รู้หรือยังว่าเสียเครดิตก็กู้ซื้อบ้าน ธอส. ได้

กู้ซื้อบ้าน
กู้ซื้อบ้าน
กู้ซื้อบ้าน
กู้ซื้อบ้าน

สวัสดีค่ะวันนี้เรามีบทความจากคุณ สมาชิกหมายเลข 1600078  สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip.com โดยเจ้าตัวได้เอาความรู้มาแชร์กันค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่จะ กู้ซื้อบ้าน นะค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลยค่ะ

เสียเครดิต กู้ซื้อบ้าน ธอส. ได้

สวัสดีค่ะ ขอแชร์ข้อมูลการยื่นกู้ซื้อบ้านค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ เราหาข้อมูลแล้วเจอแต่ข้อมูลเก่าๆ ว่าเสียเครดิตแล้วกู้ซื้อบ้านไม่ได้ พอดีไปเจอข่าวของ ธอส. ที่ปล่อยสินเชื่อให้คนที่เคยเสียเครดิตแต่ปิดหมดแล้ว (แต่ก็ยังมีบางคนกู้ไม่ได้ บางคนกู้ได้) เราเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ เลยสอบถามเซลล์ขายบ้าน เค้าแจ้งว่าถ้าปิดหมด สามารถกู้ ธอส. ได้ และเราก็กู้ได้จริงๆค่ะ ตอนนี้เข้าอยู่เรียบร้อยแล้วค่ะ

สรุปให้คร่าวๆนะคะ รายละเอียดจะอยู่ในสปอยด้านล่าง

  1. เรายื่นกู้หลังจากปิดหนี้ประมาณ 1 เดือน
  1. ระยะเวลา

2.1 นับตั้งแต่ไปจอง ก็ประมาณ 2 เดือน

2.2 เวลาในการยื่นกู้จริงๆ (นับเฉพาะจากวันที่เอกสารทุกอย่างพร้อมจนถึงวันโอน 20-30/6/2559 = ประมาณ 10 วัน

**ส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับการรอ ตอนแรกรอโฉนด ประมาณ 1 สัปดาห์ (โครงการใหม่มาก ยังแยกโฉนดไม่เสร็จ) / แล้วก็เจ้าหน้าที่ ธอส. ลาอีก 2 สัปดาห์ ต้องรอเค้ามาทำต่อ หัวหน้าเค้าบอกว่าคนอื่นทำแทนไม่ได้ / และรอสถานะบัญชีเปลี่ยน

  1. รายได้หักทุกอย่างเหลือ 16,890 ไม่มีสวัสดิการ (โบนัส, เบี้ยเลี้ยง และอะไรที่ได้ไม่แน่นอน ธอส. เค้าไม่นำมาคำนวณให้นะคะ)
  1. ยอดอนุมัติ = 1,444,000

(อนุมัติค่าบ้าน 1,424,000 + กู้เพิ่มค่าประกัน 20,000 // ค่าประกันที่เป็นเศษหลักพันเค้าไม่ให้กู้ ต้องหามาเพิ่มเอง)

หักประกันอัคคีภัย ประมาณ 2,700 คุ้มครอง 3 ปี บังคับทำ ต้องจ่ายทุกๆ 3 ปี

ประกันชีวิต 20,890 ไม่บังคับ แต่เราทำ คุ้มครอง 15 ปี

เหลือเงินที่ธนาคารจะจ่ายค่าบ้านให้เรา = 1,420,483 (บ้านราคา 1,499,000 ต้องหาเงินดาวน์ไปจ่ายโครงการเพิ่ม)

– ยื่นกู้ปกติ ได้ประมาณ 1.2 ล้าน

– ยื่นกู้โดยเข้าโครงการรัฐ ได้ประมาณ 1.6 ล้าน

***ไม่ว่าจะยื่นกู้แบบไหน ก็ได้ไม่เกิน 95% ของราคาซื้อขาย และเราไม่สามารถกู้ตกแต่งเพิ่มได้

เราเลือกกู้แบบเข้าโครงการรัฐ (ข้อเสียคือ ดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่ได้ถูกกว่าธนาคารอื่นๆเลย แถมติด 5 ปี ถึงจะขอลดดอกเบี้ยได้)

