











































































































































































































































ในการ ขายคอนโดในเชียงใหม่ ปี 2568 ผู้ขายและนักลงทุนจำเป็นต้องเข้าใจภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกำลังปรับตัวตามกระแสเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังวิกฤตที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมิเนียมเชียงใหม่ได้รับแรงหนุนสำคัญจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาซื้อคอนโดเพื่อการลงทุนและพักผ่อนในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ ประมาณว่ากว่า 25-40% ของผู้ซื้ออสังหาฯ ในเชียงใหม่ซื้อเพื่อการลงทุน และสัดส่วนผู้ซื้อต่างชาติ (นำโดยจีน) มีบทบาทถึงเกือบ ครึ่งหนึ่งของยอดซื้อคอนโดของชาวต่างชาติ ในพื้นที่นี้ การที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเชียงใหม่มากขึ้นช่วยพยุงตลาดคอนโดให้เติบโต แม้ว่ากำลังซื้อภายในประเทศจะฟื้นตัวช้าจากปัจจัยเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนก็ตาม
แนวโน้มตลาดปี 2568 คาดว่าจะมีความต้องการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพและโครงการที่ตอบโจทย์ผู้ซื้อยุคใหม่ รัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เช่น ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งประกาศใช้ในปี 2568 และต่ออายุไปจนถึงกลางปี 2569 มาตรการนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ซื้อและกระตุ้นการซื้อขายคอนโดระดับกลางล่างได้มากขึ้น ประกอบกับการท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่กลับมาคึกคัก (มีเป้าหมายนักท่องเที่ยวไทยกว่า 40 ล้านคน/ครั้งในปี 2567-68 และชาวจีนเพิ่มขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่า) ส่งผลให้ตลาดเช่าคอนโดสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติระยะยาวมีแนวโน้มสดใส ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่า
บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์การขายคอนโดในเชียงใหม่ปี 2568 อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ทำเลยอดนิยม ราคาตลาดที่ปรับตัวล่าสุด โครงการใหม่ๆ ที่เปิดตัว ตลอดจนผลตอบแทนการลงทุน การวิเคราะห์ผู้เช่าแต่ละโซน เปรียบเทียบคอนโดกับอสังหาฯ ประเภทอื่น ภาระภาษีและกฎหมายที่ควรรู้ ตลอดจนเคล็ดลับการเลือกคอนโดที่เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อแต่ละประเภท เพื่อให้ผู้ที่สนใจขายหรือซื้อคอนโดในเชียงใหม่สามารถวางแผนกลยุทธ์และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเกิดประโยชน์สูงสุด
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ในปี 2568 อยู่ในช่วงฟื้นตัวและปรับตัวหลังจากภาวะชะลอตัวในปีก่อนๆ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังมีความไม่แน่นอนและกำลังซื้อบางส่วนยังไม่กลับมาเต็มที่ แต่ภาคอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียมมีสัญญาณเชิงบวกมากกว่าบ้านจัดสรร โดยข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. ระบุว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ยอดขายใหม่ของคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับตลาดบ้านแนวราบที่ยอดขายหดตัว นั่นหมายความว่าผู้บริโภคและนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนความสนใจมาที่คอนโดมากขึ้น อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การกลับมาของชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง และซัพพลายคอนโดใหม่ที่ออกสู่ตลาดลดน้อยลงในช่วงโควิดทำให้สินค้ามีความน่าสนใจขึ้น
เชียงใหม่ยังคงเป็นศูนย์กลางตลาดที่อยู่อาศัยของภาคเหนือ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50-60% ของหน่วยขายทั้งหมดในภาคนี้ ทำเลที่ได้รับความนิยมและมียอดขายดีในช่วงปีที่ผ่านมาประกอบด้วย โซนสันทรายและรอบมหาวิทยาลัยพายัพ (ช่วงโซนตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง), โซนตัวเมืองชั้นในและย่านนิมมานฯ-สุเทพ, รวมถึง โซนชานเมืองทางใต้อย่างหางดง และบางส่วนของ สันกำแพง สาเหตุที่ทำเลเหล่านี้ขายดีเพราะมีทั้งความต้องการจากคนท้องถิ่นที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะโซนใกล้มหาวิทยาลัยและในเมืองที่คนจีนและชาติอื่นนิยมซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้เพื่อนร่วมชาติหรืออยู่อาศัยเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ยอดขายคอนโดจะกระเตื้องขึ้น แต่ภาพรวม หน่วยเหลือขาย (คอนโดที่ยังขายไม่ออก) ในเชียงใหม่ยังคงมีอยู่จำนวนมากจากที่เปิดตัวไว้ก่อนหน้า โดยประมาณต้นปี 2568 มีคอนโดเหลือขายราว หมื่นยูนิต ในตลาด แม้จำนวนจะลดลงเล็กน้อย (~3-4%) จากปีก่อน แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ การแข่งขันด้านราคาจึงยังมีอยู่ในบางทำเล ผู้พัฒนาโครงการบางรายหันไปชะลอการเปิดตัวคอนโดใหม่ และเน้นระบายสต็อกพร้อมอยู่หรือปรับโปรโมชันจูงใจผู้ซื้อ เช่น ลดราคาหรือแถมเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเร่งการขาย
แรงสนับสนุนสำคัญของตลาดคอนโดเชียงใหม่ในปี 2568 มาจากกลุ่มผู้ซื้อและผู้ลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ฮ่องกง และกลุ่ม Digital Nomads ชาวตะวันตกที่เข้ามาพำนักระยะยาว สถิติในรอบทศวรรษที่ผ่านมาพบว่าชาวจีนซื้อที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ไปแล้วกว่า 1,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมกว่า 3,000-5,000 ล้านบาท แนวโน้มนี้ยังคงต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นหลังจากไทยผ่อนคลายมาตรการเดินทาง โดยรายงานจากสมาคมอสังหาฯ ท้องถิ่นระบุว่าในปี 2566-2567 ชาวจีนคิดเป็นเกือบ 46% ของผู้ซื้อคอนโดต่างชาติทั้งหมดในเชียงใหม่ และมีการสอบถามซื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผู้ซื้อต่างชาติยังรวมถึงชาวยุโรปและอเมริกันสูงวัยที่มองเชียงใหม่เป็นเมืองเกษียณอายุ อีกทั้งชาวเกาหลีและญี่ปุ่นบางส่วนที่มาทำงานหรือทำธุรกิจในพื้นที่ ซึ่งความต้องการจากต่างชาติเหล่านี้ช่วยรักษาระดับยอดขายคอนโดและราคาในบางทำเลให้ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นสวนทางเศรษฐกิจ
