ต้นตอปัญหาที่ดินทำกินเกษตรกับแนวคิด กระดุม 5 เม็ด

ที่ดินทำกิน

จากแนวคิด กระดุม 5 เม็ด ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องการที่จะ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร และยังสะท้อนถึงนโยบายที่รัฐบาลแถลง ระบุว่า หลายนโยบาย ไม่มีการวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบ จึงเป็นเรื่องยากมากๆที่จะทำให้นโยบายนั้นสำเร็จได้ ส่งผลให้เกิดคำถามทำไมปัจจุบันเกษตรกรไทยถึงยังลืมตาอ้าปากไม่ได้สักทีหรือไม่ โดยในวันนี้เราจะขอหยิบ 1 ในกระดุมมาเจาะประเด็นกัน โดยกระดุมเม็ดนั้นคือ กระดุมเม็ดแรกและเป็นเม็ดที่เป็นปัยหาใหญ่ที่สูงนั้นคือ เรื่องของ ที่ดินทำกิน

 

เจาะปัญหา ที่ดินทำกิน เกษตร  ที่นำไปสู่วงจรหนี้สิน

ที่ดินทำกิน

ว่ากันด้วยเรื่องของที่ดินทำกิน ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาเกษตรกรรมทั้งหมด และตลอดหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลไทยไม่ปฏิรูปที่ดินและปฏิรูปการเกษตรอย่างจริงจังเหมือนประเทศอื่นๆสักครั้ง เกษตรกรในญี่ปุ่นรายได้สูงพอสมควรต่างจากไทยที่เกษตรกรเป็นอาชีพที่จนเป็นอันดับต้นๆของประเทศ  เพราะแที่แทบจะทุกรัฐบาลที่ผ่านมา

ให้ความสำคัญกับคนที่ฐานะดีเป็นอันดับต้นๆเสมอ และบวกกับทุกรัฐบาลพึ่งพาทุนต่างชาติเป็นหลัก เน้นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ส่งเสริมเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ และส่งเสริมเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ดูได้จาก การสร้างถนนหนทาง น้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ เพื่อให้พื้นที่เหล่านั้นเอื้อประโยชน์และสะดวกสบาย

สำหรับการทำโรงอุตสาหกรรมเป็นหลัก ในทางกลับกัน การพัฒนาการชลประทาน คูคลองส่งน้ำ อ่างเก็บน้ำ การบำรุงดิน ปรับปรุงพันธุ์ข้าว ปราบศัตรูพืช หลักฐานกับมองข้ามหรือเอาไว้เป็นเรื่องรองลงมาและไม่ให้ความสำคัญ อย่างจริงจัง มิหนำซ้ำยังผลักดันให้ชาวนาไปทำอาชีพอื่นหรือพยายามให้ชาวนาขายที่ดินและออกไปจากพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เพื่อทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่ออุตสาหกรรม นอกจากนี้ภาษีของคนในประเทศส่วนใหญ่ก็จะตกไปอยู่ในส่วนอุ้มนายทุนอุตสาหกรรมการค้าและการบริการโดยเฉพาะนายทุนใหญ่ทั้งต่างชาติและนายทุนไทยที่เป็นนายทุนข้ามชาติด้วยเป็นหลัก ตั้งแต่การลดหย่อนภาษีที่ดินให้กลุ่มนายทุนอุตสาหกรรม จนถึงการอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนใหญ่กวานซื้อที่ดินส่วนใหญ่จากประชาชนเกษตรเป็นจำนวนมาก นอกนี้การบุกรุกพื้นที่สงวนจำนวนมากที่ข้าราชการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกเอกสารมิชอบเพื่อทำรีสอร์ต, ไร่ขนาดใหญ่ ให้นายทุนเป็นจำนวนมาก  จนในเวลานี้เกษตรแทบไม่มีที่ดินจะทำกินอยู่แล้ว ยิ่งอนาคตหากที่ดิน ส.ป.ก.4-01 รัฐบาลอนุญาตให้เกษตรสามารถขายได้เมื่อไร ชาวนาในไทยคงได้เปลี่ยนอาชีพหมดแน่นอน

 

รู้หรือไม่ ที่ดินประมาณ 30 ล้านไร่ในประเทศไทยนั้น ซึ่งอยู่ในเขตชลประทานและเหมาะสมสำหรับการทำนาปลูกข้าว  ถูกใช้ผิดประเภทโดย รัฐบาลมีการนำไปสร้างโรงงานอุสาหกรรม รีสอร์ท บ้านจัดสรร สถานที่ราชการและสถานศึกษาไปแล้วประมาณ 5 ล้านไร่ หรือประมาณ 1 ใน 6 ของพื้นที่และมีแนวโน้มทีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้หน่วยงานราชการไม่มีความเป็นเอกภาพในเรื่องการจัดการทรัพยากรที่ดิน ทั้งๆที่มีหน่วยงานมากมายแต่ดันทำงานซับซ้อนกันซะอย่างงั้นทำการดำเนินการได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ

 

อาชีพเกษตรกรมีความเสี่ยงสูง..?

