องโดยพลการถือเป็นการละเมิดสิทธิและอาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา (บุกรุกเคหสถาน) ด้วย ผู้เช่าจึงควรรู้ว่าตนเองสามารถปฏิเสธไม่ให้ใครเข้าห้องได้หากไม่ได้รับอนุญาต และหากมีการเข้าตรวจห้องตามระยะ (บางที่อาจขอตรวจทุก 3 เดือนเพื่อดูความเรียบร้อย) ก็ควรกำหนดเวลาและแจ้งล่วงหน้าให้ผู้เช่าทราบ
• ได้รับใบแจ้งหนี้ล่วงหน้าก่อนเก็บค่าเช่า: ผู้ให้เช่าที่ประกอบธุรกิจจะต้อง ออกใบแจ้งหนี้ค่าเช่า/ค่าน้ำไฟให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนถึงกำหนดชำระ ตามข้อกำหนดกฎหมายธุรกิจเช่าอาคาร เพื่อให้ผู้เช่าเตรียมเงินและตรวจสอบความถูกต้องได้ หากมีรายการไหนไม่ตรง ผู้เช่ามีสิทธิสอบถามทักท้วงก่อนจ่าย
• ห้ามผู้ให้เช่าทำการตัดน้ำตัดไฟหรือไล่ที่โดยพลการ: แม้ในกรณีที่ผู้เช่า ค้างจ่ายค่าเช่า ผู้ให้เช่าก็ไม่มีสิทธิดำเนินการเอง เช่น มาตัดไฟ ปิดน้ำ ล็อคห้อง ไล่ผู้เช่าออกโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย การกระทำดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมายและผู้เช่าสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ทั้งนี้หากเกิดปัญหาเรื่องการเงิน ผู้เช่าควรรีบเจรจาขอผ่อนผันกับผู้ให้เช้าอย่างตรงไปตรงมาเพื่อหาทางออก แต่หากผู้ให้เช่าทำสิ่งที่ละเมิดสิทธิ เช่น เปลี่ยนกุญแจห้อง, นำทรัพย์สินผู้เช่าออกจากห้อง ผู้เช่ามีสิทธิปกป้องตนเองตามกฎหมาย อย่าเกรงกลัวเมื่อเราอยู่ในฝ่ายถูก
• สิทธิในการอยู่อาศัยตามสัญญา: ผู้เช่ามีสิทธิอาศัยในที่เช่าตามระยะเวลาในสัญญา โดยไม่ถูกก่อกวนหรือรบกวน ผู้ให้เช่าไม่สามารถยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดเอง (เช่น ต้องการห้องคืนเพื่อขาย หรือจะขึ้นราคาก่อนครบกำหนด) เว้นแต่ผู้เช่าทำผิดสัญญาร้ายแรง เช่น ไม่จ่ายค่าเช่าหลายเดือน, ใช้ห้องผิดวัตถุประสงค์กฎหมาย (ทำผิดกฎหมาย) ซึ่งกรณีหลังนี้ก็ต้องดำเนินการฟ้องขับไล่ตามขั้นตอน ไม่ใช่แค่แจ้งปากเปล่าแล้วจะให้ผู้เช่าออกทันที
• ช่องทางร้องเรียนข้อพิพาท: หากเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าที่ตกลงกันเองไม่ได้ เช่น ถูกเอาเปรียบเรื่องเงินประกันไม่คืน, ถูกคิดค่าสาธารณูปโภคเกินจริง, สัญญาไม่เป็นธรรม ผู้เช่าสามารถปรึกษาหรือร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจในท้องที่ไว้เป็นหลักฐานก็ได้ การรู้ช่องทางเหล่านี้จะช่วยสร้างอำนาจต่อรองให้ผู้เช่ามากขึ้น เพราะบางครั้งเพียงแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบว่าเราทราบกฎหมายและพร้อมดำเนินการ เขาก็จะยอมแก้ไขให้อย่างรวดเร็ว

โดยสรุป การรู้สิทธิของตนเองในฐานะผู้เช่า เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะช่วยให้คุณไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ผู้เช่าส่วนใหญ่อาจเกรงใจเจ้าของที่พักเพราะกลัวถูกยกเลิกสัญญา แต่หากเราเช่าด้วยความสุจริตและทำตามกฎดีแล้ว ก็ควรได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องไว้บ้าง (หัวข้อหลักๆ ดังที่กล่าวมา) จะช่วยให้การเช่าอพาร์ทเม้นท์ในหัวหินหรือที่ใดๆ เป็นไปอย่างราบรื่น และหากมีปัญหาก็สามารถแก้ไขได้อย่างถูกต้องตามสิทธิที่พึงมี

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเช่าอพาร์ทเม้นท์ในหัวหิน (FAQ)

1. ถาม: ค่าใช้จ่ายตอนทำสัญญาเช่ามีอะไรบ้าง และต้องจ่ายเท่าไร?