ด้านราคาคอนโดโดยรวมในปี 2568 มีแนวโน้มขยับขึ้นเล็กน้อยในทำเลที่มีดีมานด์สูง ขณะที่ทำเลรอบนอกหรือโครงการที่เหลือขายนานอาจมีปรับลดราคาหรือคงที่ ข้อมูลจากเว็บไซต์ประกาศขายในต้นปี 2568 ชี้ว่า ราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดในจังหวัดเชียงใหม่อยู่ที่ราว 3.1-4.0 ล้านบาทต่อยูนิต (ประมาณ 75,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับห้องมาตรฐาน) อย่างไรก็ตาม ราคาต่อตารางเมตรแตกต่างกันมากตามทำเล (รายละเอียดในส่วนถัดไป) กล่าวโดยสรุป ภาพรวมตลาดคอนโดเชียงใหม่ปี 2568 นับว่าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวค่อนไปทางเติบโตเล็กน้อย ผู้ขายยังต้องเผชิญการแข่งขันแต่ก็พอมองเห็นโอกาสในการทำกำไรหากถือสินทรัพย์ในทำเลและโครงการที่มีจุดขายตรงใจผู้ซื้อยุคใหม่
นอกจากปัจจัยดีมานด์และซัพพลายแล้ว ผู้ขายควรจับตานโยบายภาครัฐและปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ส่งผลต่อตลาดด้วย ปี 2568 รัฐบาลได้ต่ออายุมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้าน-คอนโดราคาไม่เกิน 7 ล้าน (มีผลถึง 30 มิ.ย. 69) ซึ่งช่วยกระตุ้นการซื้อขายในกลุ่มคอนโดระดับกลางได้มาก อีกทั้งการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ของธนาคารทำให้ผู้ซื้อมีกำลังกู้มากขึ้น ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แม้มีแนวโน้มสูงแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ผู้ลงทุนรับได้ เทียบกับผลตอบแทนค่าเช่าคอนโดที่ยังสูงกว่า (จะกล่าวต่อไป) โดยรวมแล้ว หากสามารถรักษาความน่าสนใจสำหรับผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ ตลาดคอนโดเชียงใหม่ก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 นี้
ทำเลที่ตั้งของโครงการคอนโดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการขายและปล่อยเช่า จังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะเฉพาะตรงที่ตัวเมืองกระจุกอยู่ในเขตเมืองเก่าและย่านชั้นใน รอบนอกเป็นชานเมืองที่ยังมีพื้นที่พัฒนาได้ ทำเลยอดนิยมสำหรับคอนโดจึงมักอยู่ในบริเวณที่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งงาน สถานศึกษา และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ บทความนี้จะเจาะจง 4 ทำเลยอดนิยม ที่โดดเด่นสำหรับคอนโดเชียงใหม่ ได้แก่ ย่านนิมมานเหมินทร์, ย่านสุเทพ, ย่านแม่เหียะ, และ ย่านฟ้าฮ่าม โดยแต่ละย่านมีจุดเด่นและกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
ย่านนิมมานเหมินทร์ ถือเป็นทำเลทองอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ชื่อ “นิมมานฯ” ย่อมาจากถนนนิมมานเหมินทร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคูเมืองใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พื้นที่นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ทันสมัยที่รวมร้านกาแฟเก๋ๆ หอศิลป์ ร้านอาหารนานาชาติ บาร์ และโคเวิร์กกิ้งสเปซ ไว้มากมาย บรรยากาศของนิมมานฯ ดึงดูดคนรุ่นใหม่ นักศึกษามหาวิทยาลัย และชาวต่างชาติที่มาทำงานระยะยาว (digital nomads) ให้มาพักอาศัยในบริเวณนี้ เนื่องจากสามารถเดินทางและใช้ชีวิตได้สะดวกสบายทั้งกลางวันและกลางคืน
คอนโดมิเนียมในย่านนิมมานฯ ส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับกลางถึงไฮเอนด์ ความสูงไม่มาก (Low-rise 5-8 ชั้น) เน้นการออกแบบที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อตอบโจทย์คนเมือง ห้องขนาดสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนเป็นที่นิยมเพราะสอดคล้องกับกลุ่มผู้พักอาศัยที่มักเป็นคนโสดหรือคู่รักวัยทำงาน ราคาขายคอนโดในนิมมานฯ ค่อนข้างสูงกว่าทำเลอื่นๆ ในเชียงใหม่ จากข้อมูลตลาดล่าสุดพบว่าคอนโดแถวนี้มี ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงกว่าพื้นที่อื่นราว 20% ตัวอย่างเช่น ห้องหนึ่งห้องนอนขนาด 30-40 ตร.ม. ในคอนโดมิเนียมหรูบริเวณนี้อาจมีราคาประมาณ 90,000-100,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งห้องขนาด 35 ตร.ม. ก็จะตกอยู่ราว 3-3.5 ล้านบาท หรือบางโครงการระดับลักชัวรีอาจสูงถึง 4-5 ล้านบาทต่อยูนิตเลยทีเดียว
จุดแข็งของคอนโดย่านนิมมานฯ คือสามารถปล่อยเช่าได้ในอัตราสูง เนื่องจากเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผู้เช่าชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกและเอเชียบางประเทศนิยมพักย่านนี้เพราะเดินไปกินดื่มหรือทำงานตามคาเฟ่ได้ง่าย สำหรับนักลงทุน การปล่อยเช่าระยะยาวให้กลุ่ม expat มักให้ผลตอบแทนดี นอกจากนี้หลายอาคารในย่านนี้ยังเปิดโอกาสให้ปล่อยเช่าระยะสั้น (แม้ตามกฎหมายไทยการเช่าต่ำกว่า 30 วันต้องมีใบอนุญาตโรงแรม) นักลงทุนบางรายจึงเลือกทำเป็น Airbnb ในคอนโดที่นิติบุคคลไม่เข้มงวด ส่งผลให้ ผลตอบแทนปล่อยเช่า (yield) ในย่านนิมมานฯ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเชียงใหม่ โดยอาจอยู่ที่ประมาณ 6-8% ต่อปี ได้เลย หากบริหารจัดการดีและมีอัตราการเข้าพักที่ต่อเนื่อง
กลุ่มผู้ซื้อและผู้เช่าในนิมมานฯ ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ฐานะดี นักลงทุนจากกรุงเทพฯ ที่ซื้อไว้ปล่อยเช่า รวมถึงชาวต่างชาติที่ซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่สอง แม้ว่าย่านนี้จะพลุกพล่านและราคาสูง แต่ความนิยมก็ไม่ลดลง เนื่องจากเป็นศูนย์รวมความเจริญและไลฟ์สไตล์ของเชียงใหม่อย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่จะขายคอนโดในย่านนี้ จุดขายที่ควรเน้นคือ ทำเลที่เดินถึงแหล่งไลฟ์สไตล์, วิวเมืองหรือดอยสุเทพที่สวยงามจากตัวห้อง, และ ศักยภาพการปล่อยเช่าที่เหนือกว่าพื้นที่อื่น ย่านนิมมานฯ เรียกได้ว่า “ของมันต้องมี” สำหรับนักลงทุนอสังหาฯ เชียงใหม่เลยทีเดียว
ตำบลสุเทพ เป็นพื้นที่กว้างขวางทางทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมบริเวณดอยสุเทพและที่ราบเชิงดอยบางส่วน โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งของตำบลนี้อยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่สำคัญคือตำบลสุเทพเป็นที่ตั้งของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) และสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สวนสัตว์เชียงใหม่ และวัดพระธาตุดอยสุเทพ ทำเลนี้จึงมีลักษณะผสมผสานระหว่างโซนชุมชนการศึกษาและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ย่านสุเทพ ที่เป็นทำเลยอดนิยมของคอนโด จะเน้นบริเวณใกล้มหาวิทยาลัยและถนนรอบมหาวิทยาลัย เช่น ถนนสุเทพ ถนนคลองชลประทาน และพื้นที่ที่ไม่ไกลจากย่านนิมมานฯ กล่าวได้ว่าย่านนี้บางส่วนซ้อนทับกับย่านนิมมานฯ ด้วยซ้ำ (เพราะนิมมานฯ ตั้งอยู่ในแขวงสุเทพ) แต่หากแยกส่วนที่เป็นย่านสุเทพออกมา จะหมายถึงโซนที่อยู่อาศัยของบุคลากรและนักศึกษามหาวิทยาลัย รวมถึงโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (รพ.สวนดอก) ที่มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ก็อยู่ในย่านนี้เช่นกัน
