








































































































































































































































































































































































































































































พัทยาเป็นหนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่คึกคักที่สุดของประเทศไทย ด้วยชื่อเสียงในฐานะแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลระดับโลกและทำเลที่ตั้งใกล้กรุงเทพฯ เพียงประมาณ 140 กิโลเมตร เมืองพัทยาแบ่งออกเป็น 4 เขตหลัก (พัทยาเหนือ, พัทยากลาง, พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน) แต่ละส่วนมีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่สวยงาม แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลาย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตจริงจัง เช่น โรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลมาตรฐานสากล เมืองพัทยาจึงดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้เกษียณอายุที่มองหาที่พักอาศัยระยะยาว และนักลงทุนอสังหาฯ จากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปีที่ผ่านมา หลังการฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ตลาดขายบ้านในพัทยามีสัญญาณการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและการลงทุนปล่อยเช่า
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อผู้ซื้อบ้านหรือนักลงทุนคนไทยที่สนใจโอกาสในตลาดบ้านพัทยา เราจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทบ้านที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ แนวโน้มตลาดล่าสุด วิเคราะห์ทำเลยอดนิยมที่น่าลงทุน อัตราผลตอบแทน (ROI) จากการลงทุนบ้าน ตลอดจนขั้นตอนและปัจจัยสำคัญในการซื้อบ้าน นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความเสี่ยงที่ควรระวังและคำแนะนำพิเศษจากมุมมองนักลงทุนมืออาชีพ เนื้อหามีการอ้างอิงข้อมูลปัจจุบัน ณ ปี 2568 เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่สดใหม่และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
บทความนี้เปรียบเสมือนคู่มือเชิงกลยุทธ์ที่รวบรวมทุกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนบ้านในพัทยาไว้อย่างครบถ้วน โดยมีรูปแบบการเขียนที่มืออาชีพแต่เข้าใจง่ายในน้ำเสียงเชิงที่ปรึกษา ช่วยให้ผู้อ่านได้รับทั้งความรู้และความมั่นใจ พร้อมสำหรับการตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูลสนับสนุน
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาช่วงปี 2567-2568 มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจและแตกต่างจากช่วงก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากภาวะชะลอตัวในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยในพัทยากลับมาคึกคักอีกครั้ง ปัจจัยสำคัญมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่นำพาผู้ซื้อและผู้เช่าต่างชาติเข้ามามากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ช่วยกระตุ้นความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้อย่างต่อเนื่อง (นักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปี 2566 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน ฟื้นตัวประมาณ 60-70% ของระดับก่อนโควิด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2567-2568)
หนึ่งในสัญญาณที่สะท้อนความร้อนแรงของตลาดพัทยาคือ จังหวัดชลบุรี (ซึ่งครอบคลุมเขตเมืองพัทยา) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับผู้ซื้ออสังหาฯ ชาวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 แซงหน้ากรุงเทพฯ ความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ EEC โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายรายการกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมกรุงเทพฯ-พัทยา (คาดว่าจะเปิดใช้บริการภายในปี 2572) และการขยายสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาใกล้เมืองพัทยา ซึ่งจะช่วยยกระดับการคมนาคมและดึงดูดธุรกิจใหม่ๆ เข้ามา ส่งผลให้พัทยากลายเป็นทำเลที่น่าจับตามองยิ่งขึ้นในสายตานักลงทุน
ในด้านสถิติภาพรวมตลาด ณ ปี 2568 มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้:
ภาพรวมแล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาในปี 2568 อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างระมัดระวัง แม้คอนโดมิเนียมจะเป็นดาวเด่นในแง่ปริมาณการซื้อขาย แต่ตลาดบ้านและวิลล่าในพัทยาก็ได้รับแรงส่งจากความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงและความสนใจจากนักลงทุนที่มองหาโอกาสรับผลตอบแทนทั้งจากค่าเช่าและมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาเมือง
พัทยามีรูปแบบที่อยู่อาศัยหลากหลาย ครอบคลุมทุกระดับความต้องการของผู้ซื้อ สำหรับตลาดบ้านในพัทยา เราสามารถแบ่งประเภทบ้านหลักๆ ที่ได้รับความนิยมได้ดังนี้:
ภาพรวมของประเภทบ้านในพัทยาแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อมีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่บ้านราคาเอื้อมถึงไปจนถึงบ้านหรู ซึ่งแต่ละประเภทก็ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยเอง การลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว หรือทำเป็นบ้านพักตากอากาศเพื่อการท่องเที่ยว นักลงทุนควรพิจารณาเลือกรูปแบบบ้านที่สอดคล้องกับเป้าหมายการใช้ประโยชน์และงบประมาณของตนให้มากที่สุด
การเลือกทำเลที่ตั้งของบ้านในพัทยามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งคุณภาพชีวิตและผลตอบแทนการลงทุน ทำเลแต่ละส่วนของเมืองพัทยามีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้:
พื้นที่พัทยาเหนือรวมถึงย่านนาเกลือและวงศ์อมาตย์ ถือเป็นทำเลดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมในกลุ่มชาวต่างชาติและผู้ซื้อระดับบนมายาวนาน ลักษณะเด่นของโซนนี้คือบรรยากาศที่เงียบสงบและมีชายหาดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว (หาดวงศ์อมาตย์) พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ร้านอาหารทะเลชื่อดัง ตลาดสด และคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดย่อม บ้านในพัทยาเหนือส่วนใหญ่เป็นบ้านระดับกลางถึงหรู และคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ สำหรับบ้านเดี่ยวหรือวิลล่าในย่านนาเกลือ ราคามักจะสูงกว่าย่านอื่นเนื่องจากที่ดินริมทะเลหายาก แต่ก็แลกมาด้วยบรรยากาศริมทะเลที่เงียบสงบและวิวทะเลที่สวยงาม นักลงทุนที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรือสินทรัพย์ระยะยาวมักให้ความสนใจทำเลนี้ เพราะมูลค่าทรัพย์สินมีแนวโน้มแข็งแกร่งและปล่อยเช่าง่ายในกลุ่มชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือพำนักระยะยาว
ย่านพัทยากลางเป็นศูนย์กลางความเจริญและแหล่งธุรกิจการค้าของเมือง ที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน (Walking Street) บาร์และร้านอาหารจำนวนมาก เนื่องจากความเป็นเมืองและความหนาแน่นของชุมชน พื้นที่ใจกลางพัทยาจึงมีโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมหนาแน่น
ส่วนบ้านพักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยวในพัทยากลางจะมีค่อนข้างจำกัดและมักเป็นบ้านที่ปลูกสร้างมานานในชุมชนท้องถิ่นหรืออยู่ในซอยลึก ความได้เปรียบของการอยู่อาศัยในพัทยากลางคือความสะดวกสบายในการเดินทางและใกล้แหล่งงาน แต่สภาพแวดล้อมจะคึกคักพลุกพล่านตลอดทั้งวัน ผู้ที่มองหาบ้านสำหรับอยู่อาศัยในบริเวณนี้ควรพิจารณาปัจจัยเรื่องเสียงและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากอยู่ใจกลางเมือง สำหรับการลงทุนปล่อยเช่า บ้านหรือทาวน์เฮ้าส์ใจกลางเมืองอาจได้กลุ่มผู้เช่าเป็นคนทำงานในท้องถิ่นหรือชาวต่างชาติที่ต้องการอยู่ใกล้สถานบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวก
พัทยาใต้ตั้งแต่บริเวณถนนพัทยาใต้ลงมาจนถึงเขตต่อเนื่องจอมเทียน เป็นย่านที่ผสมผสานระหว่างเขตอยู่อาศัยของคนท้องถิ่นกับพื้นที่ท่องเที่ยวบางส่วน ความโดดเด่นของพัทยาใต้คืออยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวกลางคืนชื่อดัง (โดย Walking Street อยู่บริเวณขอบเขตพัทยาใต้) ขณะเดียวกันก็มีชุมชนท้องถิ่นที่อยู่อาศัยมานาน มีตลาดสด วัด โรงเรียน และร้านค้าต่างๆ กระจายตัวอยู่โดยรอบ
บ้านในพัทยาใต้ส่วนมากเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวหลังเล็กในชุมชน รวมถึงบางโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็กในซอยเชื่อมต่างๆ ระดับราคาจะย่อมเยากว่าย่านเหนือและใจกลางเมืองเล็กน้อย เนื่องจากไม่ได้ติดทะเลโดยตรง แต่การเดินทางก็สะดวกเพราะสามารถใช้ถนนสุขุมวิทและถนนเลียบทางรถไฟในการเชื่อมต่อ ส่วนการลงทุนปล่อยเช่า บ้านหรือทาวน์โฮมในพัทยาใต้สามารถปล่อยเช่าให้ทั้งกลุ่มพนักงานในพื้นที่และชาวต่างชาติที่ต้องการค่าเช่าถูกกว่าโซนติดทะเล ในขณะที่ยังเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวหลักได้ภายในไม่กี่นาที
หาดจอมเทียนตั้งอยู่ถัดจากพัทยาใต้ลงไป ได้ชื่อว่าเป็นย่านที่มีบรรยากาศผ่อนคลายกว่าโซนพัทยาเมือง ด้วยชายหาดยาวหลายกิโลเมตรที่เหมาะแก่การพักผ่อนและเล่นน้ำทะเล จอมเทียนได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยวและผู้ซื้อที่ต้องการบ้านพักตากอากาศหรือคอนโดติดทะเล บริเวณริมชายหาดจอมเทียนจะเต็มไปด้วยคอนโดมิเนียมสูงและโรงแรม ส่วนพื้นที่ด้านในฝั่งสุขุมวิทมีหมู่บ้านจัดสรรและบ้านพักอาศัยหลายแห่งที่รองรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ
บ้านเดี่ยวในโซนจอมเทียนมีตั้งแต่บ้านขนาดเล็กในซอยที่เงียบสงบ ไปจนถึงวิลล่าหรูในโครงการปิดที่มีความเป็นส่วนตัว ระดับราคาค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่ประมาณ 4-5 ล้านบาท สำหรับบ้านในซอยเล็กๆ ไปจนถึงสิบกว่าล้านบาทสำหรับบ้านหรูใกล้ทะเล จุดเด่นของทำเลจอมเทียนคือได้บรรยากาศชายทะเลที่สงบกว่าพัทยากลาง แต่ยังเดินทางเข้าเมืองสะดวก (ขับรถประมาณ 10-15 นาทีถึงตัวเมืองพัทยา) การปล่อยเช่าบ้านในจอมเทียนเป็นที่ต้องการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวต่างชาติหรือคนไทยจากกรุงเทพฯ ที่อยากมาพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์
เขาพพระตำหนัก (บางครั้งเรียกโซนพระตำหนักหรือโคซี่บีช) เป็นเนินเขาที่คั่นกลางระหว่างพัทยาใต้กับจอมเทียน พื้นที่บริเวณนี้นับเป็นทำเลที่มีความพิเศษเพราะให้วิวทะเลมุมสูงที่สวยงามและมีความเป็นส่วนตัวสูง ปัจจุบันพื้นที่เขาพระตำหนักพัฒนาไปมาก มีคอนโดมิเนียมหรูและโรงแรมระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ ประกอบกับร้านอาหารและคาเฟ่วิวทะเลหลายแห่ง
บ้านพักอาศัยในโซนนี้ส่วนใหญ่เป็นวิลล่าขนาดใหญ่หรือบ้านพักหรูที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาหรือในซอยที่เงียบสงบ เหมาะกับผู้ซื้อที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศหรูหรา ระดับราคาของบ้านที่นี่สูงตามความพิเศษของทำเล โดยมีวิลล่าหลายหลังที่ราคาสูงหลายสิบล้านบาท การลงทุนซื้อบ้านในเขาพระตำหนักเหมาะกับการถือครองระยะยาวเพื่อมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น หรือใช้เป็นบ้านพักส่วนตัวระดับลักชัวรี การปล่อยเช่าอาจเน้นไปที่ตลาดเช่ารายเดือนหรือรายปีในกลุ่มผู้บริหารชาวต่างชาติหรือครอบครัวที่ต้องการบ้านระดับหรูในพัทยา
พื้นที่ฝั่งตะวันออกของทางรถไฟหรือที่คนท้องถิ่นมักเรียกว่า “พัทยาฝั่งเขา” ครอบคลุมบริเวณตำบลหนองปรือ โป่ง และพื้นที่รอบทะเลสาบมาบประชัน ทำเลนี้แตกต่างจากโซนติดทะเลของพัทยา เพราะมีลักษณะเป็นย่านพักอาศัยที่เงียบสงบ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและสนามกอล์ฟหลายแห่ง เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตระยะยาวในพัทยา (เช่น ผู้เกษียณอายุหรือผู้ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง)
ข้อดีของพัทยาตะวันออกคือที่ดินและบ้านมีราคาถูกกว่าโซนติดทะเลมาก ผู้ซื้อสามารถได้บ้านบนที่ดินแปลงใหญ่ในราคาที่คุ้มค่า เช่น บ้านเดี่ยว 3-4 ห้องนอนพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในโซนนี้อาจมีราคาเริ่มต้นเพียง 5-6 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่าบ้านขนาดเท่ากันในตัวเมืองเกือบครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้โซนนี้ยังมีโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง (เช่น Regents International School) และคอมมูนิตี้มอลล์รองรับความต้องการของผู้พักอาศัย ปัจจุบันพื้นที่ East Pattaya กำลังได้รับอานิสงส์จากการพัฒนา EEC และมอเตอร์เวย์สายใหม่ที่ช่วยให้เดินทางไปกรุงเทพฯ หรือสนามบินอู่ตะเภาได้รวดเร็วขึ้น การลงทุนซื้อบ้านในโซนนี้เหมาะกับการปล่อยเช่าระยะยาวให้ชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือพักผ่อน รวมถึงมีโอกาสที่มูลค่าที่ดินจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อพื้นที่พัฒนามากขึ้นในอนาคต
เมื่อลงลึกเฉพาะตลาดบ้านแนวราบในพัทยา (เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม) จะพบว่ามีทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างแตกต่างจากตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มสำคัญที่เห็นได้ชัด ได้แก่:
หนึ่งในเหตุผลหลักที่นักลงทุนสนใจซื้อบ้านในพัทยาคือโอกาสในการสร้างผลตอบแทนทั้งจากการปล่อยเช่าและมูลค่าทรัพย์สินที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในส่วนนี้เราจะวิเคราะห์องค์ประกอบของผลตอบแทนจากการลงทุนบ้านในพัทยา:
โดยสรุปแล้ว ผลตอบแทนจากการลงทุนบ้านในพัทยาประกอบด้วยทั้งกระแสเงินสดจากการปล่อยเช่าและการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในระยะยาว หากผู้ลงทุนบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคาค่าเช่าที่สอดคล้องกับตลาด การดูแลรักษาบ้านให้อยู่ในสภาพดี และการเลือกทำเลที่มีศักยภาพ ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนรวมที่น่าประทับใจเมื่อเทียบกับการลงทุนอสังหาฯ ในพื้นที่อื่นๆ
การซื้อบ้านในพัทยาสำหรับผู้ซื้อชาวไทยนั้นมีกระบวนการคล้ายคลึงกับการซื้ออสังหาฯ ในพื้นที่อื่นๆ แต่ควรดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้บ้านที่ตรงความต้องการและปิดการขายอย่างราบรื่น ขั้นตอนทั่วไปมีดังนี้:
การตัดสินใจซื้อบ้านในพัทยาให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการ จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านอย่างรอบคอบ ดังต่อไปนี้:
แม้ว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์พัทยาจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็ไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้และเตรียมแผนรับมือ:
สุดท้ายนี้คือคำแนะนำจากมุมมองของนักลงทุนอสังหาฯ ที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนบ้านในพัทยาได้อย่างรอบคอบและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้น:
ตลาดบ้านในพัทยาในปี 2568 ยังคงเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับนักลงทุนและผู้ซื้อที่มองหาที่อยู่อาศัยในเมืองท่องเที่ยวศักยภาพสูงแห่งนี้ พัทยามีความโดดเด่นทั้งในด้านทำเลที่ตั้งที่เดินทางสะดวก ความต้องการจากทั้งชาวไทยและต่างชาติที่หลากหลาย รวมถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมให้ตลาดขายบ้านในพัทยามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว อย่างไรก็ดี การลงทุนบ้านในพัทยาจะประสบความสำเร็จได้ ผู้ลงทุนจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและวางแผนอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกประเภทบ้าน ทำเล การประเมินผลตอบแทน ไปจนถึงการพิจารณาความเสี่ยงและเตรียมกลยุทธ์รับมือ
หวังว่าบทความเชิงลึกนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดบ้านพัทยาได้ชัดเจนขึ้น และได้รับความรู้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจลงทุนของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาโอกาสแรก หรือผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการขยายพอร์ตอสังหาฯ ของตน เมืองพัทยาก็มีตัวเลือกและศักยภาพมากมายที่รอให้คุณมาค้นพบ ด้วยการวางกลยุทธ์ที่ดีและการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูล คุณก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุนซื้อบ้านในพัทยาอย่างแน่นอน
ถาม: ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านในพัทยาได้หรือไม่?
ตอบ: ตามกฎหมายไทย ชาวต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้โดยตรง ซึ่งหมายความว่าการซื้อบ้าน (ที่มาพร้อมที่ดิน) โดยชาวต่างชาติจะมีข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม มีวิธีทางอ้อมที่ชาวต่างชาติใช้ในการครอบครองบ้านในพัทยา ได้แก่ การซื้อผ่านนิติบุคคลจดทะเบียนไทย (บริษัท) ที่ตนเองถือหุ้นอยู่ หรือการทำสัญญาเช่าระยะยาว (เช่น เช่า 30 ปีและต่ออายุ) นอกจากนี้กรณีชาวต่างชาติแต่งงานกับคู่สมรสชาวไทย คู่สมรสชาวไทยสามารถถือกรรมสิทธิ์บ้านในนามตนเองได้ โดยชาวต่างชาติทำสัญญาแจ้งสละสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมาย ทั้งนี้ทุกวิธีมีข้อดี-ข้อเสียและข้อพึงระวัง ผู้สนใจควรปรึกษาทนายความเพื่อวางโครงสร้างการถือครองทรัพย์สินให้ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับการถือครองห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ชาวต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์ได้ 100% หากสัดส่วนการถือครองของต่างชาติในโครงการนั้นไม่เกิน 49% ของพื้นที่ห้องชุดทั้งหมด ซึ่งเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าการซื้อบ้านมาก
ถาม: การซื้อบ้านในพัทยามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างนอกจากราคาบ้าน?
ตอบ: นอกจากราคาซื้อขายบ้านที่ต้องชำระให้ผู้ขายแล้ว ผู้ซื้อควรเตรียมงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้: (1) ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (โดยปกติมักแบ่งชำระคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย ยกเว้นจะตกลงเป็นอย่างอื่น), (2) ภาษีธุรกิจเฉพาะหรืออากรแสตมป์ ซึ่งผู้ขายเป็นผู้ชำระ (หากผู้ขายถือครองทรัพย์สินน้อยกว่า 5 ปีหรือน้อยกว่า 1 ปีในทะเบียนบ้าน จะเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมินที่ดินฯ แล้วแต่ราคาใดสูงกว่า กรณีอื่นๆ ชำระเป็นอากรแสตมป์ 0.5%), (3) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งผู้ขายเป็นผู้รับภาระ คำนวณตามหลักเกณฑ์กรมสรรพากร (ขึ้นกับราคาประเมินและระยะเวลาถือครอง), (4) ค่าจดจำนอง (กรณีกู้เงินธนาคาร) 1% ของมูลค่าจำนอง โดยผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ, (5) ค่านายหน้า (ถ้ามีเอเจนต์) ปกติประมาณ 3% ของราคาขาย ซึ่งโดยมากผู้ขายเป็นผู้จ่ายให้เอเจนต์, (6) ค่าส่วนกลางที่ค้างชำระ (ถ้ามี) ผู้ซื้ออาจตกลงให้ผู้ขายชำระเคลียร์ค้างก่อนโอน, และ (7) ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง/ตกแต่ง หลังรับโอน เช่น ค่าซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าทาสี เป็นต้น การคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหล่านี้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ซื้อมองเห็นภาพรวมทางการเงินชัดเจนและไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
ถาม: ระหว่างบ้านกับคอนโดในพัทยา ควรลงทุนแบบไหนดี?
ตอบ: การเลือกลงทุนระหว่างบ้านและคอนโดในพัทยาขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความถนัดของผู้ลงทุนแต่ละราย คอนโดมิเนียม มีข้อดีคือการดูแลง่าย ผู้ดูแลโครงการจัดการเรื่องส่วนกลางต่างๆ ให้ทั้งหมด และชาวต่างชาติสามารถถือครองได้สะดวก ทำให้ปล่อยเช่าให้ต่างชาติได้ง่าย ตัวคอนโดเองมักตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองหรือริมชายหาด เดินทางสะดวกและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่ในทางกลับกัน คอนโดในพัทยาก็มีการแข่งขันสูง มีอุปทานจำนวนมาก ค่าเช่าอาจไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับราคาซื้อ และห้องชุดมีพื้นที่จำกัด บ้านหรือวิลล่า มีข้อดีเรื่องพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อาศัยจริงมากกว่า เหมาะกับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ผลตอบแทนค่าเช่าในแง่ต่อหลังอาจสูงกว่า (เช่น ปล่อยเช่ารายวันให้กลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวใหญ่ได้ราคาดีกว่าเมื่อเทียบกับคอนโด) และจำนวนบ้านมีจำกัดกว่า ทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นของราคาดีหากอยู่ในทำเลที่เป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ดี การลงทุนบ้านต้องดูแลรักษามากกว่า (เพราะไม่มีนิติบุคคลช่วยดูแลทั้งหมด), ค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการบำรุงรักษาสูงกว่า และสำหรับชาวต่างชาติมีข้อจำกัดในการถือครอง การจะบอกว่าแบบไหนดีกว่าจึงไม่มีคำตอบตายตัว ผู้ลงทุนควรประเมินความพร้อมและเป้าหมายของตน เช่น หากต้องการเก็งกำไรระยะสั้นและเน้นตลาดต่างชาติ คอนโดอาจตอบโจทย์มากกว่า แต่หากมองหารายได้จากค่าเช่าและมูลค่าเพิ่มระยะยาว บ้านที่มีที่ดินอาจสร้างผลตอบแทนรวมได้ดีกว่า ทั้งนี้บางคนก็เลือกลงทุนทั้งสองแบบควบคู่กันเพื่อกระจายความเสี่ยง
ถาม: ทำเลย่านใดของพัทยาที่น่าลงทุนซื้อบ้านมากที่สุด?
ตอบ: คำตอบขึ้นอยู่กับงบประมาณและกลยุทธ์การลงทุนของคุณ เพราะแต่ละทำเลก็มีจุดเด่นต่างกัน พัทยาเหนือ (นาเกลือ-วงศ์อมาตย์) เหมาะสำหรับการลงทุนบ้านหรูหรือบ้านพักตากอากาศสำหรับปล่อยเช่าชาวต่างชาติ ระดับราคาสูงแต่มีความต้องการต่อเนื่องและมูลค่าทรัพย์สินแข็งแกร่ง เขาพระตำหนัก ก็เป็นทำเลลักชัวรีที่มีข้อได้เปรียบเรื่องวิวทะเลและความเป็นส่วนตัว ดึงดูดผู้เช่าระดับบนได้ดี หาดจอมเทียน และพื้นที่ต่อเนื่องใกล้ทะเล เป็นทำเลยอดนิยมสำหรับบ้านพักตากอากาศและพูลวิลล่าปล่อยเช่า เพราะได้บรรยากาศชายทะเลและราคาอาจย่อมเยากว่าโซนพัทยาเหนือเล็กน้อย พัทยาตะวันออก (หนองปรือ-โป่ง) เหมาะกับการลงทุนบ้านเพื่อปล่อยเช่าระยะยาวให้กลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือเกษียณ เนื่องจากราคาบ้านไม่สูงมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ใกล้ทะเล และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นโรงเรียนนานาชาติ ปัจจุบันพื้นที่นี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วน พัทยากลางและพัทยาใต้ อาจเหมาะกับการลงทุนทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านราคาไม่สูงสำหรับปล่อยเช่าพนักงานหรือทำโฮมออฟฟิศ เนื่องจากอยู่ใจกลางเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทำเลไหน การลงทุนที่ได้ผลคือการเลือกทำเลที่สอดคล้องกับกลุ่มผู้เช่า/ผู้ซื้อเป้าหมายของคุณ หากคุณเน้นต่างชาติ ให้เลือกทำเลที่ชาวต่างชาตินิยม หากเน้นคนทำงานในพื้นที่ ก็เลือกทำเลที่ใกล้แหล่งงานและมีค่าครองชีพที่เข้าถึงได้
ถาม: ควรซื้อบ้านใหม่จากโครงการหรือบ้านมือสองในพัทยาดี?
ตอบ: ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่ต้องพิจารณา บ้านใหม่จากโครงการ คุณจะได้ทรัพย์สินที่สภาพสดใหม่ มีดีไซน์ทันสมัย และมักมาพร้อมการรับประกันจากผู้พัฒนา (เช่น การรับประกันโครงสร้าง 5-10 ปี) บางโครงการมีโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ฟรีเฟอร์นิเจอร์ หรือส่วนลดค่าธรรมเนียมโอน บ้านใหม่ยังให้ความรู้สึกภูมิฐานและดึงดูดผู้เช่าหรือผู้ซื้อต่อที่ชอบของใหม่ได้ง่าย อย่างไรก็ดี บ้านโครงการใหม่ในพัทยามักตั้งอยู่ในทำเลชานเมือง หรือถ้าอยู่ในทำเลดีก็มักมีราคาสูงมาก และคุณอาจต้องรอเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จหากซื้อช่วงพรีเซล บ้านมือสอง มีข้อดีคือตัวเลือกเยอะ ราคาเจรจาต่อรองได้ และหลายครั้งจะได้ทำเลที่ดีกว่าในงบประมาณเท่ากัน เพราะบ้านมือสองในย่านชุมชนดั้งเดิมอาจมีราคาย่อมเยากว่าบ้านโครงการใหม่ในทำเลเดียวกัน อีกทั้งสภาพแวดล้อมรอบบ้านมือสองมักเห็นภาพชัดเจนแล้ว (รู้ว่าเพื่อนบ้านเป็นใคร ชุมชนเป็นอย่างไร) ไม่ต้องคาดเดา แต่อย่าลืมว่าบ้านมือสองอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมปรับปรุงสภาพ เช่น ทาสีใหม่ เปลี่ยนสุขภัณฑ์ หรือซ่อมแซมโครงสร้างในกรณีบ้านเก่า ซึ่งต้องคิดรวมในงบด้วย สรุปคือ หากคุณต้องการความมั่นใจและไม่อยากยุ่งยากเรื่องซ่อมแซม บ้านใหม่อาจตอบโจทย์ แต่ถ้าต้องการความคุ้มค่าและทำเลที่ตรงใจ บ้านมือสองก็เป็นทางเลือกที่ดี ควรเปรียบเทียบเป็นกรณีไป
ถาม: การปล่อยเช่าบ้านแบบรายวัน (เช่น ผ่าน Airbnb) ในพัทยาถูกกฎหมายหรือไม่?
ตอบ: โดยหลักการแล้ว การปล่อยเช่าที่พักอาศัยเป็นรายวันหรือน้อยกว่า 30 วันในประเทศไทยเข้าข่ายเป็นธุรกิจโรงแรม ซึ่งผู้ปล่อยเช่าต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมตามกฎหมาย มิฉะนั้นจะถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับ ดังนั้นการปล่อยบ้านหรือวิลล่าผ่าน Airbnb ในลักษณะที่ให้เช่าเป็นรายคืนจึงไม่ถูกกฎหมาย เว้นแต่ผู้ให้เช่าจะดำเนินการขอใบอนุญาตที่พักแบบโรงแรม (ซึ่งมีข้อกำหนดหลายอย่าง เช่น ตัวบ้านต้องอยู่ในพื้นที่ที่ผังเมืองอนุญาต ทำประกันอัคคีภัย และมีระบบความปลอดภัยตามมาตรฐาน เป็นต้น) ในทางปฏิบัติ แม้จะมีผู้ปล่อยเช่าหลายรายที่ดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ถูกจับปรับ แต่ก็ถือว่าเจ้าของทรัพย์ยอมรับความเสี่ยงนั้นเอง หากต้องการปล่อยเช่าระยะสั้นจริงๆ อย่างปลอดภัย แนวทางหนึ่งคือจำกัดการเช่าเป็นตั้งแต่ 30 วันขึ้นไปต่อสัญญา (ซึ่งไม่เข้าข่ายธุรกิจโรงแรม) หรือปล่อยเช่าผ่านโครงการวิลล่าที่มีการบริหารในรูปแบบโรงแรมถูกต้อง ทั้งนี้ควรศึกษากฎหมายและระเบียบในท้องถิ่นให้ดีก่อนเพื่อลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
ถาม: หากต้องการบ้านในพัทยาราคาไม่แพง ควรมองหาที่ไหน?
ตอบ: แม้ภาพรวมราคาบ้านในพัทยาจะสูงขึ้นตามความนิยมของพื้นที่ แต่ยังมีทำเลและประเภทบ้านที่ผู้ซื้อสามารถหาได้ในงบประมาณจำกัด บ้านราคาเอื้อมถึง มักพบได้ในโซนชานเมืองหรือพื้นที่ต่อขยายของพัทยา เช่น ย่านหนองปรือ ฝั่งทางรถไฟ, พื้นที่โป่ง, หรือเขตรอยต่อบางละมุง-ห้วยใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดและตัวเมืองหลักออกไปเล็กน้อย พื้นที่เหล่านี้มีหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็กและทาวน์เฮ้าส์ที่ราคาย่อมเยากว่า เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ห้องนอนอาจหาได้ในช่วงราคา 1.5-3 ล้านบาท หรือบ้านเดี่ยวมือสองขนาด 2-3 ห้องนอนในซอยที่ไม่ติดทะเลอาจมีราคา 3-5 ล้านบาท นอกจากนี้ การมองหาบ้านมือสองในย่านที่คนท้องถิ่นอาศัยอยู่ดั้งเดิม (เช่น บางส่วนของพัทยาใต้หรือชุมชนในนาเกลือที่ไม่ติดชายหาด) ก็อาจเจอบ้านราคาคุ้มค่า เนื่องจากผู้ขายบางรายตั้งราคาไว้ต่ำกว่าตลาดเพื่อขายเร็ว ผู้ซื้อควรตามประกาศบนเว็บไซต์อสังหาฯ อย่างสม่ำเสมอ และอาจใช้บริการเอเจนต์ช่วยค้นหาดีลบ้านราคาดีๆ
อีกวิธีหนึ่งคือการมองหา บ้านในโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งผู้พัฒนาอาจเปิดราคาพรีเซลต่ำกว่าราคาตลาดเพื่อจูงใจลูกค้า หากผู้ซื้อสามารถรอระยะเวลาก่อสร้างได้ ก็อาจได้บ้านใหม่ในราคาถูกกว่าซื้อโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว อย่างไรก็ดี ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการด้วยเพื่อป้องกันความเสี่ยง ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกทำเลใด การตั้งงบประมาณและยึดมั่นในเพดานราคาที่จ่ายไหวเป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยคัดกรองตัวเลือกบ้านให้แคบลงและหาได้ง่ายขึ้น
ถาม: ซื้อบ้านในพัทยาเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นดีหรือไม่?
ตอบ: ตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาโดยทั่วไปเหมาะกับการถือครองเพื่อผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น (speculation) เนื่องจากความผันผวนของราคาไม่ได้หวือหวารวดเร็วในช่วงสั้นเหมือนสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้นหรือคริปโตฯ ในช่วงหลังวิกฤตโควิด ตลาดบ้านพัทยากลับมาเติบโตแต่เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป นักลงทุนที่หวังซื้อมาขายไปภายในไม่กี่เดือนอาจพบว่าราคาบ้านไม่ได้ขยับขึ้นมากพอจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายธุรกรรม (เช่น ค่าภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ) ยกเว้นในกรณีที่ได้มาราคาถูกผิดปกติหรือปรับปรุงต่อเติมสร้างมูลค่าเพิ่มได้ชัดเจน
อย่างไรก็ดี การเก็งกำไรระยะกลาง (เช่น 1-3 ปี) อาจพอเป็นไปได้หากเลือกซื้อในทำเลที่กำลังจะมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น (เช่น ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงที่จะสร้างในอนาคต หรือใกล้ศูนย์การค้า/แหล่งท่องเที่ยวใหม่) เพราะเมื่อโครงการเหล่านั้นเปิดใช้ ราคาที่ดินและอสังหาฯ ในบริเวณนั้นมักปรับตัวสูงขึ้น อีกกลยุทธ์หนึ่งคือการซื้อบ้านมือสองที่ทรัพย์สินมีสภาพทรุดโทรมในราคาต่ำกว่าตลาด มาทำการรีโนเวทปรับปรุงใหม่แล้วขายต่อในราคาที่สูงขึ้น กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการประมาณค่าใช้จ่ายรีโนเวทและการตั้งราคาขายที่เหมาะสมจึงจะมีกำไร ทั้งนี้ หากผู้ลงทุนไม่มีประสบการณ์มากนัก แนะนำให้เน้นการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าและถือครองเก็บผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งปลอดภัยกว่าและให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
ถาม: ตอนนี้ใช่เวลาที่ดีในการซื้อบ้านในพัทยาหรือไม่?
ตอบ: ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้ออสังหาฯ ขึ้นอยู่กับทั้งสภาวะตลาดและความพร้อมของผู้ซื้อเอง สำหรับปี 2568 ถือว่าเป็นช่วงที่ตลาดพัทยากำลังอยู่ในจังหวะฟื้นตัวและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ราคายังไม่ปรับสูงเกินไปเหมือนช่วงบูมสุดขีด และยังมีตัวเลือกอสังหาฯ ดีๆ ในตลาดให้เลือกพอสมควร หลายโครงการยังคงเสนอโปรโมชั่นจูงใจหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนหรือของแถม การซื้อในช่วงนี้จึงอาจได้ดีลที่คุ้มค่าก่อนที่เมกะโปรเจกต์อย่างรถไฟความเร็วสูงและการพัฒนา EEC จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งอาจดันราคาให้สูงขึ้นอีกในอนาคต
อย่างไรก็ดี ผู้ซื้อควรประเมินความพร้อมด้านการเงินของตนเองเป็นหลัก หากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยังอยู่ในระดับสูงและภาระผ่อนเกินกำลัง อาจรอดูจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงจึงค่อยซื้อ นอกจากนี้ฤดูกาลก็อาจมีผลบ้างเล็กน้อย เช่น ช่วงปลายปีผู้พัฒนาอสังหาฯ มักจัดโปรฯ กระตุ้นยอดขาย หรือนายหน้าบางรายต้องการปิดดีลก่อนสิ้นปีจึงต่อรองง่ายขึ้น ส่วนช่วงโลว์ซีซั่น (หน้าฝน) ผู้ขายบางรายอาจยอมลดราคามากกว่าปกติเพื่อเร่งขาย สรุปแล้ว หากคุณพร้อมด้านการเงินและพบทรัพย์ที่ถูกใจ ปี 2568 ก็ถือเป็นเวลาที่น่าสนใจในการซื้อบ้านในพัทยา แต่หากยังไม่เจอที่ถูกใจจริงๆ ก็สามารถรอติดตามตลาดต่อไปอีกระยะโดยไม่เสียโอกาสมากนัก เพราะการตัดสินใจที่รอบคอบย่อมดีกว่าการรีบร้อนซื้อแล้วมาเสียใจภายหลัง
ถาม: ชาวต่างชาติกลุ่มใดสนใจซื้อบ้านในพัทยามากที่สุด?
ตอบ: ตลาดบ้านพัทยาดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อจากหลายประเทศ แต่กลุ่มหลักๆ ที่เห็นได้ชัดเจนในช่วงปีหลังๆ ได้แก่ ชาวจีน และ ชาวรัสเซีย ซึ่งเข้ามาลงทุนในอสังหาฯ ไทยเพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะหลังปี 2022 เป็นต้นมา) ชาวจีนมีกำลังซื้อสูงและมองหาบ้านพักตากอากาศหรือบ้านสำหรับครอบครัวในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ส่วนชาวรัสเซียจำนวนไม่น้อยย้ายถิ่นฐานมาพำนักระยะยาวที่ไทย ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นอกจากสองชาตินี้ ชาวยุโรปตะวันตกและอเมริกัน ก็สนใจพัทยาในฐานะเมืองตากอากาศเขตร้อนที่ค่าครองชีพไม่สูง ซึ่งกลุ่มนี้มักนิยมซื้อคอนโดมากกว่าบ้านเนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎหมาย แต่ก็มีบางส่วนที่ซื้อบ้านผ่านการตั้งบริษัทหรือซื้อในนามคู่สมรสคนไทย
อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อชาวไทย ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดของตลาดบ้านพัทยา เนื่องจากคนไทยสามารถถือครองที่ดินได้อย่างเสรีและหลายคนมีกำลังซื้อในการลงทุนบ้านพักตากอากาศหรือบ้านปล่อยเช่าในเมืองท่องเที่ยว นักพัฒนาอสังหาฯ จึงยังเน้นทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าชาวไทยควบคู่ไปกับชาวต่างชาติ ตัวอย่างข้อมูลปี 2566 ระบุว่าผู้ซื้อบ้านโครงการในพัทยากว่า 50% เป็นคนไทย รองลงมาคือชาวจีนประมาณ 30% และชาติอื่นๆ รวมกันอีกประมาณ 20% (เช่น เวียดนาม อังกฤษ ออสเตรเลีย) ดังนั้นแม้ต่างชาติจะมีบทบาทเพิ่มขึ้น แต่ตลาดยังไม่พึ่งพาต่างชาติเพียงอย่างเดียว ผู้ลงทุนจึงควรจับตาดูทั้งดีมานด์จากคนไทยและต่างชาติควบคู่กันไป
ถาม: มีข้อควรระวังอื่นๆ ในการซื้อบ้านที่พัทยาหรือไม่?
ตอบ: ข้อควรระวังเพิ่มเติมที่ผู้ซื้อบ้านในพัทยาควรคำนึงถึง ได้แก่ (1) ตรวจสอบประวัติผู้ขายหรือโครงการให้มั่นใจว่าไม่มีประวัติเสียหายหรือเคยมีกรณีฉ้อโกง การซื้อผ่านบริษัทนายหน้าที่น่าเชื่อถือหรือปรึกษาทนายความจะช่วยลดความเสี่ยง, (2) หลีกเลี่ยงการจ่ายเงินมัดจำหรือเงินดาวน์ก้อนใหญ่โดยไม่มีหลักฐานสัญญาที่ชัดเจน ควรทำทุกขั้นตอนอย่างเป็นทางการที่สำนักงานที่ดินหรือมีพยาน, (3) พิจารณาประเด็นการปล่อยเช่าระยะสั้นในโครงการหมู่บ้านนั้นๆ ว่าอนุญาตหรือไม่ หากตั้งใจจะซื้อเพื่อปล่อยเช่าเป็น Airbnb ควรเลือกบ้านที่อยู่ในทำเลและชุมชนที่ยอมรับรูปแบบการปล่อยเช่าดังกล่าว, (4) ระวังโฆษณาเกินจริง เช่น ภาพถ่ายที่แต่งเติมมากเกินไปหรือการสัญญาผลตอบแทนที่สูงผิดปกติ ควรตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างด้วยตนเอง, และ (5) คำนึงถึงค่าธรรมเนียมแฝง เช่น ค่ากองทุนส่วนกลางแรกเข้า (บางโครงการเรียกเก็บเมื่อซื้อเข้า), ค่าดูแลสระว่ายน้ำ สวน หรือบริการรักษาความปลอดภัย หากบ้านมีสิ่งเหล่านี้ การประมาณค่าใช้จ่ายรายปีไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้บริหารงบได้ถูกต้อง
ถาม: แนวโน้มตลาดบ้านในพัทยาในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?
ตอบ: หากไม่มีปัจจัยลบหนักๆ มากระทบ ภาพรวมตลาดบ้านในพัทยามีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ประมาณปี 2568-2573) โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC เช่น การเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (คาดการณ์ปี 2572) ที่จะย่นระยะเวลาการเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่พัทยาเหลือเพียง ~45 นาที และการเปิดเฟสแรกของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งจะดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามามากขึ้น เมื่อการคมนาคมสะดวก พัทยาจะกลายเป็นทั้งเมืองท่องเที่ยวและเมืองพักอาศัยสำหรับผู้ทำงานในพื้นที่ EEC อย่างเต็มตัว ความต้องการบ้านแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและวิลล่า คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากกลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่ย้ายมาประจำการในนิคมอุตสาหกรรมและสำนักงานที่จะตั้งขึ้นในพื้นที่นี้ รวมถึงคนไทยที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรือบ้านหลังที่สองใกล้กรุงเทพฯ นอกจากนี้ แนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ซึ่งพัทยาได้รับการส่งเสริมให้เป็นหนึ่งในเมืองนำร่อง จะนำมาซึ่งการลงทุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ทำให้คุณภาพชีวิตในพื้นที่ดีขึ้น ส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเติบโตจะเป็นไปอย่าง ยั่งยืนแต่ไม่หวือหวา ราคาบ้านอาจขยับขึ้นเฉลี่ยปีละ 3-5% ตามภาวะเศรษฐกิจและอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการน่าจะยังระมัดระวังในการเปิดโครงการบ้านใหม่เพื่อป้องกันภาวะล้นตลาด ดังนั้นตลาดบ้านพัทยาในอีก 5 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มสมดุลมากขึ้นทั้งด้านราคาและปริมาณ โดยบ้านในทำเลคุณภาพและมีจุดขายจะยังเป็นที่ต้องการและปรับราคาขึ้นได้ดี ขณะที่บ้านทำเลรองอาจมีการแข่งขันเรื่องราคามากขึ้น ผู้ลงทุนที่วางแผนระยะยาวไว้ดีและเลือกซื้อทรัพย์สินอย่างพิถีพิถันก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจในอนาคต

ชีวาทัย รามคำแหง

ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44

เนเชอรัล พาร์ค พาวิลเลียน