

















































































ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยากลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2568 จากแรงขับเคลื่อนของการท่องเที่ยว การลงทุนจากทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่ยอดนิยมได้แก่ พัทยากลาง เขาพระตำหนัก และจอมเทียน ซึ่งมีทั้งคอนโดติดทะเล วิวสวย และโครงการใหม่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและเพื่อปล่อยเช่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยูนิตขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีฟังก์ชันครบ ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนโครงการรีเซลคุณภาพดีทำเลเด่นยังคงได้รับความสนใจจากผู้ซื้อที่มองหาความคุ้มค่า
ผู้ที่สนใจขายคอนโดควรให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจน พร้อมภาพประกอบคุณภาพสูง และควรปรับปรุงหน้าเว็บไซต์หรือแลนดิ้งเพจให้สอดคล้องกับหลัก SEO เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้ซื้อเป้าหมาย การเข้าใจแนวโน้มตลาดและรู้จักวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้การขายคอนโดในพัทยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ปี 2568 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาฟื้นตัวและเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจากภาวะชะลอตัวในช่วงปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักช่วยผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยและการลงทุนในพื้นที่นี้อย่างมหาศาล สถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าพัทยาในปี 2567 มีมากกว่า 22 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดอย่างชัดเจน แนวโน้มนี้ส่งผลให้พัทยากลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ และสร้างดีมานด์ใหม่ๆ สำหรับที่พักอาศัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ปัจจัยอีกประการที่กระตุ้นตลาดคอนโดพัทยาคือการลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้น ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จังหวัดชลบุรี (ที่ตั้งของพัทยา) มีจำนวนการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แซงหน้ากรุงเทพมหานคร ความสนใจจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากทั้งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) นักลงทุนจากจีน รัสเซีย ยุโรป และประเทศอื่นๆ เข้ามาซื้อคอนโดในพัทยาเพื่อการลงทุนและพักผ่อนมากขึ้น ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ตอบสนองด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่หลายแห่ง ทำให้มีคอนโดมิเนียมใหม่ประมาณ 1,000 ยูนิตทยอยเข้าสู่ตลาดในปี 2568
นอกจากนี้ เศรษฐกิจมหภาคของไทยที่อยู่ในทิศทางฟื้นตัวยังสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ซื้อ ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับที่เอื้อต่อการซื้อบ้าน (mortgage rate อยู่ในระดับกลางที่ผู้กู้ยอมรับได้) ทำให้ผู้ซื้อบ้านชาวไทยสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ด้านผู้พัฒนาก็แข่งขันกันออกโปรโมชั่นและเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นเพื่อจูงใจผู้ซื้อ สภาพแวดล้อมโดยรวมนี้ส่งผลบวกต่อตลาดคอนโดในพัทยาอย่างเห็นได้ชัด
พัทยามีพื้นที่และย่านหลากหลายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อแตกต่างกันไป ทำเลยอดนิยม ที่มักถูกพูดถึงสำหรับคอนโดในพัทยา ได้แก่ย่านติดชายหาดและย่านใจกลางเมือง ดังนี้:
สำหรับ แนวโน้มการเติบโต ในภาพรวมของทำเลต่างๆ ในพัทยา ปัจจัยสำคัญมาจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชน โครงการ EEC ได้ปรับปรุงระบบคมนาคมหลายด้าน เช่น ถนนมอเตอร์เวย์และการขยายสนามบินอู่ตะเภาที่อยู่ใกล้เคียงพัทยา นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง (คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในปี 2572) ที่จะทำให้การเดินทางมายังพัทยารวดเร็วขึ้นมาก ปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้ทำเลรอบนอกและชานเมืองพัทยามีศักยภาพเพิ่มขึ้น เช่น บริเวณถนนสุขุมวิทสายหลักหรือโซนฝั่งตะวันออกของทางรถไฟ ที่ดินในทำเลที่เคยถูกมองข้ามเริ่มเป็นที่สนใจของนักพัฒนาเนื่องจากการเข้าถึงเมืองจะง่ายขึ้นในอนาคต