เราต้องหาเงินเพิ่มอีกประมาณ 107,000  เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย (เงินดาวน์, ค่ามิเตอร์, ค่าจำนอง, ค่าธรรมเนียมธนาคาร, อื่นๆ)

[ทางโครงการออกค่าโอนให้ และฟรีค่าส่วนกลาง 3 ปี ไม่งั้นจะต้องเสียเยอะกว่านี้อีกค่ะ]

คนรู้จัก ยื่นกู้เกินจากราคาซื้อขายจริง

ซื้อจริง 1.5 ล้าน แต่ยื่นกู้ 1.7 ล้าน

ธนาคารอนุมัติ 90% ได้เงินเกินมาอีก

แถมโครงการก็ฟรีโอน ฟรีค่ามิเตอร์

ธนาคารที่เค้าเลือกก็ ฟรีค่าธรรมเนียม ฟรีประกันอัคคีภัย

ทำให้ไม่ต้องหาเงินเพิ่ม แต่ยอดกู้ก็รวมไปในราคาบ้าน ทำให้ยอดหนี้สูง)

เป็นหนี้บัตรเครดิต ซึ่งเป็นหนี้เสีย ทั้งหมด 4 ใบ (ทุกใบค้างไม่ถึง 1 ปี)

ใบที่ 1 ชำระปิดหนี้ วันที่ 30/11/2558    (ยอดหนี้เต็ม = 29,305)

ใบที่ 2 ชำระปิดหนี้ วันที่ 04/12/2558    (ยอดหนี้เต็ม = 36,140)

ใบที่ 3 ชำระปิดหนี้ วันที่ 31/12/2558    (ยอดหนี้เต็ม = 19,670)

ใบที่ 4 ชำระปิดหนี้ วันที่ 13/05/2559    (ยอดหนี้เต็ม = 89,621)

28/4/2559 ติดต่อโครงการและวางเงินจองบ้าน

13/5/2559 เคลียร์หนี้บัตรใบสุดท้าย

16/5/2559 ยื่นเอกสารกู้ซื้อบ้าน + หลักฐานการชำระเงินและใบปิดหนี้ของบัตรที่ปิดใบสุดท้าย (บัตรอื่นที่ปิดก่อนหน้านี้ ธนาคารไม่ขอใบปิดหนี้ เพราะสถานะบัญชีเปลี่ยนเป็น “ปิดบัญชี” แล้ว) พร้อมผลบูโร (ไปเช็คบูโรด้วยตัวเอง เลยแนบเอกสารไปด้วย เพื่อให้ ธอส. ประเมินวงเงินได้เร็วขึ้น) ตอนเย็น ธอส. โทรมาแจ้งว่ากู้ได้ 1.2 ล้าน หรือไม่ก็ต้องเข้าโครงการรัฐ จะกู้ได้เยอะขึ้น

19/5/2559 ธอส. แจ้งว่า ยอดหนี้ใบล่าสุดที่ปิด เป็นยอดหนี้ที่สูง เกิน 3 เท่าของเงินเดือน หัวหน้าจึงขอให้รอสถานะใน NCB เปลี่ยนเป็น “ปิดบัญชี” ก่อน เพื่อป้องกันการถูกตีกลับจากผู้อนุมัติ  (ถ้ายอดหนี้ไม่เกิน 3 เท่าของเงินเดือน อาจจะใช้ใบปิดหนี้แนบทำเรื่องได้เลย แต่ก็ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย)

23/5/2559 แจ้งขอแก้ไขข้อมูล NCB เพื่อให้สถานะบัญชีเปลี่ยนเป็น “ปิดบัญชี” เร็วๆ แต่ทาง NCB แจ้งว่า จะถึงรอบที่ธนาคารส่งข้อมูลให้ NCB แล้ว ควรรอดูข้อมูลที่ธนาคารส่งเข้ามาก่อน ถ้าธนาคารยังไม่เปลี่ยนข้อมูลเป็น “ปิดบัญชี” ค่อยส่งเรื่องแก้ไขเข้ามาใหม่

โทรเช็คจากธนาคารและ NCB หลายครั้ง เพราะให้ข้อมูลไม่ตรงกัน เรื่องการส่งข้อมูล สรุป ธนาคารจะส่งข้อมูลของเดือนที่ผ่านมา ภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป แต่ทาง NCB ไม่ได้ Update ข้อมูลให้ทันที แต่ทยอยจะ Update ข้อมูลให้

แปลว่า ข้อมูลของเรา ที่จ่ายปิดหนี้วันที่ 13/5/2559 ก็อยู่ในช่วงวันที่ 1-31/5/2559 ธนาคารจะส่งข้อมูลให้ NCB ภายในวันที่ 5/6/2559 แต่ไม่รู้ว่า NCB จะ Update ข้อมูลให้เราวันไหน เราก็แจ้ง ธอส. และได้แต่รอไปก่อน

14/6/2559 ธอส. เช็คผลบูโรให้เราอีกครั้ง แต่ข้อมูลยังไม่เปลี่ยน

18/6/2559 เราไปเช็คบูโรเอง เพราะคิดเอาเองว่า ของเราน่าจะ Update ประมาณวันที่ 16 (เราเคยไปเช็ควันที่ 16/5/2559 แล้วข้อมูลของเดือน 4 ขึ้นแล้ว ผลคือ ข้อมูลเปลี่ยนแล้วจริงๆ

20/6/2559 โทรแจ้ง ธอส. เค้าก็เรียกข้อมูล NCB ให้เราอีกครั้ง และวันนี้เอกสารเราพร้อมทุกอย่าง รวมถึงสถานะบัญชีเคลียร์หนี้หมด ธอส.ทำเรื่องให้

24/6/2559 ผลการอนุมัติผ่านเรียบร้อย ได้ 95% ของราคาซื้อขาย

27/6/2559 เข้าไปเซ็นสัญญากู้ที่สาขา และจ่ายค่าธรรมเนียมยื่นกู้ที่สาขาเลย 0.1% ของราคา = 1,440 บาท

30/6/2559 โอนบ้าน (สามาถโอนได้ตั้งแต่ 28/6/2559 แต่เราไม่สะดวก เลยนัดโอนสิ้นเดือน)

ค่าใช้จ่ายวันโอน

  1. เงินดาวน์ (ถ้ากู้ได้เกินก็ไม่ต้องเสีย และอาจจะมีเงินเหลือไปจ่ายส่วนอื่นด้วย)
  2. ค่ามิเตอร์น้ำ-ไฟ 10,570
  3. ค่าส่วนกลาง (ของเราฟรี ได้ใบเสร็จจากโครงการ ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่บางโครงการต้องจ่ายล่วงหน้าเลย)
  4. ค่าจำนอง 1% ของราคา (บางธนาคารฟรี หรือ บางโครงการออกให้ลูกค้า)
  5. ค่าโอน 2% ของราคา (ปกติผู้ซื้อ-ผู้ขายจะออกคนละครึ่ง แต่บางโครงการออกให้ลูกค้า ของเราโครงการก็ออกให้)
  6. ค่าธรรมเนียมอื่นๆอีกเล็กน้อย ไม่กี่ร้อยบาท เช่น ค่าคำขอ ค่าพยาน ค่าอากร (บางธนาคารฟรี หรือ บางโครงการออกให้ลูกค้า)
  7. ค่าเจ้าหน้าที่นิติกรรม 1,000 บาท (ธอส. จ้าง outsource มาทำเรื่องให้เราที่กรมที่ดิน แต่เราต้องจ่ายเอง ธนาคารอื่นไม่รู้เสียแบบไหม)

ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ สมาชิกหมายเลข 1600078  สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip.com

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากซื้อ ขายบ้าน คอนโด หรือ ทาวน์เฮ้าส์ มือ1 มือ 2 สามารถเข้าดูได้เลยที่ https://www.dotproperty.co.th/