   ตอบ: โดยทั่วไปตอนทำสัญญา ผู้เช่าต้องจ่าย ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน และ เงินประกันความเสียหาย 1 เดือน รวมเป็น 2 เดือนของค่าเช่า เช่น ถ้าค่าเช่าห้อง 8,000 บาท/เดือน วันทำสัญญาจะต้องจ่าย 16,000 บาท หลังจากนั้นในเดือนถัดไปจึงเริ่มจ่ายค่าเช่ารายเดือนตามรอบปกติ นอกจากนี้อาจมีค่ามิเตอร์ไฟฟ้า/น้ำประปาประจำห้องและค่ามัดจำคีย์การ์ดหรือกุญแจ (บางแห่งเก็บค่ามัดจำคีย์การ์ด 100-200 บาทเพื่อประกันการคืนบัตรตอนย้ายออก) ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นเช่น ค่าส่วนกลางหรือค่าบริการ อินเทอร์เน็ต หากมีการเก็บเพิ่ม ทางผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ทราบตั้งแต่ต้น ผู้เช่าควรถามรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อนตกลงเซ็นสัญญา
2. ถาม: สามารถเช่าอพาร์ทเม้นท์ระยะสั้น 2-3 เดือนในหัวหินได้ไหม?
   ตอบ: มีอพาร์ทเม้นท์หลายแห่งในหัวหินที่ยินดีปล่อยเช่าระยะสั้น 2-3 เดือน หรือแบบ รายเดือน โดยไม่ต้องทำสัญญาระยะยาว 6 เดือน/1 ปี แต่ควรทราบว่าราคาเช่าอาจสูงกว่าแบบสัญญาระยะยาวเล็กน้อย เพราะผู้ให้เช่าต้องชดเชยความเสี่ยงที่หาห้องว่างบ่อย ตัวอย่างเช่น ห้องที่ปกติเช่า 6 เดือนราคา 7,000 บาท/เดือน หากเช่าแค่ 1-3 เดือนอาจคิด 8,000-9,000 บาท/เดือน เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการต่อรองและนโยบายของที่พักด้วย บางแห่งเช่าระยะสั้นแต่ให้จ่ายเต็มจำนวนล่วงหน้าทั้งก้อน หรืออาจลดเงินประกันลง (เช่น เอาแค่ 5,000 บาทค้ำประกัน) กรณีต้องการเช่าสั้นๆ ควรค้นหา เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ หรือ เกสต์เฮาส์/โรงแรม ที่มีราคาพิเศษสำหรับการพักรายเดือน ซึ่งหัวหินมีตัวเลือกเหล่านี้เยอะในหน้าโลว์ซีซั่น เจ้าของยินดีปล่อยราคาถูกเพื่อให้ห้องไม่ว่างเปล่า
3. ถาม: ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำที่อพาร์ทเม้นท์คิดอย่างไร แพงไหม?
   ตอบ: ส่วนใหญ่ ค่าไฟ จะคิดตามมิเตอร์ที่ใช้จริงในห้องของคุณ โดยอัตราที่เรียกเก็บทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7-8 บาทต่อหน่วย (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ซึ่งสูงกว่าอัตราของการไฟฟ้าเล็กน้อย (ที่ ~4 บาท/หน่วย) เพื่อรวมค่าดูแลระบบไฟ แต่บางอพาร์ทเม้นท์ที่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคจะคิดอัตราใกล้เคียงจริง เช่น 5 บาท/หน่วย ดังนั้นค่อนไปทางไม่แพงมาก ทั้งนี้ ค่าไฟของคุณจะมากหรือน้อยขึ้นกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณเอง เช่น ถ้าเปิดแอร์นานวันละหลายชั่วโมง ก็จะมีค่าไฟส่วนนี้เพิ่มขึ้น ส่วน ค่าน้ำประปา มักคิดราคาไม่สูง บางที่ เหมาจ่ายรายหัว (เช่น คนละ 100 บาท/เดือน) บางที่คิดตามมิเตอร์ เช่น 15 บาท/หน่วย โดยทั่วไปค่าน้ำต่อเดือนต่อคนมักไม่เกิน 100-200 บาท ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าไฟ ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวและไม่ได้ใช้น้ำเยอะ ค่าน้ำก็อาจหลักสิบบาทเท่านั้น ผู้เช่าควรสอบถามอัตราค่าน้ำค่าไฟจากที่พักล่วงหน้าเพื่อจะได้ประมาณค่าใช้จ่ายต่อเดือนถูกต้อง
4. ถาม: อพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่ให้เฟอร์นิเจอร์อะไรบ้าง? ต้องเตรียมอะไรไปเองหรือไม่?
   ตอบ: อพาร์ทเม้นท์ในหัวหินที่ปล่อยเช่าสำหรับพักอาศัยระยะยาว ส่วนมากจะให้ เฟอร์นิเจอร์หลักครบชุด อยู่แล้ว ได้แก่ เตียงนอน (พร้อมฟูก), ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานเล็กๆ พร้อมเก้าอี้, ชั้นวางทีวีหรือตู้วางของ, บางที่มี โซฟา และ โต๊ะกลาง ในห้องใหญ่ นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศ มักจะติดตั้งไว้ให้ในห้องนอนหรือพื้นที่หลัก และ เครื่องทำน้ำอุ่น ในห้องน้ำก็เป็นมาตรฐานที่มีให้ ในห้องครัว (ถ้ามีครัวเล็กๆ) อาจมีซิงค์ล้างจานหรือเคาน์เตอร์ให้ แต่ไม่ค่อยมีเตาให้เพราะหลายที่ห้ามทำอาหารหนักๆ ในห้อง เนื่องจากกลิ่นและความปลอดภัยสำหรับ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น เช่น ตู้เย็น บางอพาร์ทเม้นท์มีตู้เย็นขนาดเล็กให้ด้วย แต่บางแห่งให้ผู้เช่านำมาเอง (ซึ่งหากต้องซื้อเอง เครื่องใช้มือสองราคาย่อมเยาก็หาได้ในหัวหิน), ทีวี ส่วนใหญ่ไม่มีให้เพราะถือว่าไม่จำเป็น แต่สายเสาอากาศหรือจุดต่อเคเบิลทีวีจะมีเตรียมไว้เผื่อผู้เช่ามีทีวีมาเอง, ไมโครเวฟ/กาต้มน้ำ ก็คล้ายกัน คือไม่บ่อยที่จะมีให้ เว้นแต่ที่เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แนวโรงแรม ดังนั้นสิ่งที่อาจต้องเตรียมเองคือ เครื่องครัวเล็กๆ น้อยๆ (ถ้าคุณทำอาหารทานเอง), ของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน, อุปกรณ์ทำความสะอาดห้อง (ไม้กวาด ไม้ถูพื้น) ฯลฯข้อดีคือคุณไม่ต้องขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ให้ลำบาก เพราะทุกอย่างมีพร้อม แค่ย้ายเสื้อผ้าและของใช้เข้าไปก็อยู่ได้เลย แต่หากมีสิ่งใดเป็นของเฉพาะที่คุณต้องการ เช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์, เก้าอี้สำนักงานแบบนุ่มสบายสำหรับนั่งทำงาน, ชั้นหนังสือ ฯลฯ ก็อาจซื้อเพิ่มเติมได้ตามความสะดวกของคุณ
5. ถาม: สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยง (สุนัข/แมว) ในอพาร์ทเม้นท์หัวหินได้หรือไม่?