อีกแนวโน้มหนึ่งคือการเติบโตของตลาดคอนโด ระดับลักชัวรี่ และ โครงการแบบมิกซ์ยูส (Mixed-use) ในพัทยา ผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยต่างเปิดตัวคอนโดระดับไฮเอนด์ริมชายหาดและใจกลางเมืองที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเทียบเท่าโรงแรมหรู เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง เช่น โครงการคอนโดมิเนียมหรูติดชายหาดที่เปิดตัวในปี 2567-2568 หลายแห่งมีราคาขายแตะระดับ 200,000–250,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นว่าตลาดพัทยารองรับสินค้าระดับบนได้ นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ๆ มาใช้ เช่น ระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home), การขายผ่านช่องทางออนไลน์และ Virtual Tour ที่ช่วยให้ลูกค้าต่างชาติสามารถจองยูนิตได้ทันที แนวโน้มโดยรวมชี้ว่าทำเลที่มีศักยภาพทุกโซนของพัทยาจะเติบโตควบคู่กับการพัฒนาเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ติดทะเลและศูนย์กลางเศรษฐกิจที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด
ความต้องการของผู้ซื้อคอนโดในพัทยาสามารถจำแนกตาม ประเภทของคอนโด ได้หลายรูปแบบ โดยแต่ละแบบมีจุดเด่นและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน ประเภทที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในตลาดปัจจุบัน ได้แก่:
ทั้งสามประเภทที่กล่าวมา – วิวทะเล, ติดชายหาด, ใจกลางเมือง – ล้วนเป็นคอนโดที่อยู่ในกระแสความสนใจของตลาดพัทยา ผู้ซื้อควรพิจารณาว่าตนเองให้ความสำคัญกับปัจจัยใดมากที่สุด เช่น หากต้องการลงทุนปล่อยเช่าระยะสั้น อาจเลือกยูนิตวิวทะเลใกล้หาดเพราะดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่หากต้องการอยู่เองทำงานในเมือง ก็คอนโดใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวกอาจตอบโจทย์กว่า การเข้าใจลักษณะเด่นของคอนโดแต่ละประเภทจะช่วยให้ผู้ซื้อเลือกสินทรัพย์ที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายทางการเงินของตนได้ดียิ่งขึ้น
ทำเลที่ตั้งมีบทบาทอย่างยิ่งต่อระดับราคาคอนโดในพัทยา ราคาต่อตารางเมตรและราคาเฉลี่ยของยูนิตสามารถแตกต่างกันมากในแต่ละพื้นที่ ด้านล่างนี้เป็นการเปรียบเทียบภาพรวมของราคาคอนโดในโซนสำคัญของพัทยา:
ย่านพัทยาเหนือครอบคลุมบริเวณนาเกลือและหาดวงศ์อมาตย์ ซึ่งถือเป็นย่านที่พักอาศัยหรูและเงียบสงบที่สุดในพัทยา ระดับราคาคอนโดในโซนนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโซนอื่น เนื่องจากความพิเศษของทำเลติดทะเลและชายหาดที่สงบ ราคาขายคอนโดพัทยาเหนือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65,000 – 150,000 บาท/ตร.ม. สำหรับโครงการทั่วไป แต่สำหรับโครงการระดับลักชัวรี่ริมทะเล ราคาอาจสูงถึง 200,000 – 250,000 บาท/ตร.ม. ได้เลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นคอนโดหรูที่เปิดตัวล่าสุดบางแห่งตั้งราคาเปิดขายสูงมากเพราะอยู่บนที่ดินผืนสุดท้ายๆ ติดชายหาดวงศ์อมาตย์ ผู้ซื้อในโซนนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ทั้งนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการบ้านพักตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ และชาวต่างชาติที่มองหาคอนโดตากอากาศหรือเกษียณอายุ บรรยากาศโดยรอบมีความเป็นส่วนตัว มีร้านอาหารและคาเฟ่ระดับไฮเอนด์ ที่สำคัญคือเดินทางเข้าเมืองสะดวกในระยะไม่กี่นาที
พัทยากลางเป็นย่านที่พลุกพล่านและคึกคักที่สุด มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ (เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา) ถนนคนเดิน ตลาด และร้านค้าตลอดสองข้างทาง ราคาคอนโดในพัทยากลางมีช่วงกว้างตั้งแต่ประมาณ 60,000 – 160,000 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับอายุอาคารและความหรูหรา โครงการเก่าแก่หรือคอนโดโลว์ไรส์ที่สร้างมานานอาจมีราคาต่อ ตร.ม. อยู่ในช่วงต่ำ (6-7 หมื่นบาท/ตร.ม.) ทำให้น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อที่มีงบจำกัด ในขณะที่โครงการใหม่ใจกลางเมืองหลายแห่ง (โดยเฉพาะตึกสูงหรือแบรนด์ดัง) มีราคาขายพุ่งไปโซนแสนบาท/ตร.ม. ขึ้นไป ตัวอย่างเช่นคอนโดตึกสูงเปิดใหม่ติดห้างหรือใกล้ชายหาดพัทยากลาง อาจตั้งราคาประมาณ 120,000 – 150,000 บาท/ตร.ม. ผู้ซื้อคอนโดพัทยากลางมีหลากหลายตั้งแต่นักลงทุนที่ซื้อปล่อยเช่าให้พนักงานบริษัทหรือชาวต่างชาติ ไปจนถึงคนไทยที่ซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศช่วงสุดสัปดาห์ ด้วยความที่ทำเลนี้ให้ชีวิตที่สะดวกสบายและไม่ไกลจากแหล่งบันเทิง จึงยังคงเป็นที่นิยมต่อเนื่อง