คอนโดในย่านสุเทพมีหลากหลายระดับตั้งแต่ราคาย่อมเยาไปจนถึงคอนโดหรู แต่ส่วนใหญ่จะเป็น คอนโด Low-rise สูง 5-8 ชั้น กระจายอยู่ตามตรอกซอยรอบๆ มหาวิทยาลัย เพื่อตอบสนองความต้องการพักอาศัยของนิสิตนักศึกษาและคนทำงานวัยหนุ่มสาว ขนาดห้องที่ได้รับความนิยมมากคือ สตูดิโอ (~28-30 ตร.ม.) และ 1 ห้องนอน (~30-45 ตร.ม.) เนื่องจากปล่อยเช่าง่ายให้กับนิสิตหรือคนทำงานเดี่ยวๆ ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดย่านสุเทพ (ไม่รวมโซนนิมมานฯ ระดับไฮเอนด์) จะอยู่ราว 70,000-85,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าสูงพอสมควรเพราะที่ดินหายาก ตัวเลขจากการประกาศขายในปี 2568 ชี้ว่า ราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตในสุเทพประมาณ 3.7-4.0 ล้านบาท (สำหรับห้องทั่วไป 1-2 ห้องนอน) และราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ยประมาณ 80,000-84,000 บาท สูงเป็นอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่เลยทีเดียว
จุดเด่นของคอนโดโซนสุเทพ คือทำเลใกล้สถานศึกษาและสถานที่ราชการ ทำให้มีกลุ่มผู้เช่าหลักที่แน่นอน เช่น นักศึกษาที่ครอบครัวซื้อไว้ให้พักช่วงเรียน (หรือนักศึกษาที่เช่าระยะยาว 4 ปี) อาจารย์มหาวิทยาลัย บุคลากรทางการแพทย์จาก รพ.มหาราช รวมถึงพนักงานออฟฟิศรุ่นใหม่ที่ทำงานในตัวเมืองแต่ชอบบรรยากาศเงียบสงบกว่าอยู่ใจกลางนิมมานฯ การปล่อยเช่าคอนโดในย่านนี้มักจะเป็น สัญญาระยะยาว 6-12 เดือน เป็นหลัก ผลตอบแทนค่าเช่าอยู่ในเกณฑ์ดีประมาณ 5-6% ต่อปี ยกตัวอย่าง ห้องสตูดิโอใกล้มช.อาจปล่อยเช่าได้เดือนละ ~7,000-8,000 บาท ขณะที่ราคาซื้อ ~1.5-2 ล้านบาท (yield ~5%+)
นอกจากนั้น คอนโดบางส่วนในย่านนี้ยังได้รับความสนใจจากผู้ปกครองนักศึกษาจากต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯ ที่มาซื้อไว้ให้บุตรหลานพัก แล้วมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวไปในตัว (หลังเรียนจบก็สามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าต่อได้) จุดขายที่สำคัญสำหรับคอนโดในสุเทพคือ ความสะดวกในการเดินทางไปมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล, สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเหมาะกับนักศึกษา, และ วิวธรรมชาติ/ดอย ในบางโครงการที่อยู่เชิงเขา ซึ่งสร้างบรรยากาศน่าอยู่ หากผู้ขายสามารถชูจุดเด่นเหล่านี้ ก็จะทำให้คอนโดในย่านสุเทพดึงดูดผู้ซื้อกลุ่มครอบครัวและนักลงทุนได้ดี
ตำบลแม่เหียะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอเมืองเชียงใหม่ เดิมทีเป็นชุมชนเกษตรกรรมดั้งเดิม มีสภาพแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ แต่ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาแม่เหียะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนวงแหวนรอบกลาง (สมโภชเชียงใหม่ 700 ปี), ถนนเชียงใหม่-หางดง (ทางหลวง 108), และถนนเลียบคลองชลประทาน (121) ที่เชื่อมแม่เหียะเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งในพื้นที่แม่เหียะยังเกิดโครงการสำคัญด้านการท่องเที่ยวอย่าง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ส่งผลให้ผู้คนทั้งชาวไทยและต่างชาติเริ่มย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในย่านนี้เพิ่มขึ้นทุกปี จากพื้นที่ชนบทกลายมาเป็นชานเมืองที่มีหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมผุดขึ้นรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย
คอนโดในย่านแม่เหียะ ส่วนใหญ่เป็นโครงการ Low-rise สูง 5-8 ชั้น และมีบางโครงการเป็นบ้านพักตากอากาศแนวคอนโด (เช่น วิวทะเลสาบ วิวดอย) ที่พัฒนาโดยบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ โครงการชื่อดังในย่านนี้อย่างเช่น “North Condo” ในโครงการ Serene Lake ของ Land & Houses ที่นำเสนอคอนโดวิวทะเลสาบและใกล้ธรรมชาติ ซึ่งได้รับความนิยมมาก ขนาดห้องในแม่เหียะมักใหญ่กว่าย่านในเมืองเล็กน้อย เพราะที่ดินราคาถูกกว่าจึงสร้างห้องพื้นที่กว้างได้ ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดแม่เหียะ จะต่ำกว่าย่านใจกลางเมืองค่อนข้างมาก ปัจจุบัน ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตประมาณ 3.5-4.2 ล้านบาท และ ราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ยราว 55,000-60,000 บาท เท่านั้น (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเมืองเชียงใหม่ที่ ~75,000+/ตร.ม.) เช่น คอนโด 1 ห้องนอน 60 ตร.ม. ในแม่เหียะอาจขายที่ ~3.5 ล้าน (ประมาณ 58,000 บาท/ตร.ม.) ซึ่งถ้าเทียบขนาดเดียวกันในนิมมานฯ ราคาน่าจะเกิน 5 ล้านไปแล้ว
จุดเด่นของคอนโดย่านแม่เหียะ คือ ความเงียบสงบและใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในตัวเมือง แต่ยังเดินทางเข้าตัวเมืองภายใน 15-20 นาทีได้ ย่านนี้อยู่ไม่ไกลจาก สนามบินเชียงใหม่ (ขับรถประมาณ 10 กม.) จึงสะดวกสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย รวมถึงมีแหล่งช้อปปิ้งอย่างห้างแม็คโครและบิ๊กซีแม่เหียะรองรับการใช้ชีวิต นอกจากนี้โครงการบ้านจัดสรรและหมู่บ้านหรูหลายแห่งในโซนหางดง-แม่เหียะ ทำให้เกิดชุมชนชาวต่างชาติ (เช่น ชาวยุโรปที่มาเกษียณ) อาศัยอยู่พอสมควร จึงมีชาวต่างชาติบางส่วนที่นิยมคอนโดแม่เหียะเพราะได้พื้นที่ใหญ่ในงบประมาณที่ถูกกว่าในเมือง
ผู้เช่าในย่านแม่เหียะ มักเป็นกลุ่มครอบครัวคนไทยที่มีสมาชิกมาทำงานหรือเรียนในเชียงใหม่และต้องการที่พักสงบ, ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทที่ทำงานฝั่งใต้ของเมือง, และชาวต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทยหรือมาอยู่ระยะยาวที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติ ยields การปล่อยเช่าในแม่เหียะอาจไม่สูงเท่าในเมือง (ประมาณ 4-5% ต่อปี) เพราะค่าเช่าไม่แพงมาก เช่น ห้อง 2 ห้องนอนใหญ่ 80 ตร.ม. อาจปล่อยเช่าได้ราว 15,000 บาท/เดือน (ทั้งที่ราคาขาย 4 ล้าน; yield ~4.5%) แต่ข้อดีคือมีแนวโน้มได้ผู้เช่าระยะยาวที่ดูแลห้องดี (เช่น ครอบครัวหรือชาวต่างชาติสูงวัย)
สำหรับผู้ขาย จุดขายที่ควรเน้นของคอนโดแม่เหียะคือ พื้นที่ใช้สอยคุ้มราคา, วิวและสิ่งแวดล้อมที่ร่มรื่น, และ ความเป็นส่วนตัว (คนไม่พลุกพล่าน) ควรเน้นเปรียบเทียบว่าด้วยงบเท่ากัน ผู้ซื้อจะได้ห้องขนาดใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับในเมือง รวมถึงบรรยายไลฟ์สไตล์ที่ช้าลง เหมาะกับการพักผ่อนหรือเลี้ยงครอบครัว ซึ่งเป็นจุดต่างที่ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อเฉพาะทางที่ไม่ได้อยากอยู่กลางเมือง
