DotProperty.co.th

วิธีวางแผนการเงิน เพื่อกู้ซื้อบ้านหลังแรกในปี 2564 และปี 2565

จากสถานการณ์โรคระบาดตั้งแต่ปีที่แล้วอาจทำให้ใครที่วางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดลังเลใจที่จะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ในช่วงนี้ แต่ก็ไม่อยากพลาดโปรโมชั่นดีๆ จากทั้งภาครัฐและตัวผู้พัฒนาโครงการเองที่ก็ขยันออกโปรโมชั่นออกมากระตุ้น ทั้งส่วนลด ของแถม ช่วยผ่อน อยู่ฟรี และอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน 

ซึ่งถ้าใครปักหมุดไว้แล้วว่า ในปี 2564-2565 นี้จะมีบ้านหลังแรกให้ได้เพราะไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ไปแล้วละก็…วันนี้ ดอทจะพาทุกท่านมาเตรียมตัวด้านการเงินให้พร้อม ด้วยวิธีการวางแผนการเงินที่จะช่วยทำให้คุณมีบ้านหลังแรกสมใจอยาก แบบไม่ต้องลังเลเพราะสถานการณ์ต่างๆ อีกต่อไป! จะมีอะไรบ้างที่คุณต้องคิดและพิจารณา ตามไปดูกันเลยดีกว่าครับ

1. ประเมินกำลังตัวเอง

อยากมีบ้านในช่วงนี้ ข้อควรระวังที่สุดเลยก็คือ การประเมินกำลังของตัวเอง โดยคุณควรจะประเมินรายรับ รายจ่าย และหนี้สินทั้งหมดที่มี และประเมินให้มีหนี้สินแล้วไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ เช่น คุณมีเงินเดือนที่ 20,000 จะสามารถผ่อนบ้านสูงสุดได้ 20,000 x 40% = 8,000 บาท แต่ถ้ามีหนี้สินอื่นๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ ฯลฯ ความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนก็จะลดลง เป็นเหตุให้วงเงินที่สามารถกู้ได้มีจำนวนน้อย หรือทำเรื่องกู้ซื้อบ้านได้ยากขึ้นด้วย

2. วางแผนเก็บเงินและหาโครงการบ้านในวงเงินที่สามารถกู้ซื้อได้

หลังจากทำการประเมินตนเองแล้ว ก็เข้าสู่แผนการเก็บออมเงิน เพื่อให้มีเงินออมและเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้สัก 10% ของราคาบ้านที่จะซื้อ เพราะการซื้อบ้านก็มีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ต้องชำระเป็นเงินสด 

เช่น  ค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าที่จำนอง (จำนวนเงินกู้ทั้งหมด), ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินหรือราคาขาย ฯลฯ ที่ถึงแม้จะได้รับส่วนลดจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาล โดยทำการลดค่าธรรมเนียมการโอนบ้านและคอนโดจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 1% เหลือ 0.01% ก็ยังต้องสำรองเงินสดไว้อยู่ดี

นอกจากนี้ก็ควรที่จะเตรียมหาโครงการบ้านที่อยู่ในวงเงินที่เราสามารถกู้ได้ทั้งแบบมือหนึ่งและมือสอง โดยคุณสามารถหาได้จาก DotProperty ของเรา เพียงแค่ทำการพิมพ์คำค้นหา แล้วทำการกำหนดรายละเอียดได้ตั้งแต่หน้า Home Page เลยครับ

3. เคลียร์หนี้ก่อนกู้

ก่อนที่จะทำการกู้ซื้อบ้านควรที่จะเคลียร์หนี้ที่มีอยู่ให้หมด หรือถ้าไม่หมดก็ควรที่จะเหลือให้น้อยที่สุด รวมถึงหลีกเลี่ยงการผ่อนสินค้าก่อนกู้เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพราะการผ่อนสินค้าถือเป็นการตัดโอกาสที่จะทำให้คุณสามารถกู้ในวงเงินตามเป้าหมายได้ 

4. ทำประวัติเครดิตบูโรให้ดี

อย่างที่เรากล่าวไว้แล้วในบทความ แนะนำการใช้บัตรเครดิตเพื่อกู้ซื้อบ้าน ใช้ยังไงให้กู้ผ่านฉลุย ว่า หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนชำระต่าง ๆ หนี้สินของบัตรต่าง ๆ ตรงนี้จะไปแสดงที่เครดิตบูโร หากมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ไม่ตรงต่อเวลา ผิดนัดจ่ายหนี้กับธนาคาร หรือเบี้ยวหนี้ไม่จ่ายเลย เครดิตบูโรก็จะขึ้น Blacklist ซึ่งจะทำให้กู้ผ่านยากมากขึ้น 

ดังนั้น จึงควรทำประวัติเครดิตบูโรให้ดี เช่น ชำระหนี้ให้ตรงต่อเวลา ไม่ผิดนัดจ่ายหนี้ ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดมากเกินไป ฯลฯ

5. สร้างประวัติการเงินสวยๆ

สำหรับคนทำฟรีแลนซ์หรือประกอบธุรกิจขายของออนไลน์ ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ เพราะการไม่ได้ทำงานประจำและไม่มีเงินเดินในบัญชีแบบสม่ำเสมอ อาจจะเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธอนุมัติวงเงินกู้และสามารถกู้บ้านผ่านได้ ดังนั้น เมื่อฟรีแลนซ์กู้เงินซื้อบ้านควรจะทำการเดินบัญชีทั้งการเอาเงินเข้าและออกหรือสร้าง Statement ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี (เพราะแต่ละธนาคารมักจะขอดู รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6-12 เดือน) เตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย เพื่อที่จะมีประวัติการเงินที่พร้อมสำหรับการยื่นในปี 2565 ที่จะถึงนี้นั่นเองครับ

6. หาผู้กู้ร่วม

ถือเป็นเคล็ดลับในการวางแผนการเงินแบบหนึ่งที่ช่วยให้คุณได้บ้านในฝันมาครอบครอง ถึงแม้ว่า ลำพังแค่เงินเดือนของคุณอาจจะได้ยอดเงินกู้ไม่เพียงพอ ก็จำเป็นต้องหาผู้กู้ร่วม เพื่อเพิ่มวงเงินกู้ให้มากขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งการกู้ร่วมสามารถทำได้ 2 แบบ คือ 

โดยสถาบันการเงินจะพิจารณาจากรายได้ของทุกคนที่ขอกู้ร่วม โดยจะหักภาระค่าใช้จ่ายของทุกคน แน่นอนว่า วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถกู้วงเงินได้สูงขึ้นมากอีกพอสมควร แต่ก็ควรจะวางแผนกับผู้ที่กู้ร่วมกันให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลังด้วยครับ

หวังว่า วิธีวางแผนการเงินเพื่อกู้ซื้อบ้านในช่วงที่หลายคนกังวลอยู่นี้ จะช่วยให้ใครก็ตามที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้านในช่วงนี้หรือในอนาคตอันใกล้ สามารถขอ “กู้เงิน” หรือขอ “สินเชื่อ” บ้านได้แบบผ่านฉลุย และไม่ส่งผลกระทบกับการเงินของตัวเองในอนาคต รวมถึงช่วยสร้างความมั่นใจให้ได้ว่า หนี้ก้อนใหญ่ที่คุณกำลังจะสร้างนี้จะสามารถผ่อนชำระได้อย่างสม่ำเสมอ แบบไม่ต้องกลัวโควิด-19 จะไม่สร้างปัญหาตามมาอย่างแน่นอน