   ตอบ: โดยทั่วไปแล้วอพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมวที่ส่งเสียงหรืออาจก่อความรำคาญให้ห้องข้างเคียง เหตุผลหนึ่งเพราะระบบระบายอากาศและพื้นที่จำกัดของอาคารทำให้กลิ่นและเสียงส่งถึงกันง่าย อีกทั้งบางคนอาจแพ้ขนสัตว์ เจ้าของที่พักจำนวนมากจึงมีกฎห้ามเลี้ยงสัตว์อย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ก็มีอพาร์ทเม้นท์บางแห่งที่ผ่อนปรนหรือ โฆษณาตัวเองว่าเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly) โดยมักจะเป็นอาคารเล็กๆ หรืออยู่ชั้นล่างที่จัดโซนให้สัตว์วิ่งเล่นได้ หากคุณมีสัตว์เลี้ยงและต้องการพามาอยู่ด้วยจริงๆ ควรสอบถามกับทางที่พักก่อนทุกครั้ง บางทีเจ้าของอาจยอมให้เลี้ยงได้กรณีพิเศษถ้าสัตว์ตัวเล็ก เงียบ และคุณดูแลความสะอาดดี แต่อาจมีการขอเก็บ เงินประกันเพิ่ม เผื่อความเสียหาย (เช่น เพิ่มอีก 5,000-10,000 บาท) และถ้าพบว่าสัตว์รบกวนเพื่อนบ้าน ผู้ให้เช่าอาจบอกเลิกสัญญาได้ ดังนั้นควรชั่งใจให้ดี ถ้าหาที่ที่ไม่ให้เลี้ยงไม่ได้จริงๆ อาจต้องพิจารณาฝากสัตว์เลี้ยงไว้บ้านญาติหรือเลือกเช่าบ้านเดี่ยวที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้อย่างอิสระมากกว่า
6. ถาม: ถ้าต้องย้ายออกก่อนครบกำหนดสัญญา จะได้คืนเงินมัดจำหรือไม่?
   ตอบ: กรณีนี้ขึ้นอยู่กับ เงื่อนไขในสัญญาที่คุณเซ็นกับผู้ให้เช่า เป็นหลัก โดยทั่วไปแล้ว หากผู้เช่าต้องการยกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด ควรแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน และหาผู้เช่ารายใหม่มาทดแทน (ถ้าเป็นไปได้) เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ในหลายกรณีผู้ให้เช่าอาจ ยึดเงินประกันทั้งหมด เป็นค่าชดเชยการผิดสัญญา และให้ผู้เช่าออกได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเดือนสุดท้าย (เพราะเงินประกันถูกยึดกลบไปแล้ว) แต่บางแห่งที่เป็นมืออาชีพหรือปฏิบัติตามประกาศคุ้มครองผู้เช่า จะยอมคืนเงินประกันส่วนที่เหลือให้ หากผู้เช่าทำตามขั้นตอนการบอกเลิกถูกต้องยกตัวอย่าง เช่น คุณทำสัญญา 1 ปี แต่พักได้เพียง 8 เดือนแล้วต้องย้ายงานกะทันหัน ถ้าแจ้งทางอพาร์ทเม้นท์ก่อนล่วงหน้าหนึ่งเดือนและช่วยลงประกาศหาคนเช่าแทนช่วงที่เหลือ ทางอพาร์ทเม้นท์อาจยอมคืนเงินประกันให้คุณบางส่วน (คิดตามจำนวนเดือนที่ไม่ได้อยู่) หรือคืนเต็มจำนวนกรณีเขาหาผู้เช่าใหม่ได้ทันที แต่ถ้าสัญญาระบุชัดว่า “หากย้ายออกก่อนกำหนด ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์ริบเงินประกันทั้งหมด” คุณก็อาจไม่ได้รับเงินนั้นคืน ไม่ว่าคุณจะดูแลห้องดีแค่ไหนก็ตาม ดังนั้น ก่อนเซ็นสัญญาควรถามข้อนี้ให้ชัดเจน และหาทางออกร่วมกันที่แฟร์ เช่น ขอเพิ่มเงื่อนไขในสัญญาว่า หากจำเป็นต้องเลิกสัญญาก่อน ผู้เช้ายอมให้ยึดประกันครึ่งหนึ่ง เป็นต้น
7. ถาม: มีวิธีเลือกอพาร์ทเม้นท์ที่ดีอย่างไร? ควรดูปัจจัยอะไรบ้าง?