ตำบลฟ้าฮ่าม อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขตเมืองเชียงใหม่ มีพื้นที่ไม่กว้างมาก (ประมาณ 3 ตร.กม.) ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบริมแม่น้ำปิงและลำน้ำแม่คาว ฟ้าฮ่ามในอดีตอาจไม่เป็นที่รู้จักนัก แต่ปัจจุบันกลายเป็นทำเลศักยภาพที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อของถนนสายสำคัญถึง 4 สาย ได้แก่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง (ทางหลวง 11), ถนนวงแหวนรอบ 3, ถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด (1019), และถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เส้นทางเหล่านี้ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก ทั้งยังเชื่อมไปยังอำเภอรอบนอกได้ง่าย
ย่านฟ้าฮ่ามได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ ศูนย์รวมการค้าและธุรกิจใหม่ของเชียงใหม่ หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญคือ เซ็นทรัลเชียงใหม่ (ชื่อเดิมเซ็นทรัลเฟสติวัล) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดซุปเปอร์ไฮเวย์ในเขตฟ้าฮ่าม นอกจากนี้ยังมีสถานประกอบการต่างๆ เช่น โรงพยาบาล (เช่น รพ.เทพปัญญาที่อยู่ใกล้เคียง), โรงงานอุตสาหกรรมในนิคมลำพูนที่พนักงานบางส่วนพักอาศัยย่านนี้, ธนาคารและสำนักงาน รวมถึงมหาวิทยาลัยพายัพ (อยู่เขตสันทรายใกล้เคียง) ที่เพิ่มการจ้างงานและดีมานด์ที่อยู่อาศัยให้พื้นที่โดยรอบ ทำให้ฟ้าฮ่ามกลายเป็นแหล่งงานสำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่และมีประชากรย้ายเข้ามามากขึ้นอย่างรวดเร็ว
คอนโดมิเนียมในย่านฟ้าฮ่าม เริ่มมีพัฒนาให้เห็นชัดเจนในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นโครงการ Low-rise 7-8 ชั้น เช่น โครงการดีคอนโดของแสนสิริหลายเฟสที่พัฒนาติดเซ็นทรัล, โครงการ Escent และ Escent Park Ville (คอนโดสูง 26 ชั้นและ 8 ชั้นตามลำดับ) ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งพัฒนาโดยเซ็นทรัลฯ เองเพื่อตอบรับดีมานด์คนอยากอยู่ใกล้ห้าง นอกจากนี้ยังมีคอนโดราคาเอื้อมถึงหลายแห่งในซอยวัดฟ้าฮ่ามและตลอดแนวถนนวงแหวนฯ ราคาขายคอนโดในฟ้าฮ่ามเฉลี่ย ถือว่าไม่ได้ถูก แม้จะเป็นชานเมือง เพราะด้วยความที่อยู่ใกล้ศูนย์การค้าและความเจริญ ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรล่าสุดอยู่ราว 80,000-85,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งใกล้เคียงกับย่านสุเทพ-นิมมานฯ ด้วยซ้ำ ขณะที่ ราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ประมาณ 3-4 ล้านบาท (สำหรับห้องขนาด 1-2 ห้องนอนมาตรฐาน) เช่น ห้อง 1 นอน 30 ตร.ม. ในโครงการติดห้างอาจราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท (~83,000 บาท/ตร.ม.) เป็นต้น
ราคาที่ดูสูงนี้ส่วนหนึ่งเพราะ คอนโดใหม่ในฟ้าฮ่ามหลายโครงการเป็นของผู้พัฒนารายใหญ่และอยู่ในทำเลติดห้าง จึงกำหนดราคาในระดับตลาดบนของเชียงใหม่ แต่ก็มีคอนโดตลาดกลาง-ล่างบางส่วนในซอยที่ราคาย่อมเยากว่า (1-2 ล้านบาทสำหรับสตูดิโอ) เฉลี่ยแล้วจึงยังอยู่ในช่วง 3 ล้านกลางๆ ต่อยูนิต
กลุ่มผู้อยู่อาศัยและผู้เช่าในฟ้าฮ่าม มีความหลากหลาย ตั้งแต่พนักงานห้างและคนทำงานในธุรกิจย่านนั้น, ครอบครัวคนไทยที่มองหาความสะดวก (อยู่ใกล้ห้าง โรงพยาบาล โรงเรียนดังเช่น รร.ปรินส์รอยแยลส์ที่อยู่ห่างไม่ไกล), ไปจนถึงนักศึกษาและผู้ปกครองมหาวิทยาลัยพายัพ รวมถึงชาวต่างชาติบางส่วนที่มาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและเลือกพักคอนโดย่านนี้เพื่อเลี่ยงรถติดเวลาเข้าเมือง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ฟ้าฮ่ามมีดีมานด์เช่าต่อเนื่อง ค่าเช่าในย่านนี้ สำหรับห้อง 1 ห้องนอน (~30-40 ตร.ม.) จะอยู่ประมาณ 8,000-12,000 บาท/เดือน และห้อง 2 ห้องนอนอาจขยับไป ~15,000-20,000 บาท/เดือน ผลตอบแทนการเช่า (yield) เฉลี่ยประมาณ 5-6% ซึ่งนับว่าค่อนข้างดี
ย่านฟ้าฮ่ามยังมีที่ดินเหลือให้พัฒนาอีกและคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะถ้าโครงการระบบขนส่งมวลชนเชียงใหม่ (รถไฟฟ้ารางเบา) เกิดขึ้นจริง เส้นทางสายหนึ่งที่วางแผนไว้จะผ่านโซนนี้ ยิ่งจะทำให้ราคาที่ดินและคอนโดเพิ่มมูลค่าได้อีก ดังนั้นในการขายคอนโดแถวฟ้าฮ่าม ผู้ขายควรเน้นข้อดีเรื่อง ความสะดวกสบายในการเดินทาง (ขึ้นลงทางด่วน สัญจรง่าย), ใกล้ศูนย์การค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ (เหมาะกับชีวิตครอบครัวและคนทำงาน), และ ศักยภาพการเติบโตของทำเล ที่กำลังจะเป็น New CBD ของเชียงใหม่ จุดเหล่านี้จะช่วยดึงดูดผู้ซื้อที่มองการณ์ไกลและต้องการคุณภาพชีวิตที่ครบครัน
สถานการณ์ราคา ของคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่มีความแตกต่างกันไปตามทำเลอย่างชัดเจน ในปี 2568 นี้ หลังจากผ่านช่วงปรับฐานในช่วงโควิด ราคาคอนโดบางส่วนเริ่มขยับขึ้นเล็กน้อยตามความต้องการที่กลับมา แต่บางส่วนยังทรงตัวหรือปรับลดเพื่อเร่งยอดขาย ในส่วนนี้เราจะกล่าวถึง (1) ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรในทำเลสำคัญ และ (2) แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาในปี 2568
หากมอง ภาพรวมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ จากข้อมูลหลายแหล่งจะพบว่า ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดทั้งจังหวัดอยู่ที่ประมาณ 3.0-3.5 ล้านบาทต่อยูนิต และ ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรราว 70,000-80,000 บาท ตัวเลขนี้สะท้อนการผสมระหว่างคอนโดหรูในเมืองกับคอนโดราคาถูกชานเมือง ดังนั้นเวลาจะประเมินราคาคอนโดใดๆ ควรเทียบกับกลุ่มทำเลเดียวกันจึงจะเห็นภาพที่ชัดเจนกว่า
สำหรับแนวโน้มในปี 2568 ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ราคาคอนโดเชียงใหม่โดยรวมจะทรงตัวถึงปรับขึ้นเล็กน้อย ในย่านที่ความต้องการสูงและมีสินค้าจำกัด เช่น นิมมาน, ฟ้าฮ่าม, และคอนโดใกล้มหาวิทยาลัย ราคามีโอกาสขยับขึ้นได้ในอัตรา 2-5% เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากผู้ขายมีอำนาจต่อรองมากขึ้นจากดีมานด์ที่กลับมา โดยเฉพาะถ้าเป็นโครงการใหม่ที่มีจุดขายชัดเจน ผู้พัฒนาอาจตั้งราคาขายสูงกว่าตลาดเดิมเล็กน้อยและยังขายได้
ตัวอย่างเช่น คอนโดเปิดใหม่ในปี 2568 อย่าง Mekin Haus (จะกล่าวรายละเอียดในส่วนถัดไป) เปิดราคามา ~85,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าสูงกว่าคอนโดในทำเลเดียวกันก่อนหน้า 1-2 ปีที่ราคา ~75,000 บาท/ตร.ม. แต่ก็ยังได้รับความสนใจจองซื้อ เพราะลูกค้ายอมจ่ายสำหรับคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เป็นต้น กรณีนี้สะท้อนว่าในกลุ่มตลาดบน ราคาสามารถปรับขึ้นได้หากสินค้ามีความแตกต่าง
