ตัวกรอง
812 ผลลัพธ์
บันทึกการค้นหา
แผนที่

812 ยูนิต
แสดงผลลัพธ์ 1 - 30, หน้า 1 จากทั้งหมด 28 หน้า

คอนโดให้เช่าในเชียงใหม่ - อัปเดตข้อมูลเชิงลึกปี 2568

เชียงใหม่ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีตลาดคอนโดให้เช่าคึกคักที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2568 ที่ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มผู้เช่าคนไทยและชาวต่างชาติหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัทที่ย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ ครอบครัวคนไทยที่มองหาที่พักในเมืองท่องเที่ยว นักศึกษาในมหาวิทยาลัย และกลุ่มคนทำงานทางไกล (Digital Nomads) ที่นิยมมาพำนักระยะยาวในเชียงใหม่ ด้วยปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตและค่าครองชีพที่ไม่สูงเกินไป

ภาพรวมตลาดในปี 2568: ตลาดคอนโดปล่อยเช่าในเชียงใหม่มีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจนตลอดปี 2568 จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการเข้ามาพำนักของชาวต่างชาติ ส่งผลให้เชียงใหม่กลายเป็นจังหวัดที่ได้รับความสนใจในการหาที่พักอาศัยเป็นอันดับต้น ๆ (รองจากกรุงเทพฯ) ความต้องการเช่าคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มทั่วประเทศที่คนรุ่นใหม่เลือกเช่าแทนซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น เนื่องจากภาระการซื้อบ้านมีสูง นอกจากนี้การที่เชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ศูนย์กลางภาคเหนือที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสถานที่ทำงาน แหล่งท่องเที่ยว และสังคมคุณภาพ ทำให้หลายคนมองเชียงใหม่เป็นทั้งบ้านพักตากอากาศและสถานที่อยู่อาศัยระยะยาวหลังเกษียณ ส่งผลให้ดีมานด์เช่าคอนโดสูงขึ้นในทุกกลุ่ม

ในบทความเชิงลึกนี้ เราจะสำรวจภาพรวมตลาดคอนโดให้เช่าในจังหวัดเชียงใหม่ปี 2568 อย่างละเอียด ครอบคลุมตั้งแต่ทำเลยอดนิยม ราคาค่าเช่าเฉลี่ย เงื่อนไขสัญญาเช่าและค่ามัดจำ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรพิจารณา เปรียบเทียบคอนโดกับทางเลือกที่พักอื่น ๆ ตลอดจนสิทธิหน้าที่ของผู้เช่าตามกฎหมายไทย ข้อควรระวังในการเช่าคอนโด และส่วนสุดท้ายจะเป็นคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำแนะนำจากประสบการณ์ผู้เช่าจริง เพื่อให้ผู้อ่านทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าคนไทย ได้ข้อมูลครบถ้วนสำหรับการตัดสินใจเช่าคอนโดในเชียงใหม่อย่างมั่นใจ

ภาพรวมตลาดคอนโดให้เช่าเชียงใหม่ ปี 2568

แนวโน้มและดีมานด์: ตลอดปี 2568 ตลาดเช่าคอนโดในเชียงใหม่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จากข้อมูลแนวโน้มล่าสุดพบว่าความต้องการเช่าคอนโดมิเนียมทั่วประเทศเพิ่มขึ้นปีต่อปี สอดคล้องกับเชียงใหม่ที่มีผู้สนใจเช่าเพิ่มมากขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ เหตุผลหลักคือเชียงใหม่กลับมาคึกคักหลังการท่องเที่ยวฟื้นตัว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน/ใช้ชีวิตระยะยาวเพิ่มขึ้น ประกอบกับคนไทยจำนวนไม่น้อยที่นิยม “Work from Anywhere” เลือกย้ายจากเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่อื่น ๆ มาเช่าคอนโดอยู่เชียงใหม่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ การผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตทันสมัยและวัฒนธรรมล้านนา ทำให้เชียงใหม่มีเสน่ห์เฉพาะตัวสำหรับผู้เช่าทุกวัย

กลุ่มผู้เช่าหลัก: ผู้เช่าคอนโดในเชียงใหม่มีหลากหลายกลุ่ม ดังนี้

  • คนทำงานชาวไทย: ทั้งพนักงานบริษัทที่ย้ายมาสาขาเชียงใหม่ ข้าราชการ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องการอยู่อาศัยในเมืองที่สงบกว่ากรุงเทพฯ แต่ยังสะดวกสบาย

  • นักศึกษาและบุคลากรการศึกษา: ด้วยเชียงใหม่มีมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาหลายแห่ง (เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพายัพ เป็นต้น) ทำให้นักศึกษาไทยและต่างชาติ รวมถึงอาจารย์หรือนักวิจัย มีความต้องการเช่าคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ใกล้มหาวิทยาลัยเพื่อความสะดวกในการเดินทาง

  • Digital Nomads และคนทำงานทางไกล: เชียงใหม่ติดอันดับจุดหมายยอดนิยมของเหล่า Digital Nomads ระดับโลก ด้วยค่าครองชีพที่เอื้อมถึง อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สังคมชาวต่างชาติที่เข้มแข็ง และบรรยากาศเมืองที่ผ่อนคลาย คนกลุ่มนี้นิยมเช่าคอนโดในย่านคาเฟ่หรือใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ เช่น นิมมานเหมินทร์ เพื่อให้ใช้ชีวิตสะดวกสบายขณะทำงานออนไลน์

  • ชาวต่างชาติระยะยาว/ผู้เกษียณ: ชาวต่างชาติหลายคนเลือกเชียงใหม่เป็นบ้านหลังที่สอง บ้างมาพำนักระยะยาวหลายเดือนต่อปี (หนีอากาศหนาวจากยุโรป) หรือบางคนย้ายมาอยู่ถาวรหลังเกษียณ กลุ่มนี้มองหาคอนโดที่เงียบสงบ ปลอดภัย อยู่ในทำเลที่ใช้ชีวิตสะดวก มีโรงพยาบาลและสิ่งอำนวยความสะดวกครบ

  • ครอบครัวคนไทยและคู่แต่งงานใหม่: ที่ยังไม่พร้อมซื้อบ้านหรืออยากทดลองใช้ชีวิตในคอนโดก่อน กลุ่มนี้อาจมีทั้งครอบครัวคนท้องถิ่นเชียงใหม่เองที่ขยายครอบครัว หรือครอบครัวที่ย้ายมาจากต่างจังหวัด/กรุงเทพฯ

ซัพพลายและการแข่งขัน: ตลาดคอนโดให้เช่าเชียงใหม่มีซัพพลายเพิ่มขึ้นจากการสร้างคอนโดใหม่ๆ ในช่วงปี 2563-2567 จำนวนโครงการคอนโดเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้มียูนิตว่างสำหรับเช่าจำนวนมากกระจายตามจุดสำคัญของเมือง (ข้อมูลปี 2568 มีประกาศคอนโดให้เช่ามากกว่า 700-1,200 ยูนิต ในเชียงใหม่ที่พร้อมปล่อยเช่า) ผู้เช่าจึงมีตัวเลือกหลากหลาย ทั้งคอนโดสร้างใหม่ที่ทันสมัยและคอนโดโครงการเก่าที่ราคาประหยัดกว่า เจ้าของห้องเช่าต้องแข่งขันดึงดูดผู้เช่าด้วยการตั้งราคาค่าเช้าที่เหมาะสม หรือนำเสนอห้องรีโนเวทตกแต่งใหม่เอี่ยมเพื่อสร้างความน่าสนใจ

ระดับราคาโดยรวม: ค่าเช่าคอนโดในเชียงใหม่โดยภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับ “เอื้อมถึง” เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ค่าเช่าคอนโดเฉลี่ย (ทุกขนาดห้อง) จะอยู่ประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องมาตรฐานทั่วไป แต่ทั้งนี้ราคาจริงจะผันแปรตามขนาดห้องและทำเล รายละเอียดจะแจกแจงในหัวข้อถัดไป สำหรับอัตราค่าเช่าต่อตารางเมตร พบว่าเฉลี่ยราว 350-400 บาท/ตร.ม. ซึ่งสะท้อนว่าคอนโดในเชียงใหม่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนทำเลที่มีมูลค่า (ในตัวเมืองหรือทำเลที่วิวดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบ) ผู้เช่าจึงได้ประโยชน์จากทำเลที่สะดวกในราคาค่าเช่าที่ไม่สูงเกินไปนัก

หมายเหตุ: ในช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว (ปลายปีถึงต้นปี) ความต้องการเช่าที่พักระยะสั้นอาจสูงขึ้น แต่สำหรับตลาดเช่าระยะยาว (รายเดือน/รายปี) ความผันผวนด้านราคาจะไม่มากนัก ราคาค่าเช่าในปี 2568 มีแนวโน้มขยับขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า (ประมาณ 5-10%) ในทำเลยอดนิยม เนื่องจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น แต่ซัพพลายที่มากขึ้นก็คอยพยุงไม่ให้ค่าเช่าแพงจนเกินไป ดังนั้นผู้เช่ายังพอมีอำนาจต่อรองราคาได้บ้าง โดยเฉพาะในทำเลนอกเมืองหรือคอนโดโครงการที่มีห้องว่างหลายยูนิต

ต่อไป เราจะลงรายละเอียดในแต่ละแง่มุมของการเช่าคอนโดเชียงใหม่ ตั้งแต่ ทำเลที่ได้รับความนิยม พร้อมจุดเด่นของแต่ละย่าน ราคาค่าเช่าเฉลี่ย ตามขนาดและทำเล เงื่อนไขสัญญาเช่า ที่ควรรู้ สิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญ ที่ผู้เช่าควรพิจารณา เปรียบเทียบคอนโดกับทางเลือกที่พักอื่น ตลอดจน สิทธิหน้าที่ตามกฎหมาย และ ข้อควรระวัง พร้อมด้วย คำถามพบบ่อย เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ข้อมูลรอบด้านที่สุด

ทำเลยอดนิยมสำหรับเช่าคอนโดในเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่เมืองและชานเมืองที่หลากหลาย แต่โดยทั่วไปทำเลที่นิยมสำหรับการเช่าคอนโดมิเนียมจะกระจุกตัวอยู่ในเขต อำเภอเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่ต่อเนื่องที่เดินทางเข้าเมืองสะดวก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้แหล่งงาน แหล่งท่องเที่ยว และห้างสรรพสินค้า หากแบ่งตามย่านหลักๆ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้เช่าคนไทยและต่างชาติในปี 2568 สามารถสรุปได้ดังนี้:

  • ย่านตัวเมืองเชียงใหม่ (รอบคูเมืองและโซนเมืองเก่า): เป็นศูนย์กลางความเจริญ มีร้านค้า ตลาด ร้านอาหาร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมมากมาย ย่านนี้มีคอนโดมิเนียมจำนวนหนึ่งและอพาร์ตเมนต์ให้เช่า ซึ่งมักเต็มไวในช่วงไฮซีซั่น ข้อดีคืออยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญและบรรยากาศเมืองเก่า แต่ข้อเสียคือตัวเลือกคอนโดค่อนข้างจำกัด และอาจเจอเสียงดัง/ความพลุกพล่านของนักท่องเที่ยวบ้าง

  • ย่านนอกคูเมืองด้านทิศตะวันตก (เชิงดอยสุเทพ): บริเวณนี้รวมหลายทำเลย่อยที่น่าสนใจ เช่น นิมมานเหมินทร์, สุเทพ (ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) และย่าน สันติธรรม แต่ละที่มีเอกลักษณ์และกลุ่มผู้เช่าแตกต่างกัน จะขออธิบายรายละเอียดในหัวข้อย่อยต่อไป

  • ย่านทิศตะวันออกและทิศเหนือของเมือง: เช่น ฟ้าฮ่าม (บริเวณเซ็นทรัลเฟสติวัลและถนนซุปเปอร์ไฮเวย์), หนองป่าครั่ง, สันทรายน้อย ฯลฯ ทำเลเหล่านี้อยู่นอกตัวเมืองเล็กน้อยแต่เดินทางสะดวก เหมาะกับคนที่ต้องการความสงบ ไม่พลุกพล่านเท่าในเมือง แต่ยังใกล้ห้างใหญ่และสถานที่สำคัญ

  • ย่านทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้: เช่น แม่เหียะ, หางดง และโซนใกล้สนามบินเชียงใหม่ พื้นที่เหล่านี้ในอดีตนิยมสำหรับบ้านเช่าหรือบ้านจัดสรร แต่ปัจจุบันเริ่มมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะคอนโด Low-rise ที่มุ่งเน้นความสงบร่มรื่น เหมาะกับครอบครัวหรือผู้เช่าที่มีรถยนต์และอยากได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น

ด้านล่างนี้ เราจะลงลึกในทำเลยอดนิยมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด 5 แห่ง ได้แก่ นิมมานเหมินทร์, สุเทพ, แม่เหียะ, ฟ้าฮ่าม และหางดง ซึ่งแต่ละย่านมีจุดเด่นของตัวเอง และเหมาะกับกลุ่มผู้เช่าที่แตกต่างกัน

นิมมานเหมินทร์ (ย่านนิมมานฯ)

ภาพรวมทำเล: ย่านนิมมานเหมินทร์ถือเป็นทำเลทองของเชียงใหม่ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งอยู่ถนนนิมมานเหมินทร์และซอยต่อเชื่อมต่าง ๆ บริเวณนี้เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ทันสมัย มีคาเฟ่เก๋ๆ ร้านอาหารนานาชาติ บาร์ และแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนเรียงราย นอกจากนี้ยังใกล้กับห้างเมญ่า (Maya Lifestyle Shopping Center) และ One Nimman ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ชื่อดัง นิมมานฯ ได้ชื่อว่าเป็น “แหล่งรวมคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ” เพราะเหล่า expat, Digital Nomad และนักศึกษาต่างชาตินิยมมาพำนักบริเวณนี้เพื่อซึมซับบรรยากาศเมืองที่คึกคักและสะดวกสบาย

ตัวเลือกที่พักและราคา: คอนโดมิเนียมในย่านนิมมานฯ มีจำนวนมาก มีทั้งคอนโด Low-rise สูง 5-8 ชั้น และคอนโด High-rise สูง 10-15 ชั้นขึ้นไป หลายโครงการสร้างใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ตลาดเช่าแข่งกันสูง โดย ราคาเช่าในย่านนิมมานฯ จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นทำเลฮิตและที่ดินมีราคา ในปี 2568 ค่าเช่าคอนโดห้องขนาดสตูดิโอ/1 ห้องนอนในนิมมานฯ เฉลี่ยประมาณ 15,000–25,000 บาท/เดือน (ขึ้นกับความใหม่และความหรูของโครงการ) ทั้งนี้ยังมีห้องขนาดเล็กในโครงการเก่าๆ ที่ปล่อยเช่าราคาต่ำกว่านี้ เช่น 8,000–12,000 บาท/เดือน สำหรับสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนในตึกเก่าที่อายุหลายปี แต่ทำเลดีมาก (อยู่ในซอยนิมมานฯ ตอนต้นๆ) ขณะเดียวกันก็มี คอนโดระดับไฮเอนด์ หรือเพนต์เฮาส์ในย่านนี้ที่ปล่อยเช่าเดือนละ 30,000–50,000+ บาท ก็มีเช่นกัน สำหรับห้อง 2 ห้องนอนขึ้นไปหรือยูนิตแต่งหรูพร้อมอยู่

กลุ่มผู้เช่าที่เหมาะ: นิมมานฯ เหมาะกับคนที่ชอบชีวิตในเมืองสมัยใหม่ เดินทางสะดวกและมีอะไรทำตลอดเวลา เช่น คนทำงานรุ่นใหม่ฟรีแลนซ์, ชาวต่างชาติที่ต้องการพบปะสังคม expat, นักศึกษา/นักวิจัยต่างชาติ และคนทำงานสายครีเอทีฟ นอกจากนี้ Digital Nomads มักเลือกพักที่นี่เพราะใกล้ co-working space และอินเทอร์เน็ตคาเฟ่หลายแห่ง ข้อดีของการอยู่ย่านนี้คือไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ส่วนตัวก็ได้ เพราะร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และบริการต่างๆ อยู่ในระยะเดินถึง แต่ ข้อควรคำนึง คือ ที่จอดรถในบางคอนโดอาจค่อนข้างจำกัดและการจราจรบนถนนนิมมานฯ ช่วงเย็นถึงค่ำจะหนาแน่น นอกจากนี้ช่วงวันหยุดหรือฤดูท่องเที่ยว ย่านนี้จะครึกครื้นเป็นพิเศษ อาจมีเสียงจากสถานบันเทิงหรือรถราในตอนกลางคืน ผู้ที่ชอบความสงบมากๆ อาจต้องเลือกโครงการที่อยู่ลึกในซอยหน่อยเพื่อเลี่ยงเสียงรบกวน

