DotProperty.co.th

คนเงินน้อยก็ซื้อบ้านได้ นโยบายกระตุ้นอสังหาฯ ปี 59

ในปีนี้ คณะรัฐมนตรีจะมีข่าวดีสำหรับคนเบี้ยน้อยเงินเดือนน้อย คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ไฟเขียวให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้หมื่นล้าน เพื่อเป็นการกระตุ้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 59 โดยการคิดนโยบายโดยการลดค่าโอน-ค่าจดจำนองเหลือ 0.01% และยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้อีก 5 ปี หักภาษีได้อีก 20% ให้ระยะเวลากำหนด 1 ปี พร้อมประกาศเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 20% และคณะรัฐมนตรียังห่วงคนมีรายได้น้อย โดยสั่งให้การเคหะ จัดหนักต่อยอดโครงการ “นโยบายบ้านมั่นคง” เผย 3 มาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศให้เพิ่มมากขึ้นในปี 59

สำหรับนโยบายการกระตุ้นอสังหาในปี 59 ของคณะรัฐมนตรีนั้น รมว.คลัง ร่วมแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรีว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการอสังหาริมทรัพย์ 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกมอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับประชาชนที่ต้องการที่อยู่อาศัย วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยมาตรการมีระยะเวลา 1 ปี หรือสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 59 นั้นโดยการปล่อยเงินกู้ขึ้นอยู่กับธนาคารไปหาแนวทาง ส่วนที่ 2 มาตรการปรับลดภาษีการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ระยะเวลา 6 เดือน ส่วนที่ 3 มาตรการทางภาษีที่ประชาชนสามารถนำ 20% ของมูลค่าที่อยู่อาศัย นำมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 59 เป็นต้นไป สำหรับมาตราการนี้ที่คณะรัฐมนตรีได้คิดโครงการมานั้น ถือว่าเป็นผลดีต่อพนักงานหรือบุคคลที่มีเงินเดือนน้อยหรือรายได้น้อยแต่อยากมีบ้านเป็นของตนเองสักหลัง

เนื่องจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยซึ่งส่งผลให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยลดลง ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศในภาพรวมมีการชะลอตัวลงในตลาดจำนวนมากทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเมืองสำคัญในภูมิภาค เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี และขอนแก่น เป็นต้น คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการการเงินการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์รวม 2 มาตรการ ดังนี้

1. มาตรการการเงิน

เพื่อเป็นการสนับสนุนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยในวงเงินที่สูงขึ้นด้วยเงื่อนไขการผ่อนปรน อันจะทำให้กลุ่มผู้ที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จึงออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง เพื่อให้ผู้กู้ในการซื้อที่ดินพร้อมอาคาร ห้องชุด หรือเพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยประมาณการวงเงินให้สินเชื่อรวมเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท กำหนดระยะเวลารับคำขอและการทำนิติกรรมเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2558 และให้ ธอส.สามารถขยายระยะเวลาได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และมีกลุ่มเป้าหมาย คือผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท โดยเกณฑ์หลักประกันเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อของ ธอส. ตามกำหนด

2. มาตรการการคลัง สำหรับมาตราการการคลังนั้นจะแบ่งได้เป็น 2 ข้อหลังคือ

การลดค่าธรรมเนียมในการโอน สำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โดยให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ และห้องชุด จากเดิมร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรัพย์ในกรณีการโอน และร้อยละ 1 ของมูลค่าที่จำนอง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ในกรณีการจำนองฯ เหลือร้อยละ 0.01 เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเร่งให้เกิดการทำนิติกรรมโดยเร็ว

การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับรายได้ที่จ่ายไปเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นจำนวนร้อยละ 20 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาก่อน และมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี ต้องเป็นการซื้อครั้งแรกและเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยจริง โดยต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อเนื่องกัน 5 ปี นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้แบ่งใช้สิทธิเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละปีภาษี ทั้งนี้ ต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559

นอกจากนี้ ผู้ซื้อบ้านทั้งในส่วนของบ้านใหม่และบ้านมือสองจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนอง รวมทั้งการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาข้างต้นด้วยซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้มีรายได้น้อยโดยตรง ทั้งนี้การดำเนินมาตรการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบ

สำหรับโครงการการกระตุ้นอสังหาฯในปี 2559 ที่คณะรัฐมนตรีได้ทำโครงการขึ้นมานี้คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้ประจำ และผู้มีรายได้ปานกลางซึ่งไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ ให้สามารถได้รับสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนได้ง่ายยิ่งขึ้น และสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ปัจจุบัน ธอส. ก็ได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้วจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินมาตรการข้างต้นมากยิ่งขึ้น