พื้นที่พัทยาใต้รวมถึงบริเวณตั้งแต่ถนนพัทยาใต้ (ช่วงแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน) เรื่อยไปจนถึงโซนเชิงเขาพระตำหนัก แม้พัทยาใต้จะไม่ติดทะเลโดยตรง (ยกเว้นบริเวณเชิงเขาที่มองเห็นทะเลจากระยะไกล) แต่ก็เป็นทำเลที่อยู่ใกล้โซนเมืองและแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ราคาคอนโดในพัทยาใต้โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 120,000 บาท/ตร.ม. สำหรับคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงบน บางโครงการที่อยู่บริเวณเชิงเขาพระตำหนักหรือใกล้ท่าเรือบาลีฮาย (ทางลงเรือไปเกาะล้าน) ซึ่งอาจได้วิวเมืองและทะเลบางส่วน ราคาจะสูงขึ้นแตะหลักแสนบาท/ตร.ม. ในขณะที่คอนโดโลว์ไรส์หรือโครงการเก่าในซอยลึกของพัทยาใต้ ราคาต่อ ตร.ม. อาจอยู่ในระดับ 5 หมื่นบาทเศษ ซึ่งค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับโซนอื่น กลุ่มผู้ซื้อในพัทยาใต้มีทั้งคนไทยท้องถิ่นที่ซื้ออยู่อาศัยเองเพราะเดินทางทำงานสะดวก และนักลงทุนที่ซื้อปล่อยเช่ารายเดือนให้พนักงานโรงแรม ร้านค้า รวมถึงชาวต่างชาติบางส่วนที่ต้องการอยู่ใกล้เมืองแต่ไม่ต้องการจ่ายราคาแพงเท่าพัทยากลาง
หาดจอมเทียนเป็นย่านที่ขยายตัวอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา อยู่ทางตอนใต้ของพัทยาต่อจากเขาพระตำหนัก จุดเด่นของจอมเทียนคือชายหาดทอดยาวและบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากกว่าหาดพัทยาหลัก ส่งผลให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางคอนโดมิเนียมแนวรีสอร์ท หลายโครงการสร้างขึ้นเพื่อรองรับทั้งการอยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว ราคาคอนโดในจอมเทียนมีตั้งแต่ประมาณ 50,000 บาท/ตร.ม. ไปจนถึง 150,000+ บาท/ตร.ม. โครงการคอนโดระดับกลางหลายแห่งเสนอราคาค่อนข้างเอื้อมถึงได้ (5-7 หมื่นบาท/ตร.ม.) ทำให้ชาวไทยสามารถซื้อไว้เป็นบ้านพักต่างจังหวัดหรือปล่อยเช่าได้ง่าย ขณะเดียวกันก็มีคอนโดหรูริมชายหาดจอมเทียนที่เปิดตัวในช่วงปีหลังๆ ซึ่งมีราคาขายต่อ ตร.ม. สูงขึ้นมาก เช่น โครงการตึกสูงพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันบางแห่งขายในช่วง 100,000 – 180,000 บาท/ตร.ม. เลยทีเดียว ความหลากหลายนี้ทำให้จอมเทียนเป็นทำเลที่ดึงดูดผู้ซื้อทุกระดับ ตั้งแต่นักลงทุนที่ต้องการซื้อเหมายูนิตหลายห้องในโครงการรีสอร์ทราคาย่อมเยา เพื่อบริหารเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่า ไปจนถึงผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ต้องการบ้านพักตากอากาศริมชายหาดในบรรยากาศสงบ ทั้งนี้ด้วยการพัฒนาถนนหนทางและร้านอาหารร้านค้าต่างๆ ที่เติบโตขึ้น จอมเทียนจึงยิ่งทวีความน่าอยู่และน่าลงทุนในสายตาผู้ซื้อปัจจุบัน
(หมายเหตุ: ราคาที่กล่าวมาเป็นช่วงราคาโดยประมาณของตลาด ซึ่งอาจแตกต่างไปตามคุณภาพโครงการ ชั้นห้อง วิว และปีที่สร้าง ผู้สนใจควรตรวจสอบราคาตลาดปัจจุบันของโครงการที่เล็งไว้เพื่อข้อมูลที่แม่นยำ)
หนึ่งในเหตุผลหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจตลาดคอนโดพัทยาคือ อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ที่น่าดึงดูดเมื่อเทียบกับทำเลอื่นๆ โดยทั่วไปแล้วคอนโดในพัทยาสามารถสร้างผลตอบแทนค่าเช่าได้ประมาณ 5-8% ต่อปี (คำนวณจากค่าเช่ารายปีหารด้วยราคาอสังหาริมทรัพย์) ระดับผลตอบแทนนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ราว 4-5% สาเหตุหลักมาจากราคาคอนโดพัทยาที่เริ่มต้นไม่สูงมากนักในหลายโครงการ ขณะที่ยังสามารถเก็บค่าเช่าจากชาวต่างชาติหรือคนกรุงเทพฯ ที่มาพักผ่อนได้ในอัตราดี
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ROI การปล่อยเช่าในพัทยา มีอยู่หลายประการ ได้แก่:
นอกจากรายได้จากการเช่าแล้ว นักลงทุนน่าจะได้ประโยชน์จาก การเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน (Capital Gain) ในระยะยาวด้วย ช่วงปี 2566-2568 ราคาคอนโดในพัทยามีแนวโน้มขยับขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในทำเลศักยภาพสูงและมีความต้องการมาก (จากข้อมูลก่อนหน้า ราคาคอนโดพัทยาเหนือ-วงศ์อมาตย์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-7% ภายในระยะเวลาไม่นาน) ซึ่งหมายความว่าผู้ลงทุนไม่เพียงแต่ได้รับค่าเช่า แต่ยังอาจได้กำไรเมื่อขายต่อในอนาคต อย่างไรก็ดี การคาดหวังผลตอบแทนควรทำอย่างสมเหตุสมผลและศึกษาตลาดเป็นกรณีๆ ไป เนื่องจากคอนโดบางส่วนยังมีอุปทานเหลือขายอยู่ การเลือกทำเลและโครงการที่มีศักยภาพจริงจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การลงทุนปล่อยเช่าในพัทยาประสบความสำเร็จ
ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยามีความหลากหลายของกลุ่มผู้ซื้อ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ ผู้ซื้อชาวไทย และ ผู้ซื้อชาวต่างชาติ ความต้องการและพฤติกรรมของทั้งสองกลุ่มมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ดังนี้:
ผู้ซื้อชาวไทย: กลุ่มลูกค้าคนไทยในตลาดพัทยาประกอบด้วยทั้งนักลงทุนและผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง สำหรับนักลงทุนชาวไทย พัทยาเป็นตลาดที่น่าสนใจในการซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า ทั้งเช่าระยะยาวให้คนทำงานในพื้นที่หรือเช่าระยะสั้นให้กับนักท่องเที่ยว การที่พัทยาอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ (ขับรถประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง) ทำให้นักลงทุนบางส่วนจากเมืองหลวงมองคอนโดพัทยาเป็นทรัพย์สินลงทุนที่ใกล้มือ สามารถเดินทางมาตรวจสอบดูแลได้สะดวก นอกจากนี้ นักลงทุนไทยยังสนใจซื้อคอนโดในโครงการที่มีชื่อเสียงหรือผู้ประกอบการที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจในคุณภาพการก่อสร้างและบริการหลังการขาย
ส่วนผู้ซื้อชาวไทยที่ต้องการ อยู่อาศัยเอง นั้น มีทั้งกลุ่มที่ทำงานในพื้นที่เมืองพัทยา (เช่น พนักงานในธุรกิจท่องเที่ยว บริการ หรืออุตสาหกรรมในเขต EEC) และกลุ่มที่ซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศหรือเตรียมเกษียณ พฤติกรรมการเลือกซื้อของคนไทย มักให้ความสำคัญกับขนาดห้องและฟังก์ชันที่คุ้มราคา บางครอบครัวอาจมองหาห้องชุดขนาด 2 ห้องนอนขึ้นไปเพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยระยะยาว ทำเลที่นิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ บริเวณที่ไม่พลุกพล่านจนเกินไป มีชุมชนที่ปลอดภัย และเดินทางได้สะดวกทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง (เช่น โซนพัทยากลางที่ใกล้โรงเรียนและห้าง หรือคอนโดฝั่งจอมเทียนที่บรรยากาศสงบเหมาะกับครอบครัว)
ผู้ซื้อชาวต่างชาติ: ตลาดต่างชาติเป็นแรงขับเคลื่อนหลักส่วนหนึ่งของอสังหาฯ พัทยาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาติที่โดดเด่นในกลุ่มผู้ซื้อคอนโดพัทยา ได้แก่ ชาวจีน ซึ่งสนใจลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง, ชาวรัสเซีย ซึ่งมองหาบ้านพักตากอากาศในเมืองร้อนและบางส่วนย้ายถิ่นฐานมาพำนักระยะยาว, รวมถึง ชาวยุโรปและอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เกษียณที่มองหาสถานที่อยู่อาศัยหลังเกษียณที่มีค่าครองชีพไม่สูงและสภาพอากาศดี ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้โดยถือกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (Freehold) แต่มีข้อกำหนดสำคัญคือ สัดส่วนการถือครองของคนต่างชาติในอาคารนั้นต้องไม่เกิน 49% ของพื้นที่ห้องชุดรวมทั้งหมด ผู้พัฒนาส่วนใหญ่จึงจัดสรรโควตาการขายให้ต่างชาติไม่เกินเกณฑ์นี้ ดังนั้นหากเป็นโครงการยอดนิยม บางครั้งโควตาต่างชาติอาจขายหมดอย่างรวดเร็ว (ดังที่เคยเกิดกรณีโครงการใหม่ที่โควตาต่างชาติถูกจองเต็มภายในไม่กี่ชั่วโมง) ชาวต่างชาติที่สนใจซื้อควรดำเนินการแต่เนิ่นๆ และตรวจสอบกับผู้ขายว่าโควตายังเหลือหรือไม่
พฤติกรรมและความต้องการของผู้ซื้อชาวต่างชาติ มักเน้นไปที่ทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นหลัก ต่างชาติหลายคนต้องการคอนโดที่ใกล้ชายหาดหรือเห็นวิวทะเล เพื่อให้รู้สึกถึงบรรยากาศการพักผ่อนในเมืองตากอากาศ บ่อยครั้งพวกเขาจะเปรียบเทียบราคากับเมืองตากอากาศในประเทศของตนและพบว่าพัทยายังค่อนข้างคุ้มค่า นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาและคุณภาพการก่อสร้างก็เป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้ซื้อกลุ่มนี้บางส่วนไม่ได้อาศัยอยู่ในไทยตลอดเวลา จึงต้องการมั่นใจว่าทรัพย์สินของตนได้รับการดูแลอย่างดีในช่วงที่ไม่อยู่ การบริการแบบครบวงจร (เช่น มีบริษัทบริหารการปล่อยเช่าในโครงการ หรือมีนิติบุคคลอาคารชุดที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี) จะดึงดูดกลุ่มต่างชาติได้เป็นพิเศษ