สุเทพ (ย่านใกล้มช. และเชิงดอยสุเทพ)

ภาพรวมทำเล: ตำบลสุเทพครอบคลุมพื้นที่กว้าง ตั้งแต่บริเวณรอบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ไปจนถึงเชิงภูเขาดอยสุเทพและทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ พื้นที่ส่วนนี้เป็นที่นิยมสำหรับนักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัย รวมถึงคนที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติใกล้ดอย ในเขตสุเทพมีทั้งโซนที่พลุกพล่าน (รอบประตูวิศวะ มช., ถนนสุเทพที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านเครื่องเขียน หอพักนักศึกษา) และโซนที่สงบเงียบเป็นหมู่บ้านพักอาศัยใกล้วัดอุโมงค์หรือเชิงเขา

ตัวเลือกที่พักและราคา: ทำเลใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีที่พักให้เช่าหลากหลายชนิด ทั้งหอพัก อพาร์ตเมนต์ราคาประหยัด และคอนโดมิเนียม หากเน้นเฉพาะคอนโด มีหลายโครงการตั้งอยู่ใกล้ถนนคลองชลประทานและถนนสุเทพ เช่น โครงการวันพลัส (One Plus) ต่างๆ, คอนโดบ้านเอื้ออาทร (ราคาประหยัด), หรือคอนโดมิเนียมระดับกลางที่กลุ่มนักลงทุนซื้อไว้ปล่อยเช่า ราคาเช่าในย่านนี้ค่อนข้าง เป็นมิตรกับงบประมาณ เพราะเน้นจับกลุ่มนักศึกษา ตัวอย่างเช่น ห้องสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนใกล้ มช. ค่าเช่าเริ่มที่ 7,000–12,000 บาท/เดือน สำหรับอาคารที่ไม่ใหม่มาก (บางแห่งอาจต่ำถึง 5,000-6,000 บาท หากเป็นห้องพักลักษณะอพาร์ตเมนต์ที่มีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐาน) ส่วนคอนโดใหม่ตกแต่งครบใกล้ มช. อาจอยู่ที่ 12,000–18,000 บาท/เดือน ขึ้นกับระยะทางถึงมหาวิทยาลัย

บริเวณเชิงดอยและถนนศิริมังคลาจารย์: ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสุเทพเช่นกัน มีโครงการคอนโดระดับกลาง-บนหลายแห่ง เช่น โครงการที่อยู่ระหว่างนิมมานฯ กับ มช. (แถวถนนศิริมังคลาจารย์, ซอยวัดอุโมงค์) ห้องเช่าบริเวณนี้จะได้เปรียบเรื่อง บรรยากาศสงบร่มรื่น ใกล้ธรรมชาติ แต่ยังเดินทางเข้าเมืองได้ไม่ไกล ค่าเช่าจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าย่านนักศึกษานิดหน่อย เช่น 1 ห้องนอนแต่งครบวิวเขา อาจอยู่ราว 15,000–20,000 บาท/เดือน

กลุ่มผู้เช่าที่เหมาะ: แน่นอนว่าหลักๆ คือ นักศึกษาและบุคลากรมหาวิทยาลัย ที่ต้องการที่พักใกล้ที่เรียน/ที่ทำงาน เพื่อลดเวลาการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม ครอบครัวคนไทย ที่ส่งบุตรหลานมาเรียนมหาวิทยาลัยและซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่า/พักเอง รวมถึง คนทำงานทั่วไป ที่ชอบความเงียบสงบของย่านนี้ (เพราะถ้าเลยโซนนักศึกษาไปนิดเดียว บรรยากาศจะสงบและเป็นชุมชนชาวเชียงใหม่เดิม) จุดเด่นของการอยู่สุเทพคือ อากาศดีและใกล้ธรรมชาติ โดยเฉพาะยามเช้าจะมองเห็นดอยสุเทพชัดเจน อากาศเย็นสบายกว่ากลางเมืองเล็กน้อย แต่ก็ต้องแลกกับการเดินทางที่หากไม่มีรถส่วนตัวอาจไม่สะดวกเท่าในเมือง (มีรถสองแถวแดงวิ่งผ่านแต่ไม่ถี่มาก) สำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสะดวกในเมืองกับความสงบในธรรมชาติ ย่านสุเทพเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

แม่เหียะ

ภาพรวมทำเล: แม่เหียะ เป็นพื้นที่ทางทิศใต้-ตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ อยู่ในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่แต่ค่อนไปทางชานเมือง ใกล้กับสนามบินเชียงใหม่ (แต่คนละฝั่งกับสนามบิน อยู่ถัดสนามบินลงไปทางถนนเชียงใหม่-หางดง) พื้นที่แม่เหียะในปัจจุบันมีความเจริญมากขึ้น มีทั้งโครงการบ้านจัดสรร คอมมูนิตี้มอลล์ (เช่น บิ๊กซีแม่เหียะ, โครงการในโซนถนนคลองชลประทาน) และร้านค้า ร้านอาหารเกิดใหม่ แม้จะไม่ใช่ใจกลางเมืองแต่ก็ถือเป็น ย่านอยู่อาศัยยอดนิยม สำหรับทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติที่อยากอยู่ไกลความวุ่นวาย

ตัวเลือกที่พักและราคา: เดิมทีแม่เหียะนิยมในการเช่าบ้านมากกว่า แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้มี คอนโดมิเนียม Low-rise เกิดขึ้นหลายแห่ง เช่น คอนโดแนวราบสูง 5 ชั้นหรือ 8 ชั้น บางโครงการสร้างในสไตล์รีสอร์ตเพื่อดึงดูดคนที่ชอบบรรยากาศร่มรื่น โครงการคอนโดชื่อดังย่านนี้เช่น Grand Siritara Condo (คอนโดหรูใกล้วัดร่ำเปิง), โครงการบ้านเอื้ออาทรแม่เหียะ (ราคาย่อมเยา) เป็นต้น ค่าเช่าคอนโดในแม่เหียะโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000–18,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดและความหรูของโครงการ ห้องสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนทั่วไปมักอยู่ในช่วง 8,000–15,000 บาท ส่วนห้องขนาด 2 ห้องนอนหรือยูนิตใหญ่พิเศษ อาจขยับไปที่ 18,000–25,000 บาท/เดือน (ซึ่งยังคงถูกกว่าย่านใจกลางเมือง) ข้อมูลจากแหล่งประกาศออนไลน์ระบุว่าค่าเช่าเฉลี่ยของคอนโดในแม่เหียะประมาณ 13,000–16,000 บาทต่อเดือน เท่านั้น ถือว่าได้พื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้นในงบประมาณเท่ากันกับการเช่าห้องเล็กในเมือง

กลุ่มผู้เช่าที่เหมาะ: ทำเลแม่เหียะเหมาะกับ ครอบครัวคนไทย หรือผู้เช่าที่ต้องการพื้นที่เงียบสงบ มีรถยนต์ใช้ และไม่ติดใจที่จะต้องอยู่กลางเมือง กลุ่มชาวต่างชาติสูงวัยหรือผู้เกษียณก็ชอบย่านนี้เพราะไม่พลุกพล่านและใกล้ธรรมชาติ (ใกล้อุทยานหลวงราชพฤกษ์และไนท์ซาฟารี) นอกจากนี้ บุคลากรสนามบินหรือพนักงานสายการบิน ก็อาจเลือกพักโซนนี้เพราะขับรถไปสนามบินไม่กี่นาที บรรยากาศของแม่เหียะค่อนไปทางชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ผสมกับบ้านจัดสรรใหม่ ดังนั้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวถือว่าดี ถนนภายในซอยอาจแคบและเปลี่ยวบ้างในบางจุด แต่โดยรวมก็เป็นย่านพักอาศัยคุณภาพอีกแห่งของเชียงใหม่

ฟ้าฮ่าม

ภาพรวมทำเล: ฟ้าฮ่าม เป็นตำบลที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่ จุดสังเกตสำคัญของย่านนี้คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ฟ้าฮ่ามและเป็นแม่เหล็กดึงดูดความเจริญเข้ามาในโซนนี้ ฟ้าฮ่ามยังมีถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (ทางหลวงเชียงใหม่-ลำปาง) ตัดผ่าน ทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองสะดวก บริเวณนี้ในอดีตเป็นชุมชนชานเมืองที่ไม่หนาแน่น แต่ปัจจุบันมีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมหลายแห่งผุดขึ้นเพื่อรองรับทั้งคนท้องถิ่นและคนต่างถิ่นที่ย้ายมา

ตัวเลือกที่พักและราคา: ย่านฟ้าฮ่ามมี คอนโดมิเนียมใหม่ๆ จำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นโครงการของผู้พัฒนาชื่อดัง เช่น โครงการดีคอนโด (Dcondo) หลายเฟสของแสนสิริ, Escent Condo ที่อยู่ในบริเวณเดียวกับเซ็นทรัลเฟส, และคอนโดอื่นๆ ที่กระจายรอบแยกศาลเด็ก (สี่แยกใหญ่ใกล้ห้าง) จุดเด่นคือคอนโดเหล่านี้สร้างบนที่ดินที่กว้าง มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะ เมื่อเทียบกับคอนโดในเมือง ค่าเช่าคอนโดในฟ้าฮ่ามจะ ถูกกว่าย่านตัวเมืองเล็กน้อย โดยค่าเช่าเฉลี่ยของคอนโดที่ลงประกาศในฟ้าฮ่ามอยู่ประมาณ 10,000–13,000 บาท/เดือน เท่านั้น (สำหรับห้องขนาดมาตรฐาน) รายละเอียดตามประเภทห้อง เช่น ห้องสตูดิโอในฟ้าฮ่ามเฉลี่ยประมาณ 10,000–12,000 บาท/เดือน, ห้อง 1 ห้องนอนเฉลี่ย 12,000–15,000 บาท/เดือน ส่วนห้อง 2 ห้องนอนอาจอยู่ที่ 18,000–25,000 บาท/เดือน ทั้งนี้ราคาอาจต่างกันตามโครงการ ถ้าเป็นคอนโดที่มีห้างอยู่ใต้ตึกอย่าง Escent (เหนือเซ็นทรัลเฟสติวัล) ราคาก็จะสูงหน่อย แต่ถ้าเป็นโครงการที่อยู่ลึกเข้าไปในซอย ราคาอาจถูกลง หรือบางแห่งมีประกาศเช่าห้องสตูดิโอเก่าๆ ในโครงการเล็กๆ ราคาต่ำกว่า 8,000 บาทก็มีให้เห็น

กลุ่มผู้เช่าที่เหมาะ: ฟ้าฮ่ามเหมาะกับผู้เช่าที่ ต้องการความคุ้มค่าและพื้นที่ใช้สอย ในงบประมาณจำกัด โดยยังได้ความสะดวกจากการใกล้ห้างใหญ่ กลุ่มพนักงานบริษัทในเชียงใหม่ที่ทำงานแถบชานเมืองหรือย่านนิคมอุตสาหกรรมมักเลือกอยู่แถวนี้เพราะออกนอกเมืองง่าย ขณะเดียวกันก็ไม่ไกลจากแหล่งบันเทิง (ขับรถเข้าตัวเมืองเพียง 10-15 นาที) อีกทั้ง ครอบครัวคนไทยขนาดเล็ก ที่ต้องการอยู่ใกล้โรงเรียนหรือห้างก็ชอบย่านนี้ (มีโรงเรียนนานาชาติและโรงเรียนไทยหลายแห่งในละแวกใกล้เคียง) นักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพ (ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากฟ้าฮ่าม) ก็เป็นกลุ่มผู้เช่าอีกส่วนหนึ่ง ข้อดีของฟ้าฮ่ามคือ ถนนหนทางไม่แออัดเท่าในเมือง ที่จอดรถคอนโดมักเพียงพอ และมีวิวโล่งกว่า (บางห้องอาจเห็นวิวภูเขาจากระยะไกล) ข้อสังเกตคือ หากไม่มีรถยนต์ การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะจะพึ่งพารถสองแถวแดงหรือ Grab เป็นหลัก เพราะไม่ค่อยมีรถโดยสารประจำทางรองรับ

หางดง

ภาพรวมทำเล: อำเภอหางดง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ (เลยจากแม่เหียะลงไป) โดยชื่อเสียงของหางดงในอดีตคือเป็นย่านบ้านจัดสรรและบ้านเดี่ยวของคนมีฐานะในเชียงใหม่ รวมถึงเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวต่างชาติหลายแห่ง หางดงเต็มไปด้วยธรรมชาติ ทั้งวิวภูเขาและทุ่งนาในบางส่วน ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย แตกต่างจากความเป็นเมืองจ๋าในตัวเมืองเชียงใหม่

ตัวเลือกที่พักและราคา: ที่พักให้เช่าในหางดงส่วนใหญ่ยังคงเป็น บ้านเช่า (บ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมในโครงการจัดสรร) แต่ก็เริ่มมี คอนโดมิเนียม บางแห่งในพื้นที่เขตติดต่อเมืองหรือในทำเลชุมชน เช่น โซนสันผักหวาน, หนองควาย ซึ่งอยู่ต้นทางของหางดง ใกล้กับถนนคลองชลและถนนเลียบทางรถไฟ คอนโดเหล่านี้มักเป็นอาคารความสูงไม่มาก ผู้อยู่อาศัยไม่หนาแน่น ค่าเช่าคอนโดในหางดงจัดว่า ถูกที่สุดในบรรดาทำเลที่กล่าวมา โดยเฉลี่ยประมาณ 8,000–12,000 บาท/เดือน เท่านั้น สำหรับห้องขนาดมาตรฐาน 1 ห้องนอน บางแห่งมีประกาศปล่อยเช่าสตูดิโอที่ราคาต่ำถึง 6,000–7,000 บาท/เดือน ด้วยซ้ำ (เช่นคอนโดสร้างเสร็จใหม่ที่อยู่ไกลออกไป หรือห้องชุดในโครงการที่เจ้าของอยู่นอกพื้นที่แล้วไม่มีคนเช่ามาสักพัก) อย่างไรก็ตาม หากเป็น โครงการคอนโดหรูแนวรีสอร์ต ที่มีชาวต่างชาติพักเยอะ ค่าเช่าก็อาจสูงขึ้น เช่น 2 ห้องนอนแต่งครบสไตล์โมเดิร์น อาจอยู่ที่ 15,000–20,000 บาท/เดือน ซึ่งก็ยังถือว่าถูกกว่าย่านในเมืองอยู่ดี

กลุ่มผู้เช่าที่เหมาะ: หางดงเหมาะมากกับผู้ที่ ต้องการพื้นที่ใช้ชีวิตที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว กลุ่ม ชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตเชียงใหม่ระยะยาว โดยเฉพาะผู้เกษียณ มักนิยมเช่าบ้านหรือคอนโดในหางดงเพราะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ อากาศดี และหลีกหนีความวุ่นวาย หางดงยังมี โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง (เช่น Prem, Lanna International) ทำให้ครอบครัวชาวต่างชาติที่มีลูกเลือกเช่าบ้านอยู่บริเวณนี้ นอกจากนี้ คนไทยที่ทำงานในพื้นที่หางดงหรืออำเภอใกล้เคียง เช่น สันป่าตอง ก็มักอยู่หางดงเพื่อลดเวลาขับรถเข้าเมือง จุดแข็งของการอยู่หางดงคือได้พื้นที่ใช้สอยเยอะ ราคาไม่แพง มลพิษทางเสียงและอากาศต่ำกว่าในเมืองมาก แต่ข้อจำกัดคือ การเดินทางต้องพึ่งรถยนต์ส่วนตัวแทบจะ 100% เพราะไม่มีระบบขนส่งสาธารณะทั่วถึง และระยะทางถึงตัวเมืองประมาณ 15-25 กิโลเมตร (ขึ้นกับตำแหน่งในหางดง) ใช้เวลาขับรถราวครึ่งชั่วโมง ซึ่งหากใครต้องเข้าเมืองทุกวันอาจไม่สะดวกเท่าการอยู่ในเมืองโดยตรง