ในทางกลับกัน คอนโดโครงการเก่าและทำเลอิ่มตัวบางแห่ง อาจต้องตรึงราคาหรือจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ เนื่องจากมีหน่วยเหลือขายสะสมอยู่พอสมควร ย่านที่อาจเห็นราคาไม่ขยับหรือบางกรณีปรับลด เช่น โซนช้างคลานที่มีคอนโดเหลือขายหลายอาคาร, โซนสันทรายรอบนอกที่ไม่ติดเมือง (ไม่ใช่ฟ้าฮ่าม) ที่ดีมานด์ยังไม่สูงมาก เป็นต้น ผู้ขายในทำเลเหล่านี้อาจต้องตั้งราคาแข่งกันดุเดือดและเสนอเงื่อนไขพิเศษ เช่น ฟรีค่ากองทุนส่วนกลาง 1-2 ปี หรือเฟอร์นิเจอร์ครบชุด เพื่อปิดการขาย
ปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลต่อแนวโน้มราคาคือ ต้นทุนการพัฒนาและเงินเฟ้อ ในช่วงปี 2567-2568 ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการผลักภาระบางส่วนเข้าสู่ราคาขายคอนโดใหม่ โดยมีรายงานว่า ต้นทุนพัฒนาเพิ่มขึ้น ~5-10% ทำให้ราคาขายเปิดตัวใหม่ๆ มักสูงกว่าของเดิม อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อก็มองหาความคุ้มค่ามากขึ้น ดังนั้นโครงการไหนที่ขึ้นราคาแต่ไม่มีอะไรใหม่ก็อาจขายยาก ผู้พัฒนาจึงต้องเพิ่มฟีเจอร์หรือโปรโมชั่น
โดยสรุป ปี 2568 จะเป็นปีที่ราคาคอนโดเชียงใหม่ขยับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้พุ่งแรงแบบเก็งกำไร เนื่องจากยังมีอุปทานเหลืออยู่ แต่ก็มีทิศทางบวกในทำเลที่มีเรื่องราว เช่น นิมมานฯ ที่ฮิตตลอดกาล, ฟ้าฮ่ามที่กำลังบูม, หรือโครงการใกล้มหาวิทยาลัยที่ไม่เคยขาดดีมานด์ ผู้ขายควรติดตามภาวะตลาดรายไตรมาส หากเห็นว่าในทำเลของตัวเองเริ่มมีของเหลือน้อย สามารถถือโอกาสปรับขึ้นราคาหรือยืนราคาที่ต้องการได้มั่นใจขึ้น แต่หากทำเลที่ขายยังมีคู่แข่งเยอะ การตั้งราคาต้องยืดหยุ่นและอาจเน้นสร้างความแตกต่างเพื่อจูงใจแทนการแข่งราคา
ปี 2568 นับเป็นปีที่เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในเชียงใหม่เปิดตัวมากขึ้น หลังจากช่วงโควิดที่หลายบริษัทชะลอการเปิดโครงการ ในปีนี้ทั้งผู้พัฒนาท้องถิ่นและรายใหญ่จากส่วนกลางต่างเปิดโครงการใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่เริ่มกลับมา โดยมีทั้งคอนโดระดับลักชัวรีที่เน้นจุดขายเฉพาะทาง และคอนโดระดับกลางที่จับกลุ่มคนทำงาน เราจะกล่าวถึงโครงการเด่นๆ ที่เปิดตัวหรือเปิดขายในปี 2568 ดังต่อไปนี้:
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่จากดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่อื่นที่วางแผนเปิดตัวในเชียงใหม่ เช่น โครงการภายใต้แบรนด์ “Haus” ของแสนสิริ (นอกจาก Mekin Haus อาจมีอีกถ้ามีดีมานด์), โครงการจาก Origin หรือ Ananda ที่เล็งเชียงใหม่เป็นตลาดเป้าหมาย (แม้ยังไม่มีประกาศชัด), รวมถึง โครงการแนวราบที่พ่วงคอนโดในพื้นที่เดียวกัน เพื่อสร้างชุมชนครบวงจร (บางบริษัทเริ่มทำแนวนี้ เช่น สร้างบ้านจัดสรร+คอนโด+มอลล์ ในพื้นที่เดียว เช่น ORN ที่มี The Backyard มอลล์รวมในโปรเจ็ค) ทั้งนี้ ปี 2568-2569 น่าจะเห็นการแข่งขันของโครงการใหม่ในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ขายคอนโดมือสองอาจได้รับผลกระทบบ้างในแง่มีตัวเลือกใหม่ในตลาด แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยโปรโมททำเลและดึงดูดคนให้สนใจเชียงใหม่มากขึ้นด้วย
การลงทุนในคอนโดมิเนียมเชียงใหม่สามารถได้รับผลตอบแทนสองทางหลัก ได้แก่ ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) และ ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) ในส่วนนี้เราจะวิเคราะห์ทั้งสองด้านเพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าใจโอกาสและปัจจัยที่ส่งผลต่อผลตอบแทน
Rental Yield คืออัตราส่วนระหว่างรายได้ค่าเช่ารายปีเทียบกับมูลค่าทรัพย์สิน การลงทุนคอนโดปล่อยเช่าในเชียงใหม่ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากเมืองนี้เป็นจุดหมายของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาว ทำให้มีตลาดผู้เช่าที่หลากหลายเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น (ยกเว้นกรุงเทพฯ) โดยทั่วไป ผลตอบแทนค่าเช่าคอนโดในเชียงใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 4-6% ต่อปี ขึ้นกับทำเลและการบริหารจัดการ ดังนี้:
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Rental Yield ได้แก่ ความสามารถในการปล่อยเช่าอย่างสม่ำเสมอ (ถ้าห้องว่างบ่อยๆ yield ก็ลด) ซึ่งส่วนนี้ขึ้นกับกลยุทธ์ของเจ้าของ เช่น การตกแต่งห้องให้น่าอยู่ การตั้งค่าเช้าที่เหมาะสมกับตลาด และการตลาดหาผู้เช่าที่ดี นอกจากนี้ ประเภทผู้เช่า ก็มีผล – ผู้เช่าต่างชาติหรือองค์กรยินดีจ่ายค่าเช่าสูงกว่าผู้เช่าทั่วไป แต่ก็อาจคาดหวังคุณภาพห้องสูง ขณะที่ผู้เช่ากลุ่มนักศึกษาแม้ค่าเช่าไม่สูงมากแต่ความต้องการมีต่อเนื่องรุ่นแล้วรุ่นเล่า การเลือกรับผู้เช่าที่ตรงกลุ่มกับทำเลจึงสำคัญ
นอกจากนี้ ต้องพิจารณา ข้อจำกัดด้านกฎหมาย ด้วย อย่างที่กล่าวไป กฎหมายโรงแรมของไทย กำหนดว่าการปล่อยเช่าที่พักอาศัยระยะสั้น (<30 วัน) โดยไม่มีใบอนุญาตโรงแรมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และยังมีระเบียบข้อบังคับของคอนโดหลายแห่งที่ห้าม AirBnB ชัดเจน ดังนั้นหากนักลงทุนหวัง yield สูงจากการทำเช่ารายวัน ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงถูกปรับและความไม่แน่นอนในอนาคต (รัฐอาจเข้มงวดขึ้น) ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าคือเน้นเช่าระยะยาว แม้ yield ไม่หวือหวาเท่ารายวันแต่มีความยั่งยืน
เมื่อเทียบกับการลงทุนอสังหาฯ ประเภทอื่นในเชียงใหม่ เช่น บ้านเช่า Yield ของคอนโดมักสูงกว่าเล็กน้อย เพราะคอนโดมีต้นทุนรวมต่ำกว่าและมีอุปสงค์เช่าชัดเจนกว่า (ชาวต่างชาติหรือคนโสดมักเลือกคอนโดมากกว่าบ้าน) โดยทั่วไปบ้านเดี่ยวปล่อยเช่าในเชียงใหม่ yield อาจเฉลี่ยแค่ 3-4% เพราะราคาบ้านสูงแต่ค่าเช่าไม่สูงตาม ดังนั้นคอนโดจึงเป็นที่นิยมของนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากสามารถกู้ซื้อและปล่อยเช่าให้ผ่อนตัวเองได้ใกล้เคียงกัน
Capital Gain หมายถึงกำไรที่ได้จากส่วนต่างราคาซื้อกับราคาขายในอนาคต สำหรับการลงทุนคอนโดในเชียงใหม่ แม้ที่ผ่านมาไม่ใช่ตลาดที่ขึ้นหวือหวาแบบใจกลางกรุงเทพฯ แต่ก็มีโอกาสทำกำไรจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นได้โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดขาขึ้นหรือทำเลที่เกิดการพัฒนาสำคัญๆ