เงื่อนไขการซื้อสำหรับต่างชาติ ที่ควรทราบคือ ชาวต่างชาติจะต้องนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาซื้อคอนโดเต็มจำนวน (ไม่สามารถกู้ธนาคารไทยแบบทั่วไปได้ ยกเว้นบางกรณีธนาคารเฉพาะที่มีโปรแกรมให้กู้ชาวต่างชาติแต่ยังจำกัด) และเงินที่นำเข้ามานั้นต้องเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ โอนเข้ามายังบัญชีในไทยเพื่อขอหลักฐานที่เรียกว่า ใบรับรองการนำเงินจากต่างประเทศ (Foreign Exchange Transaction Form - FET หรือที่เรียกกันว่า “ใบ ธปท. ทรง .3”) ออกโดยธนาคาร เอกสารนี้จำเป็นต่อการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในนามคนต่างชาติ และควรเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการขนย้ายเงินออกนอกประเทศเมื่อขายทรัพย์สินในอนาคต
สรุปแล้ว ทั้งผู้ซื้อชาวไทยและต่างชาติล้วนเห็นคุณค่าในตลาดคอนโดพัทยา แต่เข้าถึงตลาดด้วยมุมมองที่ต่างกัน การเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายทั้งสองจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการทำการตลาด และสำหรับผู้ซื้อเองก็จะช่วยให้มองภาพรวมของตลาดได้ชัดเจนขึ้น เช่น หากเป็นคนไทยอาจต้องแข่งขันซื้อโครงการบางแห่งกับชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง ในทางกลับกัน หากเป็นต่างชาติ การรับรู้แนวโน้มว่าคนไทยนิยมทำเลใดและราคาอย่างไร จะช่วยให้ตัดสินใจได้รอบคอบยิ่งขึ้น
การซื้อคอนโดมิเนียมในพัทยาสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกับการซื้อคอนโดทั่วประเทศไทย การเตรียมตัวและเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้การซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัดด้านเอกสารหรือเงื่อนไขทางกฎหมายใดๆ ด้านล่างคือ ขั้นตอนหลักในการซื้อคอนโด พร้อมเอกสารสำคัญที่ผู้ซื้อควรเตรียม:
กรณีซื้อคอนโดกับบริษัทผู้พัฒนา ส่วนใหญ่จะมีการผ่อนชำระเงินดาวน์ตามงวดที่ระบุในสัญญาจนกว่าจะสร้างเสร็จ หากซื้อคอนโดมือสอง ผู้ซื้ออาจตกลงกับผู้ขายในการจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า (เช่น 10% ของราคาซื้อขาย) แล้วค่อยจ่ายส่วนที่เหลือในวันโอน
ในวันโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วย (1) ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินกรมที่ดิน (มักแบ่งชำระคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย เว้นแต่ตกลงอย่างอื่น), (2) ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (กรณีผู้ขายถือครองทรัพย์สินไม่ถึง 5 ปี หรือเป็นนิติบุคคลขาย ซึ่งส่วนนี้ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ), (3) อากรแสตมป์ 0.5% (กรณีไม่เสียภาษีธุรกิจฯ, ผู้ขายจ่าย) และ (4) ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (คำนวณแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามราคาประเมิน ข้อนี้ผู้ขายจ่าย) นอกจากนี้ หากมีการใช้สินเชื่อ ธนาคารของผู้ซื้ออาจส่งเจ้าหน้าที่มาที่สำนักงานที่ดินเพื่อดำเนินการจดจำนองพร้อมกัน ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าจำนอง (ยอดกู้) ด้วย
สรุปเอกสารสำคัญที่ควรเตรียมสำหรับการซื้อคอนโด:
เมื่อเตรียมพร้อมครบทุกขั้นตอนและเอกสารดังกล่าว การซื้อขายคอนโดในพัทยาจะเป็นไปอย่างมีระบบและปลอดภัย ผู้ซื้อควรอ่านสัญญาและเอกสารทุกฉบับอย่างละเอียด และหากไม่มั่นใจในขั้นตอนไหน สามารถปรึกษาทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้
การเลือกซื้อคอนโดมิเนียมควรพิจารณา ปัจจัย ที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์หลักของการซื้อ โดยทั่วไปสามารถแบ่งเป็นสองมุมมองคือ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และ ซื้อเพื่อการลงทุน (ปล่อยเช่าหรือเก็งกำไรขายต่อ) ซึ่งมีจุดเน้นต่างกัน ดังนี้:
ผู้ที่มองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัยระยะยาวหรือใช้เป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัว ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของตนเองเป็นหลัก รายละเอียดที่ควรพิจารณา ได้แก่:
หากเป้าหมายหลักของคุณคือการลงทุนในคอนโดเพื่อให้เงินงอกเงย ไม่ว่าจะผ่านการปล่อยเช่าเก็บค่าเช่าหรือรอขายทำกำไร สิ่งที่ควรโฟกัสจะต่างออกไปเล็กน้อย โดยปัจจัยสำคัญได้แก่:
กล่าวโดยสรุป การเลือกคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเองควรเน้น “ความสุขและความสะดวกสบายของผู้อยู่” เป็นสำคัญ ในขณะที่การเลือกคอนโดเพื่อลงทุนต้องเน้น “ผลตอบแทนและศักยภาพทางการเงิน” เป็นหลัก ผู้ซื้อบางรายอาจพยายามผสมผสานทั้งสองมุมมอง เช่น เลือกคอนโดที่ตนเองสามารถพักผ่อนช่วงสั้นๆ ได้ และปล่อยเช่าช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อให้เงินทำงานไปด้วย กรณีนี้ก็จำเป็นต้องสมดุลปัจจัยทั้งสองด้านอย่างรอบคอบ
ทิศทางในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองพัทยาโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมยังคงสดใส สอดคล้องกับพัฒนาการด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้น ทั้งนี้มีหลายปัจจัยที่บ่งชี้ถึง แนวโน้มการเติบโต ดังต่อไปนี้:
โดยภาพรวม แนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาในปี 2568 และต่อไปยังคงมีทิศทางที่ดี แต่ผู้เล่นในตลาดทุกฝ่ายควรติดตามปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาท นโยบายรัฐบาล และแนวโน้มการท่องเที่ยว เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบได้ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานรากที่แข็งแรงของพัทยาในฐานะเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางการลงทุนภาคตะวันออก ประกอบกับความยืดหยุ่นที่แสดงให้เห็นจากการฟื้นตัวหลังวิกฤติที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายเชื่อมั่นว่าอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาจะยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่าในสายตาผู้ซื้อและนักลงทุนไปอีกยาวนาน
ถาม: ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดในพัทยาได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
ตอบ: ได้ ชาวต่างชาติสามารถซื้อและถือกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในพัทยา (และทั่วประเทศไทย) ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีข้อกำหนดหลักคือ โครงการนั้นต้องมีสัดส่วนการถือครองของชาวต่างชาติไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายรวมทั้งหมด หากโควตาต่างชาติยังว่าง ผู้ซื้อชาวต่างชาติก็สามารถซื้อห้องชุดในโครงการนั้นๆ ได้ นอกจากนี้เงินที่ใช้ซื้อจะต้องโอนจากต่างประเทศเป็นสกุลเงินต่างประเทศมาถึงไทย และขอใบรับรองการนำเงินเข้าจากธนาคาร (FET) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการโอนกรรมสิทธิ์ ข้อจำกัดคือชาวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ไทยได้ (ยกเว้นบางกรณีที่มีโปรแกรมเฉพาะ) จึงควรเตรียมเงินสดมาซื้อเต็มจำนวนหรือจัดสินเชื่อจากประเทศของตน
ถาม: มีค่าใช้จ่ายและภาษีอะไรบ้างในการโอนซื้อ-ขายคอนโด?
ตอบ: ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดที่สำนักงานที่ดินนั้น ที่ต้องมีหลักๆ คือ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินที่ดิน/ห้องชุด (โดยทั่วไปผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงแบ่งจ่ายคนละครึ่ง ยกเว้นจะตกลงเป็นอย่างอื่น), ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมินที่ดินที่สูงกว่า (กรณีผู้ขายถือทรัพย์ไม่ถึง 5 ปี หรือเป็นนิติบุคคลขาย – ปกติผู้ขายจ่าย), อากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินที่สูงกว่า (กรณีที่ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ – ปกติผู้ขายจ่าย), และ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งคำนวณแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากราคาประเมินและจำนวนปีที่ถือครอง (ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบ) นอกจากนี้หากผู้ซื้อใช้สินเชื่อและมีการจดจำนองก็จะมี ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ (ผู้กู้จ่าย) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรคำนึงถึงนอกสำนักงานที่ดินคือ ค่ากองทุนส่วนกลางแรกเข้า (ชำระให้โครงการครั้งเดียวเมื่อซื้อห้อง ปกติ ~500 บาท/ตร.ม.) และ ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟ (ตามที่โครงการเรียกเก็บ) ทั้งนี้ค่าต่างๆ อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามนโยบายรัฐหรือโปรโมชั่นของผู้พัฒนาในบางช่วง ดังนั้นควรถามรายละเอียดจากโครงการหรือเอเจนต์ก่อนทุกครั้ง
ถาม: การซื้อคอนโดในพัทยาให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณเท่าไร?