สรุปทำเล: จะเห็นได้ว่าเชียงใหม่มี ทำเลหลากหลายให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ ของผู้เช่าแต่ละคน หากคุณชอบความคึกคัก เดินไปกินกาแฟร้านฮิปๆ ทุกเช้าและมีเพื่อนต่างชาติเต็มไปหมด “นิมมานฯ” คือตัวเลือกที่ใช่ แต่หากคุณอยากได้ความสงบร่มรื่น มีความเป็นส่วนตัว “แม่เหียะ” หรือ “หางดง” อาจตอบโจทย์มากกว่า ส่วน “ฟ้าฮ่าม” เหมาะกับคนที่อยากใกล้เมืองนิดๆ ใกล้ห้างด้วย ในงบที่จำกัดกว่า ขณะที่ “สุเทพ” ก็ตอบสนองชีวิตนักศึกษาและคนวัยทำงานที่ชอบอยู่ใกล้ธรรมชาติ เชิงดอย ทุกทำลมียูนิตคอนโดให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและแบบตกแต่งหรู ขึ้นกับงบประมาณของผู้เช่า ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกย่าน ควรพิจารณาว่าสไตล์ชีวิตเราเหมาะกับบรรยากาศแบบใด และการเดินทางในชีวิตประจำวันเราสอดคล้องกับทำเลนั้นหรือไม่

ราคาเช่าคอนโดเฉลี่ยปี 2568 (ตามขนาดห้องและทำเล)

หนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ผู้เช่าควรทราบคือ ระดับราคาค่าเช่าเฉลี่ยของคอนโดในเชียงใหม่ โดยแบ่งตามขนาดห้อง เนื่องจากขนาด/ประเภทของห้อง (สตูดิโอ, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, ฯลฯ) มีผลโดยตรงต่อค่าเช่า นอกจากนี้ “ทำเล” ที่ตั้งของคอนโดก็มีผลต่อราคาด้วย ห้องขนาดเท่ากันแต่คนละย่านอาจราคาแตกต่างกันมาก ในหัวข้อนี้เราจะแจกแจงช่วงราคาค่าเช่าโดยประมาณของคอนโดในเชียงใหม่ปี 2568 ตามประเภทห้อง และจะชี้ว่าทำเลส่งผลอย่างไรบ้างต่อราคานั้น (โปรดทราบว่าราคาจริงอาจสูงหรือต่ำกว่าเล็กน้อยขึ้นกับความใหม่และคุณภาพโครงการ รวมถึงการตกแต่งภายในของห้องชุดแต่ละห้อง)

ห้องสตูดิโอ (ห้องชุดขนาดเล็กสุด)

ห้องสตูดิโอในเชียงใหม่มักมีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 25–35 ตร.ม. เป็นห้องแบบเปิดโล่งที่รวมพื้นที่นอน นั่งเล่น และครัวเล็กไว้ด้วยกัน เหมาะสำหรับผู้อยู่อาศัยคนเดียว ราคาค่าเช่าสตูดิโอจะถูกที่สุดเมื่อเทียบกับห้องประเภทอื่น:

  • ราคาค่าเช่าเฉลี่ย: 8,000–13,000 บาท/เดือน โดยช่วงล่างของราคานี้ (~8-10k) มักพบในคอนโดโครงการเก่าหรืออพาร์ตเมนต์ที่อยู่ชานเมือง หรืออยู่ในตัวเมืองแต่ตัวอาคารค่อนข้างเก่า ส่วนช่วงบนของราคา (~12-13k) จะเป็นห้องสตูดิโอในคอนโดสร้างใหม่ เฟอร์นิเจอร์ครบ ทำเลดี

  • ทำเลมีผลอย่างไร: ห้องสตูดิโอใน ย่านนิมมานฯ/ใจกลางเมือง มักเริ่มที่ราว 10,000 บาทขึ้นไปสำหรับห้องตกแต่งครบและอาคารคุณภาพ เนื่องจากดีมานด์สูง หากงบประมาณจำกัด ผู้เช่าอาจต้องเลือกห้องสตูดิโอในซอยลึกหรืออาคารเก่าหน่อยจึงจะได้ราคาต่ำกว่า 10k ในทางกลับกัน ห้องสตูดิโอนอกเมือง (เช่น ฟ้าฮ่าม, สันทราย, แม่เหียะ หรือย่านที่ห่างศูนย์กลางออกไป) สามารถหาได้ในราคา 6,000-8,000 บาท/เดือน โดยจะเป็นอาคาร low-rise หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็ก

  • ข้อสังเกต: ห้องสตูดิโอมักมีจำนวนมากในตลาดเช่า โดยเฉพาะในคอนโดที่เจาะกลุ่มนักศึกษา/คนทำงานออฟฟิศ เพราะราคาจับต้องได้ หากคุณอยู่คนเดียวและต้องการประหยัดงบ ค้นหาห้องสตูดิโอในโครงการคอนโดสำหรับเช่าโดยเฉพาะ (บางแห่งสร้างมาสำหรับปล่อยเช่ามากกว่าขาย) อาจได้ดีลที่คุ้มค่า นอกจากนี้ลองพิจารณาห้องสตูดิโอใน อพาร์ตเมนต์หรือหอพักปรับปรุงใหม่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงคอนโด ในราคาเช่าที่ถูกกว่า

ห้องประเภท 1 ห้องนอน

คอนโดแบบ 1 ห้องนอน (แยกห้องนอนเป็นสัดส่วน) เป็นรูปแบบยอดนิยมสำหรับผู้เช่าคอนโด เพราะให้ความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ใช้สอยลงตัวสำหรับ 1-2 คน (เช่น คู่รักหรือเพื่อนร่วมแชร์ห้อง) ห้องชนิดนี้มักมีขนาดประมาณ 30–50 ตร.ม. ในเชียงใหม่ห้องหนึ่งห้องนอนเป็นที่ต้องการสูง ส่งผลให้ราคาค่าเช่าขยับสูงกว่าห้องสตูดิโอเล็กน้อย:

  • ราคาค่าเช่าเฉลี่ย: 12,000–18,000 บาท/เดือน สำหรับห้องมาตรฐาน 1 ห้องนอนในโครงการทั่วไปของเชียงใหม่ หากห้องมีขนาดใหญ่พิเศษ (50 ตร.ม. ขึ้นไป) หรืออยู่ในคอนโดระดับลักชัวรี ราคาอาจสูงถึง 20,000–25,000 บาท/เดือน ได้

  • ทำเลมีผลอย่างไร: ห้องหนึ่งนอนใน ย่านนิมมานฯ หรือคอนโดใจกลางเมือง (เช่น แถวช้างคลาน ใกล้ไนท์บาซาร์) ราคาจะอยู่ในโซนบนของช่วงเฉลี่ยหรือสูงกว่า เช่น ห้องแต่งครบสวยงาม 1 นอนในนิมมานฯ หลายแห่งปล่อยที่ 18,000–25,000 บาท/เดือน เพราะมีลูกค้าชาวต่างชาติยินดีจ่าย ขณะที่ห้องหนึ่งนอน ในย่านรอบนอก อย่างฟ้าฮ่ามหรือแม่เหียะ สามารถหาได้ในราคา 10,000–15,000 บาท/เดือน เท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกกว่ามากสำหรับพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกัน

  • ข้อสังเกต: หากคุณต้องการห้อง 1 ห้องนอนในราคาย่อมเยา ให้เล็งทำเลนอกเมืองเล็กน้อย เช่น รอบนอกคูเมือง, สันติธรรม, หนองป่าครั่ง, ฟ้าฮ่าม จะมีตัวเลือกในระดับราคา 10k ต้นๆ อยู่จำนวนหนึ่ง ตรงข้ามหากต้องการอยู่ย่านยอดนิยม การเตรียมงบไว้ราว 15k ขึ้นไปจะช่วยให้หาห้องคุณภาพดีได้ง่ายขึ้น

ห้องประเภท 2 ห้องนอน

ห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก (3-4 คน) หรือผู้ที่ต้องการห้องทำงานแยกอีกห้อง พื้นที่มักอยู่ราว 50–80 ตร.ม. ในเชียงใหม่ห้องสองห้องนอนมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับสตูดิโอ/1 นอน ส่วนใหญ่พบในคอนโดระดับกลางถึงไฮเอนด์ หรือไม่ก็เป็นการนำห้องเล็กสองห้องมาควบรวมกัน:

  • ราคาค่าเช่าเฉลี่ย: 20,000–35,000 บาท/เดือน ขึ้นกับทำเลและความหรูของโครงการ สำหรับห้อง 2 นอนมาตรฐาน (~60 ตร.ม.) ในคอนโดมิเนียมทั่วไปของเชียงใหม่ ราคามักอยู่ราว 25,000–30,000 บาท แต่หากเป็นโครงการหรูขนาดใหญ่ (มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ) หรืออยู่ใจกลางย่านท่องเที่ยว ราคาอาจเกิน 30k ได้

  • ทำเลมีผลอย่างไร: ห้อง 2 ห้องนอนใน ย่านนิมมานฯ/ช้างคลาน (ใจกลางเมือง) ราคาจะสูงสุด เช่น ห้อง 2 นอน 70 ตร.ม. ในนิมมานฯ อาจปล่อยเช่า 30,000–45,000 บาท/เดือน เพราะมีลูกค้ากลุ่มบริษัทหรือชาวต่างชาติครอบครัวที่ต้องการ ส่วนห้อง 2 นอน ในย่านชานเมือง เช่น คอนโดแถวฟ้าฮ่ามหรือคอนโดรีสอร์ตย่านหางดง หลายแห่งค่าเช่าอยู่แค่ 15,000–20,000 บาท/เดือน เท่านั้น (แต่ทั้งนี้โครงการนอกเมืองมักไม่ค่อยมี 2 ห้องนอนให้เลือกมาก และขนาดอาจเล็กกว่าห้อง 2 นอนในเมือง)

  • ข้อสังเกต: ถ้าคุณมองหาห้อง 2 ห้องนอนและอยากประหยัดค่าเช่า ลองมองหาคอนโดสร้างใหม่ในโซนรอบนอก ที่เจ้าของซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่า บางครั้งเจ้าของอาจตั้งราคาแข่งกันค่อนข้างถูกในช่วงแรกเพื่อเรียกผู้เช่า เช่น โครงการใหม่แถวสันกำแพงหรือแม่โจ้ มีห้อง 2 นอนบางห้องปล่อยที่ ~15k ซึ่งคุ้มค่ามาก ในขณะที่ห้องขนาดเดียวกันนี้ถ้าอยู่ในตัวเมืองจะไม่มีทางได้ราคานี้

ห้องประเภท 3 ห้องนอนขึ้นไป / เพนต์เฮาส์

ห้องขนาด 3 ห้องนอนหรือใหญ่กว่านั้น (รวมถึงเพนต์เฮาส์) ถือเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มในเชียงใหม่ มักเป็นยูนิตพิเศษในคอนโดหรู หรือเป็นการปล่อยเช่าทั้งชั้นบนสุดในรูปแบบเพนต์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอยอาจมากกว่า 100 ตร.ม. ขึ้นไป:

  • ราคาค่าเช่าเฉลี่ย: 35,000 บาท/เดือนขึ้นไป โดยห้อง 3 ห้องนอนทั่วไป (~90–120 ตร.ม.) ในคอนโดเมืองเชียงใหม่มักเริ่มที่ 40,000–50,000 บาท/เดือน และถ้าเป็นเพนต์เฮาส์แต่งเต็มทั้งชั้นอาจสูงถึง 70,000–100,000 บาท/เดือน ก็มี (เช่น คอนโดหรูวิวแม่น้ำปิงหรือคอนโดแบรนด์โรงแรม)

  • ทำเลมีผลอย่างไร: ห้อง 3 ห้องนอนมีน้อยมากในโครงการนอกเมือง ดังนั้นส่วนใหญ่ของยูนิตประเภทนี้จะอยู่ใน ย่านตัวเมืองหรือทำเล prime เป็นหลัก เช่น คอนโดแถวริมแม่น้ำปิง ช้างคลาน หรือบนถนนนิมมานฯ ห้อง 3 นอนเหล่านี้ผู้เช่าส่วนมากจะเป็นกลุ่มผู้บริหารชาวต่างชาติที่มาเป็นครอบครัว หรือไม่ก็บริษัทเช่าให้เป็นที่พักพนักงานระดับสูง

  • ข้อสังเกต: หากคุณต้องการเช่าห้อง 3 ห้องนอนจริงๆ ในเชียงใหม่และอยากได้ราคาที่สมเหตุสมผล แนะนำให้พิจารณา บ้านเช่า เป็นทางเลือกด้วย เพราะด้วยงบ 30,000-40,000 บาท คุณสามารถเช่าบ้านเดี่ยว 3 ห้องนอนพร้อมสนามหญ้าในโซนนอกเมืองได้อย่างสบาย (รายละเอียดการเปรียบเทียบระหว่างคอนโดกับบ้านจะกล่าวในหัวข้อต่อไป) แต่ถ้าคุณมุ่งมั่นจะเอาความสะดวกของคอนโด (มีรปภ., ส่วนกลาง, ทำเลในเมือง) ก็อาจต้องเตรียมงบสูงสักหน่อยและหาล่วงหน้า เพราะมีไม่กี่ยูนิตที่เป็น 3 ห้องนอนให้เช่าในตลาดและมักถูกจองเร็ว

สรุปเรื่องราคา: โดยภาพรวม เชียงใหม่มีระดับราคาค่าเช่าคอนโดที่ย่อมเยากว่ากรุงเทพฯ อย่างเห็นได้ชัด ในงบประมาณประมาณ 10,000-15,000 บาท คุณสามารถหาเช่าคอนโด 1 ห้องนอนที่อยู่ในทำเลดีหรือห้อง 2 ห้องนอนในทำเลรอบนอกได้สบาย ในขณะที่งบเท่านี้อาจได้แค่ห้องสตูดิโอขนาดเล็กในเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม ผู้เช่าควร เปรียบเทียบราคากับปัจจัยอื่นๆ เช่น ความใหม่ของโครงการ สิ่งอำนวยความสะดวก และความน่าเชื่อถือของเจ้าของห้อง เพราะบางครั้งห้องราคาถูกมากอาจอยู่ในอาคารเก่าที่ระบบสาธารณูปโภคเช่นลิฟต์หรือประปาเริ่มเสื่อมสภาพ หรือเจ้าของห้องไม่ค่อยดูแล การเลือกห้องที่ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยแต่คุณภาพชีวิตดีกว่าย่อมคุ้มค่าในระยะยาว

นอกจากนี้ ฤดูกาลเช่าก็มีผลบ้างในเชียงใหม่ เช่น ช่วงก่อนเปิดเทอมการศึกษา (พฤษภาคม-มิถุนายน และปลายกรกฎาคม) ห้องเช่าย่านมหาวิทยาลัยมักถูกจับจองหมดเร็ว หรือช่วงปลายฝนต้นหนาว (กันยายน-พฤศจิกายน) ที่ชาวต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาอยู่ยาว ช่วงนั้นห้องในย่านยอดนิยมอาจต่อรองราคายากขึ้นเล็กน้อย ตรงข้ามกับช่วงฤดูฝุ่นควัน (ประมาณมีนาคม-เมษายน) ที่บางส่วนของชาวต่างชาติจะย้ายออกชั่วคราว ทำให้มีห้องว่างมากขึ้น ดังนั้นหากคุณยืดหยุ่นเรื่องช่วงเวลาย้ายเข้า การเลือกทำสัญญาเช่าในช่วงโลว์ซีซั่นก็อาจช่วยให้ได้ราคาที่ต่อรองง่ายหรือเจ้าของมีโปรโมชั่นพิเศษ

เงื่อนไขและสัญญาการเช่าคอนโด

การเช่าคอนโดมิเนียมเป็นธุรกรรมที่มีรายละเอียดหลายอย่าง ผู้เช่าควรรู้เงื่อนไขทั่วไปของการเช่าเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมและหลีกเลี่ยงปัญหาภายหลัง หัวข้อนี้จะอธิบายเรื่อง ระยะเวลาการเช่า (รายเดือน vs รายปี), เงินมัดจำและค่าเช่าล่วงหน้า, ค่าส่วนกลางและค่าสาธารณูปโภค, และประเด็นอื่นๆ ที่มักระบุในสัญญาเช่า

ระยะเวลาสัญญาเช่า: รายเดือน vs รายปี

  • เช่ารายปี (สัญญาระยะยาว): การทำสัญญาเช่าคอนโดโดยทั่วไปในเชียงใหม่ (และทั่วไทย) มักกำหนดระยะเวลา 12 เดือน เป็นมาตรฐาน ส่วนใหญ่เจ้าของห้องจะชอบผู้เช่าที่เซ็นสัญญา 1 ปีเต็ม เพราะมั่นใจว่าจะมีรายได้ค่าเช่าต่อเนื่องและไม่ต้องหาผู้เช่าบ่อยๆ ข้อดีสำหรับผู้เช่าคือเมื่อเซ็นปีหนึ่งแล้วมักจะ ได้ค่าเช่าในอัตราคงที่ตลอดปี (เจ้าของจะไม่ขึ้นค่าเช่ากลางคัน) และบางครั้งสามารถต่อรองราคาลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการเช่าระยะสั้น เช่น เจ้าของอาจลดราคาให้ถ้าผู้เช่ายอมเซ็นสัญญายาวขึ้น

  • เช่ารายเดือนหรือระยะสั้น: หมายถึงการเช่าแบบ เดือนต่อเดือน หรือเช่าไม่ถึง 6 เดือน ซึ่งรูปแบบนี้หาห้องได้ยากกว่า เนื่องจาก กฎหมายโรงแรมของไทย ไม่อนุญาตให้ปล่อยเช่าคอนโดระยะสั้นต่ำกว่า 30 วันอย่างถูกกฎหมาย (ยกเว้นได้ใบอนุญาต) ทำให้เจ้าของห้องส่วนมากหลีกเลี่ยงการทำสัญญาเช่ารายเดือนสั้นๆ เว้นแต่ผู้เช่าจะตกลงทำขั้นต่ำ 3-6 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ก็พอมีเจ้าของบางรายที่ยินดีปล่อยเช่า 3 เดือนหรือ 6 เดือน (มักจะระบุเป็นกรณีๆ ไป ในประกาศอาจเขียนว่า “สัญญา 6 เดือน ได้แต่อาจคิดค่าเช่าสูงขึ้น”) โดยการเช่าระยะสั้นมักมี ค่าเช่ารายเดือนแพงกว่า การเช่ารายปี เช่น ห้องที่ปกติค่าเช่า 12,000 บาท/เดือนหากเช่าปีเดียว แต่ถ้าขอเช่าแค่ 3 เดือน เจ้าของอาจเรียก 14,000-15,000 บาท/เดือน เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่หาผู้เช่าใหม่

  • คำแนะนำ: หากคุณวางแผนจะอยู่เกิน 6 เดือน ควรพิจารณาทำสัญญา 1 ปีไปเลยเพื่อให้ได้อัตราค่าเช่าที่ถูกกว่าและสบายใจทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคุณมั่นใจว่าจะอยู่สั้นจริงๆ (เช่น มาฝึกงาน 3 เดือน) การหาเช่าคอนโดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะ ควรพิจารณา เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือ โรงแรมรายเดือน ซึ่งออกแบบมารองรับการเช่าระยะสั้นจะสะดวกกว่า

เงินมัดจำ (เงินประกันความเสียหาย) และค่าเช่าล่วงหน้า

  • เงินประกันความเสียหาย (เงินมัดจำ): เป็นเงินที่ผู้เช่าต้องวางไว้กับผู้ให้เช่าตั้งแต่เริ่มทำสัญญา เพื่อประกันว่าหากมีความเสียหายต่อห้องหรือผู้เช่าผิดนัด ค่าเสียหายจะถูกหักจากเงินส่วนนี้ มาตรฐานในตลาดทั่วไป คือ เงินประกัน 2 เดือนของค่าเช่า เช่น ค่าเช่า 10,000 บาท/เดือน ผู้เช่าต้องวางมัดจำ 20,000 บาท ซึ่งจะได้คืนเมื่อสิ้นสุดสัญญาและไม่มีอะไรเสียหาย (บางแห่งคืนหลังจากตรวจห้อง 1-2 สัปดาห์) อย่างไรก็ตาม มีข้อกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ประกาศใช้เมื่อปี 2561 กำหนดว่า ถ้าเจ้าของห้องนั้นปล่อยเช่าในเชิงธุรกิจ (มีห้องเช่า 5 ห้องขึ้นไป) จะเรียกเงินประกันได้ไม่เกิน 1 เดือน และรวมกับค่าเช่าล่วงหน้าไม่เกิน 3 เดือน ดังนั้นในบางกรณีเจ้าของมืออาชีพอาจเก็บมัดจำแค่ 1 เดือน แต่โดยส่วนใหญ่เจ้าของคอนโดปล่อยเช่า (ซึ่งมักมี 1-2 ห้อง) จะยังคงเก็บ 2 เดือนอยู่

  • ค่าเช่าล่วงหน้า: คือค่าเช่าเดือนแรกที่ต้องจ่ายล่วงหน้า ณ วันเซ็นสัญญา ส่วนมากเรียกเก็บ 1 เดือนล่วงหน้า (ควบคู่กับมัดจำ 2 เดือนตามที่กล่าวข้างต้น) ดังนั้น ณ วันทำสัญญา ผู้เช่าต้องชำระเงินรวม 3 เดือนของค่าเช่า (มัดจำ 2 + ค่าเช่าล่วงหน้า 1) เช่น ถ้าค่าเช่า 15,000 บาท ก็เตรียมเงิน 45,000 บาทในวันทำสัญญา หากมีการต่อสัญญาในปีถัดไป โดยทั่วไปจะนำเงินประกันเดิมไปต่อได้และผู้เช่าแค่จ่ายค่าเช่าเดือนแรกของรอบใหม่

  • เงื่อนไขการคืนเงินมัดจำ: โดยทั่วไปในสัญญาจะระบุว่า ผู้ให้เช่าจะคืนเงินประกันหลังจากผู้เช่าย้ายออกและได้ตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องแล้ว ภายในกี่วัน (มัก 7-30 วัน) ผู้เช่าควรตรวจสอบเงื่อนไขนี้ และในวันย้ายออกควรมีการตรวจห้องร่วมกันกับผู้ให้เช่าเพื่อความโปร่งใส หากห้องไม่มีความเสียหายหรือบิลค้างจ่าย ผู้เช่าย่อมมีสิทธิได้รับเงินมัดจำคืนเต็มจำนวน

ค่าส่วนกลางและค่าบำรุงรักษา

  • ค่าส่วนกลางคอนโด: ตามปกติแล้ว เจ้าของห้องจะรับผิดชอบค่าส่วนกลาง ที่ต้องจ่ายให้ทางนิติบุคคลอาคารชุดรายปีอยู่แล้ว ผู้เช่าไม่จำเป็นต้องจ่ายส่วนนี้เพิ่ม (ถือว่ารวมอยู่ในค่าเช่าโดยนัย) ยกเว้นในกรณีที่ตกลงกันเป็นพิเศษ หรือสัญญาระบุให้ผู้เช่าจ่าย (ซึ่งพบได้น้อยมาก) ดังนั้นเมื่อคุณเช่าคอนโด คุณมีสิทธิใช้สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย สวนพักผ่อน ตามที่โครงการจัดไว้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพราะเจ้าของห้องได้จ่ายค่าส่วนกลางเหล่านั้นแล้ว

  • ค่าบำรุงรักษาภายใน: การซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ ภายในห้อง เช่น เปลี่ยนหลอดไฟ กดชักโครกเสีย ฯลฯ ในทางปฏิบัติมักจะเป็นความรับผิดชอบของผู้เช่าที่ดูแลเองถ้าค่าใช้จ่ายไม่สูง (คล้ายการดูแลบ้านของตนเอง) แต่หากเป็น การซ่อมแซมใหญ่ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เจ้าของจัดให้เกิดชำรุดเสียหายจากการใช้งานปกติ ผู้ให้เช่าควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าซ่อม เช่น เครื่องปรับอากาศเสียจากอายุการใช้งาน ท่อน้ำรั่วซึมในผนัง ฯลฯ เรื่องนี้ควรทำความเข้าใจกันตั้งแต่ก่อนเช่าและอาจระบุในสัญญาด้วยเพื่อป้องกันข้อพิพาท

ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ และบริการอื่นๆ)

  • ค่าไฟฟ้า: ผู้เช่าต้องจ่ายตามการใช้งานจริง โดยปกติห้องคอนโดจะมีมิเตอร์ไฟฟ้าแยกแต่ละห้อง ซึ่งการไฟฟ้าจะคิดอัตราตามเรทบ้านอยู่อาศัยประมาณหน่วยละ 4 บาทกว่า (เรทปกติ) ในสัญญาเช่าควรระบุให้ชัดเจนว่าผู้ให้เช่าเรียกเก็บตามใบแจ้งหนี้จริง ไม่มีบวกเพิ่ม (กฎหมายคุ้มครองผู้เช่าระบุว่าผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบวกกำไรค่าน้ำค่าไฟ) วิธีการชำระอาจเป็นเจ้าของรวบรวมบิลมาเรียกเก็บรายเดือน หรือบางแห่งผู้เช่าไปชำระเองก็ได้ เช่น โอนผ่านแอปพลิเคชันการไฟฟ้า

  • ค่าน้ำประปา: คอนโดส่วนใหญ่จะคิดค่าน้ำเป็น อัตราเหมาจ่ายต่อหน่วย ผ่านนิติบุคคล (มิเตอร์แยกห้อง แต่เรียกเก็บโดยโครงการ) เช่น หน่วยละ 20 บาทหรือ 30 บาท แล้วแต่คอนโด ค่าน้ำต่อเดือนสำหรับอยู่คนเดียวมักไม่สูงมาก (โดยเฉลี่ย 100-300 บาท) ผู้เช่าจ่ายตามบิลที่นิติบุคคลออกให้ ซึ่งมักมาส่งทุกสิ้นเดือน

  • อินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวี: ไม่ได้รวมอยู่ในค่าเช่ามาตรฐาน ยกเว้นบางห้องที่เจ้าของติดตั้ง Wi-Fi ไว้แล้วและโฆษณาว่ารวมเน็ตฟรี ผู้เช่าส่วนใหญ่ต้อง สมัครอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เอง ตามผู้ให้บริการที่ตึกนั้นรองรับ (3BB, AIS Fibre, True Fibre ฯลฯ) ค่าใช้จ่ายประมาณ 500-800 บาท/เดือน ทั้งนี้บางอาคารอาจมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตส่วนกลางที่ล็อบบี้หรือฟิตเนส แต่สำหรับใช้ในห้องส่วนตัวผู้เช่าควรมีบริการของตนเอง

  • โทรศัพท์: ปัจจุบันแทบไม่มีการติดตั้งโทรศัพท์พื้นฐานในห้องเช่า เพราะทุกคนใช้มือถือส่วนตัว หากคอนโดมีระบบอาคาร (เช่น intercom) ก็มักเชื่อมต่อกับเบอร์มือถือของผู้เช่าเลย

  • บริการทำความสะอาด: ไม่รวมอยู่ในค่าเช่า แต่หากผู้เช่าต้องการ สามารถจ้างแม่บ้านจากภายนอกหรือสอบถามนิติบุคคลคอนโดว่ามีแม่บ้านรับจ้างเป็นรายครั้งหรือไม่ ค่าบริการราว 300-500 บาทต่อครั้ง (ขึ้นกับขนาดห้อง)

  • ที่จอดรถ: คอนโดส่วนใหญ่ในเชียงใหม่ ไม่เก็บค่าจอดรถเพิ่ม สำหรับผู้พักอาศัย โดยปกติ 1 ห้องจะได้รับสิทธิ์ที่จอดรถยนต์ 1 คัน (อาจเป็นที่จอดไม่ประจำ) และมอเตอร์ไซค์ 1 คัน ถ้ามีรถหลายคันหรือรถใหญ่พิเศษ ต้องเช็คกับนิติบุคคลคอนโดถึงกฎระเบียบ เช่น บางแห่งอาจให้สติ๊กเกอร์รถได้ห้องละ 1 คันเท่านั้น หากมีคันที่สองอาจต้องจอดนอกพื้นที่

ข้อกำหนดอื่น ๆ ในสัญญาเช่า

  • การต่ออายุสัญญา: โดยทั่วไปเมื่อครบกำหนด 1 ปี หากผู้เช่าต้องการอยู่ต่อและเจ้าของพอใจ ผู้เช่าสามารถแจ้งล่วงหน้าเพื่อ ต่อสัญญาเช่าใหม่ ได้ โดยเงื่อนไขอาจเหมือนเดิมหรือมีการปรับค่าเช่าบ้างเล็กน้อยตามที่ตกลง (ค่าเช่าคอนโดมักจะคงที่หรือขึ้นเล็กน้อยปีต่อปี ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด) ควรแจ้งความจำนงค์ต่อสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว

  • การยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด: หากผู้เช่าจำเป็นต้องเลิกเช่าก่อนครบสัญญา ปกติแล้วตามสัญญามาตรฐาน ผู้เช่าจะถูกริบเงินมัดจำ ทั้งหมด หรืออาจต้องรับผิดชอบค่าเช่าที่เหลือจนกว่าจะหาผู้เช่ารายใหม่ได้ (ขึ้นอยู่กับที่ระบุไว้) อย่างไรก็ตาม กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคสำหรับสัญญาเช่า (ในกรณีเจ้าของปล่อยเช่าแบบธุรกิจ) ระบุว่า หากผู้เช่าอยู่มาแล้วไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของอายุสัญญา สามารถแจ้งยกเลิกสัญญาก่อนหมดอายุได้โดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน และผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันที่เหลือหลังหักค่าเสียหาย (กฎหมายนี้ใช้กับกรณีผู้ให้เช่าที่ปล่อยห้องเช่าหลายห้อง) อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติ ผู้เช่าควรเจรจากับเจ้าของโดยตรง หากมีเหตุจำเป็นต้องออกก่อน เช่น เสนอหาผู้เช่ามาแทนหรือยอมให้หักมัดจำ 1 เดือนแทนการยึดทั้งหมด เป็นต้น

  • เงื่อนไขการใช้ห้อง: สัญญาเช่าคอนโดมักระบุข้อห้ามชัดเจน เช่น ห้ามสูบบุหรี่ภายในห้อง (บางแห่งให้สูบได้ที่ระเบียง บางแห่งห้ามทั้งหมดเพื่อป้องกันกลิ่นเข้าห้องและระบบปรับอากาศ), ห้ามเลี้ยงสัตว์เลี้ยง (ส่วนใหญ่คอนโดไทยไม่อนุญาตสัตว์เลี้ยงตามกฎอาคาร เว้นแต่บางโครงการที่ประกาศตัวเป็น pet-friendly), ห้ามดัดแปลงต่อเติมห้อง เช่น ทาสีผนังเอง เจาะผนังติดตั้งของหนักโดยไม่ได้รับอนุญาต, ห้ามส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น โดยเฉพาะช่วงเวลา 22.00-7.00 น. เป็นต้น ผู้เช่าควรปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับนิติบุคคลและเพื่อนบ้าน

  • จำนวนผู้อยู่อาศัย: ในสัญญามักระบุจำนวนผู้พักอาศัยที่ลงทะเบียน (เช่น ไม่เกิน 2 คนสำหรับห้องสตูดิโอ/1นอน) การเชิญคนอื่นมาพักด้วยระยะยาวโดยไม่แจ้งอาจผิดเงื่อนไข หากมีแผนให้ผู้อื่นมาพักเกินระยะสั้นๆ เช่น ญาติมาเยี่ยม ก็ควรแจ้งเจ้าของห้องและลงทะเบียนกับนิติบุคคล (เพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย)

  • สิทธิเจ้าของห้องในการเข้าตรวจสอบ: ตามกฎหมาย เจ้าของห้อง ไม่มีสิทธิเข้าห้องเช่าได้โดยพละการ ยกเว้นได้รับอนุญาตจากผู้เช่า หรือมีเหตุฉุกเฉิน (เช่น ไฟไหม้, น้ำท่วม) ในสัญญาอาจระบุว่าเจ้าของสามารถเข้ามาตรวจสอบสภาพห้องโดยแจ้งล่วงหน้า (มัก 24-48 ชั่วโมง) ในทางปฏิบัติ หากเจ้าของต้องการเข้ามาซ่อมแซมหรือดูห้อง ก็ควรนัดหมายกับผู้เช่าก่อนทุกครั้ง ผู้เช่ามีสิทธิ์ปฏิเสธไม่ให้เข้าห้องถ้าเจ้าของมาโดยไม่ได้นัด

สรุป: ก่อนเซ็นสัญญาเช่าคอนโด ควรอ่านสัญญาอย่างละเอียดทุกข้อ หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจหรือไม่เห็นด้วย ควรสอบถามและต่อรองปรับแก้ก่อนลงนาม เมื่อเซ็นแล้วให้เก็บสำเนาสัญญาไว้กับตนเอง 1 ชุดเสมอ การมีสัญญาที่ชัดเจนจะช่วยคุ้มครองสิทธิของทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่า ลดโอกาสเกิดปัญหาบานปลาย

สิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้เช่าควรมองหา

หนึ่งในข้อได้เปรียบของคอนโดมิเนียมเหนือที่พักประเภทอื่น ๆ คือการมี สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง (Facilities) ที่ผู้พักอาศัยสามารถใช้งานได้ ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายของผู้เช่า ในการเลือกคอนโดเพื่อเช่า ควรพิจารณาว่าโครงการนั้นมีสิ่งใดให้บ้าง และสิ่งนั้นสอดคล้องกับความต้องการของเราหรือไม่ ด้านล่างนี้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญที่ควรอยู่ในลิสต์พิจารณา:

  • ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง: ความปลอดภัยคือเรื่องสำคัญที่สุด คอนโดควรมี รปภ. (ยามรักษาการณ์) ประจำตลอด 24 ชม., กล้องวงจรปิด (CCTV) ครอบคลุมพื้นที่ส่วนกลางและทางเดิน, รวมถึง ระบบเข้า-ออกด้วยคีย์การ์ด/สแกนลายนิ้วมือ ที่ลิฟต์และประตูอาคาร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เช่าอุ่นใจ โดยเฉพาะผู้เช่าที่อาศัยคนเดียว

  • ที่จอดรถเพียงพอ: ตรวจสอบว่าโครงการมีที่จอดรถรองรับจำนวนยูนิตเพียงพอหรือไม่ ถ้าคุณมีรถยนต์ ต้องแน่ใจว่าจะมีที่จอดให้ (บางโครงการจัดแบบ 100% มีที่จอดครบทุกยูนิต บางแห่งจัดได้เพียง ~50-70% ต้องแย่งสิทธิ์จอด) และถ้าคุณขับมอเตอร์ไซค์ ให้ดูว่ามีพื้นที่จอดมอเตอร์ไซค์ที่ปลอดภัยหรือเปล่า

  • สระว่ายน้ำ: หลายคนชอบคอนโดที่มีสระว่ายน้ำไว้ออกกำลังกายหรือพักผ่อนหย่อนใจ โดยคอนโดในเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง บางแห่งเป็นสระระบบเกลือ ยาวพอสำหรับว่ายออกกำลังจริงจัง บางแห่งเป็นแค่สระเล็กๆ สำหรับแช่เล่น ดังนั้นถ้าการว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่คุณสนใจ ควรเลือกโครงการที่มีสระขนาดเหมาะสมและได้รับการดูแลอย่างดี

  • ฟิตเนสเซ็นเตอร์/ห้องออกกำลังกาย: คนรักสุขภาพควรมองหาคอนโดที่มี ห้องฟิตเนส พร้อมเครื่องออกกำลังพื้นฐาน เช่น ลู่วิ่ง จักรยาน เครื่องWeights หรือดัมเบล ยิ่งถ้าโครงการไหนมีเครื่องเล่นครบครันหรือพื้นที่กว้างขวาง ก็จะน่าอยู่เป็นพิเศษ เพราะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเข้าฟิตเนสข้างนอก และสะดวกต่อการออกกำลังในชีวิตประจำวัน

  • พื้นที่สีเขียว/สวนหย่อม: การมีพื้นที่สวนส่วนกลาง ต้นไม้ หรือดาดฟ้า (roof garden) ให้พักผ่อน เป็นสิ่งที่เพิ่มคุณภาพชีวิตได้มาก โดยเฉพาะในเชียงใหม่ที่อากาศดีในหลายช่วงเวลา ผู้เช่าสามารถลงมาเดินเล่นนั่งพักใต้ร่มไม้เพื่อผ่อนคลาย หากคอนโดมีสวนหรือลานอเนกประสงค์ย่อมเป็นข้อดี

  • พื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ: เช่น ห้องนั่งเล่น/ล็อบบี้กว้างๆ พร้อม Wi-Fi, Co-working Space หรือห้องอ่านหนังสือสำหรับนั่งทำงาน, ห้องประชุม (บางคอนโดมีให้จองใช้งานหากต้องการความเป็นส่วนตัวในการประชุมออนไลน์), ห้องเด็กเล่น (ถ้าคุณมีเด็กเล็ก), หรือแม้แต่ พื้นที่ทำบาร์บีคิว/ปิ้งย่าง สำหรับจัดสังสรรค์ นอกจากนี้บางโครงการเริ่มมี โรงภาพยนตร์ส่วนตัว, ห้องคาราโอเกะ, หรือสนามกีฬาเล็กๆ (เช่น สนามบาส/สนามแบดมินตัน) ซึ่งถือว่าเป็นโบนัสที่น่าสนใจ

  • ลิฟต์โดยสารและระบบสำรองไฟ: สำหรับอาคารสูง ให้เช็คว่ามีลิฟต์เพียงพอต่อจำนวนยูนิตหรือไม่ (ตึกสูง 8 ชั้นขึ้นไปควรมีลิฟต์อย่างน้อย 2 ตัว) และอาคารมี เครื่องปั่นไฟสำรอง หรือระบบไฟฉุกเฉินไหม เพื่อความมั่นใจว่าไฟดับแล้วจะไม่ติดในลิฟต์หรือมีไฟทางเดินตอนฉุกเฉิน

  • ร้านสะดวกซื้อ/ร้านซักรีดในโครงการ: โครงการขนาดใหญ่มักมีร้าน 7-Eleven หรือร้านมินิมาร์ทอยู่ชั้นล่าง รวมถึงร้านซักอบรีดหรือตู้น้ำหยอดเหรียญ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก เพราะเดินไม่กี่ก้าวก็ซื้อของใช้จำเป็นได้ทันที หากคอนโดที่เล็งไม่มีร้านในตัว ควรดูว่าบริเวณใกล้เคียงมีร้านค้า ร้านอาหาร ในระยะเดินถึงบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าคุณไม่มีรถ การมีร้านข้างล่างตึกจะสะดวกมาก

  • อินเทอร์เน็ตในพื้นที่ส่วนกลาง: บางโครงการมีบริการ Wi-Fi ฟรีที่ล็อบบี้หรือพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งช่วยได้ในกรณีคุณต้องการเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งทำงานข้างล่าง หรือในกรณีที่เน็ตห้องมีปัญหาชั่วคราว อย่างน้อยยังมีอินเทอร์เน็ตส่วนกลางให้ใช้ยามฉุกเฉิน

  • การบำรุงรักษาที่ดี: แม้จะไม่ใช่ “สิ่งอำนวยความสะดวก” โดยตรง แต่คุณภาพการดูแลโครงการโดยนิติบุคคลก็สำคัญ ควรสังเกตความสะอาดของพื้นที่ส่วนกลาง, ความใหม่เอี่ยมของอุปกรณ์ฟิตเนส, น้ำในสระว่ายน้ำใสสะอาดหรือไม่, ลิฟต์ทำงานปกติดีไหม หากสิ่งเหล่านี้ได้รับการดูแลดี แสดงถึงการบริหารจัดการอาคารที่มีประสิทธิภาพ ผู้เช่าก็จะได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่และปลอดภัย

สรุป: ก่อนทำการเช่า แนะนำให้ เยี่ยมชมโครงการจริง สักครั้ง เพื่อดูว่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตรงปกหรือไม่ บางแห่งลงรูปในโบรชัวร์สวยหรูแต่ของจริงอาจเล็กกว่าที่คิด หรือมีสระว่ายน้ำก็จริงแต่แคบมากจนว่ายจริงไม่ได้ การเห็นด้วยตาช่วยให้คุณประเมินได้ว่าสิ่งที่โครงการมี ตอบสนองไลฟ์สไตล์คุณหรือไม่ เช่น ถ้าคุณไม่เคยว่ายน้ำ ฟิตเนสก็ไม่ค่อยได้ใช้ ก็อาจไม่ต้องจ่ายแพงเพื่ออยู่คอนโดหรูที่มีครบทุกอย่าง เลือกโครงการธรรมดาแต่เน้นทำเลอาจคุ้มค่ากว่า ทั้งนี้หากเจอโครงการที่มีครบและราคาโอเค ก็ถือเป็นกำไรชีวิตของผู้เช่าเอง

เปรียบเทียบการเช่าคอนโดกับที่พักอื่น (อพาร์ตเมนต์/บ้านเช่า)

เมื่อพิจารณาหาที่พักในเชียงใหม่ ผู้เช่ามีตัวเลือกหลักสามแบบ ได้แก่ คอนโดมิเนียม, อพาร์ตเมนต์/หอพัก, และบ้านเช่า แต่ละแบบมีข้อดีข้อด้อยต่างกันไป การตัดสินใจว่าควรเช่าแบบไหนขึ้นกับความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และงบประมาณของผู้เช่า ในส่วนนี้เราจะเปรียบเทียบคอนโดกับอีกสองทางเลือกเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน

คอนโดมิเนียม

ข้อดี:

  • มี สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง (สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ฯลฯ) ให้ใช้ ซึ่งหากเช่าอพาร์ตเมนต์หรือบ้านมักไม่มี

  • ระบบ ความปลอดภัย ดีกว่า มีรปภ. กล้องวงจรปิด เข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ด คนภายนอกเข้าได้ยาก ทำให้อุ่นใจกว่าอยู่บ้านเดี่ยวหรือห้องเช่า

  • ส่วนใหญ่เป็น ห้องตกแต่งพร้อมอยู่ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบ ผู้เช่าแค่ขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาก็เข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องซื้อหาเครื่องใช้เพิ่มเติม

  • ทำเลของคอนโดมักอยู่ในย่านที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ หรือไม่ก็ในโครงการที่สงบเป็นส่วนตัว ทำให้คุณภาพชีวิตดี

  • การบำรุงรักษาส่วนกลางต่างๆ ไม่ต้องดูแลเอง (มีทีมช่างอาคารช่วยดูหากมีปัญหาไฟฟ้าประปาเล็กๆ น้อยๆ ในห้อง อาจขอความช่วยเหลือได้)

  • สังคมเพื่อนบ้านมักจะค่อนข้างเป็นส่วนตัว ทุกคนเคารพกฎร่วมกัน การรบกวนจากเพื่อนบ้านจะน้อยกว่าบ้านเช่าที่อยู่ติดกัน

ข้อเสีย:

  • พื้นที่ใช้สอยจำกัด: ห้องคอนโดทั่วไปมีขนาดเล็กกว่าบ้านมาก และไม่มีพื้นที่ภายนอก (สวนหรือระเบียงก็กระทัดรัด) หากของใช้เยอะหรือครอบครัวใหญ่จะอึดอัด

  • ค่ามัดจำและค่าเช่าแพงกว่า อพาร์ตเมนต์: คอนโดมีต้นทุนสูงกว่า ดังนั้นค่าเช่าต่อขนาดพื้นที่จะแพงกว่าอพาร์ตเมนต์หรือหอพัก รวมถึงต้องวางมัดจำหลายเดือน

  • กฎระเบียบเข้มงวด: อยู่คอนโดจะต้องปฏิบัติตามกฎของนิติบุคคล เช่น ห้ามเลี้ยงสัตว์ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามใช้พื้นที่ส่วนกลางผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งบางคนอาจรู้สึกอิสระน้อยกว่าอยู่บ้านส่วนตัว

  • การ ปรับเปลี่ยนตกแต่งใดๆ ทำเองไม่ได้มาก: เช่น อยากทาสีใหม่ ติดชั้นวางเพิ่มเติม ต้องขออนุญาตเจ้าของและบางทีนิติบุคคลด้วย และเมื่อย้ายออกต้องคืนสภาพเดิม

อพาร์ตเมนต์/หอพัก

หมายถึง ห้องเช่าในอาคารที่เจ้าของเดียวบริหารเองทั้งหมด เช่น หอพักนักศึกษา อพาร์ตเมนต์รายเดือน หรือแมนชั่นต่างๆ ซึ่งเชียงใหม่มีจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะแถบใกล้มหาวิทยาลัย:

  • ข้อดี:

    • ค่าเช่าถูกกว่า คอนโดในขนาดห้องเท่ากัน โดยเฉพาะหอพักเก่าๆ หรือตึกที่ไม่มีลิฟต์ ราคาจะย่อมเยากว่า เหมาะกับคนงบน้อย

    • มักยืดหยุ่นเรื่องสัญญา: หลายแห่งทำสัญญา ราย 3 เดือนหรือ 6 เดือน ได้ บางหอพักให้เช่ารายเดือนไม่ผูกมัด (แต่จ่ายเงินมัดจำ 1 เดือนไว้) ซึ่งง่ายต่อคนอยู่ระยะสั้น

    • เงินประกันไม่สูง: ส่วนใหญ่เก็บค่ามัดจำแค่ 1 เดือน หรือสองเดือน รวมกับค่าเช่าล่วงหน้าแล้วไม่เกิน 2 เดือน

    • บางแห่งเจ้าของอาคารดูแลเอง จึง เจรจาแก้ปัญหาต่างๆ ได้โดยตรงรวดเร็ว (เช่น น้ำไม่ไหล ไฟเสีย แจ้งเจ้าของตึก เดี๋ยวเขาส่งช่างมาซ่อม เพราะเขามีทีมประจำ)

  • ข้อเสีย:

    • สิ่งอำนวยความสะดวกน้อย: อพาร์ตเมนต์ส่วนมากไม่มีฟิตเนส ไม่มีสระว่ายน้ำ บางที่ไม่มีที่จอดรถเพียงพอ และไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเหมือนคอนโด (อาจมียามหน้าตึกหรืออาจไม่มีเลย)

    • คุณภาพอาคารและห้องพักอาจไม่ดีเท่าคอนโด: ผนังบาง ได้ยินเสียงข้างห้องง่าย, สุขภัณฑ์/เฟอร์นิเจอร์คุณภาพกลางๆ ไม่หรู, สภาพแวดล้อมอาจไม่สะอาดเนี๊ยบเท่าคอนโดเพราะงบดูแลจำกัด

    • ไม่มีกรรมสิทธิ์เฉพาะห้อง: ความหมายคือ ทุกห้องเป็นของเจ้าของเดียวกัน ทำให้หากผู้เช่าห้องใดมีปัญหา อาจกระทบทั้งตึก เช่น ถ้าเจ้าของตึกอยากขายทั้งตึก ผู้เช่าทุกรายอาจถูกบอกเลิกสัญญา (แม้กรณีนี้เกิดไม่บ่อยแต่ก็เป็นไปได้)

    • ภาพลักษณ์และสังคม: บางคนรู้สึกว่าอยู่หอพัก/แมนชั่นอาจไม่ภูมิฐานเท่าอยู่คอนโด แม้จะไม่มีผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิต แต่ก็เป็นปัจจัยความพึงพอใจส่วนบุคคล

บ้านเช่า

หมายถึง การเช่าบ้านทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือทาวน์เฮาส์ ซึ่งเชียงใหม่มีบ้านลักษณะนี้ให้เช่ามาก โดยเฉพาะในอำเภอรอบนอกอย่างหางดง สันทราย สันกำแพง หรือแม้แต่ในตัวเมืองก็พอมีบ้านให้เช่าในย่านชุมชน:

  • ข้อดี:

    • พื้นที่ใช้สอยมาก: ได้ทั้งตัวบ้านหลายห้องนอน และมีพื้นที่นอกบ้าน (สวน ที่จอดรถส่วนตัว ระเบียงใหญ่) อยู่สบายไม่อึดอัด เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กหรือคนหลายคน

    • ความเป็นส่วนตัวสูง: ไม่มีผนังร่วมกับใคร ไม่ต้องกังวลเรื่องทำเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน (ถ้าเป็นบ้านเดี่ยว) และไม่มีใครมาจุกจิกเรื่องกฎคอนโด อยากเลี้ยงสัตว์ก็เลี้ยงได้ (ถ้าเจ้าของบ้านอนุญาต)

    • บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านตัวเอง: ผู้เช้าจะรู้สึกอิสระ ปลูกต้นไม้ จัดสวน ปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ (เคลื่อนย้าย) ได้ค่อนข้างเต็มที่

    • ในบางทำเล ค่าเช่าบ้านเมื่อหารตามจำนวนคนอยู่จริง ประหยัดกว่าเช่าคอนโดหลายห้อง เช่น กลุ่มเพื่อน 3 คนแชร์กันเช่าบ้าน 3 ห้องนอน เดือนละ 30,000 บาท เฉลี่ยคนละ 10,000 บาท แต่ถ้าเช่าคอนโดแยกกันคนละห้องอาจตกคนละ 12,000-15,000 บาท

  • ข้อเสีย:

    • ทำเลมักไกลเมือง: บ้านเช่าที่อยู่ใจกลางเมืองจริงๆ มีน้อยและแพงมาก ส่วนใหญ่บ้านเช่าจะอยู่ในหมู่บ้านรอบนอก ทำให้ต้องขับรถเข้าเมืองไกล และติดปัญหารถติดช่วงเข้า-ออกเมือง

    • การดูแลรักษา: ต่างจากคอนโดที่มีนิติฯ ดูแล ส่วนบ้านเช่าผู้เช่าต้องดูแลเองพอสมควร เช่น ตัดหญ้าสนาม, รดน้ำต้นไม้, จัดการเรื่องขยะมูลฝอยหน้าบ้าน, และรับผิดชอบซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ เอง ส่วนเจ้าของบ้านมักเข้ามาดูเป็นครั้งคราวหรือเมื่อผู้เช่าแจ้งเท่านั้น