ในอดีต (ก่อนปี 2563) คอนโดเชียงใหม่หลายแห่งสร้างผลตอบแทนส่วนต่างให้ผู้ซื้อยุคแรกได้พอสมควร เช่น โครงการดิคอนโดบางเฟสที่เปิดตัวราวปี 2556-2557 ราคาช่วงเปิดตัวประมาณ 50,000 บาท/ตร.ม. ผ่านไป 5-6 ปีราคาขายต่อขึ้นมา ~65,000 บาท/ตร.ม. (ขึ้น ~30% หรือ ~5% ต่อปี) ซึ่งถือว่าไม่เลวสำหรับตลาดต่างจังหวัด ปัจจัยที่ทำให้ราคาขึ้นมักเป็นเพราะโครงสร้างพื้นฐานหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ในย่านนั้นเข้ามา เช่น ตอนเซ็นทรัลเฟสติวัลเปิดใหม่ๆ ราคาที่ดินและคอนโดฟ้าฮ่ามก็พุ่งขึ้นเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 2563-2565 ที่ผ่านมาตลาดซบเซาจากโควิด ทำให้ราคาคอนโดมือสองหลายแห่งปรับลดลงหรืออย่างดีคือทรงตัว นักลงทุนที่ซื้อไว้บางรายอาจไม่เห็น capital gain ในช่วงนั้น แต่ในปี 2566 เป็นต้นมา เมื่อดีมานด์ฟื้น ราคาก็เริ่มขยับกลับและบางแห่งทะลุจุดเดิมด้วยซ้ำ เช่น คอนโดในนิมมานฯ ที่ราคาตกช่วงโควิด ตอนนี้ปรับขึ้นกลับมาสูงกว่าก่อนโควิดแล้ว เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาเก็บของ
แนวโน้มปี 2568-2569 เชื่อว่าหากเศรษฐกิจไม่มีปัจจัยลบแรงๆ คอนโดเชียงใหม่มีโอกาสปรับมูลค่าขึ้น เฉลี่ยปีละ 3-5% ในทำเลดี โดยเฉพาะโครงการใหม่ที่ตอนนี้ขายไปแล้ว เมื่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในอีก 1-2 ปี ราคามือสองอาจขยับสูงกว่าราคาเปิดตัวได้ ตัวอย่างกรณีโครงการ Sansiri Dcondo Campus Resort สุเทพ ที่เปิดขายนักศึกษาในราคาเริ่ม 1.6 ล้าน พอสร้างเสร็จไม่นานราคาตลาดขึ้นไป ~2 ล้านบาท (ส่วนต่าง ~25%) เพราะมีคนต้องการอยู่จริงจำนวนมาก
ในทางกลับกัน โครงการที่อยู่ในทำเลที่ oversupply (คู่แข่งเยอะ) หรือมีข้อด้อย เช่น ทางเข้าลึก หรือแบรนด์ไม่แข็ง อาจไม่ได้เห็นราคาขึ้นเท่าไรนัก หรือบางทีต้องขายต่ำกว่าราคาจองด้วยซ้ำในระยะสั้น (เรียกว่า ขายใบจองไม่ได้กำไร) ดังนั้นการเลือกลงทุนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจึงสำคัญ หากเป้าหมายคือ Capital Gain ควรเลือกซื้อโครงการที่ราคาตอนเปิดตัวถูกกว่าโครงการอื่นในทำเลเดียวกันพอควร (มี pricing gap ให้กำไร) หรือมีของใหม่บางอย่างที่จะเกิดบริเวณนั้น เช่น รอข่าวรถไฟฟ้า, โครงการศูนย์การค้าใหม่, หรือแผนพัฒนาเมืองที่จะเพิ่มมูลค่าที่ดินในอนาคต
ปัจจุบันหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนราคาคอนโดเชียงใหม่คือ ความต้องการจากชาวต่างชาติ ดังที่กล่าวไป ผู้ซื้อจีนจำนวนไม่น้อยเข้ามากว้านซื้อคอนโดในทำเลที่ตนสนใจ (ใกล้มหาวิทยาลัยเอกชน, ใกล้ตลาดคนจีน, หรือวิวแม่น้ำ) ทำให้ราคาห้องชุดบางโครงการที่ชาวจีนชอบมีการปรับขึ้นเร็วกว่าตลาด เช่น คอนโดวิวแม่น้ำปิงหรือวิวภูเขาสวยๆ อาจมีการบอกต่อจนคนมาตามซื้อ ราคาก็ไต่ขึ้นได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นผู้ขายควรตามเทรนด์ว่าช่วงนี้ผู้ซื้อกลุ่มไหนกำลัง active และสนใจโครงการประเภทใด จะได้กำหนดราคาขายต่อได้เหมาะสม (เช่น ถ้ารู้ว่าช่วงนี้คนจีนหา 1-bed แถวมหาลัยเยอะ เราก็ตั้งราคาเผื่อต่อรองที่สูงกว่าปกติได้)
สรุปคือ การลงทุนคอนโดเชียงใหม่ให้ได้กำไรส่วนต่าง จำเป็นต้องถืออย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไปถึงจะเห็นการเติบโตของราคาอย่างเป็นรูปธรรม (ยกเว้นช่วงบูมแรงๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น) ผู้ลงทุนควรมองเป็นการลงทุนระยะกลางถึงยาว เลือกสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ ทำเลที่มีอนาคต และไม่รีบขายในช่วงตลาดซบเซา เท่านี้ก็มีโอกาสได้ทั้งค่าเช่าระหว่างทาง และกำไรตอนขายคืนในอนาคต
แต่ละทำเลของคอนโดในเชียงใหม่มีลักษณะผู้อยู่อาศัยและผู้เช่าที่แตกต่างกัน การเข้าใจ กลุ่มเป้าหมายผู้เช่า/ผู้อยู่อาศัย ในโซนนั้นๆ จะช่วยให้ผู้ขายหรือนักลงทุนสามารถวางกลยุทธ์การตลาดและกำหนดจุดขายได้ตรงจุด รวมถึงช่วยในการคัดเลือกผู้เช่าที่เหมาะสมเพื่อรักษาสินทรัพย์ระยะยาว
ในโซนใจกลางเมืองฝั่งตะวันตก ซึ่งครอบคลุมย่านนิมมานเหมินทร์และพื้นที่สุเทพโดยรอบมหาวิทยาลัย กลุ่มผู้เช่าและผู้อยู่อาศัยหลักๆ ได้แก่:
กลยุทธ์สำหรับผู้ขาย/ปล่อยเช่าในโซนนี้: ควรเน้น ความทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น WiFi, Smart TV, บริการทำความสะอาด (ถ้าให้ได้จะดีมาก), และ การตกแต่งที่ถ่ายรูปสวย (ถูกใจยุคโซเชียล) เพื่อดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ นอกจากนี้ควรเน้นจุดขายเรื่อง ใกล้สถานที่ยอดนิยม เช่น “เดิน 5 นาทีถึง Maya Mall / One Nimman” หรือ “ใกล้ถนนใหญ่ เรียกรถง่าย” เป็นต้น
โซนแม่เหียะและพื้นที่หางดงตอนต้น (ชานเมืองทิศใต้) กลุ่มผู้อยู่อาศัยจะต่างออกไป ดังนี้:
กลยุทธ์สำหรับโซนนี้: เน้นเรื่อง ความคุ้มค่าและพื้นที่กว้างขวาง เช่น “ห้องใหญ่ 50 ตร.ม. ในราคาค่าเช่าคอนโดเมืองเล็กกว่า 30 ตร.ม.”, เน้น ความสงบและปลอดภัย (เหมาะพาครอบครัวมาอยู่) และ ที่จอดรถเหลือเฟือ (คนมีรถส่วนตัวจะปลื้ม) นอกจากนี้ถ้าใกล้สถานที่สำคัญอย่างสนามบินหรือราชภัฏก็ควรระบุเพื่อจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะทาง
พื้นที่ฟ้าฮ่ามและใกล้เคียง (รวมถึงเจริญเมือง, หนองป่าครั่ง) มีลักษณะกลุ่มผู้อยู่อาศัยดังนี้:
กลยุทธ์การตลาดสำหรับฟ้าฮ่าม: เน้น ความสะดวกครบวงจร เช่น “เดินถึงเซ็นทรัลใน 2 นาที”, “ใกล้โรงพยาบาลและโรงเรียน” เพื่อเอาใจครอบครัว เน้น ความใหม่และสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง (ย่านนี้แข่งกันที่ facility เช่น สระ, ฟิตเนส ในราคาไม่แพง) หากห้องอยู่ชั้นสูงที่เห็นวิวเมืองหรือดอย ควรใช้เป็นจุดขายเสริมเพราะห้องวิวดีในราคาจับต้องได้เป็นที่ต้องการมาก
สรุปแล้ว การรู้จัก “ลูกค้า” ของแต่ละทำเลจะช่วยให้ผู้ขายคอนโดสามารถปรับปรุงห้องหรือเน้นจุดเด่นได้ตรงใจ เช่น ย่านนักศึกษาก็ควรเฟอร์ครบพร้อมอยู่ WiFi พร้อม, ย่านครอบครัวก็เน้นความปลอดภัยและพื้นที่ส่วนกลางเด็กเล่น, ย่าน expat ก็ต้องมีบริการเป็นภาษาอังกฤษและตกแต่งทันสมัย เป็นต้น เมื่อส่งมอบตรงความต้องการ ผู้ขายก็จะหาผู้ซื้อหรือผู้เช่าที่เหมาะสมได้ง่ายและปิดการขายได้รวดเร็วขึ้น
นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่มีทางเลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์, หรือ ที่ดินเปล่า การตัดสินใจลงทุนประเภทไหนขึ้นอยู่กับงบประมาณ เป้าหมายการลงทุน และตลาดผู้เช่า/ผู้ซื้อในพื้นที่นั้นๆ เราจะเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของคอนโดกับอสังหาฯ ประเภทอื่นในแง่มุมการลงทุน ดังนี้:
โดยภาพรวม สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการ รายได้สม่ำเสมอและความง่ายในการจัดการ คอนโดถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในเชียงใหม่ เพราะมีตลาดเช่าชัดเจนและต้นทุนเข้าถึงง่าย ขณะที่การลงทุนบ้านหรือที่ดินอาจเหมาะกับผู้ที่มีเงินทุนสูง ต้องการเล่นเก็งกำไรเป็นหลัก หรือมีความสามารถบริหารอสังหาฯ (เช่น ทำบ้านเช่าเป็นหลังๆ ให้ต่างชาติ) ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม การกระจายการลงทุนในหลายประเภทก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา นักลงทุนบางคนถือทั้งคอนโดและบ้านเพื่อกระจายความเสี่ยง เช่น คอนโดไว้ปล่อยเช่าเก็บค่าเช้ารายเดือน ส่วนบ้านถือไว้รอที่ดินขึ้นราคาในอีกสิบปี เป็นต้น สุดท้ายแล้ว แต่ละประเภทมีบทบาทในพอร์ตการลงทุนต่างกัน ผู้ลงทุนควรประเมินความพร้อมและเป้าหมายของตนก่อนตัดสินใจ
การซื้อขายคอนโดมิเนียมเกี่ยวข้องกับ ภาษีและค่าธรรมเนียมหลายรายการ ที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายควรทราบล่วงหน้า เพื่อจะได้เตรียมค่าใช้จ่ายและเจรจาต่อรองกันได้ถูกต้อง โปรดทราบว่าการตกลงว่าใครจ่ายค่าใช้จ่ายใดสามารถต่อรองได้ แต่โดยปกติตามธรรมเนียมตลาดอสังหาฯ ไทยมักแบ่งหน้าที่ดังนี้: ผู้ขายรับผิดชอบภาษีต่างๆ, ผู้ซื้อรับผิดชอบค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง (ถ้ามี) แต่ทั้งนี้สามารถตกลงอย่างอื่นได้ เรามาดูรายละเอียดค่าภาระต่างๆ ดังนี้:
สรุปการแบ่งหน้าที่ทั่วไป:
แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต่อรองได้ บางดีลผู้ซื้อให้ผู้ขายออกค่าโอนทั้งหมดเพื่อจูงใจ หรือบางดีลผู้ขายบอกจะขายราคาถูกแต่ผู้ซื้อช่วยออกภาษีให้ เป็นต้น ควรตกลงในสัญญาจะซื้อจะขายให้ชัดเจน
ตัวอย่าง: นาย ก. ขายคอนโด 1 ห้อง ราคา 3,000,000 บาท ถือมา 3 ปี ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน กรณีนี้จะมี
ข้อควรระวัง: ผู้ลงทุนควรคำนวณภาระภาษีเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าเมื่อตั้งราคาขาย เพื่อให้ได้สุทธิในมือเป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ถ้าอยากได้สุทธิ 3 ล้าน ก็อาจตั้งขาย 3.2 ล้านเพื่อเผื่อจ่ายภาษี เป็นต้น นอกจากนี้ หากขายขาดทุน (ขายต่ำกว่าราคาซื้อ) ก็ยังคงต้องเสียภาษีเงินได้และธุรกิจเฉพาะอยู่ดี เพราะคิดจากราคาประเมิน ไม่ใช่ราคาซื้อเดิม ดังนั้นต้องทำใจว่าเป็นต้นทุนการซื้อขาย
การถือครองและบริหารจัดการคอนโดมิเนียมในไทยมีกฎหมายและข้อบังคับหลายอย่างที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายควรทราบ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับผู้ซื้อต่างชาติและการปล่อยเช่าในรูปแบบต่างๆ ประเด็นสำคัญมีดังนี้:
โดยสรุป ผู้ซื้อควรศึกษากฎหมายและข้อจำกัดเหล่านี้ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง เช่น ต่างชาติก็ควรเลือกโครงการที่โควตายังเหลือ, คนที่อยากเลี้ยงสัตว์ก็ต้องหา Pet-Friendly Condo, นักลงทุน Airbnb ก็ต้องเลือกตึกที่ไม่เข้มงวดหรือหาวิธีดำเนินการที่ถูกต้อง, เป็นต้น การปฏิบัติตามกฎไม่เพียงแต่หลีกเลี่ยงบทลงโทษ แต่ยังช่วยรักษาคุณภาพชีวิตและมูลค่าการลงทุนระยะยาวของคอนโดด้วย
การเลือกซื้อคอนโดที่ “ใช่” สำหรับแต่ละคนหรือแต่ละวัตถุประสงค์นั้นไม่มีสูตรตายตัว แต่มีหลักการแนวทางที่ช่วยให้ตัดสินใจได้เหมาะสมขึ้น ในส่วนนี้จะแนะนำเคล็ดลับการเลือกคอนโดให้เหมาะกับ สองกลุ่มหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบทความ ได้แก่ นักลงทุนเพื่อปล่อยเช่า และ ผู้ซื้อที่ต้องการอยู่อาศัยเอง โดยจะเจาะจงว่าควรพิจารณาปัจจัยใดบ้างตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม
เพิ่มเติมสำหรับบางกลุ่มเฉพาะ:
เมื่อพิจารณาปัจจัยข้างต้นครบถ้วน ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเองก็ควรไป ทดลองใช้ชีวิตในทำเลจริง สักหน่อยก่อนซื้อ เช่น เช่าคอนโดหรือโรงแรมในย่านนั้นอยู่สักสัปดาห์เพื่อดูบรรยากาศทั้งกลางวันกลางคืน, ทดลองขับรถเส้นทางไปทำงานจากที่นั่นดู, ฟังเสียงสิ่งแวดล้อมตอนกลางคืน (มีหมาเห่าหรือเสียงรถแว้นไหม) สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจว่าเลือกถูก เพราะการซื้อบ้านสักหลังเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เราจะอยู่กับมันไปอีกนาน
ถาม: คนต่างชาติสามารถซื้อคอนโดในเชียงใหม่ได้หรือไม่? มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?
ตอบ: ได้ ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดในเชียงใหม่แบบถือกรรมสิทธิ์ 100% ในชื่อของตัวเองได้ แต่จะมีข้อจำกัดคือ (1) ทั้งโครงการต่างชาติถือครองรวมกันได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขาย (Foreign Quota) และ (2) เงินที่ใช้ซื้อจะต้องโอนจากต่างประเทศหรือมาจากเงินตราต่างประเทศ แลกเป็นเงินบาทในไทย โดยออกหลักฐานธุรกรรมการเงิน (Thor Tor 3) เพื่อยื่นที่กรมที่ดิน หากโครงการยังมีโควตาว่างและปฏิบัติตามเงื่อนไขการโอนเงินถูกต้อง ต่างชาติสามารถซื้อและขายต่อได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี ต่างชาติไม่มีสิทธิพิเศษเช่นลดค่าโอน 0.01% (มาตรการนั้นสำหรับบุคคลทั่วไปไม่แยกสัญชาติ) ดังนั้นค่าธรรมเนียม/ภาษีก็เหมือนคนไทย
ถาม: ซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าในเชียงใหม่ดีไหม? ปล่อยเช่ายากหรือเปล่า?
ตอบ: โดยภาพรวมตลาดเช่าคอนโดในเชียงใหม่ค่อนข้างคึกคัก มีผู้เช่าหลากหลายกลุ่มดังที่อธิบายไป ถ้าเลือกทำเลและห้องที่ตรงความต้องการ (เช่น ใกล้มอฯ สำหรับปล่อยเด็กนักศึกษา หรือย่านนิมมานสำหรับ expat) การหาผู้เช่าไม่ยากมาก ในยุคนี้มีช่องทางออนไลน์ช่วยหาผู้เช่าเยอะ เช่น กลุ่ม Facebook คอนโดเช่าเชียงใหม่, เว็บไซต์อย่าง DDproperty, RentHub, หรือ Airbnb (กรณีเช่าระยะสั้น) เจ้าของสามารถลงประกาศเองได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากตั้งราคาสมเหตุสมผล ภายใน 1-2 เดือนก็มักจะมีผู้เช่า สนใจ (ยกเว้นช่วง off-season นักท่องเที่ยวเช่นหน้าฝน อาจช้าหน่อย) ดังนั้นถ้าเน้นลงทุนปล่อยเช่า เชียงใหม่ถือเป็นตลาดที่ดีแห่งหนึ่ง แต่สำคัญคือต้องบริหารจัดการทรัพย์สินให้ดีและรักษาสภาพห้องให้น่าอยู่ตลอดเพื่อดึงดูดผู้เช่า
ถาม: ระหว่างซื้อคอนโดใหม่จากโครงการ กับซื้อคอนโดมือสอง แบบไหนดีกว่ากัน?
ตอบ: มีข้อดีต่างกัน:
ถาม: จะทราบได้อย่างไรว่าคอนโดไหนโควต้าต่างชาติเต็มหรือยัง?
ตอบ: สามารถสอบถามไปยัง นิติบุคคลอาคารชุดของโครงการนั้น โดยตรง หรือถามฝ่ายขาย (ถ้าเป็นโครงการใหม่ยังมีสำนักงานขาย) นิติฯ จะมีข้อมูลว่าปัจจุบันต่างชาติถือครองกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ข้อมูลนี้สำคัญสำหรับต่างชาติที่อยากซื้อ หรือคนไทยที่จะซื้อเพื่อหวังขายต่อให้ต่างชาติในอนาคต อีกวิธีคือดูจากรายชื่อในนิติฯ ถ้าเห็นชื่อฝรั่งเยอะๆ ก็คาดเดาได้ระดับหนึ่ง แต่ควรยืนยันกับทางนิติฯ เพื่อความแน่นอน
ถาม: ค่าใช้จ่ายคอนโดรายเดือน/ปี มีอะไรบ้าง?
ตอบ: หลักๆ จะมี ค่าส่วนกลาง ที่จ่ายรายเดือนหรือรายปีให้กับนิติบุคคล เพื่อนำไปดูแลรักษาตึก สวน สระ ฯลฯ อัตราค่าส่วนกลางระบุในสัญญาและมติที่ประชุม (บาท/ตร.ม./เดือน) เช่น ห้อง 30 ตร.ม. ส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม. เดือนนึงก็ 1,200 บาท สามารถจ่ายปีละครั้งได้ นอกจากนี้ก็เป็น ค่าน้ำ-ค่าไฟ ตามมิเตอร์ใช้จริงแต่ละเดือน (ค่าไฟจ่ายตรงการไฟฟ้า ตามอัตราบ้านอยู่อาศัยเดียวกัน, ค่าน้ำจ่ายผ่านนิติฯ คิดเป็นหน่วยเช่น 20-30 บาท/หน่วย แล้วแต่นโยบาย บางที่ก็คิดตามประปา+ค่าบริหาร) และมี ค่ากองทุนส่วนกลาง (เก็บครั้งเดียวตอนเข้าอยู่) ซึ่งถ้าซื้อมือหนึ่งเราต้องจ่ายตอนโอน แต่ถ้ามือสองเจ้าของเดิมจ่ายไปแล้วก็ไม่มีอีก สำหรับภาษีที่ดินฯ รายปีของคอนโด ส่วนใหญ่จะน้อยหรือไม่มี (ถ้าเป็นหลังแรก) จึงไม่ใช่ภาระหลัก ดังนั้นโดยรวมต่อปีก็เตรียมเฉพาะค่าส่วนกลาง+ค่าน้ำไฟตามใช้
ถาม: ถ้าจะขายคอนโดของตัวเอง ต้องเริ่มอย่างไร? ควรตั้งราคาขายเท่าไรดี?
ตอบ: ขั้นแรก ควรศึกษาตลาดว่า มีห้องลักษณะเดียวกับเราขายอยู่กี่ห้องและราคาเท่าไร สามารถหาได้จากเว็บประกาศ (DDproperty, Hipflat, LivingInsider ฯลฯ) หรือถามนายหน้าท้องถิ่นเพื่อประเมิน ถ้าเราอยากขายไวอาจตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่ก็ต้องดูว่าขายต่ำกว่าทุนหรือไม่ หากต่ำไปมากอาจไม่คุ้ม ควรมีราคาขั้นต่ำในใจ จากนั้นเตรียมห้องให้ดูดี เก็บของใช้ส่วนตัวออก ถ่ายรูปมุมกว้างให้สวย ลงประกาศในช่องทางออนไลน์ต่างๆ และบอกเครือข่ายนายหน้าที่เรารู้จักให้ช่วยหาลูกค้า นายหน้าในเชียงใหม่มีหลายรายที่มีลูกค้ารอซื้อ โดยเฉพาะลูกค้าจีน/ต่างชาติ ถ้าเรายินดีจ่ายค่านายหน้า (~3% ของราคาขายเมื่อขายได้) เขาจะช่วยโปรโมทได้มาก ส่วนเอกสารก็เตรียมโฉนด ตัวสัญญาก็ใช้บริการสำนักงานที่ดินจัดการให้วันโอนได้ เมื่อมีคนสนใจจริงจังอาจมีการมัดจำทำสัญญาจะซื้อจะขาย (เงินมัดจำทั่วไป 1-2% ของราคาซื้อขาย) แล้วนัดวันโอนที่สำนักงานที่ดิน ผู้ขายและผู้ซื้อไปพร้อมกัน (หรือมอบอำนาจให้ตัวแทนก็ได้) เจ้าหน้าที่จะคำนวณค่าใช้จ่ายและให้ชำระก่อนจดทะเบียนโอน เสร็จแล้วก็เปลี่ยนกรรมสิทธิ์เรียบร้อย
ถาม: การทำสัญญาเช่าคอนโดต้องทำอย่างไร? ผู้ให้เช่าต้องรายงานหน่วยงานราชการหรือไม่?
ตอบ: การเช่าคอนโดระยะยาว (>30 วัน) ระหว่างบุคคลทำได้ไม่ยุ่งยาก แนะนำให้ทำ สัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร ระบุรายละเอียด เช่น ข้อมูลคู่สัญญา ที่อยู่ทรัพย์สิน ค่าเช่า วิธีชำระ มัดจำความเสียหาย (ส่วนใหญ่ 2 เดือน), ระยะเวลาเช่า และเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ห้ามเลี้ยงสัตว์ ห้ามสูบบุหรี่ ฯลฯ ผู้ให้เช่าควรเก็บสำเนาบัตรผู้เช่าและทะเบียนบ้าน/พาสปอร์ตไว้ สัญญาเช่าไม่มีการจดทะเบียนอะไรกับที่ดินเพราะไม่ใช่ระยะยาวเกิน 3 ปี (ถ้าเช่าเกิน 3 ปีควรไปจดที่ดิน) ส่วนเรื่องรายงานราชการนั้น มี กฎหมายคนเข้าเมือง (ตม.) กำหนดว่า ผู้ให้เช่าที่พักแก่คนต่างด้าวต้องแจ้งต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ทำ TM.30) ภายใน 24 ชม. ทุกครั้งที่ผู้เช่าต่างชาติย้ายเข้ามาพัก กรณีคอนโดก็เช่นกัน เจ้าของห้องต้องแจ้งออนไลน์หรือไปยื่นแบบฟอร์ม TM30 ที่ ตม. เชียงใหม่ (หรือผ่านนิติฯ ถ้าเขาบริการรับแจ้งให้) มิฉะนั้นตอนผู้เช่าต่างชาติขออยู่ต่อหรือกลับเข้าประเทศอาจโดนปรับได้ นอกจากนี้ผู้ให้เช่าคนไทยต้องนำรายได้ค่าเช่าไปรวมยื่นเสีย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนปลายปีด้วย (สามารถหักค่าใช้จ่ายเหมา 30% จากค่าเช่าได้) เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ถาม: ในปี 2568 นี้เป็นเวลาที่ดีในการซื้อคอนโดในเชียงใหม่ไหม หรือควรรอก่อน?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และทำเลที่สนใจ ถ้าเป็น ผู้ซื้ออยู่เอง และเจอห้องที่ถูกใจในงบประมาณ ก็ถือเป็นเวลาที่ดีเพราะดอกเบี้ยกู้ขณะนี้แม้สูงกว่าสองปีก่อน แต่ก็ยังในระดับประมาณ 5-6% ซึ่งหากรอไปอาจปรับขึ้นได้อีก และราคาคอนโดถ้าทำเลดีๆ ตอนนี้ก็เริ่มขยับขึ้นแล้ว การซื้อปีนี้อาจได้ราคาโปรฯ หรือมีตัวเลือกห้องเยอะกว่าอนาคต ในทางกลับกันถ้าเป็น นักลงทุน ช่วงต้นปี 2568 ถือว่าเป็นจังหวะที่ยังพอมีของราคาดีเหลือในตลาดจากช่วงโควิด สามารถเลือกซื้อสะสมได้ก่อนที่นักลงทุนคนอื่นจะกลับมาเต็มตัว (โดยเฉพาะต่างชาติที่ตอนนี้ก็เริ่มมาแล้ว) หากรอไปอีก 1-2 ปี ราคาคอนโดเชียงใหม่น่าจะค่อยๆ ปรับขึ้นและของดีถูกขายไป การเข้าลงทุนแต่เนิ่นๆ อาจได้เปรียบ ทั้งนี้ต้องเลือกอย่างระมัดระวังเป็นรายโครงการ/รายทำเล สำหรับผู้ที่มองว่าตอนนี้เศรษฐกิจยังไม่แน่นอนอยากรอก่อน ก็อาจเห็นด้วยถ้าจะรอให้รัฐบาลชุดใหม่ๆ มีนโยบายชัดเจนหรือดอกเบี้ยลดลง แต่นั่นก็อาจแลกมากับราคาที่สูงขึ้นในอนาคต ไม่มีคำตอบตายตัว จึงขึ้นกับความพร้อมของผู้ซื้อเองด้วย
หวังว่า คำถามที่พบบ่อย ข้างต้นจะช่วยไขข้อข้องใจให้กับผู้อ่านที่สนใจ ขายหรือซื้อคอนโดในเชียงใหม่ ไม่มากก็น้อย ทั้งในแง่มุมการลงทุนและการอยู่อาศัยเอง โดยภาพรวมตลาดเชียงใหม่ในปี 2568 มีแนวโน้มสดใสปานกลาง ไม่ร้อนแรงจนเก็งกำไรหวือหวา แต่ก็มีปัจจัยหนุนให้เติบโตอย่างมั่นคง ผู้ซื้อผู้ขายที่เตรียมความรู้และกลยุทธ์มาดีจะสามารถใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่ และประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ในการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้

พลัม คอนโด ลาดพร้าว 101

เนเชอรัล พาร์ค พาวิลเลียน

ป่าตอง ทาวเวอร์ ซีวิว คอนโด