ตอบ: โดยทั่วไปคอนโดในพัทยามีผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) อยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี และอาจสูงถึง 8% สำหรับทำเลหรือโครงการที่ได้รับความนิยมมาก (เช่น ติดชายหาดหรือวิวดีมาก) ตัวอย่างเช่น ห้องสตูดิโอราคา 2 ล้านบาท อาจปล่อยเช่าได้เดือนละ 12,000-15,000 บาท (คิดเป็นยีลด์ประมาณ 7-9% ต่อปี) ขณะที่ห้องหนึ่งห้องนอนราคา 3 ล้านบาท ปล่อยเช่าเดือนละ 18,000-20,000 บาท (ยีลด์ราว 6-8%) อย่างไรก็ดี ผลตอบแทนจริงจะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น สภาพของห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่จัดให้ สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ และความสามารถในการหาผู้เช่าของเจ้าของ หากเจ้าของหมั่นดูแลรักษาห้องและทำการตลาดปล่อยเช่าอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสรักษาผลตอบแทนให้อยู่ในระดับสูงได้ นอกจากค่าเช่าแล้ว อย่าลืมว่าลูกค้านักลงทุนยังอาจได้รับกำไรจากมูลค่าห้องที่เพิ่มขึ้นเมื่อถือครองไปสักระยะ (capital gain) โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดอยู่ในขาขึ้น
ถาม: ควรซื้อคอนโดใหม่จากโครงการหรือซื้อคอนโดมือสองดี? แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
ตอบ: การเลือกระหว่างคอนโดใหม่ (มือหนึ่ง) กับคอนโดรีเซล (มือสอง) ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของผู้ซื้อ: คอนโดใหม่มือหนึ่ง ข้อดีคือได้ห้องที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน สภาพใหม่เอี่ยม ได้เทคโนโลยีการก่อสร้างและการออกแบบที่ทันสมัยกว่า รวมถึงมักมีโปรโมชั่นจากผู้พัฒนา เช่น ของแถม เฟอร์นิเจอร์ครบชุด หรือแผนผ่อนดาวน์ยาวๆ และประกันงานก่อสร้างหลังโอน ข้อเสียคือราคาต่อ ตร.ม. มักจะสูงกว่าคอนโดมือสองในทำเลเดียวกัน และถ้าเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ ผู้ซื้อต้องรอระยะเวลาหนึ่งกว่าจะได้โอนและเข้าอยู่ คอนโดมือสอง ข้อดีคือสามารถเห็นสภาพห้องจริงและสภาพแวดล้อมโครงการก่อนตัดสินใจ ซื้อแล้วโอนเข้าอยู่ได้ทันที (ถ้าห้องพร้อมอยู่) ราคาอาจต่อรองได้และมักถูกกว่าห้องใหม่ในโครงการใกล้เคียง นอกจากนี้บางห้องขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ ทำให้ประหยัดงบตกแต่ง ข้อเสียคืออาจมีความเสี่ยงเรื่องสภาพทรัพย์ (เช่น สึกหรอ ต้องปรับปรุง) และถ้าเป็นอาคารที่มีอายุมาก ค่าส่วนกลางอาจเพิ่มสูงขึ้นตามค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา ผู้ซื้อควรตรวจสอบประวัติโครงการและนิติบุคคลว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ไม่ว่าจะซื้อแบบไหน สิ่งสำคัญคือเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานและงบประมาณของตนเอง และถ้าเป็นไปได้ลองปรึกษากับตัวแทนอสังหาฯ ที่เชี่ยวชาญตลาดพัทยาเพื่อขอคำแนะนำเปรียบเทียบ
ถาม: มีอะไรที่ควรระวังก่อนตัดสินใจซื้อคอนโดในพัทยาบ้าง?
ตอบ: มีหลายประเด็นที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบให้รอบคอบ: (1) ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการ – เลือกซื้อกับบริษัทที่มีประวัติดี สร้างเสร็จตามกำหนดและคุณภาพตรงปก เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาในภายหลัง (2) สถานะทางกฎหมายของโครงการ – ตรวจสอบว่าโครงการได้รับอนุญาตจัดสรรและจดทะเบียนอาคารชุดถูกต้องหรือไม่ กรณีคอนโดมือสอง ให้ดูว่ามีกรรมสิทธิ์ชัดเจน ไม่มีภาระผูกพันหรือค้างจ่ายส่วนกลาง (3) สภาพแวดล้อมรอบโครงการ – ดูว่ามีโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ รอบข้างหรือไม่ (อาจมีผลต่อวิวและความสงบ) มีแหล่งเสียวเสียงหรือมลพิษใดใกล้เคียงหรือเปล่า เช่น บางคนซื้อคอนโดแล้วพบว่ามีบาร์เสียงดังใต้ตึก หรืออยู่ติดถนนที่รถพลุกพล่าน ก็อาจรบกวนการอยู่อาศัย (4) อัตราส่วนจำนวนยูนิตต่อที่จอดรถ – พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่การมีรถยนต์ส่วนตัวก็ยังสำคัญ ควรเช็คว่าที่จอดรถมีเพียงพอกับผู้อยู่อาศัยหรือไม่ (มาตรฐานใหม่มักให้ที่จอด ~50-70% ของยูนิต หากต่ำกว่านี้อาจจอดไม่พอ) (5) ตรวจสัญญาและเงื่อนไขอย่างละเอียด – อาทิ เงื่อนไขการชำระเงิน การโอนเงินจอง กรณียกเลิกสัญญาจะโดนริบเงินหรือไม่ ฯลฯ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามหรือขอแก้ไขก่อนเซ็นสัญญา (6) ค่าใช้จ่ายแฝงหลังซื้อ – เช่น ค่าส่วนกลางรายปี ปรับเป็นเท่าไร มีแนวโน้มขึ้นหรือไม่ ค่าซ่อมบำรุงสาธารณูปโภคที่เจ้าของต้องรับผิดชอบ (เปลี่ยนมิเตอร์, ประกันภัย ฯลฯ) ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผู้ซื้อไม่มี “ค่าใช้จ่ายเซอร์ไพรส์” ในภายหลัง
ถาม: คนไทยสามารถกู้เงินซื้อคอนโดพัทยาได้สูงสุดประมาณเท่าไร? แล้วชาวต่างชาติล่ะสามารถขอสินเชื่อได้ไหม?
ตอบ: สำหรับคนไทย, ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะให้สินเชื่อบ้าน/คอนโดในสัดส่วนประมาณ 80-90% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน (เลือกที่ต่ำกว่า) แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายได้ ภาระหนี้ และเครดิตของผู้กู้ด้วย บางกรณีอาจกู้ได้เพียง 70% หรือน้อยกว่านั้นถ้าภาระหนี้สูง ผู้กู้ที่มีรายได้มั่นคงและเครดิตดี รวมถึงไม่มีหนี้อื่นมาก มักมีโอกาสกู้ได้วงเงินสูงและอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ในการซื้อคอนโดพัทยา คนไทยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการกู้ซื้อบ้านทั่วประเทศ ส่วนชาวต่างชาติ ทั่วไปไม่สามารถกู้ซื้ออสังหาฯ กับธนาคารไทยได้หากไม่มีถิ่นพำนักหรือรายได้ในไทย แต่ก็มีข้อยกเว้นบ้าง เช่น ธนาคารUOB และ Bangkok Bank มีโครงการสินเชื่อสำหรับชาวต่างชาติบางสัญชาติที่ซื้อคอนโดในไทย ซึ่งมักให้วงเงินกู้ไม่เกิน 50-60% ของราคาซื้อขาย และมีเงื่อนไขค่อนข้างเข้มงวด อีกทางหนึ่งคือชาวต่างชาติบางคนเลือกกู้กับธนาคารในประเทศตนเอง (ถ้ามีผลิตภัณฑ์รองรับอสังหาต่างประเทศ) หรือใช้วิธีจัดตั้งบริษัทในไทยแล้วกู้ในนามบริษัท อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้มีความซับซ้อนและต้นทุนเพิ่มเติม คนต่างชาติจำนวนมากจึงเลือกที่จะลงทุนด้วยเงินสดเป็นหลัก
สรุป:
หน้าแลนดิ้งเพจเกี่ยวกับ “ขายคอนโดในพัทยา” จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผสานทั้ง เนื้อหาคุณภาพ ที่ตอบโจทย์ผู้อ่าน และ เทคนิค SEO ในการจัดโครงสร้างและเพิ่มประสบการณ์ใช้งาน การนำเคล็ดลับข้างต้นไปใช้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้หน้าเว็บของคุณติดอันดับค้นหาในตำแหน่งที่ดี นำมาซึ่งทราฟฟิกที่มีคุณภาพ และท้ายที่สุดคือเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion (ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสอบถาม ลงทะเบียน หรือนัดหมายเข้าชมโครงการ) ซึ่งเป็นเป้าหมายทางธุรกิจที่แท้จริงของหน้าแลนดิ้งเพจนั้นๆ
หวังว่าแนวทางทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาคอนเทนต์และกลยุทธ์ SEO ของคุณ ขอให้หน้าเว็บไซต์ของคุณประสบความสำเร็จและติดอันดับสูงในการค้นหา กลายเป็นแหล่งข้อมูลอันดับต้นๆ ที่ผู้สนใจ “ขายคอนโดในพัทยา” นึกถึงเสมอ

เนเชอรัล พาร์ค พาวิลเลียน

ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26

เลอ เซแลส พระราม9 ศรีนครินทร์