   ตอบ: การจะหาอพาร์ทเม้นท์ที่ถูกใจและอยู่สบาย เราแนะนำ หลักสำคัญ 5 ข้อ ในการเลือกดังนี้: (1) ทำเลที่ตั้ง: เลือกที่ใกล้สถานที่ที่คุณไปประจำ (ที่ทำงาน สถานศึกษา ตลาด) และเดินทางสะดวก มีรถผ่าน หรือถ้ามีรถเองก็ให้มีที่จอดพอและไม่ออกนอกเส้นทางหลักมากนัก; (2) ความปลอดภัย: ดูสภาพแวดล้อมรอบๆ ว่าปลอดภัยไหม ซอยเปลี่ยวหรือเปล่า ตอนกลางคืนมีแสงสว่างพอหรือไม่ ในตัวอาคารมีระบบความปลอดภัยดีหรือไม่; (3) สภาพห้องพักและอาคาร: ห้องใหม่สะอาด ไม่มีรอยรั่ว คราบเชื้อรา อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปาใช้งานได้ดี ลองเปิดไฟ เปิดแอร์ กดชักโครกเพื่อเช็คตอนเยี่ยมชม ส่วนอาคารก็ดูความสะอาดของทางเดิน กลิ่นในลิฟต์ สภาพโดยรวมว่าได้รับการดูแลหรือไม่; (4) ค่าเช่าและค่าใช้จ่ายแฝง: เปรียบเทียบค่าเช่ากับที่อื่นในทำเลใกล้เคียงกันว่าราคาสมเหตุสมผลไหม ตรวจสอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่ม (ไฟ น้ำ อินเทอร์เน็ต ที่จอดรถ) รวมไปถึงเงื่อนไขมัดจำ ดูว่าแฟร์และอยู่ในงบคุณหรือไม่; (5) บรรยากาศและเพื่อนบ้าน: สำรวจว่าอาคารนั้นผู้พักอาศัยเป็นกลุ่มไหน เช่น ถ้ามีแต่นักศึกษาแล้วคุณเป็นคนทำงานอาจไลฟ์สไตล์ต่างกัน หรือถ้ามีแต่ชาวต่างชาติปาร์ตี้บ่อยคุณอาจไม่ชอบเสียงดัง ดูจำนวนห้องต่อชั้นว่าพลุกพล่านไหม ผนังห้องบางหรือเปล่า (ลองฟังว่าห้องข้างๆ เปิดทีวีแล้วเราได้ยินชัดไหม) รวมทั้งพูดคุยกับผู้ดูแลหรือนิติบุคคลเพื่อประเมินความเป็นมิตรและความมืออาชีพหากเป็นไปได้ควรหาอ่าน รีวิวออนไลน์ หรือสอบถามคนที่เคยพักในที่ที่คุณสนใจมาก่อน เพื่อข้อมูลประกอบการตัดสินใจ อย่างในเว็บไซต์เช่าห้องหรือกลุ่มเฟซบุ๊กมักมีคนแชร์ประสบการณ์ สิ่งสำคัญคือต้องไปเห็นสถานที่จริงก่อนวางเงินมัดจำเสมอ อย่าเชื่อแต่รูปถ่ายโฆษณา เพราะบางครั้งสภาพจริงต่างจากรูปมาก สละเวลาตรวจสอบรอบคอบจะช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเสียใจหรือขัดใจกับปัญหาจุกจิกภายหลังครับ

สรุป

หวังว่า บทความเชิงลึกนี้ จะช่วยให้ผู้เช่าคนไทยที่กำลังมองหาอพาร์ทเม้นท์ในหัวหินปี 2568 ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ หัวหินเป็นเมืองน่าอยู่ที่ผสมผสานระหว่างบรรยากาศพักผ่อนกับความสะดวกของเมืองสมัยใหม่ หากคุณเลือกที่พักได้ตอบโจทย์ ทั้งทำเล ราคา และเงื่อนไขการอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว เชื่อว่าการใช้ชีวิตที่หัวหินไม่ว่าจะเพื่อการเรียน การทำงาน หรือการพักผ่อนระยะยาว จะเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขและน่าประทับใจอย่างแน่นอน 

โปรดจำไว้ว่า การเช่าที่พักเป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย การเคารพกฎระเบียบและสิทธิของกันและกันจะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น ขอให้คุณพบอพาร์ทเม้นท์ในหัวหินที่ถูกใจ และสนุกกับการใช้ชีวิตในเมืองชายทะเลแสนสวยแห่งนี้