    • ความปลอดภัย: บ้านเดี่ยวอาจไม่มีรปภ. การรักษาความปลอดภัยขึ้นกับโครงการหมู่บ้าน ถ้าเป็นหมู่บ้านที่มียามก็ดีไป แต่ถ้าเป็นบ้านในซอยทั่วไป ความปลอดภัยจะน้อยกว่าคอนโด ผู้เช่าอาจต้องลงทุนติดกล้องหรือติดตั้งสัญญาณกันขโมยเองเพื่อความมั่นใจ

    • เฟอร์นิเจอร์: บ้านเช่าหลายแห่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ บางหลังให้เปล่าๆ เลย (โดยเฉพาะบ้านใหม่) ผู้เช่าต้องซื้อหาเครื่องใช้เอง ซึ่งเป็นต้นทุนเพิ่มเติมและยุ่งยากตอนย้าย

สรุปการเลือก: หากคุณโสดหรืออยู่กัน 2 คน ไม่มีของเยอะ และชอบความสะดวกสบาย/ความปลอดภัย คอนโดมักจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าคุณมีครอบครัวใหญ่หรือให้ความสำคัญกับพื้นที่และความเป็นอิสระ บ้านเช่าอาจคุ้มค่า ส่วนอพาร์ตเมนต์จะเหมาะในกรณีที่ต้องการประหยัดงบสูงสุดหรืออยู่ช่วงสั้นๆ ในโลเคชั่นที่หาคอนโดได้น้อย (เช่น ใกล้มหาวิทยาลัยในงบประหยัด) ทั้งนี้ ผู้เช่าบางคนอาจเริ่มต้นจากเช่าอพาร์ตเมนต์ก่อน แล้วค่อยขยับมาเช่าคอนโดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อฐานะพร้อมขึ้นก็ได้

สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าตามกฎหมายไทย

การเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมีกฎหมายและระเบียบหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา (กรณีสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยเพื่อการบริโภค) ผู้เช่าควรรู้ สิทธิของตนเอง เพื่อปกป้องไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากผู้ให้เช่า และในขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจ หน้าที่ความรับผิดชอบ ที่พึงปฏิบัติตามสัญญา เพื่อไม่ให้ผิดสัญญาจนเกิดปัญหาตามมา สาระสำคัญของสิทธิและหน้าที่ผู้เช่าคอนโด มีดังนี้:

สิทธิของผู้เช่า

  1. ได้รับที่อยู่อาศัยที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ: ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ส่งมอบห้องชุดที่อยู่ในสภาพเรียบร้อย พร้อมอยู่อาศัย ในวันที่เริ่มสัญญา หากมีจุดชำรุดบกพร่องที่ตกลงกันว่าจะซ่อม ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องให้ซ่อมแซมตามที่ระบุ

  2. ความเป็นส่วนตัวและความสงบในการอยู่อาศัย: เมื่อเช่าและชำระค่าเช่าตามปกติ ผู้เช้ามีสิทธิอยู่อาศัยในห้องโดยปราศจากการรบกวนโดยมิชอบ ผู้ให้เช่า ไม่มีสิทธิ์เข้าห้องโดยพลการ เว้นแต่ได้รับอนุญาตหรือมีเหตุจำเป็นฉุกเฉิน เช่น เกิดไฟไหม้ น้ำท่วม ซึ่งเป็นหลักสากลของ “การเคหะสงบสุข” (Quiet Enjoyment)

  3. ทราบอัตราค่าใช้จ่ายที่เป็นธรรม: ผู้เช่ามีสิทธิทราบและจ่ายค่าน้ำค่าไฟในอัตราจริงตามหน่วยที่ใช้ โดยไม่ถูกชาร์จเกินราคา (กฎหมายห้ามผู้ให้เช่าเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินกว่าที่หน่วยงานรัฐกำหนด) รวมถึงมีสิทธิได้ใบเสร็จหรือหลักฐานการจ่ายค่าเช่าทุกครั้งที่ชำระ

  4. ได้รับเงินประกันคืนเมื่อสิ้นสุดสัญญา: หากผู้เช่าไม่ได้ทำห้องเสียหายหรือค้างค่าเช่า ผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันเต็มจำนวนภายในเวลาที่ตกลง (ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาฉบับปี 2561 ระบุว่าต้องคืนภายใน 7 วันหลังสิ้นสัญญาสำหรับสัญญาเช่าประเภทที่อยู่ในบังคับ) ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิยึดเงินประกันโดยไม่มีเหตุผลอันควร

  5. บอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดในบางกรณี: ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญาเช่า หากสัญญาเช่านั้นอยู่ภายใต้บังคับ (คือผู้ให้เช่าปล่อยเช่าเพื่อธุรกิจ มีห้องเช่าหลายห้อง) ผู้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดได้ โดยการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน หลังจากอยู่อาศัยมาแล้วไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของระยะเวลาสัญญา และผู้ให้เช่าต้องคืนเงินประกันหลังหักค่าใช้จ่าย (ถ้ามี) แต่หากเป็นการเช่าทั่วไปกับเจ้าของรายย่อย สิทธินี้อาจไม่ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดนัก (ขึ้นกับสัญญาที่เซ็น)

  6. ไม่ถูกเอาเปรียบด้วยเงื่อนไขไม่เป็นธรรม: เช่น ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิระบุเงื่อนไขปรับค่าปรับแพงเกินจริง, ไม่มีสิทธิกำหนดว่าผู้เช่าต้องรับผิดกับความเสียหายที่ตนไม่ได้ก่อ (เช่น โครงสร้างอาคารชำรุดเอง, ภัยธรรมชาติ) หรือการยึดทรัพย์สินผู้เช่าหากค้างค่าเช่าโดยพลการ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรมและกฎหมายจะไม่คุ้มครอง

หน้าที่ของผู้เช่า

  1. ชำระค่าเช่าตรงเวลา: เป็นหน้าที่พื้นฐานที่สุด ปกติในสัญญาจะระบุวันครบกำหนดชำระค่าเช่า (เช่น ภายในทุกวันที่ 5 ของเดือน) ผู้เช่าควรวางแผนจ่ายให้ตรงเวลา หากจำเป็นล่าช้าควรแจ้งผู้ให้เช่าล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ให้เช่าโดยทั่วไปมีสิทธิเรียกเบี้ยปรับเมื่อล่าช้า เช่น คิด 5% ของค่าเช่าที่ค้าง

  2. ดูแลรักษาทรัพย์สินที่เช่าเสมือนบ้านของตน: ผู้เช่าต้องรักษาห้อง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ ที่เจ้าของให้เช่าอยู่ในสภาพดี ใช้ด้วยความระมัดระวัง ไม่ทำให้เสียหายเกินการสึกหรอตามปกติ หากทำเสียหายต้องซ่อมหรือชดใช้ ตามเงื่อนไขที่ตกลง (เช่น ทำแก้วอ่างล้างมือแตกก็ต้องรับผิดชอบเปลี่ยนใหม่) คำแนะนำคือเมื่อรับมอบห้องควรถ่ายรูป/วีดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานสภาพเดิมของห้อง เผื่อเทียบตอนย้ายออก

  3. ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาและนิติบุคคล: เช่น ไม่นำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงถ้าสัญญาห้าม, ไม่ดัดแปลงห้อง, ไม่ทำกิจกรรมผิดกฎหมายในห้อง (ห้องเช่าไม่สามารถใช้ประกอบธุรกิจเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และห้ามนำไปให้เช่าช่วงต่อ), ไม่ก่อความรำคาญหรือรบกวนเพื่อนบ้าน

  4. อนุญาตให้ตรวจห้องตามสมควร: ผู้เช่าควรให้ความร่วมมือเมื่อผู้ให้เช้าหรือนิติฯ จำเป็นต้องเข้ามาตรวจสอบ/ซ่อมแซม เช่น ตรวจสภาพเครื่องปรับอากาศปีละครั้ง (โดยนัดหมายล่วงหน้า) แต่หากเห็นว่าไม่สมควร (เช่น มาขอตรวจบ่อยเกินเหตุ) ผู้เช่าก็มีสิทธิ์ปฏิเสธ

  5. แจ้งเหตุชำรุดหรืออุบัติเหตุทันที: หากมีอะไรเสียหายในห้องที่เกินความสามารถของตน ควรรีบแจ้งเจ้าของห้อง/นิติบุคคล เช่น ท่อประปาแตก น้ำรั่วจากห้องข้างบน ไฟฟ้าลัดวงจร สิ่งเหล่านี้การแจ้งเร็วจะช่วยลดความเสียหายและเคลมประกัน (ถ้ามีประกันอาคาร) ได้ทันท่วงที

  6. ส่งคืนทรัพย์สินเมื่อสิ้นสัญญา: เมื่อหมดสัญญา ผู้เช่าต้องคืนห้องและทรัพย์สินต่างๆ ในสภาพใกล้เคียงตอนรับมา รวมถึงเคลียร์ของตนเองออกทั้งหมด (ห้ามทิ้งข้าวของไว้) และชำระค่าใช้จ่ายส่วนท้าย เช่น ค่าไฟค่าน้ำงวดสุดท้าย

กรณีเกิดข้อพิพาทหรือปัญหา

  • หากเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่า เช่น เรื่องการคืนเงินประกัน, เรื่องความเสียหายของทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโต้แย้งกัน ควรเริ่มที่การเจรจาพูดคุยกันด้วยดี หากตกลงกันไม่ได้ ผู้เช่าสามารถขอความช่วยเหลือจาก สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือพิจารณาใช้กระบวนการทางศาล (สำหรับกรณีมีมูลค่าพิพาทสูง)

  • สำหรับปัญหาเช่น เจ้าของห้อง บุกรุกหรือกระทำผิด (เช่น เปลี่ยนกุญแจห้องขณะผู้เช่ายังอยู่, ตัดน้ำตัดไฟเพราะผู้เช่าจ่ายช้าหนึ่งวัน) ผู้เช่าสามารถแจ้งความกับตำรวจได้ เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิและทรัพย์สินผู้เช่า กฎหมายระบุชัดว่าผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิดังกล่าว

  • ทั้งนี้ กรณีที่ผู้เช่า ผิดนัดไม่จ่ายค่าเช่าหลายเดือน ผู้ให้เช่าต้องดำเนินการแจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรและฟ้องขับไล่ตามขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น ไม่สามารถใช้กำลังหรือวิธีการนอกกฎหมายบังคับผู้เช่าให้ออกไปได้ ดังนั้นผู้เช่ามีสิทธิปกป้องตนเองจากการกระทำรุนแรงหรือผิดกฎหมายของผู้ให้เช่า

สรุป: การรู้สิทธิและหน้าที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้เช่าที่ยึดถือหน้าที่ของตน (จ่ายตรงเวลา ดูแลห้องดี ไม่ละเมิดกฎ) ก็มีอำนาจในการเรียกร้องให้ ผู้ให้เช่าปฏิบัติตามสิทธิของผู้เช่า เช่น คืนเงินมัดจำครบถ้วน ตรงเวลา และไม่เอาเปรียบในเรื่องต่างๆ ถ้าทั้งสองฝ่ายเคารพข้อตกลงและกฎหมาย การเช่าคอนโดก็จะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับทุกฝ่าย

ข้อควรระวังในการเช่าคอนโด

แม้ว่าการเช่าคอนโดจะเป็นเรื่องปกติที่ทำกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็มี ประเด็นที่ผู้เช่าควรระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหรือถูกเอาเปรียบตลอดช่วงเวลาที่อยู่อาศัย ข้อควรระวังเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการหาห้อง ตรวจสอบสัญญา จนถึงการอยู่จริง เราได้รวบรวมคำแนะนำสำคัญดังนี้:

  1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้เช่า/ตัวแทน: ในยุคออนไลน์ ผู้เช่าหลายคนหาเจอห้องผ่านเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย ควรระวังมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างปล่อยเช่าห้องที่ตนไม่มีสิทธิ์ การโอนเงินมัดจำล่วงหน้าให้คนแปลกหน้าโดยยังไม่เห็นห้องจริงเป็นความเสี่ยง อย่าหลงเชื่อรูปสวยราคาถูกเวอร์และถูกเร่งรัดมัดจำ หากเป็นไปได้ นัดดูห้องจริง หรือให้ตัวแทนที่น่าเชื่อถือพาชมห้องก่อนจ่ายเงินใดๆ นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าคนที่ทำนิติกรรมกับคุณเป็น เจ้าของห้องตัวจริงหรือผู้มีอำนาจ (เช่น เป็นตัวแทนเอเจนต์ที่เจ้าของแต่งตั้ง) วิธีตรวจคือขอดูสำเนาโฉนดห้องหรือเอกสารแสดงสิทธิ์ และบัตรประชาชนของผู้ให้เช่า ชื่อในสัญญาควรตรงกับชื่อเจ้าของตามโฉนด ถ้าไม่ตรงต้องมีหนังสือมอบอำนาจแนบ

  2. อ่านสัญญาเช่าอย่างละเอียด: อย่าข้ามการอ่านเนื้อหาในสัญญาเพราะ “คิดว่าเหมือนๆ กันทุกที่” สัญญาแต่ละเจ้ามีรายละเอียดต่างกัน และบางครั้งอาจมี ข้อกำหนดไม่เป็นธรรมซ่อนอยู่ เช่น ปรับวันละเท่านั้นเมื่อจ่ายช้า หรือให้ผู้เช่ารับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่ากรณีใดๆ หากเจอถ้อยคำที่ไม่ชัดเจนหรือดูเอาเปรียบ ควรสอบถามหรือขอปรับให้แฟร์ก่อนเซ็น อย่าอายที่จะต่อรองเพื่อแก้ไขสัญญา เช่น ขอเพิ่มข้อตกลงว่า “ผู้ให้เช่าจะไม่โอนขายห้องระหว่างสัญญาเช่า ยกเว้นให้ผู้เช่าอยู่จนครบสัญญาได้” เพื่อคุ้มครองสิทธิเรา

  3. ตรวจห้องและบันทึกสภาพก่อนเข้าอยู่: ในวันรับมอบกุญแจ ควรทำ Checklist ตรวจห้อง ร่วมกับผู้ให้เช่าหรือเอเจนต์ ตรวจดูว่ารายการเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มีอะไรบ้าง อยู่ในสภาพดีไหม ผนังพื้นมีรอยตำหนิตรงไหน แจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบทันทีและ ถ่ายรูปเก็บหลักฐาน ไว้ทุกรายการ สิ่งนี้จะช่วยมากตอนย้ายออกเพื่อป้องกันความขัดแย้งเรื่องความเสียหาย เช่น ถ้ามีรอยขูดบนโต๊ะตั้งแต่ก่อนอยู่ ก็ควรระบุไว้ใน biChecklist จะได้ไม่โดนหักเงินประกันภายหลังว่าทำโต๊ะเป็นรอย

  4. ระวังสัญญาปากเปล่า: คำมั่นสัญญาใดๆ ที่ผู้ให้เช่ารับปาก เช่น “จะซ่อมแอร์ให้ก่อนเข้าอยู่” หรือ “จะเปลี่ยนที่นอนใหม่ให้” ควรทำให้เป็น ลายลักษณ์อักษร ลงในสัญญาหรือในข้อความแชทก็ยังดี เพื่อยืนยันภายหลังได้ อย่าอาศัยความไว้ใจกันอย่างเดียว เพราะหากอีกฝ่ายไม่ทำตามที่พูด เราจะเรียกร้องลำบากหากไม่มีหลักฐาน

  5. ตรวจสอบกฎของนิติบุคคลคอนโด: ก่อนตัดสินใจเช่า ควรถามผู้ให้เช่าว่า คอนโดนี้มีกฎอะไรเป็นพิเศษไหม เช่น บางที่ห้ามเลี้ยงสัตว์เด็ดขาด, บางที่ห้ามใช้สระว่ายน้ำหลังสองทุ่ม, บางที่เข้มงวดเรื่องการจอดรถคันที่สอง หากคุณมีไลฟ์สไตล์บางอย่างต้องการ (เช่น มีสัตว์เลี้ยง) ควรเลือกเฉพาะโครงการที่อนุญาตเท่านั้น อย่าคิดว่าพาเข้ามาเงียบๆ แล้วจะไม่มีใครรู้ เพราะถ้านิติฯ จับได้คุณจะโดนปรับหรือถูกบังคับให้นำสัตว์ออก

  6. ระวังเรื่องเพื่อนร่วมห้องหรือผู้มาอยู่อาศัยเพิ่ม: หากคุณตั้งใจแชร์ห้องกับเพื่อน หรือมีแฟนมาอยู่ด้วย ชื่อในสัญญาควรระบุทุกคนที่พัก (อย่างน้อยก็แจ้งเจ้าของไว้) กรณีมีคนมาอยู่เพิ่มภายหลังเกินจากที่ตกลง ต้องแจ้งผู้ให้เช่า เพราะมีผลต่อการลงทะเบียนผู้อยู่อาศัยและเรื่องความปลอดภัย ถ้าแอบให้คนอื่นมาอยู่โดยไม่แจ้ง อาจถูกมองว่าผิดสัญญาได้

  7. วิธีการชำระเงินที่ปลอดภัย: แนะนำให้จ่ายค่าเช่า ผ่านการโอนบัญชีธนาคาร หรือช่องทางที่มีหลักฐาน อย่าจ่ายเป็นเงินสดลอยๆ โดยไม่มีใบเสร็จ การโอนเงินจะมีสลิปที่ใช้ยืนยันได้ กรณีเจ้าของมาเก็บเงินสดทุกเดือน ควรขอใบเสร็จหรืออย่างน้อยให้เขาเซ็นรับในสำเนาสัญญาหรือในสมุดค่าเช่าก็ยังดี

  8. ทำความรู้จักนิติบุคคลอาคารชุด: เมื่อเข้าอยู่แล้ว ควรไปแนะนำตัวหรืออย่างน้อยรู้จัก สำนักงานนิติบุคคล ของคอนโด เช่น แจ้งชื่อเบอร์ติดต่อเผื่อฉุกเฉิน, ขอข้อมูลการติดต่อเจ้าหน้าที่กรณีเกิดปัญหา (ไฟฟ้าดับ, น้ำไม่ไหล) นิติฯ อาคารชุดเป็นผู้ดูแลเรื่องส่วนกลางและประสานงานหลายอย่าง การมีสัมพันธ์ที่ดีและสุภาพกับนิติฯ จะช่วยให้การอยู่ของคุณราบรื่น เช่น แจ้งซ่อมอะไรในส่วนกลางก็ง่าย หรือขอคำแนะนำเกี่ยวกับพื้นที่ละแวกนั้นก็ได้

  9. เช็กสถานะไฟ/น้ำ/ค่าใช้จ่ายก่อนย้ายออก: เมื่อใกล้ครบสัญญา ควรติดต่อผู้ให้เช่าเพื่อนัดวันตรวจห้องล่วงหน้า และ ชำระค้างจ่ายทุกอย่างให้เรียบร้อย (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต) เก็บใบเสร็จไว้ยืนยัน เพื่อให้ไม่มีข้ออ้างในการหักเงินประกัน นอกจากนี้ในวันส่งมอบห้อง ควรขอให้ผู้ให้เช่าลงชื่อรับรองในเอกสาร (หรือข้อความ) ว่าได้รับกุญแจคืนและสภาพห้องเรียบร้อย เพื่อความสบายใจว่าคุณได้ปฏิบัติตามหน้าที่ครบถ้วนแล้ว

  10. เผื่อเวลาหาห้องล่วงหน้า: ข้อนี้เป็นการป้องกันปัญหาการรีบเลือกห้องเพราะใกล้วันต้องเข้าอยู่ ควรเริ่มหาห้อง ล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมหรือปลายปีที่คนหาห้องเช่ามาก การมีเวลาเพียงพอจะช่วยให้คุณต่อรองและเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดได้ ไม่ต้องตัดสินใจเพราะความเร่งด่วน

สรุป: การเช่าคอนโดไม่ใช่แค่การจ่ายเงินแล้วเข้าอยู่ แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องใส่ใจ การลงทุนเวลาและความรอบคอบเล็กน้อยตั้งแต่ต้น (เช่น อ่านสัญญา ตรวจห้อง) จะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่จะเกิดตามมาได้มาก ยึดหลัก “ไม่ประมาท ไม่เกรงใจจนเสียเปรียบ” และสื่อสารกับผู้ให้เช่าอย่างตรงไปตรงมา จะทำให้ประสบการณ์การเช่าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าพึงพอใจ

แนวโน้มตลาดค่าเช่าและความต้องการของผู้เช่าในแต่ละทำเล

หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลเฉพาะตามหัวข้อต่างๆ แล้ว ส่วนนี้เราจะมองภาพรวมของ แนวโน้มตลาดค่าเช่าคอนโดเชียงใหม่ในปี 2568 และเจาะลึกว่าแต่ละทำเลที่สำคัญ มีทิศทางความต้องการเช่าและสถานการณ์ตลาดอย่างไรบ้าง ซึ่งข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งสำหรับผู้เช่าในการคาดการณ์ทิศทางราคา และสำหรับผู้ปล่อยเช่าในการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับตลาด

ภาพรวมตลาดเช่าคอนโดเชียงใหม่ 2568

  • ความต้องการเช่าเติบโตต่อเนื่อง: ดังที่กล่าวไว้ การที่คนซื้อที่อยู่อาศัยลดลงเพราะภาระหนี้สูง ทำให้คนหันมาเช่าเพิ่มขึ้น เทรนด์นี้เกิดทั่วประเทศ เชียงใหม่เองก็เช่นกัน เห็นได้ว่าปี 2568 มีปริมาณการค้นหา/ขอข้อมูลเกี่ยวกับเช่าคอนโดสูงขึ้นจากปีก่อน ผู้ประกอบการหลายรายหันมาเน้นตลาดผู้เช่า เช่น ทำโครงการคอนโดที่เน้นขายให้นักลงทุนปล่อยเช่าต่อ โดยชูจุดขายผลตอบแทนประมาณ 5-6% ต่อปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าตลาดเช่ายังมีดีมานด์รับได้

  • ราคาค่าเช่ามีแนวโน้มขยับขึ้นเล็กน้อย: โดยเฉพาะในย่านยอดนิยม คาดว่าค่าเช่าเฉลี่ยอาจปรับขึ้น ~3-5% ในปีนี้ อันเนื่องมาจากทั้งเงินเฟ้อและดีมานด์ที่เพิ่ม อย่างไรก็ดี เนื่องจากซัพพลายยังเพียงพอ การปรับขึ้นจะอยู่ในกรอบจำกัด ไม่พุ่งสูงเกินกำลังผู้เช่า

  • กลุ่มผู้เช่าชาวต่างชาติคืนสู่ตลาด: หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย นักเดินทางและ Digital Nomads จากยุโรป อเมริกา กลับมาเชียงใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งแบบอยู่ยาวและ seasonal ส่งผลดีต่อเจ้าของห้องในย่านที่ฝรั่งนิยม (เช่น นิมมาน, สันติธรรม, ริมน้ำปิง) ที่อาจปล่อยเช่าได้เร็วขึ้น หรือปรับราคาขึ้นเล็กน้อยได้

  • นักศึกษาและคนทำงานไทยยังเป็นฐานหลักมั่นคง: กลุ่มนี้ไม่ได้ขึ้นลงตามฤดูกาลมากนัก จึงเป็นฐานลูกค้าหลักของการเช่าคอนโดในเชียงใหม่ ย่านใกล้มหาวิทยาลัยหรือย่านสำนักงาน (เช่น รอบนิคมอุตสาหกรรม, สนามบิน) จะมีอัตราเช่าเต็มสม่ำเสมอ เจ้าของห้องจึงมักไม่ลดราคาลง เพราะรู้ว่ามีลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทนทุกปี

  • การมาของโครงการรถไฟฟ้าเชียงใหม่ (ในอนาคต): แม้ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นวางแผน แต่ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลายรายมองการณ์ไกลไปยังระบบรถไฟฟ้าเชียงใหม่ หากเกิดขึ้นจริงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทำเลใกล้แนวสถานีรถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งการซื้อและเช่า ปัจจุบันเริ่มเห็นนักลงทุนซื้อคอนโดในทำเลที่คาดว่าจะมีสถานี (เช่น ตามแนวถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) เพื่อดักอนาคต ดังนั้นผู้เช่าเองก็อาจใช้โอกาสนี้มองหาห้องเช่าระยะยาวในย่านดังกล่าว เพราะเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ทำเลนี้อาจฮ็อตและค่าเช่าแพงขึ้นได้

แนวโน้มและความต้องการรายทำเลเด่น

  • นิมมานเหมินทร์: ดีมานด์เช่าคงที่ในระดับสูง ทั้งชาวไทย (กลุ่มวัยทำงาน, คนกรุงเทพฯ ย้ายมา) และชาวต่างชาติ (nomads, expats) การแข่งขันระหว่างผู้เช่าก็สูง ห้องที่ประกาศในราคาสมเหตุสมผลมักมีคนจองอย่างรวดเร็ว แนวโน้มปี 2568 ในย่านนี้คือค่าเช่าอาจขยับสูงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากซัพพลายที่เริ่มเต็ม บางโครงการที่เป็นที่นิยม (เช่น คอนโดหรูๆ อย่าง The Nimmana, ศิริธารา ฯลฯ) มีผู้เช่าเต็มแทบตลอด ต้องจองคิวล่วงหน้า ผู้เช่าที่ต้องการอยู่ย่านนี้ควรพร้อมตัดสินใจเร็วเมื่อเจอห้องที่ถูกใจ เพราะหลุดมือแล้วหลุดเลย และเผื่องบประมาณพอควรเนื่องจากราคาไม่น่าจะลด

  • สุเทพ (โซนใกล้มช.และดอยสุเทพ): ในส่วนรอบมหาวิทยาลัย ความต้องการเช่า เพิ่มขึ้นทุกเทอมการศึกษา จากนักศึกษาต่างถิ่น ทำให้หอพักและคอนโดเต็มเร็วในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน ราคาค่าเช่าในบริเวณนี้ค่อนข้างคงที่ ไม่แกว่งมาก และมีแนวโน้มค่อยๆ สูงขึ้นตามค่าครองชีพโดยรวม (ปีละเล็กน้อย) ด้านโซนเชิงดอยที่เลยความเป็นนักศึกษาไปหน่อย พบว่าช่วงหลังเริ่มมีคนทำงานอายุ 30+ นิยมเช่าตรงนี้ เพราะได้ห้องใหญ่ราคาย่อมเยากว่าในเมือง เทรนด์อาจเห็น คนไทยย้ายจากนิมมานไปอยู่โซนศิริมังฯ-วัดอุโมงค์ มากขึ้น ถ้าอยากได้สงบแต่ไม่ไกลเมือง ข้อควรระวังของย่านนี้คือที่จอดรถบางที่ไม่พอเพราะโครงการถูกออกแบบมาสำหรับนักศึกษาที่ไม่มีรถยนต์

  • แม่เหียะ: ความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจาก กลุ่มครอบครัวคนไทยและ expat ที่มาทำงานองค์กรต่างประเทศในเชียงใหม่ หลายครอบครัวเลือกอยู่คอนโดย่านนี้เพราะลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติในละแวกหางดง-แม่เหียะ และตัวพ่อแม่เองก็ทำงานแบบ remote ได้ ค่าเช่าเฉลี่ยในแม่เหียะขยับขึ้นบ้างแต่ยังต่ำกว่าย่านอื่นทำให้ดึงดูดดีมานด์ได้ต่อเนื่อง แนวโน้มคือ อาจมีคอนโดใหม่ๆ เกิดขึ้นเพิ่มเติม ในแม่เหียะ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มตัวเลือกแก่ผู้เช่า แต่ก็อาจทำให้บรรยากาศสงบลดลงเล็กน้อย

  • ฟ้าฮ่าม (เซ็นทรัลเฟส): เทรนด์ที่เห็นคือ คนเริ่มมองฟ้าฮ่ามเป็นทำเล “ตัวเมืองใหม่” เพราะมีครบทั้งห้าง โรงพยาบาล (กรุงเทพฯ เชียงใหม่ที่ถนนซุปเปอร์), ตลาด และทางด่วนรอบเมือง ทำให้ผู้เช่าที่ไม่ได้ต้องเข้าไปย่านคูเมืองบ่อยๆ ยินดีมาอยู่ฟ้าฮ่าม ค่าเช่าในโซนนี้ยังไม่สูง จึง มีแนวโน้มเติบโตทั้งราคาและดีมานด์ ในอนาคต นอกจากนี้นักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพและพนักงานห้างก็เติมเต็มตลาดเช่าย่านนี้ตลอด ผู้ปล่อยเช่าในฟ้าฮ่ามช่วงนี้หลายรายใช้กลยุทธ์ราคา/โปรโมชัน เช่น ให้ฟรี Wi-Fi 6 เดือน หรือลดเงินมัดจำเหลือ 1 เดือน เพื่อจูงใจ เนื่องจากมีคอนโดหลายตึกแข่งกัน

  • หางดง: สำหรับคอนโดในหางดงดีมานด์ยังค่อนข้างเฉพาะกลุ่มและไม่หวือหวามาก ส่วนใหญ่เป็นการเช่าแบบปากต่อปาก หรือเอเจนต์หาให้ชาวต่างชาติ ราคาค่าเช่าในหางดงน่าจะ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะหากแพงไปผู้คนก็จะเลือกเช่าบ้านแทน อย่างไรก็ตาม บ้านเช่าในหางดง กลับมีแนวโน้มความต้องการสูงและค่าเช่าขยับขึ้น เนื่องจากชาวต่างชาติกลุ่มเกษียณและครอบครัวคนไทยที่ย้ายจากเมืองหลวงมาใช้ชีวิตสงบ เริ่มจับจองหมู่บ้านในหางดงกันมาก ทำให้บางโครงการบ้านเต็มยาว ผู้เช่าคอนโดอาจได้รับผลบวกเล็กน้อย (คือถ้าหาบ้านไม่ได้ก็มาเช่าคอนโดแทน) แต่โดยรวมแล้วยังไม่ใช่พื้นที่ร้อนแรงนัก

  • ทำเลอื่นที่น่าสังเกต: เช่น ย่านช้างคลาน/ริมน้ำปิง (ใกล้ไนท์บาซาร์) มีคอนโดหรูหลายแห่งที่รองรับ expat ระดับผู้บริหารหรือคนมีฐานะ กลุ่มนี้อาจไม่ใหญ่แต่ค่อนข้างมั่นคง ทำให้ค่าเช่าโซนริมแม่น้ำปิงไม่เคยตกลง นักธุรกิจจีนที่เข้ามาก็ชอบอยู่แถบนี้ ส่วน ย่านสันติธรรม (ใกล้ถนนห้วยแก้ว) ปัจจุบันยังเป็นแหล่งหอพักราคาย่อมเยา แต่เริ่มมีคอนโดใหม่ๆ เช่น ย่านนี้อาจกลายเป็น “นิมมานราคาประหยัด” ในอนาคต เพราะมีร้านค้าและคาเฟ่เกิดขึ้นเยอะในราคาเป็นมิตร คนไทยวัยเริ่มทำงานก็ชอบอยู่แถวนี้ แนวโน้มคือค่าเช่าอาจขยับขึ้นเล็กน้อยตามความนิยมที่เพิ่มขึ้น

บทสรุปแนวโน้ม: ตลาดเช่าคอนโดเชียงใหม่ในปี 2568 มีความ คึกคักและมีเสถียรภาพ ในเวลาเดียวกัน คึกคักในแง่ดีมานด์ที่มีเข้ามาสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นจากปัจจัยบวกหลายอย่าง แต่ก็เสถียรเพราะยังไม่เกิดการขาดแคลนซัพพลายหรือภาวะฟองสบู่ใดๆ ผู้เช่าจึงยังคงหาห้องเช้าที่เหมาะสมได้ไม่ยากเกินไป และผู้ให้เช่าก็ยังพอใจกับอัตราผลตอบแทนที่ได้รับ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายควรทำคือ ติดตามสภาพตลาดและแนวโน้มใหม่ๆ อย่างใกล้ชิด เช่น หากมีโครงการสาธารณูปโภคใหญ่ๆ หรือการพัฒนาเมืองส่วนไหน จะส่งผลต่อความนิยมของทำเลนั้นโดยตรง และปรับตัวตามสถานการณ์ เช่น ผู้เช้าอาจรีบทำสัญญาระยะยาวในทำเลที่กำลังจะบูมเพื่อรักษาราคา หรือผู้ให้เช่าอาจปรับปรุงห้องของตนเพื่อแข่งขันได้เมื่อมีคู่แข่งเพิ่ม เป็นต้น

คำถามที่พบบ่อยและคำแนะนำจากผู้เช่าคอนโดในเชียงใหม่

ในส่วนสุดท้ายนี้ เรารวบรวม คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเช่าคอนโดในเชียงใหม่ พร้อมทั้งแนวทางคำตอบและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้เช่าจริง หวังว่าจะช่วยไขข้อข้องใจและเตรียมความพร้อมให้กับผู้อ่านที่กำลังวางแผนเช่าคอนโดในเชียงใหม่

ถาม: ค่าเช่าคอนโดในเชียงใหม่เฉลี่ยเท่าไหร่?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับขนาดห้องและทำเล แต่โดยทั่วไป ห้องสตูดิโอ/1 ห้องนอน จะอยู่ประมาณ 10,000–18,000 บาท/เดือน และ ห้อง 2 ห้องนอน ราว 20,000–30,000 บาท/เดือน ทำเลใจกลางเมืองหรือย่านยอดนิยม (เช่น นิมมานฯ) ราคาจะอยู่โซนบนของช่วงนี้หรือสูงกว่า ขณะที่ทำเลชานเมือง (เช่น ฟ้าฮ่าม, แม่เหียะ) จะอยู่โซนล่างหรือถูกกว่า ทั้งนี้หากเป็นห้องในคอนโดหรูหรือห้องขนาดใหญ่พิเศษ ราคาก็อาจเกินช่วงเฉลี่ยไปมากได้เช่นกัน

ถาม: จะหาประกาศเช่าคอนโดในเชียงใหม่ได้ที่ไหนบ้าง?
ตอบ: ช่องทางยอดนิยมคือ เว็บไซต์และแอปพลิเคชันอสังหาริมทรัพย์ เช่น DDproperty, DotProperty, FazWaz, LivingInsider, Hipflat ฯลฯ นอกจากนี้กลุ่ม Facebook Marketplace และกลุ่ม “เช่าคอนโดเชียงใหม่” ต่างๆ ก็มีประกาศจำนวนมาก (แต่ต้องคัดกรองความน่าเชื่อถือ) อีกทางหนึ่งคือผ่าน บริษัทตัวแทนอสังหา หรือ Agent ในเชียงใหม่ ซึ่งมีหลายเจ้าที่เชี่ยวชาญตลาดเช่า พวกเขาจะช่วยหาห้องที่ตรงความต้องการและพาไปชมสถานที่จริง อย่างไรก็ดี การใช้เอเจนต์อาจไม่ได้เพิ่มค่าใช้จ่ายสำหรับผู้เช่า เพราะค่านายหน้ามักเรียกเก็บจากเจ้าของห้อง

ถาม: ช่วงไหนของปีหาห้องเช่าได้ง่ายและราคาดีที่สุด?
ตอบ: ช่วงโลว์ซีซั่น การท่องเที่ยว (ประมาณเดือนมีนาคม-กันยายน) ห้องเช่าจะว่างเยอะกว่าช่วงไฮซีซั่นปลายปี โดยเฉพาะหลังเดือนเมษายนที่นักท่องเที่ยวระยะยาวบางส่วนกลับประเทศ ผนวกกับช่วงเมษายน-พฤษภาคมที่นักศึกษาบางส่วนย้ายออก (ปิดเทอม) ทำให้ เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน มักมีห้องว่างพอสมควรและเจ้าของอาจยอมลดราคาหรือมีโปรโมชั่นเพื่อเร่งหาผู้เช่า ตรงกันข้าม เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวเชียงใหม่ จะหาห้องได้ยากขึ้นในย่านดัง เพราะทั้งชาวไทยและต่างชาติทยอยเข้ามา ดังนั้นถ้าเลือกได้ การเริ่มสัญญาเช่าในช่วงกลางปีอาจได้ต่อรองราคาดีกว่า

ถาม: ต้องวางเงินประกันและค่าเช่าล่วงหน้ากี่เดือน?
ตอบ: ส่วนใหญ่จะเป็น เงินประกัน 2 เดือน + ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน รวมจ่าย 3 เดือน ณ วันทำสัญญา (เช่น ค่าเช่า 10,000 บาท ก็จ่าย 30,000 บาทตอนเข้าพัก) อย่างไรก็ตาม บางที่โดยเฉพาะรายใหญ่หรือหอพัก อาจเก็บประกัน 1 เดือน + ล่วงหน้า 1 เดือน รวม 2 เดือนเท่านั้น แนะนำให้สอบถามล่วงหน้าและเตรียมเงินไว้ให้พอ นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบเงื่อนไขการคืนเงินประกันในสัญญาด้วย (ปกติถ้าไม่มีอะไรเสียหาย ก็ต้องได้คืนเต็มจำนวน)

ถาม: ผู้เช่าต้องรับผิดชอบค่าส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ไหม?
ตอบ: ค่าส่วนกลางคอนโด เจ้าของจะจ่ายเอง ผู้เช่าไม่ต้องออก นอกจากนี้ภาษีที่ดินหรือค่าประกันภัยอาคาร (ถ้ามี) ก็เป็นภาระเจ้าของ ผู้เช่าแค่จ่ายค่าเช่าและ ค่าสาธารณูปโภคที่ใช้เอง เช่น ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าอินเทอร์เน็ต เท่านั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นเพิ่มเติม ส่วนค่าจอดรถ, คีย์การ์ด, สติ๊กเกอร์ ต่างๆ โดยมากทางคอนโดจะให้ 1 ชุดฟรี ถ้าต้องการอุปกรณ์เพิ่ม (เช่น คีย์การ์ดใบที่สอง) อาจมีค่ามัดจำหรือค่าทำบัตรประมาณ 200-500 บาท แล้วแต่กรณี

ถาม: ถ้าอยู่ไม่ครบสัญญา จะเสียอะไรไหม?
ตอบ: ตามสัญญามาตรฐาน ถ้ายกเลิกก่อนครบกำหนด ผู้เช่ามักถูกยึดเงินประกัน ทั้งหมด หรือบางสัญญาระบุว่าต้องจ่ายค่าเช่าจนครบระยะ (ซึ่งปฏิบัติเหมือนได้ยาก) ดังนั้นคิดในแง่การเงินคือคุณอาจเสียเงินมัดจำ 1-2 เดือนเป็นค่าปรับยกเลิกก่อนสัญญา แต่ในทางปฏิบัติแนะนำให้ ลองเจรจากับเจ้าของ ดู เช่น หากคุณมีเหตุจำเป็นย้ายจริงๆ ลองช่วยหาเพื่อนหรือผู้เช่ารายใหม่มาแทน จะเพิ่มโอกาสที่เจ้าของยอมคืนมัดจำบางส่วนให้ หรือถ้าต้องออกกระทันหันจริงๆ ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงว่าจะเสียเงินประกันครับ การวางแผนระยะเวลาการเช่าให้แน่ชัดแต่ต้นจะช่วยเลี่ยงปัญหานี้

ถาม: คอนโดเชียงใหม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ไหม?
ตอบ: ส่วนใหญ่ไม่อนุญาต ตามข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งพบได้ทั่วไทย ไม่ใช่เฉพาะเชียงใหม่ (เว้นแต่โครงการที่โฆษณาตัวเองว่า Pet-Friendly โดยเฉพาะ ซึ่งมีน้อยมาก) ดังนั้นหากคุณมีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว ตัวเลือกจะจำกัดมาก อาจต้องหาเป็น บ้านเช่า แทนจะยืดหยุ่นกว่าคอนโด หรือลองค้นเจาะจง “คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ เชียงใหม่” ซึ่งเท่าที่มี เช่น โครงการริมปิงคอนโด, บางยูนิตในฮิลล์ไซด์พลาซ่า, และโครงการใหม่บางแห่งที่เริ่มประกาศว่าอนุญาต ทั้งนี้ควรตรวจสอบยืนยันกับนิติบุคคลก่อนแน่ชัด มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาภายหลังหากฝ่าฝืนกฎ

ถาม: การเช่าคอนโดต้องทำเรื่องเอกสารที่ไหนไหม หรือแค่เซ็นสัญญากับเจ้าของพอ?
ตอบ: แค่ทำ สัญญาเช่าระหว่างคุณกับเจ้าของ ก็เพียงพอ ไม่ต้องจดทะเบียนที่กรมที่ดินใดๆ เพราะสัญญาเช่าไม่เกิน 3 ปีไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน (สัญญาเกิน 3 ปีตามกฎหมายต้องจดทะเบียนแต่กรณีเช่าคอนโดส่วนใหญ่คือ 1 ปี) เพียงแต่ควรมีเอกสารสำเนาสัญญาไว้กับตัวเองและเก็บหลักฐานการชำระเงินก็พอ อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็น ชาวต่างชาติ เมื่อเช่าคอนโดแล้ว ควรนำสัญญาเช่าและหนังสือเดินทางไปแจ้งที่พักอาศัย (ทำ TM30 และแจ้งอยู่เกิน 90 วันตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง) ซึ่งขั้นตอนนี้เจ้าของที่พักอาศัยหรือเอเจนต์อาจช่วยดำเนินการให้

ถาม: หากเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องเสีย ใครรับผิดชอบซ่อม?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับ สาเหตุและข้อตกลง เช่น ถ้าแอร์เสียเพราะใช้งานมาหลายปี น้ำยาแอร์หมด หรือคอมเพรสเซอร์เสื่อม ซึ่งเป็นการสึกหรอตามอายุ เจ้าของควรรับผิดชอบ ซ่อมหรือเปลี่ยน เพราะไม่ใช่ความผิดผู้เช่า แต่หากความเสียหายเกิดจากการใช้งานผิดวิธีของผู้เช่า เช่น ทำขาโต๊ะหักเอง, ทำเตาไมโครเวฟตกพัง ผู้เช้าก็ควรซ่อมหรือชดใช้ สำหรับกรณีก้ำกึ่งเช่น เครื่องทำน้ำอุ่นเสีย (อาจเพราะเก่าหรือไฟตก) แนะนำให้ติดต่อเจ้าของมาตรวจสอบด้วยกันแล้วคุยกันอย่างแฟร์ๆ บางครั้งอาจแชร์ค่าซ่อมกันคนละครึ่ง เป็นต้น คำแนะนำ: แจ้งผู้ให้เช่าทันทีที่อุปกรณ์เริ่มมีปัญหา อย่าปล่อยให้เสียหนัก เพราะจะยิ่งซ่อมยากและอาจดูเหมือนผู้เช่าเพิกเฉยจนอุปกรณ์พัง

ถาม: อยู่คอนโดแล้วมีปัญหากับเพื่อนบ้าน (เช่น เสียงดัง สูบบุหรี่ส่งกลิ่น) ควรทำอย่างไร?
ตอบ: ถ้ามีปัญหาถูกรบกวนจากห้องข้างเคียง ขั้นแรก อาจลองแจ้งให้ นิติบุคคลอาคารชุด ทราบก่อน เพราะเป็นหน้าที่เขาที่ต้องจัดการเรื่องการอยู่ร่วมกัน นิติฯ จะมีอำนาจในการตักเตือนหรือดำเนินการกับเจ้าของห้องนั้น โดยที่เราไม่ต้องเผชิญหน้าเอง ขั้นสอง ถ้าเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น เช่น ข้างห้องจัดปาร์ตี้เสียงดังบ่อยมาก ตอนดึกๆ คุณสามารถแจ้ง รปภ. ขึ้นไปเตือนได้ หรือในกรณีเลวร้ายจริงๆ (เช่น มึนเมาอาละวาด) ก็สามารถแจ้งตำรวจได้ ทั้งนี้ส่วนใหญ่การประสานงานผ่านนิติฯ จะได้ผล โดยเราไม่ต้องทะเลาะกับเพื่อนบ้านเอง ซึ่งเป็นข้อดีของการอยู่คอนโด

ถาม: มีคำแนะนำอื่นๆ สำหรับการใช้ชีวิตเช่าคอนโดในเชียงใหม่ไหม?
ตอบ: แน่นอน นอกเหนือจากเรื่องที่ได้กล่าวไปแล้ว ขอสรุปเป็นข้อๆ เพื่อเป็นเคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น: เชียงใหม่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เช่น ประเพณียี่เป็ง (ลอยกระทง) ที่อาจมีการจุดพลุจุดประทัด การเข้าใจและเตรียมตัว (เช่น เก็บผ้าและสิ่งของจากระเบียงช่วงเขาจุดโคมลอยป้องกันไฟ) จะช่วยให้คุณปรับตัวได้ดี นอกจากนี้ควรให้ความเคารพเพื่อนบ้านชาวเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ใจดีแต่ก็รักความสงบ

  • ระวังเรื่องคุณภาพอากาศ: ช่วงฤดูหมอกควัน (ประมาณมี.ค.-เม.ย.) มลพิษ PM2.5 ในเชียงใหม่ค่อนข้างสูง การอยู่คอนโดในช่วงนี้ควรปิดหน้าต่างและเปิดเครื่องกรองอากาศถ้ามี หรืออย่างน้อยเตรียมหน้ากาก N95 เมื่อออกข้างนอก นอกจากนี้บางคนอาจเลือกเดินทางไปต่างจังหวัดช่วงนี้ ซึ่งถ้าคุณมีแผนดังกล่าว ควรแจ้งผู้ให้เช่าและนิติฯ ด้วย (เผื่อไม่อยู่ห้องนานๆ ให้เขาช่วยสอดส่อง)

  • ใช้พาหนะอย่างชาญฉลาด: เชียงใหม่ไม่มีรถไฟฟ้า การเดินทางหากไม่มีรถส่วนตัวสามารถใช้ แกร็บ (Grab) หรือ รถแดง ซึ่งวิ่งทั่วเมือง ค่าโดยสารไม่แพงนัก ถ้าคุณอยู่คอนโดในเมืองอาจไม่ต้องมีรถก็ได้ แต่ถ้าอยู่นอกเมืองการมีมอเตอร์ไซค์จะสะดวกมาก แนะนำคนที่มาใหม่ลองเช่ามอเตอร์ไซค์รายเดือนดูก่อน (มีหลายร้าน) เพื่อสำรวจว่าจำเป็นต้องซื้อใช้เองไหม

  • พูดคุยกับเพื่อนบ้านและชุมชน: อย่าลืมว่าการอยู่คอนโดก็เป็นสังคมรูปแบบหนึ่ง การรู้จักทักทายเพื่อนบ้านบ้าง (เช่น เจอกันในลิฟต์) หรือเข้าร่วมกลุ่มไลน์ลูกบ้านถ้ามี จะทำให้คุณได้รับข่าวสารและความช่วยเหลือต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น บางคอนโดลูกบ้านช่วยกันแจ้งเตือนถ้ามีเหตุผิดปกติ หรือแชร์ข้อมูลช่างซ่อมดีๆ เป็นต้น

  • ตรวจสอบของกินของใช้รอบคอนโด: เชียงใหม่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย คาเฟ่เยอะ สำรวจรอบๆ ที่พักของคุณว่ามีร้านเด็ดอะไรบ้าง เป็นการเพิ่มสีสันให้การใช้ชีวิต เช่น เดิน 5 นาทีถึงตลาดสด, มีร้านข้าวซอยชื่อดังอยู่ใกล้ๆ จะได้ไม่พลาดประสบการณ์ดีๆ ของเมืองเชียงใหม่

หวังว่าคำถามและคำตอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมและใช้ชีวิตการเช่าคอนโดในเชียงใหม่ได้อย่างราบรื่น การเช่าคอนโดเป็นมากกว่าการเช่าห้อง แต่มันคือการใช้ชีวิตในสังคมเมืองเล็กๆ การปรับตัวและมีสติรอบคอบจะทำให้คุณมีความทรงจำที่ดีกับเมืองเชียงใหม่ตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยที่นี่

บทส่งท้าย: การเช่าคอนโดในเชียงใหม่ปี 2568 ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าคุณจะเป็นคนท้องถิ่นหรือมาจากที่อื่น เมืองเชียงใหม่มีที่พักที่ตอบโจทย์ในงบประมาณที่หลากหลาย สิ่งสำคัญคือการหาข้อมูลและวางแผนอย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องทำเล ราคา และเงื่อนไขการเช่า บทความนี้พยายามครอบคลุมทุกมิติที่เกี่ยวข้อง หวังว่าจะช่วยให้ผู้อ่านมีความรู้และความมั่นใจในการตัดสินใจ เมื่อได้ที่พักที่เหมาะสมแล้ว ก็ขอให้ดื่มด่ำกับเสน่ห์ของเชียงใหม่ ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันมีเอกลักษณ์ได้อย่างเต็มที่

มี 812 คอนโด สำหรับrent ในChiang Mai บันทึกการค้นหานี้ เพื่อรับอีเมลเมื่อมีคอนโดสำหรับrentใหม่ลงประกาศในChiang Mai ราคาประกาศขายเฉลี่ยในChiang Mai คือ ฿ 21,320 ณ วันที่ 1 May 2023 ขนาดเฉลี่ยคือ 68.9 ตารางเมตร พร้อมห้องนอน 1.5 ห้อง ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสำหรับคอนโด ในChiang Mai คือ ฿ 63,600 หากคุณไม่พบอสังหาริมทรัพย์สำหรับเช่าที่ตรงตามความต้องการของคุณ ลองค้นหาคอนโดที่มีให้ขายในChiang Maiของเรา Dot Property ยังมีคู่มือที่เป็นประโยชน์ บล็อก และข่าวสารล่าสุดเพื่อช่วยผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในการค้นหา
สมัครรับอีเมลอัพเดทข่าว

คอนโด ในทำเลใกล้ เชียงใหม่