ที่ดินทำกิน

อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายๆคนตั้งคำถาม ทำไมเกษตรกรไทยจนนั้นส่วนใหญ่ความรู้น้อยจริงหรือ เอาตรงๆอาชีพเกษตรกรมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะ ผลผลิตไม่แน่นอนเพราะต้องเจอปัญหารอบด้านทั้ง  ภัยธรรมชาติ น้ำป่ารอการระบายหน้าแล้งน้ำไม่พอ  มิหนำซ้ำราคาก็ไม่แน่นอนเพราะพ่อค้าคนกลางคือผู้กำหนดราคายิ่งDemand กับ Supply มีมากเพราะเกษตรกรมีเยอะแข่งกันผลิตเกิด oversupplyเพราะผู้ซื้อเลือกซื้อได้ มีอำนาจต่อรองก็สามารถกดราคาได้เป็นธรรมดา ราคายิ่งถูกลงไปแบบน่าตกใจ  ก็จำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินสำหรับทำเกษตรกรรมแบบเดิมสำหรับครั้งใหม่ๆวนลูปกับปัญหาเดิมๆไปเรื่อยๆ  จนท้ายที่สุดตัวเองก็มีหนี้สินรุงรังในที่สุด  ด้านความรู้และเทคโนโลยีของเกษตรไทยที่น้อยมากยิ่งอำนาจในการต่อรองตลาด ต่อรองรัฐบาลสู้บริษัทในอุตสาหกรรมการเกษตรไม่ได้เลย  แต่ก็มีเกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่สามารถหลุดพ้นปัญหาที่ว่ามานี้ได้ นั้นก็เพราะพวกเขามีการพัฒนาตัวเองบวกกับมีทุนและหาความรู้ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็อยู่ในส่วนน้อยมากๆที่กับยอดเขาได้เลย จนในที่สุดกลุ่มที่สุดไม่ไหวก็ ขายนา ขายสวน ไปทำอาชีพอื่นในที่สุด

 

แนวทางแก้ปัญหาที่ดินทำกินเกษตร

ที่ดินทำกิน

สิ่งแรกเลยคงต้องให้รัฐบาลปฏิรูปที่ดิน การปฏิรูปการเกษตรขนานใหญ่อย่างจริงจัง มีการส่งนักวิชาการไปพัฒนาเกษตรกรให้มีความรู้ ให้เกษตรสามารถจัดการ  มีกลุ่มองค์กรเพื่อมีอำนาจต่อรองและเรียกร้องผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มีการ ออกกฎควบคุมค่าเช่าที่การเกษตรและเช่าระยะยาวได้อย่างน้อย 3-5 ปี เกษตรกรจะได้รู้สึกมั่นคง  มีการปฏิรูประบบการถือครองที่ดินเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า ใครที่ดินเยอะเสียภาษีเยอะถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะทำที่ดินเป็นประโยชน์ก็ตามไม่มีข้อยกเว้น  ด้านธนาคารที่ดินที่ควรจะทำให้รูปสหกรณ์โดย เน้นเรื่องโฉนดชุมชนที่เกษตรใช้สิทธิ์ทำกินได้เป็นหลักและไม่อนุญาตให้เอาที่ดินทำการอย่าง ส.ป.ก.4-01 ไปขายต่อได้  รัฐบาลควรจัดตั้งสหกรณ์ผู้ผลิต คือให้เกษตรร่วมกันผลิต ร่วมกันขาย ร่วมแชร์ค่าปัจจัยการผลิตต่างๆ เพื่อจะได้ต่อรองได้มากยิ่งขึ้นและยังช่วยให้ผลผลิตเกิด oversupply ได้ด้วย  รัฐบาลควรพัฒนาชลประทานขนาดเล็กเพื่อ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์,เกษตรปลอดสาร แทนเกษตรเคมี

ออกกฎหมายปฏิรูปที่ดิน  เจ้าของที่ดินรายใหญ่เกิน 500 ไร่ขึ้นไปจำเป็นต้องขายที่ดินให้คืนให้แก่ธนาคารเพื่อที่ธนาคารจะ จัดสรรให้เกษตรกรได้เช่าซื้อ และผ่อนระยะยาวได้โดยเสียดอกเบี้ยต่ำ และช่วยแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรมีการช่วยไถ่ถอนที่นาซึ่งชาวนาไปจำนองไว้ รวมไปจนถึงคืนภาษีเป็นรายเดือนให้เกษตรกรที่ยากจน และสุดท้ายควรจัดตั้งกลุ่มให้การศึกษาจักการเรื่องการบริหารเศรษฐกิจให้แก่เกษตรกร เพื่อที่จะให้เกษตรกรหลายๆคนมีความรู้และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามาถ รู้จักทำบัญชีรายรับ รายจ่ายได้ เพื่อที่ไม่ให้ปัญหาหนี้สินกลับมาอีก

ที่ดินหลักสี่ เตรียมขึ้นอีกรอบ หลังปลดล็อกผังเมือง รับนิวซีบีดีแห่งใหม่

ที่ดินหลักสี่ เตรียมขึ้นอีกรอบ หลังปลดล็อกผังเมือง รับนิวซีบีดีแห่งใหม่

 

เจาะผังเมือง อีอีซี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา กว่า 8.29 ล้านไร่ แต่ละพื้นที่ไหนทำอะไรบ้าง

เจาะผังเมือง อีอีซี  ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา กว่า 8.29 ล้านไร่ แต่ละพื้นที่ไหนทำอะไรบ้าง

 

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก