ให้เช่าบ้านเดี่ยว กรุงเทพ ประกาศให้เช่าบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพ
6,681 ยูนิตบ้านให้เช่าในกรุงเทพฯ
บ้านให้เช่าในกรุงเทพฯ กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากทั้งในมุมมองของผู้ต้องการเช่าที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุนที่มองหาโอกาสปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวง ด้วยความที่กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่มีประชากรหลากหลายกลุ่ม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทำงานอาศัยอยู่ ความต้องการ บ้านเช่า จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มตลาดล่าสุดบ่งชี้ว่าค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะบ้านเช่าที่มีการขยับขึ้นของราคาอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2566 การเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์และอุปทานในตลาดบ้านเช่าได้สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายให้กับทั้งผู้เช่าและเจ้าของบ้านที่ปล่อยเช่า
บทความเชิงลึกนี้เราจะพาคุณไปสำรวจตลาด บ้านให้เช่าในกรุงเทพฯ อย่างละเอียด ครอบคลุมทุกแง่มุมตั้งแต่ภาพรวมตลาด เทรนด์ราคา ทำเลที่นิยม ตลอดจนประเภทของบ้านเช่ายอดฮิต นอกจากนี้ยังแบ่งปันมุมมองสำหรับ ผู้เช่าบ้าน ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และคำแนะนำสำหรับ นักลงทุนไทย ที่สนใจซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ในย่านใจกลางเมือง หรือทาวน์โฮมในชานเมือง บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมตลาดบ้านเช่าได้อย่างครบถ้วน พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่เป็นปัจจุบันในปี 2568 เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างมืออาชีพ
ภาพรวมตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ ปี 2566-2567
ตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมาเรียกได้ว่าคึกคักและมีพลวัตอย่างมาก หลังสถานการณ์โรคระบาดโควิดคลี่คลาย กรุงเทพฯ กลับมามีความเคลื่อนไหวของผู้คนจากทั้งภายในและต่างประเทศ ส่งผลให้อุปสงค์ในการเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ค่าเช่าเฉลี่ย ของที่อยู่อาศัยทั้งคอนโดและบ้านปรับตัวสูงขึ้นราว 16% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 สะท้อนถึงความต้องการที่พุ่งขึ้นในตลาดเช่า ต่อมาในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 พบว่าค่าเช่าบ้านปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เกือบ 30% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ค่าเช่าบ้านเฉลี่ยในกรุงเทพฯ ช่วงปลายปีอยู่ที่ระดับ หลักแสนบาทต่อเดือน เลยทีเดียว (โดยตัวเลขนี้ได้รับอิทธิพลจากบ้านเช่าหรูหลายรายการในทำเลทอง)
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของค่าเช่าระดับสูงเช่นนี้อาจเริ่มส่งผลให้อุปสงค์การเช่าในบางกลุ่มชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงปี 2567 ทำให้ผู้เช่าบางส่วนอาจมองหาทางเลือกที่อยู่ชานเมืองหรือบ้านที่ราคาเอื้อมถึงมากขึ้น ข้อมูลเชิงลึกจากตลาดระบุว่า กว่า 62% ของผู้เช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ มองหาที่เช่าในงบประมาณไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสอดคล้องกับกำลังซื้อของคนทำงานระดับกลางลงไป ดังนั้น แม้จะมีบ้านเช่าระดับหรูราคาสูงในตลาดจำนวนหนึ่ง แต่กลุ่มบ้านเช่าราคาเอื้อมถึงก็ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากและมีปริมาณการค้นหาสูง
ด้าน อุปทาน ของบ้านเช่า พบว่าบ้านส่วนใหญ่ที่ปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ เป็นบ้านที่ เจ้าของบ้านปล่อยเช่าเอง มากกว่าจะเป็นโครงการของผู้พัฒนาหรือกองทุนอสังหาใดๆ โดยเจ้าของบ้านรายย่อยครองสัดส่วนประกาศปล่อยเช่ามากกว่า 70% ของตลาด นั่นหมายความว่าตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ มีความหลากหลายสูง ทั้งบ้านเก่าที่เจ้าของปรับปรุงแล้วปล่อยเช่า บ้านใหม่ในโครงการจัดสรรที่ซื้อเพื่อการลงทุน ตลอดจนบ้านมรดกของครอบครัวที่นำมาปล่อยเช่า รายละเอียดและสภาพของบ้านเช่าแต่ละหลังจึงแตกต่างกันไปตามเจ้าของและทำเลเป็นสำคัญ
แนวโน้มปี 2567 คาดว่าตลาดบ้านเช่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแต่ในอัตราที่ผ่อนคลายลงเมื่อเทียบกับปีก่อน หน้าใหม่ในตลาดเช่าอย่างคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่พร้อมซื้อบ้านและชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานระยะยาวจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของอุปสงค์ ประกอบกับการขยายตัวของระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่เปิดให้บริการเพิ่มขึ้น) จะทำให้ทำเลชานเมือง หลายแห่งได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเดินทางสะดวกกว่าแต่ค่าเช่ายังไม่สูงเท่าใจกลางเมือง ภาพรวมจึงเข้าสู่สมดุลมากขึ้น คือ บ้านเช่าในทำเลใจกลางที่มีจุดเด่นเฉพาะตัวจะยังปล่อยเช่าได้ราคาและมีผู้เช่าต่อเนื่อง ขณะที่บ้านในโซนรอบนอกจะดึงดูดผู้เช่าที่คำนึงถึงความคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น ในฐานะเจ้าของบ้านที่ปล่อยเช่า คุณอาจต้อง ปรับกลยุทธ์การตั้งราคา ให้เหมาะสมกับตลาด และสร้างจุดขายให้บ้านของตนโดดเด่น เช่น การปรับปรุงตกแต่งใหม่หรือเพิ่มเฟอร์นิเจอร์ เพื่อดึงดูดผู้เช่าในสภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น
สรุปแล้ว ภาพรวมตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ ปัจจุบันถือว่ามีชีวิตชีวา อัตราค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่ก็มีการปรับสมดุลตามกำลังเช่าในแต่ละกลุ่ม ระดับราคาค่าเช่ามีตั้งแต่ต่ำกว่าหมื่นบาทต่อเดือน (สำหรับบ้านหลังเล็กชานเมืองหรือทาวน์เฮ้าส์ขนาดย่อม) ไปจนถึงหลายแสนบาทต่อเดือน (สำหรับบ้านหรูทำเลใจกลางเมือง) ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังคงมองหาบ้านในระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ขณะที่บ้านระดับบนยังคงพึ่งพิงกลุ่มผู้เช่าต่างชาติและผู้มีรายได้สูง ในส่วนของนักลงทุน การปล่อยเช่าบ้านในกรุงเทพฯ ยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับการฝากเงินธนาคารหรือการลงทุนในสินทรัพย์อื่น โดย ผลตอบแทนจากการเช่าหรือ Rental Yield ของอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ เฉลี่ยอยู่ราว 4-6% ต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลและประเภททรัพย์ (บ้านขนาดเล็กในทำเลดีอาจให้ Yield สูงกว่าบ้านหลังใหญ่ในทำเลรอง) ซึ่งเราจะลงรายละเอียดในส่วนของการวิเคราะห์การลงทุนต่อไป
ข้อดีของการเช่าบ้านในกรุงเทพฯ (มุมมองผู้เช่า)
สำหรับ ผู้เช่าที่กำลังพิจารณาจะเช่าบ้าน ในกรุงเทพฯ แทนที่จะเช่าคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเมนต์ การเช่าบ้านมีข้อดีและเสน่ห์เฉพาะตัวหลายประการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของหลายครอบครัวและหลายรูปแบบชีวิต ดังนี้:
- พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง: บ้านมักมีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากกว่าห้องชุดหรือคอนโดฯ โดยทั่วไปบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมจะมีหลายห้องนอน หลายห้องน้ำ และพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน (เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว) ที่กว้างขวางกว่า เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน หรือผู้เช่าที่ต้องการพื้นที่สำหรับทำงานที่บ้าน (Home Office) การมีพื้นที่มากขึ้นยังหมายถึงความสะดวกในการจัดเก็บของใช้และการทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านอย่างไม่อึดอัด
- ความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ: การเช่าบ้านให้อรรถรสความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า เพราะไม่มีผนังห้องชุดที่ใช้ร่วมกับเพื่อนบ้านเหมือนคอนโดฯ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวที่ไม่มีผนังติดกับบ้านหลังอื่น ผู้เช่าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นส่วนตัวและสงบมากขึ้น ลดปัญหาเสียงรบกวนจากห้องข้างเคียง นอกจากนี้ หลายๆ บ้านตั้งอยู่ในซอยหรือในหมู่บ้านที่มีสังคมเงียบสงบ มีพื้นที่สวนหรือสนามหญ้าเล็กๆ ให้พักผ่อน ซึ่งหาไม่ได้ในอพาร์ตเมนต์ใจกลางเมือง
- รองรับครอบครัวและการใช้ชีวิตแบบระยะยาว: บ้านเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุที่ต้องการพื้นที่ในการพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกัน ลูกเด็กเล็กอาจต้องการสนามให้วิ่งเล่น หรือผู้สูงวัยอาจต้องการพื้นที่ชั้นล่างที่ไม่ต้องขึ้นบันไดมาก นอกจากนี้ ผู้เช่าที่วางแผนพักอาศัยระยะยาว (เช่น หลายปี) มักมองว่าบ้านมีความรู้สึก “เหมือนอยู่บ้านของตัวเอง” มากกว่า สามารถปรับแต่งตกแต่งบางส่วน (ภายใต้เงื่อนไขสัญญาเช่า) ให้ตรงกับรสนิยมตนเองได้ และมักจะได้รับอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ง่ายกว่าคอนโด (บ้านหลายหลังมีลานหรือสนาม ซึ่งเหมาะกับการเลี้ยงสุนัขหรือแมว)
- สิ่งแวดล้อมและชุมชนที่เอื้ออำนวย: บ้านหลายหลังตั้งอยู่ในย่านที่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เช่น ใกล้ตลาดสด ร้านค้า ร้านอาหารท้องถิ่น โรงเรียน หรือสวนสาธารณะ บรรยากาศการอยู่อาศัยจะแตกต่างจากการอยู่ตึกสูง คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของย่านนั้นจริงๆ บางย่านมีเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยกัน มีระบบรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านที่เข้มแข็ง ทำให้ผู้เช่ารู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
- ความยืดหยุ่นในการใช้สอย: การเช่าบ้านทำให้ผู้เช่ามีอิสระในการใช้สอยพื้นที่มากกว่าห้องพักในคอนโด เช่น สามารถจัดพื้นที่สวนทำกิจกรรมปลูกต้นไม้ ทำบาร์บีคิวปาร์ตี้ภายในบริเวณรั้วบ้าน หรือแม้แต่ปรับห้องว่างให้เป็นห้องออกกำลังกาย ห้องพระ หรือห้องทำงานส่วนตัวได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ส่วนกลางและนิติบุคคลเหมือนคอนโด
อย่างไรก็ดี ผู้เช่าควรพิจารณาข้อควรรู้อื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคในบ้าน (ค่าน้ำ-ค่าไฟ อาจสูงขึ้นเมื่อเทียบกับอยู่คอนโดที่พื้นที่เล็กกว่า) และภาระดูแลรักษาบ้าน (เช่น การดูแลสวน การจัดการปัญหาชำรุดเล็กๆ น้อยๆ เบื้องต้น) ซึ่งในบ้านเช่าบางแห่ง ผู้เช่าอาจต้องรับผิดชอบเอง แต่โดยรวมแล้ว “การเช่าบ้าน” ในกรุงเทพฯ เป็นทางเลือกที่มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในหลายด้านสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่และความเป็นส่วนตัว ซึ่งคุ้มค่ากับค่าเช่าที่อาจสูงขึ้นเมื่อเทียบกับห้องชุดขนาดเท่ากัน
ปัจจัยที่ผู้เช่าควรพิจารณาเมื่อเช่าบ้านในกรุงเทพฯ
แม้การเช่าบ้านจะมีข้อดีมากมาย แต่การตัดสินใจเลือกบ้านเช่าที่เหมาะสมก็ต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการอย่างรอบคอบ เพื่อให้การอยู่อาศัยมีความราบรื่นและคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย ดังนี้:
- งบประมาณค่าเช่าและค่าใช้จ่ายแฝง: ผู้เช่าควรกำหนดงบประมาณรายเดือนที่สามารถจ่ายค่าเช่าได้อย่างสบายใจ ไม่ตึงมือเกินไป อย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากค่าเช่า เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน (ถ้ามี) และค่าดูแลรักษาบ้านบางส่วน เช่น การตัดหญ้าสนามหรือกำจัดปลวก ซึ่งบางกรณีผู้เช่าอาจต้องรับผิดชอบเอง การคำนวณค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดจะช่วยให้ประเมินได้ว่าบ้านหลังนั้นอยู่ในวิสัยที่เช่าระยะยาวไหวหรือไม่
- ทำเลที่ตั้งและการเดินทาง: ทำเลของบ้านมีผลอย่างมากต่อความสะดวกในการใช้ชีวิต กรุงเทพฯ ขึ้นชื่อเรื่องการจราจรหนาแน่น ดังนั้นควรพิจารณาว่าบ้านตั้งอยู่ใกล้ที่ทำงาน โรงเรียนลูก หรือระบบขนส่งมวลชนหรือไม่ บ้านที่อยู่ในซอยลึกอาจมีความสงบแต่เดินทางลำบาก ในขณะที่บ้านติดถนนใหญ่เดินทางง่ายแต่อาจมีเสียงดัง ผู้เช่าควรสำรวจเส้นทางระหว่างบ้านกับที่หมายหลักๆ ในชีวิตประจำวันในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ารับได้กับระยะเวลาการเดินทาง นอกจากนี้ หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ควรเลือกบ้านที่ใกล้ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้า หรือมีวินมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าโครงการเพื่อความสะดวก
- สภาพและคุณภาพของตัวบ้าน: ก่อนเซ็นสัญญาเช่าควรตรวจสอบสภาพบ้านอย่างละเอียด ทั้งภายในและภายนอก ดูว่ามีจุดไหนชำรุดหรือไม่ เช่น หลังคารั่ว พื้นไม้ผุ ผนังมีรอยแตกร้าว ระบบไฟฟ้า-ประปาใช้งานได้ปกติหรือไม่ บ้านบางหลังอาจสร้างมานานหลายสิบปี ควรเช็กระบบต่างๆ ให้มั่นใจ รวมถึงถามเจ้าของบ้านเกี่ยวกับประวัติการซ่อมบำรุงที่ผ่านมา หากพบจุดที่ต้องปรับปรุง ควรตกลงกับเจ้าของบ้านว่าใครจะเป็นผู้ดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่าย การทำรายการตรวจรับบ้าน (Check-list) ก่อนย้ายเข้าอยู่และบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรสามารถป้องกันปัญหาข้อพิพาทเรื่องความเสียหายในภายหลังได้
- ขนาดบ้าน รูปแบบ และจำนวนห้อง: เลือกขนาดและแบบบ้านที่เหมาะกับความต้องการของคุณ หากมีสมาชิกครอบครัวหลายคน ก็ควรเลือกบ้านที่มีจำนวนห้องนอนเพียงพอ ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว หรือหากวางแผนจะทำโฮมออฟฟิศก็ควรมีห้องอเนกประสงค์เหลือไว้ การมีที่จอดรถก็สำคัญสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ นอกจากนี้รูปแบบบ้าน (บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์) ก็ส่งผลต่อการอยู่อาศัย บ้านเดี่ยวให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด ส่วนทาวน์เฮ้าส์อาจมีพื้นที่ใช้สอยน้อยกว่าแต่ก็ประหยัดค่าเช่าและค่าดูแลรักษา ควรชั่งน้ำหนักดูว่าอะไรเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเองที่สุด
- ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ: สำรวจบริเวณรอบบ้านว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ เช่น หากเป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรร ควรมีรปภ.ดูแลทางเข้าออกหมู่บ้าน มีกล้องวงจรปิด หรือระบบคีย์การ์ด ในกรณีบ้านที่อยู่นอกโครงการ ลองสอบถามเพื่อนบ้านหรือตรวจสอบประวัติอาชญากรรมในพื้นที่นั้นๆ เบื้องต้นเพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมโดยรวมก็ควรพิจารณา เช่น บริเวณนั้นเคยน้ำท่วมขังหรือไม่ อยู่ใกล้จุดทิ้งขยะหรือแหล่งเสี่ยงมลพิษหรือเปล่า รวมถึงดูว่ามีร้านสะดวกซื้อ ตลาด หรือสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอยู่ไม่ไกลมากนักเพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน
- เงื่อนไขสัญญาเช่า: ทำความเข้าใจรายละเอียดในสัญญาเช่าให้ครบถ้วนก่อนตกลง เช่น ระยะเวลาสัญญา (ส่วนใหญ่ขั้นต่ำ 1 ปีในกรุงเทพฯ) จำนวนเงินมัดจำและค่าเช่าล่วงหน้า (มาตรฐานทั่วไปคือ วางมัดจำความเสียหาย 2 เดือน และค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน ณ วันทำสัญญา) นโยบายการต่อสัญญาและการปรับขึ้นค่าเช่า (บางแห่งอาจระบุว่าเมื่อครบสัญญาปีแรก ค่าเช่าอาจปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อหรือข้อตกลง) นอกจากนี้ อ่านเงื่อนไขเรื่อง การยกเลิกสัญญา ก่อนครบกำหนดว่าต้องแจ้งล่วงหน้ากี่วัน และการคืนเงินประกันดำเนินการอย่างไร รวมถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับการปรับปรุงต่อเติมบ้านหรือการเลี้ยงสัตว์ (หากคุณมีสัตว์เลี้ยง ต้องแน่ใจว่าเจ้าของบ้านอนุญาต) การเข้าใจสัญญาอย่างถ่องแท้จะช่วยป้องกันปัญหาขัดแย้งระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของบ้านในภายหลัง
เมื่อตรวจสอบปัจจัยข้างต้นครบถ้วน ผู้เช่าก็จะสามารถตัดสินใจเลือกบ้านเช่าได้อย่างมั่นใจมากขึ้น บ้านที่ตอบโจทย์ทั้งด้านงบประมาณ ความสะดวก และคุณภาพชีวิต จะทำให้การอยู่อาศัยในกรุงเทพฯ เป็นประสบการณ์ที่ดีและราบรื่น ทั้งนี้อย่าลืมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับ เจ้าของบ้าน ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันและแก้ไขปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการเช่าได้อย่างรวดเร็ว
ทำเลบ้านเช่ายอดนิยมทั่วกรุงเทพฯ
ทำเลที่ตั้ง เป็นปัจจัยชี้ขาดสำคัญของทั้งค่าเช่าและความต้องการของบ้านเช่าในกรุงเทพฯ แต่ละย่านของเมืองหลวงมีลักษณะเด่นและกลุ่มผู้เช่าที่แตกต่างกันออกไป ในส่วนนี้เราจะสำรวจทำเลสำคัญๆ ทั่วกรุงเทพฯ ที่มีความนิยมในการเช่าบ้าน ไม่ว่าจะเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เช่าในการอยู่อาศัย หรือเพื่อการลงทุนของผู้ปล่อยเช่า ทั้งย่านใจกลางธุรกิจและเขตรอบนอกที่กำลังมาแรง
ย่านสุขุมวิทตอนกลาง-ชั้นใน (อโศก-พร้อมพงษ์-ทองหล่อ-เอกมัย)
ย่านสุขุมวิทตอนกลางถึงชั้นใน (เขตวัฒนาและส่วนหนึ่งของเขตคลองเตย) ถือเป็น ทำเลทอง ของกรุงเทพฯ ที่รวมไลฟ์สไตล์คนเมืองระดับพรีเมียมไว้ครบครัน ที่นี่เป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าหรู ร้านอาหารนานาชาติ แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน และโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง ความนิยมของพื้นที่นี้ส่งผลให้ บ้านเช่าในย่านสุขุมวิทช่วงอโศก-ทองหล่อ เป็นที่ต้องการสูงโดยเฉพาะในหมู่ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทยระดับผู้บริหาร ผู้เช่ากลุ่มนี้มักเป็นครอบครัวชาวต่างชาติหรือผู้บริหารชาวไทยรุ่นใหม่ที่มีกำลังเช่าสูง ต้องการบ้านที่ใกล้แหล่งงานและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับอินเตอร์
ลักษณะบ้านเช่าในย่านนี้จะมีทั้ง บ้านเดี่ยวหลังใหญ่มีบริเวณ และบ้านประเภท ทาวน์โฮมหรู ที่พัฒนาใหม่ในซอยใจกลางเมือง เช่น ซอยสุขุมวิท 31, 39, 55 (ทองหล่อ) และ 63 (เอกมัย) เป็นต้น บ้านเดี่ยวมักจะมีพื้นที่ใช้สอย 300-500 ตร.ม. ขึ้นไป พร้อมที่จอดรถ 2-3 คัน ขนาด 3-5 ห้องนอน บางหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวหรือสวนตกแต่งอย่างดี ค่าเช่าในย่านนี้อยู่ในระดับสูงมาก เริ่มตั้งแต่ประมาณ 80,000-100,000 บาทต่อเดือนสำหรับบ้านหลังขนาดกลาง และอาจสูงถึง 200,000-300,000 บาทต่อเดือน สำหรับบ้านหรูตกแต่งครบพร้อมอยู่ หรือบ้านสไตล์คฤหาสน์ที่ดัดแปลงมาจากบ้านไทยเก่าแก่ แม้ค่าเช่าจะสูงลิ่ว แต่ผู้เช่ากลุ่มผู้บริหารและนักธุรกิจต่างชาติก็ยินดีจ่ายเพื่อแลกกับทำเลที่สะดวกสบาย (เดินทางไม่ไกลจากย่านสำนักงานอโศก-พร้อมพงษ์) และสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยคุณภาพเยี่ยม
ส่วนทาวน์โฮมและบ้านแฝดหรูในย่านนี้ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการใหม่ๆ ที่มีการออกแบบทันสมัยและมีความเป็นส่วนตัวสูง อาทิ โครงการบ้านสไตล์โมเดิร์น 3-4 ชั้นที่ซอยสุขุมวิท 31 หรือทองหล่อ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 350 ตร.ม. ภายในตกแต่งระดับลักชัวรี เหมาะกับครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการอยู่ใจกลางเมืองแต่ยังอยากได้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ค่าเช่าทาวน์โฮมหรูเหล่านี้อยู่ในช่วง 120,000-180,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าบ้านเดี่ยวหรูเล็กน้อยแต่ก็แลกมากับพื้นที่ดินและสวนที่น้อยกว่า
ด้วยเสน่ห์ของพื้นที่สุขุมวิทชั้นใน ทำให้ อัตราการเช่าบ้านในย่านนี้ค่อนข้างคงที่และมีผู้เช่าต่อเนื่อง บ้านเช่าดีๆ ที่ตั้งราคาเหมาะสมมักจะปล่อยเช่าได้รวดเร็วและมีอัตราว่างไม่มาก นักลงทุนที่ถือครองบ้านในบริเวณนี้มักได้รับผลตอบแทนการปล่อยเช่าในระดับที่น่าพอใจประมาณ 4-5% ต่อปี ขณะที่มูลค่าทรัพย์สิน (ราคาบ้านและที่ดิน) ก็เพิ่มขึ้นทุกปีตามความเจริญของเมืองและราคาที่ดินสุขุมวิทที่ขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดอันดับต้นๆ ของประเทศ
ย่านสุขุมวิทตอนปลายและฝั่งตะวันออก (พระโขนง-อ่อนนุช-บางนา)
ถัดจากโซนสุขุมวิทตอนในลงมา ย่านพระโขนง-อ่อนนุช-บางนา (เขตพระโขนง เขตบางนา และบางส่วนของเขตสวนหลวง) เป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิทที่ไปสุดสายที่สถานีเคหะฯ (สมุทรปราการ) ทำให้ย่านสุขุมวิทตอนปลายนี้เดินทางสะดวกและเชื่อมต่อกับใจกลางเมืองได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงหรือน้อยกว่า ค่าเช่าบ้านและค่าครองชีพในโซนนี้จะถูกกว่าใจกลางสุขุมวิทอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังได้ความสะดวกสบายในด้านการเดินทางและไลฟ์สไตล์ที่ครบครันอยู่
บ้านเช่าในย่านพระโขนง-อ่อนนุช มีความหลากหลาย ตั้งแต่บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรที่เงียบสงบ ทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮมตามซอยที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ไปจนถึงบ้านชั้นเดียวหรือบ้านไม้เก่าของคนท้องถิ่นที่เปิดให้เช่า ผู้เช่ามีทั้งคนไทยท้องถิ่นที่ทำงานหรือมีครอบครัวอยู่แถวนี้ และชาวต่างชาติรุ่นใหม่บางส่วนที่มองหาที่อยู่ราคาประหยัดกว่าโซนทองหล่อแต่ยังได้บรรยากาศสุขุมวิท สำหรับบ้านเดี่ยวในโครงการหมู่บ้าน เช่น ย่านอ่อนนุช, อุดมสุข, บางนา-ตราด กม.ต่างๆ มักเป็นบ้านขนาด 3-4 ห้องนอน มีพื้นที่จอดรถ 1-2 คัน บางโครงการมีสโมสรหรือสระว่ายน้ำส่วนกลาง ค่าเช่า อยู่ในช่วงประมาณ 30,000-70,000 บาทต่อเดือน ขึ้นกับความใหม่-เก่าของบ้านและระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้า บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยหรือห่างรถไฟฟ้าหน่อย (แต่ได้พื้นที่ใหญ่) ค่าเช่าอาจต่ำกว่า 30,000 บาทก็มี ซึ่งเป็นระดับที่ครอบครัวชนชั้นกลางสามารถรับภาระได้ไม่ยาก
นอกจากนี้ ย่านบางนายังมีแหล่งงานและสถานที่สำคัญที่กระตุ้นความต้องการเช่าบ้าน เช่น ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ, นิคมอุตสาหกรรมบางพลี รวมถึง โรงเรียนนานาชาติ (ตัวอย่างเช่น Bangkok Patana School ที่บางนา) ทำให้ครอบครัวชาวต่างชาติที่ผู้ปกครองทำงานในโซนอีสเทิร์นซีบอร์ดหรือย่านนิคมอุตสาหกรรมทางตะวันออก เลือกมาเช่าบ้านบริเวณบางนาเพื่อความสะดวกในการเดินทาง บ้านหรูขนาดใหญ่ในบางโซนของบางนา (เช่น โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ใกล้เมกาบางนา) จึงมีผู้เช่าเป็นชาวต่างชาติด้วย ค่าเช่าบ้านระดับนี้อาจอยู่ที่ 80,000-120,000 บาท สำหรับบ้านเดี่ยวโมเดิร์น 4-5 ห้องนอนพร้อมสระว่ายน้ำในโครงการใหม่ ซึ่งยังถือว่าถูกกว่าการเช่าบ้านขนาดใกล้เคียงกันในสุขุมวิทตอนกลางเกือบครึ่งหนึ่ง
โดยภาพรวม ย่านสุขุมวิทตอนปลาย-บางนาเป็นทำเลที่ ผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองกับชานเมือง อย่างลงตัว ผู้เช่าจะได้บ้านที่ขนาดใหญ่ขึ้นในงบประมาณที่เป็นมิตรกว่า อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ (เช่น ซีคอนสแควร์, พาราไดซ์พาร์ค, เซ็นทรัลบางนา, เมกาบางนา) คอยรองรับไลฟ์สไตล์ช่วงพักผ่อน เหมาะกับครอบครัวคนไทยวัยทำงานที่กำลังขยับขยาย ครอบครัวคนเมืองที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น รวมถึง expat บางส่วน ผลตอบแทนจากการลงทุนปล่อยเช่าบ้านโซนนี้อยู่ในเกณฑ์น่าสนใจทีเดียว เพราะราคาซื้อขายบ้านยังไม่สูงเกินเอื้อมนักเมื่อเทียบกับในเมือง ขณะที่ค่าเช่าที่เรียกได้อยู่ในระดับที่ให้ Yield ราว 5-6% ได้ไม่ยาก หากเลือกทำเลที่ดีและบ้านที่ตรงความต้องการของตลาด
ย่านรัชดาภิเษก-พระราม 9 (ห้วยขวาง-ดินแดง)
พื้นที่ย่าน รัชดาภิเษก-พระราม 9 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตห้วยขวางและดินแดง ถือเป็น New CBD (ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่) ของกรุงเทพฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ศูนย์การค้าทันสมัย (เช่น เซ็นทรัลพระราม9, เอสพลานาด รัชดา) และยังมีสถานที่บันเทิงยามค่ำคืนชื่อดังอีกมากมาย การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของย่านนี้ส่งผลให้มีผู้คนวัยทำงานรุ่นใหม่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่าในย่านนี้ส่วนใหญ่จะหนักไปทางคอนโดมิเนียม สูงหลายสิบชั้นที่ผุดขึ้นจำนวนมากตลอดแนวถนนรัชดาภิเษกและพระราม 9 ส่วน "บ้านเช่า" แบบดั้งเดิม (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์) อาจไม่ได้มีอยู่หนาแน่นเหมือนย่านอื่นๆ เนื่องจากพื้นที่ถูกพัฒนาเป็นคอนโดและสำนักงานไปมาก แต่ก็ยังพอมีหลงเหลือและมีความต้องการเฉพาะกลุ่มอยู่
บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ในย่านห้วยขวาง-ดินแดง มักจะอยู่ในซอยที่ลึกออกไปจากถนนใหญ่ หรือในชุมชนที่มีมาก่อนการพัฒนาครั้งใหญ่ของพื้นที่ เช่น แถวประชาสงเคราะห์ ดินแดง หรือย่านหลังศูนย์วัฒนธรรม (หลังห้างเอสพลานาด) บางซอยยังเป็นบ้านพักอาศัยดั้งเดิม บางหลังเจ้าของก็ปล่อยเช่าแทนที่จะขายให้โครงการ ราคาค่าเช่าบ้านในย่านนี้จะอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากถนนใหญ่และ MRT หากเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ชั้น ในซอยประชาสงเคราะห์หรือหลัง RCA ที่ปรับปรุงใหม่ มีเฟอร์นิเจอร์บางส่วน ค่าเช่าจะอยู่ราว 20,000-35,000 บาทต่อเดือน (ทาวน์เฮ้าส์มักมี 2-3 ห้องนอน เหมาะกับการแชร์กันอยู่เป็นกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวเล็กๆ) ส่วนบ้านเดี่ยว หลังใหญ่ในเขตนี้มีน้อย ส่วนใหญ่ที่มีจะเป็นบ้านเก่าบนที่ดินกว้าง ซึ่งมักถูกนำไปใช้เพื่อการพาณิชย์หรือออฟฟิศ หากมีปล่อยเช่าอยู่อาศัยจริง ค่าเช่าอาจอยู่ที่ 40,000-60,000 บาทขึ้นไป ตามสภาพบ้านและขนาดที่ดิน
ข้อดีของการเช่าบ้านในย่านพระราม 9 คือ ความสะดวกสบายในด้านการเดินทางและไลฟ์สไตล์คนเมือง ผู้เช่าสามารถเข้าถึงรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (สถานีพระราม9, ศูนย์วัฒนธรรม, ห้วยขวาง) ได้ไม่ยาก มีทางด่วนศรีรัชตัดผ่าน เชื่อมต่อออกนอกเมืองหรือเข้าใจกลางเมืองอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง โรงพยาบาล และตลาดนัดกลางคืน (เช่น ตลาดนัดรถไฟรัชดา ก่อนปิดตัว) อยู่ใกล้มือ เหมาะกับวัยรุ่นวัยทำงานที่ใช้ชีวิตกิจกรรมเยอะ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศของที่อยู่อาศัยอาจไม่สงบเท่าย่านอื่น เพราะเป็นเขตเมืองหนาแน่นตลอด 24 ชั่วโมง รถติดและคนพลุกพล่านสูง
กลุ่มผู้เช่าบ้านในโซนนี้ส่วนมากจะเป็น คนไทยหรือชาวต่างชาติวัยทำงาน ที่ออฟฟิศอยู่ละแวกนี้และอยากได้บ้านแทนคอนโดเพื่อพื้นที่ที่ใหญ่กว่า หรือครอบครัวคนไทยที่ปักหลักอยู่ดั้งเดิมแถวห้วยขวาง-ดินแดงแล้วย้ายจากบ้านหนึ่งมาเช่าอีกบ้านในย่านเดิม เป็นต้น การลงทุนซื้อบ้านเพื่อปล่อยเช่าในย่านนี้อาจมีเคสไม่มากนักเมื่อเทียบกับย่านอื่น เพราะราคาที่ดินปรับสูงและนิยมพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมากกว่า แต่หากใครมีบ้านอยู่แล้วในบริเวณนี้ ปล่อยเช่าก็ถือว่ามีตลาดรองรับอยู่พอสมควร เพียงแต่อาจต้องตั้งราคาให้สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับทางเลือกคอนโด (เช่น บ้านสองชั้นเก่าๆ ไม่มีสระว่ายน้ำ ผู้เช่าอาจเปรียบเทียบกับคอนโดใหม่ที่มีส่วนกลางครบแล้วคิดว่าน่าอยู่กว่าถ้าราคาเท่าๆ กัน) เจ้าของบ้านจึงควรปรับปรุงบ้านให้น่าอยู่ มีเครื่องปรับอากาศและเฟอร์นิเจอร์พื้นฐาน พร้อมโปรโมทจุดเด่นเรื่องพื้นที่กว้างและความเป็นส่วนตัวที่คอนโดให้ไม่ได้ ก็จะช่วยดึงดูดผู้เช่าได้
ย่านใจกลางเมืองชั้นใน (สีลม-สาทร-พร้อมพงษ์-สยาม)
โซน ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ชั้นใน ที่เป็นที่รู้จักอย่าง สีลม-สาทร (เขตบางรักและสาทร) และพื้นที่รอบ สยาม-ชิดลม-เพลินจิต (เขตปทุมวันและราชเทวีบางส่วน) เป็นพื้นที่ที่ดินแพงที่สุดและพัฒนาเต็มพื้นที่ไปด้วยตึกสูง อาคารพาณิชย์ และห้างร้านหรู ทำให้จำนวน "บ้านพักอาศัย" ในเขตเหล่านี้ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับย่านรอบนอก แต่ด้วยความที่เป็นทำเลยุทธศาสตร์ของกรุงเทพฯ จึงยังคงมีบ้านพักอาศัยบางหลังที่หลงเหลือและเปิดให้เช่า ซึ่งกลายเป็นสินค้าหายากในตลาดและมักมีราคาสูงตามความพิเศษของทำเล
ย่านสีลม-สาทร เป็นที่ตั้งของสำนักงานบริษัทชั้นนำจำนวนมาก สถานทูตหลายประเทศ โรงแรมหรู และคอนโดระดับลักชัวรี ผู้เช่าบ้านในย่านนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นระดับผู้บริหารระดับสูง นักการทูต หรือครอบครัวผู้มีฐานะที่ต้องการที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงานและโรงเรียนนานาชาติ (เช่น ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน, ร.ร.นานาชาติบางกอกแพทติ). บ้านเช่าในโซนนี้มักจะเป็น บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สไตล์โคโลเนียลหรือทรงไทยประยุกต์ ที่สร้างมายาวนาน บางหลังได้รับการรีโนเวทเป็นอย่างดีให้ร่วมสมัย ขนาดพื้นที่ดินค่อนข้างกว้างขวางเมื่อเทียบกับบ้านกลางเมืองทั่วไป (เช่น มีสวนใหญ่หรือลานจอดรถหลายคัน) ค่าเช่าบ้านแถบนี้จึงสูงมาก อาจเริ่มต้น หลักแสนบาทต่อเดือน ในเกือบทุกกรณี ยกตัวอย่าง บ้านเดี่ยวสภาพดี 4 ห้องนอนในซอยสวนพลู สาทร อาจมีค่าเช่า ~100,000 บาท/เดือน ขณะที่บ้านโบราณทรงคุณค่าบนที่ดินใหญ่ในซอยสมคิด ใกล้สถานทูตสหรัฐฯ (ย่านเพลินจิต) ค่าเช่าอาจแตะ 200,000-300,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับความหรูหราและความพร้อมของตัวบ้าน
นอกจากบ้านเดี่ยวแล้ว ในย่านสาทรและสีลมยังมี ทาวน์เฮ้าส์หรืออาคารพาณิชย์ดัดแปลง ที่ปล่อยเช่าสำหรับอยู่อาศัยหรือทำโฮมออฟฟิศ ปะปนอยู่ตามตรอกซอย เช่น บริเวณซอยคอนแวนต์ สีลม, ซอยนราธิวาสฯ 7-9 (สาทร), ย่านวิทยุ-หลังสวน เป็นต้น อาคารเหล่านี้บางแห่งผู้เช่าอาจนำมาทำเป็นสำนักงานไปด้วยในตัว (live & work) หรือเปิดเป็นร้านกาแฟ/แกลเลอรีใต้ถุนบ้าน ค่าเช่าอาคารลักษณะนี้ก็อยู่ในเกณฑ์สูงเช่นกัน เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ปรับปรุงใหม่ในซอยเย็นอากาศ สาทร มี 3 ห้องนอน ค่าเช่าอาจประมาณ 70,000-90,000 บาท ซึ่งผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติหรือบริษัทเช่าไว้ให้พนักงานระดับสูงพัก
โซนสยาม-ชิดลม-เพลินจิต ซึ่งถือเป็นพื้นที่ช้อปปิ้งและศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน บ้านที่อยู่อาศัยจริงมีน้อย ส่วนมากซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ เช่น ซอยหลังสวน ซอยต้นสน หรือย่านราชเทวี (ซอยรางน้ำ) ผู้ที่เช่าบ้านในย่านนี้อาจจะเป็นกลุ่มครอบครัวคนไทยตระกูลเก่าแก่ที่ยังถือครองบ้านในย่านนี้อยู่แล้วให้คนรู้จักเช่า หรือไม่ก็เป็นบ้านที่บริษัทต่างชาติจัดหาไว้ให้ผู้บริหารต่างชาติพักอาศัยเพราะใกล้ที่ทำงาน หากเป็นบ้านในซอยราชเทวีหรือตรอกเล็กแถวนั้นซึ่งไม่ได้อยู่ใกล้ห้าง ค่าเช่าอาจย่อมเยาลงมาอยู่ที่ 40,000-60,000 บาท สำหรับบ้านขนาดกลางทั่วไปหนึ่งหลัง แต่บ้านลักษณะนี้ค่อนข้างมีน้อยและต้องหาแบบปากต่อปาก
โดยสรุป บ้านเช่าในย่านใจกลางเมืองชั้นในเหล่านี้เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างแท้จริง ผู้เช่าส่วนใหญ่มีความสามารถในการจ่ายสูงและต้องการทำเลแบบเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกสุดๆ เจ้าของบ้านจึงอยู่ในสถานะที่เลือกผู้เช่าได้พอสมควร และมักทำสัญญาระยะยาวกับผู้เช่าที่ไว้ใจได้เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย สำหรับนักลงทุนทั่วไป การจะซื้อบ้านในทำเลนี้เพื่อปล่อยเช่าอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะราคาซื้อขายสูงมาก (ตารางวาละหลายแสนจนถึงหลักล้านบาท) แต่หากมองในแง่ผลตอบแทน พบว่าบ้านในทำเลนี้แม้ Yield % จะไม่สูงมาก (เพราะมูลค่าทรัพย์สินสูง) แต่มูลค่าเพิ่มของที่ดินในระยะยาวนั้นมหาศาล ดังคำพูดที่ว่า “ซื้อที่ดินทองคำ เก็บไว้อย่างไรก็กำไร” ซึ่งใช้ได้กับย่านสีลม สาทร เพลินจิต อย่างแท้จริง
ทำเลชานเมืองและโซนอื่นๆ ที่น่าสนใจ
นอกจากย่านหลักที่กล่าวมาแล้ว กรุงเทพฯ ยังมีพื้นที่ ชานเมืองและเขตรอบนอก อื่นๆ ที่น่าสนใจสำหรับการเช่าบ้าน ซึ่งมักจะมี ค่าเช่าถูกกว่า และบ้านมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสงบและขนาดบ้านมากกว่าความใกล้ศูนย์กลางเมือง ตัวอย่างทำเลเหล่านี้ ได้แก่:
- โซนตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ: เช่น ย่านลาดพร้าว, จตุจักร, รามอินทรา, มีนบุรี เป็นต้น พื้นที่เหล่านี้มีหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก กระจายตามแนวถนนใหญ่และถนนวงแหวนรอบนอก บ้านเช่าในโซนนี้อาจเป็นบ้านเดี่ยวบนที่ดิน 50-100 ตร.ว. ที่ให้พื้นที่สวนและสนามขนาดใหญ่ในราคาค่าเช่าเอื้อมถึง (เช่น บ้านเดี่ยว 3 ห้องนอนในย่านรามอินทรา-แฟชั่นไอส์แลนด์ ค่าเช่าราว 20,000-30,000 บาท/เดือน) นอกจากนี้การเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ช่วยเพิ่มความสะดวกให้ชานเมืองฝั่งเหนือ-ตะวันออก ทำให้เขตมีนบุรี บางกะปิ คันนายาว ซึ่งเคยไกล กลายเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกขึ้น จึงเริ่มมีดีมานด์เช่าบ้านจากคนรุ่นใหม่ที่โตแถวนั้นหรือครอบครัวที่อยากได้บ้านใหญ่ในงบจำกัด
- โซนฝั่งธนบุรีและกรุงเทพฯ ตอนใต้: ฝั่งธนบุรี (เขตทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ตลิ่งชัน, บางแค, ราชพฤกษ์, พระราม 2) มีลักษณะเป็นชานเมืองที่เงียบสงบและได้พื้นที่บ้านใหญ่ บ้านเช่าในย่านราชพฤกษ์-พระราม5 (พื้นที่บางกรวย นนทบุรีติดกับฝั่งธน) เป็นที่นิยมของครอบครัวใหญ่หลายครอบครัว เพราะเดินทางเข้าเมืองได้ในเวลาไม่นานผ่านสะพานพระราม 5 หรือทางด่วนศรีรัช แถมได้บ้านใหม่ขนาด 4-5 ห้องนอนในหมู่บ้านหรูในราคาเช่า ประมาณ 30,000-50,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบขนาดกันแล้วราคานี้อาจเช่าได้แค่ทาวน์โฮมกลางเมือง ด้าน พระราม 2 และบางแค เป็นพื้นที่ชุมชนขนาดใหญ่ คนท้องถิ่นอยู่กันหนาแน่น บ้านเช่าอาจมาในรูปแบบบ้านตึกแถวหรือบ้านเดี่ยวชั้นเดียวปลูกเองมากกว่าโครงการจัดสรร ค่าเช่ามักไม่แพง (บ้านชั้นเดียวเล็กๆ บางแคมีเช่าเดือนละไม่ถึง 10,000 บาทก็มี) แต่ต้องแลกกับระยะทางที่ไกลจากเมืองพอสมควร เหมาะกับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในโซนนั้นเป็นหลัก
- โซนชานเมืองกรุงเทพฯ ต่อเชื่อมปริมณฑล: อย่างเช่น รังสิต, ธรรมศาสตร์-ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ ซึ่งแม้ตามเขตการปกครองจะไม่ใช่กรุงเทพฯ แต่ก็เป็นพื้นที่ต่อเชื่อมที่คนทำงานในกรุงเทพฯ นิยมไปอยู่อาศัยเช่นกัน โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องการบ้านหลังใหญ่ราคาสบายกระเป๋า เช่น ย่านรังสิตใกล้มหาวิทยาลัยหรือสวนอุตสาหกรรม มีบ้านเช่า 2-3 ชั้น 4 ห้องนอน ในราคาไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือน ส่วนนนทบุรีโซนปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ มีหมู่บ้านสำหรับ expat รอบ โครงการนานาชาติ Nichada Thani ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าชาวต่างชาติระดับผู้บริหารนิยมเช่าบ้านกัน ค่าเช่าบ้านหรูในนั้นอาจสูงระดับ 100,000 บาทขึ้นไป แต่ได้สิ่งแวดล้อมสากลและความปลอดภัยสูง ในขณะที่เขตสมุทรปราการฝั่งบางพลี-บางบ่อ ก็มีบ้านเช่าสำหรับคนทำงานนิคมฯ และสนามบินมากมาย ราคาจับต้องได้ เหล่านี้แม้จะนอกเขตกรุงเทพฯ แต่นักลงทุนและผู้เช่าหลายรายก็พิจารณาเป็นตัวเลือกเพราะการเดินทางสมัยใหม่ที่เชื่อมถึงกันหมดแล้ว
จากที่กล่าวมาจะเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะมองหาบ้านเช่าในทำเลใจกลางเมือง หรือบ้านในบรรยากาศสงบชานเมือง กรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบต่างก็มีทางเลือกที่หลากหลายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของผู้เช่า ทั้งนี้ในตารางด้านล่าง เราสรุปตัวอย่างระดับค่าเช่าบ้านและลักษณะเด่นของบ้านเช่าในทำเลยอดนิยมบางแห่งของกรุงเทพฯ เพื่อให้เห็นภาพรวมอย่างชัดเจน:
ทำเล |
ตัวอย่างประเภทบ้านเช่า |
ค่าเช่าโดยประมาณ |
ลักษณะเด่น/กลุ่มผู้เช่า |
สุขุมวิท (อโศก-ทองหล่อ) |
บ้านเดี่ยวหรู 4-5 ห้องนอน มีสระว่ายน้ำ |
150,000-300,000 บาท/เดือน |
ใจกลางเมือง, ใกล้ BTS/MRT, ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจและครอบครัวต่างชาติ รายได้สูง |
สุขุมวิทตอนปลาย (อ่อนนุช-บางนา) |
บ้านเดี่ยวโครงการ 3-4 ห้องนอน |
30,000-70,000 บาท/เดือน |
ใกล้รถไฟฟ้า, ได้บ้านขนาดใหญ่ขึ้นในงบกลางๆ, ผู้เช่าคือครอบครัวคนไทยชนชั้นกลางและ expat ระดับกลาง |
รัชดา-พระราม 9 |
ทาวน์โฮม 3 ชั้น 3 ห้องนอน |
25,000-40,000 บาท/เดือน |
ย่านธุรกิจใหม่, เดินทางสะดวก MRT, ผู้เช่าคือวัยทำงานรุ่นใหม่ แชร์อยู่กับเพื่อนหรือครอบครัวเล็ก |
สีลม-สาทร |
บ้านเดี่ยวสไตล์โคโลเนียล 4 ห้องนอน |
100,000-200,000 บาท/เดือน |
ใจกลางย่านธุรกิจดั้งเดิม, ใกล้สถานทูต/ออฟฟิศ, ผู้เช่าส่วนมากเป็นนักการทูต ผู้บริหารระดับสูง |
ฝั่งธนบุรี (ราชพฤกษ์) |
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 5 ห้องนอน |
30,000-50,000 บาท/เดือน |
ชานเมืองสงบ, บ้านพื้นที่ใหญ่ที่จอดรถหลายคัน, ผู้เช่าเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยากได้บ้านราคาคุ้มค่า |
เขตรอบนอกอื่นๆ |
บ้านชั้นเดียว 2-3 ห้องนอน |
10,000-20,000 บาท/เดือน |
ไกลศูนย์กลางแต่ค่าเช่าถูก, เหมาะกับคนพื้นที่/คนทำงานละแวกนั้น, บรรยากาศเรียบง่ายเหมือนอยู่ต่างจังหวัด |
หมายเหตุ: อัตราค่าเช่าที่ระบุเป็นการประมาณช่วงราคาในตลาด ณ ปี 2568 บ้านแต่ละหลังอาจมีราคาต่างออกไปขึ้นอยู่กับสภาพ ความใหม่ และการตกแต่งภายใน รวมถึงภาวะตลาดช่วงเวลานั้นๆ
จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่าทำเลมีผลโดยตรงกับค่าเช่าบ้านและกลุ่มผู้เช่า เปรียบเทียบระหว่างบ้านใจกลางสุขุมวิทที่ค่าเช่าสูงลิบกับบ้านชานเมืองฝั่งธนที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าแต่ค่าเช่าถูกกว่าหลายเท่า ผู้เช่าและเจ้าของบ้านจึงควรศึกษาความต้องการของตลาดในทำเลที่สนใจให้ดี เพื่อกำหนดราคาและงบประมาณได้เหมาะสม
ประเภทของบ้านให้เช่าในกรุงเทพฯ
ตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย บ้านหลากหลายประเภท ซึ่งตอบสนองความต้องการและงบประมาณของผู้เช่าแตกต่างกันไป การเข้าใจลักษณะของบ้านแต่ละแบบจะช่วยให้ผู้เช่าเลือกบ้านที่ตรงใจและให้ผู้ลงทุนเลือกซื้อบ้านให้เช่าที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย บทนี้เราจะจำแนกประเภทของบ้านให้เช่าหลักๆ ที่พบได้บ่อยในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละประเภท
บ้านเดี่ยว
บ้านเดี่ยว คือ บ้านหลังหนึ่งที่ปลูกอยู่บนที่ดินของตัวเองโดยไม่ใช้ผนังหรือโครงสร้างร่วมกับบ้านหลังอื่น มีบริเวณรอบบ้านเป็นของตัวเอง (อาจเป็นสวนหรือที่ว่าง) บ้านเดี่ยวถือเป็นรูปแบบบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด ผู้เช่าจะได้ประโยชน์จากการไม่มีผนังติดกับเพื่อนบ้าน จึงลดปัญหาเสียงรบกวนและได้ความรู้สึกเหมือน “บ้านของตัวเอง” อย่างแท้จริง
ในกรุงเทพฯ บ้านเดี่ยวให้เช่ามีตั้งแต่ขนาดเล็ก 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 100-150 ตร.ม. บนที่ดินแปลงย่อมในชุมชนท้องถิ่น ไปจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ 5-6 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยหลายร้อยตร.ม. บนที่ดินพื้นที่ครึ่งไร่หรือมากกว่าในย่านหรูอย่างสุขุมวิทหรือสาทร บ้านเดี่ยวย่านใจกลางเมืองมักเป็นบ้านเก่าที่ได้รับการรีโนเวท หรือบ้านสร้างใหม่สไตล์โมเดิร์น โดยมากมีค่ าเช่าสูงเนื่องจากที่ดินราคาสูง ส่วนบ้านเดี่ยวย่านชานเมืองหรือปริมณฑลมักอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรร มีรูปแบบมาตรฐาน พื้นที่กว้างขวาง ราคาเช่าเข้าถึงได้ง่ายกว่า
จุดเด่นของบ้านเดี่ยวสำหรับผู้เช่า: มีความเป็นส่วนตัวสูง, ได้พื้นที่ใช้สอยทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน (เช่น สวน ลานจอดรถ) เป็นของตนเองเต็มที่, เหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือคนที่ชอบพื้นที่กว้างๆ และอิสระในการอยู่อาศัย
ข้อควรคำนึง: ค่าเช่ามักสูงกว่าบ้านประเภทอื่นๆ เนื่องจากได้พื้นที่มากและที่ดินเป็นของเอกเทศ นอกจากนี้ผู้เช่าอาจต้องดูแลรักษาส่วนต่างๆ เองมากขึ้น ทั้งสวน ระบบสาธารณูปโภค โดยเจ้าของบ้านอาจไม่ได้มีทีมดูแลเหมือนคอนโด การเลือกเช่าบ้านเดี่ยวจึงควรแน่ใจว่าผู้เช่ามีความพร้อมในการรับผิดชอบดูแลบ้านร่วมด้วยในระดับหนึ่ง
บ้านแฝด
บ้านแฝด คือ บ้านสองหลังที่ถูกออกแบบให้สร้างติดกันและใช้ผนังบางส่วนร่วมกัน (โดยปกติตามกฎหมายไทย บ้านแฝดจะต้องมีผนังติดกันไม่เกิน 60% ของความยาวทั้งหมดของส่วนที่ติด) ทำให้บ้านแฝดดูคล้ายบ้านเดี่ยวสองหลังที่สะท้อนกันเป็นภาพกระจก บ้านแฝดมักจัดอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรเช่นเดียวกับบ้านเดี่ยว แต่มีขนาดที่ดินและพื้นที่ใช้สอยเล็กกว่าบ้านเดี่ยวเล็กน้อย ราคาขายและค่าเช่าจะต่ำกว่าบ้านเดี่ยวขนาดใกล้เคียงกัน
บ้านแฝดให้เช่า ในกรุงเทพฯ พบได้ในย่านชานเมืองเป็นหลัก โครงการใหม่บางแห่งที่ต้องการเสนอทางเลือกบ้านราคาไม่สูงเกินไปจะสร้างบ้านแฝดแทนบ้านเดี่ยวเต็มรูปแบบ เช่น โครงการในโซนบางนา, รังสิต, ลำลูกกา เป็นต้น บ้านแฝดเหล่านี้มักจะมี 3-4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยประมาณ 120-180 ตร.ม. ซึ่งเพียงพอต่อครอบครัวขนาดกลาง ในขณะที่ยังได้ความรู้สึกบ้านเดี่ยว (มีพื้นที่ด้านข้างบ้านเล็กน้อย) ค่าเช่าบ้านแฝดทั่วไปอาจอยู่ในช่วง 15,000-30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นกับทำเลและความใหม่ หากในเมืองกรุงชั้นในแทบไม่มีบ้านแฝด แต่ถ้าหาได้ก็อาจเป็นบ้านแฝดยุคเก่าที่สร้างมานาน
จุดเด่น: ผู้เช่าได้รับความเป็นส่วนตัวเกือบเท่าบ้านเดี่ยว (มีเพียงด้านที่ติดกันด้านหนึ่งเท่านั้น) แต่ในราคาเช่าที่ถูกลง สามารถมีพื้นที่สวนหรือจอดรถส่วนตัวได้บางส่วน บ้านแฝดในหมู่บ้านจัดสรรยังคงมีเพื่อนบ้านแวดล้อม บรรยากาศชุมชนใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว
จุดด้อย: ผนังที่ใช้ร่วมกับบ้านอีกฝั่งอาจทำให้มีเสียงลอดได้บ้างหากก่อสร้างไม่ดีเท่ามาตรฐานบ้านเดี่ยว พื้นที่รอบบ้านน้อยกว่าบ้านเดี่ยวมาก (บางหลังด้านที่ไม่ติดคู่แฝดอาจห่างรั้วเพียงเมตรกว่าๆ) การระบายอากาศและแสงธรรมชาติด้านข้างอาจน้อยลง ผู้เช่าที่ต้องการความโปร่งโล่งทุกด้านอาจรู้สึกอึดอัดกว่าเล็กน้อย
ทาวน์โฮม / ทาวน์เฮ้าส์
ทาวน์เฮ้าส์ หรือที่ปัจจุบันนิยมเรียก ทาวน์โฮม (Townhome) เป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกรุงเทพฯ และเขตเมือง โดยเป็นบ้านที่ปลูกสร้างติดต่อกันเป็นแถว มีผนังด้านข้างติดกับหลังอื่นๆ ทั้งสองด้าน (ยกเว้นหลังริมสุดที่จะมีด้านหนึ่งโล่ง) ลักษณะคล้ายอาคารพาณิชย์แต่ออกแบบเพื่ออยู่อาศัย มี 2-3 ชั้น (ทาวน์โฮมรุ่นใหม่บางแห่งสูง 3-4 ชั้น) มีพื้นที่หน้าบ้านเล็กน้อยสำหรับจอดรถ 1-2 คัน และไม่มีพื้นที่ด้านข้างหรือด้านหลังเป็นสวนเหมือนบ้านเดี่ยว
ทาวน์โฮม/ทาวน์เฮ้าส์เป็นบ้านให้เช่าที่พบเห็นได้มากที่สุดประเภทหนึ่งในกรุงเทพฯ เนื่องจากพัฒนากันอย่างแพร่หลาย ทั้งในซอยใจกลางเมืองและโครงการจัดสรรชานเมือง เหตุผลที่เป็นที่นิยมเพราะ ราคาค่าเช่าเข้าถึงง่าย แต่ยังได้ฟังก์ชันการใช้สอยคล้ายบ้าน (มีหลายชั้น หลายห้องนอน) เหมาะกับครอบครัวเริ่มต้นหรือกลุ่มเพื่อนที่มาเช่าร่วมกัน
ตัวอย่างทาวน์เฮ้าส์ให้เช่า เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น อายุ 10-20 ปี ในซอยย่านลาดพร้าว, บางซื่อ, สุขุมวิทตอนปลาย มี 2-3 ห้องนอน ค่าเช่าอาจอยู่ที่ 10,000-20,000 บาท/เดือน เท่านั้น ซึ่งถูกกว่าค่าเช่าคอนโด 2 ห้องนอนใจกลางเมืองเสียอีก ในขณะที่ทาวน์โฮมโครงการใหม่ 3 ชั้น ในหมู่บ้านที่มีระบบรักษาความปลอดภัย ย่านเกษตร-นวมินทร์ หรือราชพฤกษ์ อาจปล่อยเช่าราว 25,000-40,000 บาท/เดือน โดยให้พื้นที่ใช้สอย 180-250 ตร.ม. 3-4 ห้องนอน เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่มากขึ้นกว่าอยู่คอนโด แต่ยังงบไม่ถึงบ้านเดี่ยว
จุดเด่น: ค่าเช่าถูกกว่าเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวในพื้นที่ขนาดใกล้เคียงกัน, ดูแลง่ายกว่าเพราะไม่มีสนามหญ้าหรือสวนใหญ่, ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้ชุมชนหรือถนนสายหลัก ทำให้เดินทางสะดวกกว่าบ้านเดี่ยวที่มักอยู่ลึกในซอย, หลายโครงการมีส่วนกลาง เช่น สวนหย่อมหรือรปภ. ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัย
ข้อจำกัด: ผนังติดกับบ้านข้างเคียงทุกด้าน อาจเจอปัญหาเสียงหรือกลิ่นรบกวนจากบ้านติดกันได้, พื้นที่รับแสงและลมธรรมชาติจำกัด (โดยมากรับแสงได้จากด้านหน้าและหลังบ้านเท่านั้น), บันไดหลายชั้นอาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ, ที่จอดรถมักจำกัด (บ้านส่วนใหญ่มีพื้นที่ให้รถจอดแค่ 1 คันในบ้าน ถ้ามีรถหลายคันต้องจอดริมถนนซึ่งอาจแออัด), ความรู้สึกโปร่งโล่งน้อยกว่าบ้านเดี่ยว บางคนอาจรู้สึกอึดอัดกับความแคบและลึกของตัวบ้าน
บ้านชั้นเดียว
บ้านชั้นเดียว เป็นบ้านที่มีชั้นอาคารเพียงชั้นเดียว ไม่มีบันไดขึ้นลงระหว่างชั้น ซึ่งบ้านประเภทนี้ปัจจุบันในเมืองใหญ่อาจพบได้น้อยลงเพราะการใช้ที่ดินไม่คุ้มค่าเท่าบ้านสองชั้นขึ้นไป แต่ยังมีบ้านชั้นเดียวจำนวนหนึ่งในตลาดบ้านเช่า โดยเฉพาะในชุมชนเก่าแก่และเขตรอบนอกที่ดินยังไม่แพงมาก หรือในโครงการที่เน้นกลุ่มผู้สูงอายุ
บ้านชั้นเดียวที่ปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ มักเป็นบ้านไม้หรือบ้านปูนชั้นเดียวอายุกลางเก่ากลางใหม่ในย่านชุมชนเดิม เช่น เขตดุสิต บางกะปิ สวนหลวง หรือชานเมืองอย่างหนองจอก บ้านเหล่านี้อาจมี 2-3 ห้องนอน บนที่ดิน 50-80 ตร.ว. มีสนามเล็กๆ ของตัวเอง จุดขายคือ “อยู่สบาย ไม่มีบันได” เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงวัยหรือต้องการลดความเสี่ยงอุบัติเหตุจากการขึ้นลงบันได ค่าเช่าบ้านชั้นเดียวมักจะไม่สูงนักถ้าเทียบกับบ้านสองชั้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังไม่ใหญ่ อาทิ บ้านชั้นเดียว 2 ห้องนอน ย่านลาดกระบัง ค่าเช่าอาจประมาณ 8,000-12,000 บาท/เดือน เท่านั้น ขณะที่บ้านชั้นเดียว 3 ห้องนอน ในหมู่บ้านจัดสรรย่านรามอินทราที่ออกแบบเพื่อผู้สูงอายุ (ทางลาด ไม่มีขั้นต่างระดับ) อาจมีค่าเช่า 15,000-20,000 บาท/เดือน
จุดเด่น: ทุกพื้นที่ใช้งานอยู่บนระดับเดียวกัน ทำความสะอาดง่าย เดินไปมาสะดวก, ปลอดภัยกับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ, ให้บรรยากาศบ้านพักผ่อนชานเมืองที่โปร่งสบาย (บางหลังมีฝ้าเพดานสูง หลังคาจั่ว ทำให้อากาศถ่ายเทดี), ค่าก่อสร้างและดูแลรักษาต่ำกว่าบ้านหลายชั้น (หลังคาผืนเดียว ไม่ต้องดูแลโครงสร้างบันได)
ข้อด้อย: พื้นที่ใช้สอยต่อขนาดที่ดินน้อยกว่าบ้านสองชั้น (เพราะกินที่ดินในการกระจายห้องต่างๆ ในชั้นเดียว), หากที่ดินเล็ก บ้านชั้นเดียวอาจมีพื้นที่แต่ละห้องค่อนข้างเล็กและจัดสรรยาก, บ้านชั้นเดียวบางหลังอาจเก่าและไม่ได้รับการปรับปรุงนาน ต้องตรวจสอบสภาพให้ดี, ยิ่งในเมืองใหญ่บ้านชั้นเดียวมักอยู่ในชุมชนหนาแน่น บางทีอาจถูกล้อมรอบด้วยตึกสูงหรือบ้านสองชั้น ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลง
บ้านหรู / วิลล่า
หมวดนี้ไม่ใช่ประเภททางกายภาพ แต่หมายถึงระดับหรือสไตล์ของบ้านที่อยู่ระดับบนของตลาด ได้แก่ บ้านหรู (Luxury House) หรือ วิลล่า (Villa) ซึ่งมักจะเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่พิเศษ หรือบ้านออกแบบเฉพาะตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ เช่น สระว่ายน้ำส่วนตัว ห้องดูหนัง ห้องออกกำลังกาย ฯลฯ บ้านเหล่านี้มักอยู่ในทำเลสุดยอด เช่น ใจกลางสุขุมวิท ย่านเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา หรือตามโครงการบ้านจัดสรรระดับซูเปอร์ลักชัวรี พื้นที่ใช้สอยมักเกิน 500 ตร.ม. ขึ้นไป วัสดุและการตกแต่งระดับไฮเอนด์
บ้านหรูให้เช่าในกรุงเทพฯ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มมาก ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจต่างชาติระดับผู้บริหารสูงสุด (เช่น CEO ของบริษัทข้ามชาติ), นักการทูตระดับเอกอัครราชทูต, หรือเศรษฐีที่ต้องการบ้านเช่าระยะสั้นระหว่างรอบ้านของตัวเองสร้างเสร็จ ค่าเช่าบ้านระดับนี้เริ่มต้นที่หลักหลายแสนบาทต่อเดือน บางหลังแตะ 500,000-700,000 บาท/เดือน ก็มี (เช่น วิลล่าหรูริมแม่น้ำ 5 ห้องนอน พร้อมท่าเรือส่วนตัว) สิ่งที่ผู้เช่าได้รับคือประสบการณ์การอยู่อาศัยระดับซูเปอร์พรีเมียร์ พื้นที่กว้างขวางมาก ความเป็นส่วนตัวสูงสุด และภาพลักษณ์ทางสังคม
จุดเด่น: ทุกองค์ประกอบของบ้านถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและหรูหรา มีพื้นที่กิจกรรมหลากหลายภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องออกไปไหนก็พักผ่อนเต็มที่ได้ เช่น สระว่ายน้ำ สปา ซาวน่า สวนหย่อมขนาดใหญ่, ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูง (มักมีรั้วรอบขอบชิด ระบบรักษาความปลอดภัยส่วนตัว), ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับสูงและการรับรองแขกผู้ใหญ่
ข้อควรพิจารณา: ค่าใช้จ่ายสูงมากและผู้เช่าต้องมีความรับผิดชอบรักษาทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง, ตัวเลือกมีจำกัดมากในตลาด (บ้านลักษณะนี้มีน้อยหลัง) ทำให้บางครั้งผู้เช่าที่ต้องการจริงๆ อาจต้องจองล่วงหน้าหรือใช้บริการเอเจนต์เฉพาะทาง
ในภาพรวม ตลาดบ้านเช่ากรุงเทพฯ มีตั้งแต่บ้านเล็กธรรมดาจนถึงคฤหาสน์หรูหรา ผู้เช่าควรประเมินความต้องการและงบประมาณของตน เพื่อเลือกประเภทบ้านที่เหมาะสม เช่น ถ้าอยู่คนเดียวหรือเป็นคู่ไม่มีบุตร อาจพบว่าทาวน์โฮมหรือคอนโดก็ตอบโจทย์พอเพียง แต่ถ้ามีครอบครัวใหญ่หรือให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว บ้านเดี่ยวจะคุ้มค่ากว่า เป็นต้น ส่วนเจ้าของบ้านหรือนักลงทุนที่จะซื้อบ้านมาปล่อยเช่า ควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของบ้านตน เช่น บ้านทาวน์โฮมใกล้มหาวิทยาลัย กลุ่มเช่าอาจเป็นนักศึกษาหรือคนจบใหม่, บ้านเดี่ยวหรูในเมืองกลุ่มเป้าหมายคือผู้บริหารต่างชาติ การตกแต่งและสิ่งอำนวยความสะดวกควรสอดคล้องกับสิ่งที่กลุ่มนั้นมองหา เป็นต้น
การลงทุนปล่อยเช่าบ้านในกรุงเทพฯ (มุมมองนักลงทุน)
นอกจากมุมของผู้เช่าแล้ว การลงทุนในบ้านให้เช่า ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หรือนักลงทุนไทยที่ต้องการสร้างรายได้ต่อเนื่องระยะยาวจากค่าเช่า กรุงเทพฯ เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการปล่อยเช่าเนื่องจากประชากรหนาแน่น มีทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติที่ต้องการเช่าที่อยู่อาศัย การถือครอง บ้านในกรุงเทพฯ เพื่อปล่อยเช่า จึงอาจให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า หากบริหารจัดการได้ดีและเลือกลงทุนในทำเลที่เหมาะสม
ผลตอบแทนและความคุ้มค่า (Rental Yield)
ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) สำหรับบ้านในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4-5% ต่อปี ของมูลค่าบ้าน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์การลงทุนอื่นๆ อย่างเงินฝากธนาคารหรือพันธบัตร (ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า 1-2%) รวมถึงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ทำเล ราคาที่ซื้อมา ประเภทบ้าน และความสามารถในการจัดการให้บ้านไม่ว่างปล่อยเช่า (ลดช่วงเวลาไร้ผู้เช่า)
โดยทั่วไปแล้ว บ้านหลังเล็กหรือทาวน์เฮ้าส์ในทำเลที่มีความต้องการเช่าสูง (เช่น ใกล้แหล่งงาน หรือใกล้มหาวิทยาลัย) มักให้ Yield เป็นเปอร์เซ็นต์สูงกว่าบ้านหลังใหญ่ราคาแพงในทำเลหรู ทั้งนี้เพราะบ้านราคาถูกมีฐานผู้เช่ากว้างและอัตราค่าเช่าเมื่อเทียบกับราคาบ้านอาจคุ้มกว่า ยกตัวอย่าง กรณีศึกษา เล็กๆ:
- นักลงทุน A ซื้อทาวน์โฮม 3 ชั้น ในซอยอ่อนนุช 10 (ใกล้ BTS อ่อนนุช) ราคา 4 ล้านบาท ปล่อยเช่าได้ เดือนละ 20,000 บาท บ้านอยู่ติด BTS ทำให้มีผู้เช่าต่อเนื่อง ค่าเช่าปีละ 240,000 บาท เท่ากับผลตอบแทนก่อนหักค่าใช้จ่ายประมาณ 6% ต่อปี หากหักค่าบำรุงรักษา บ้านว่างเป็นบางช่วง ฯลฯ อาจเหลือราว 5% ต่อปี นอกจากนี้เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่หรือห้างใหญ่เปิดในย่านนั้น ราคาบ้านก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สมมติ 3 ปีต่อมาราคาตลาดของทาวน์โฮมหลังนี้ขึ้นไปที่ 5 ล้านบาท นักลงทุน A จะได้กำไรจากส่วนต่างราคาอีก 1 ล้านบาท (25%) นอกเหนือจากค่าเช่าที่เก็บมาตลอด
- นักลงทุน B ซื้อบ้านเดี่ยวหรู 2 ชั้น ในย่านพร้อมพงษ์ ราคา 30 ล้านบาท ปล่อยเช่าได้ เดือนละ 100,000 บาท ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มาทำงานประจำที่กรุงเทพฯ ค่าเช่าปีละ 1.2 ล้านบาท คิดเป็น Yield ก่อนหักค่าใช้จ่าย 4% ต่อปี ซึ่งดูน้อยกว่าเคสของ A แต่บ้านของ B ตั้งอยู่บนที่ดินใจกลางเมือง ราคาที่ดินขึ้นปีละประมาณ 5-10% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากถือบ้านไว้ระยะยาว 5-10 ปี มูลค่าบ้านอาจเพิ่มพูนเป็น 40-50 ล้านบาทในอนาคต (ผลตอบแทนจาก Capital Gain สูง) ขณะเดียวกันก็มีรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอระหว่างถือครอง
จากกรณีทั้งสองจะเห็นว่า กลยุทธ์การลงทุน อาจต่างกัน: บางคนเน้น Yield ต่อปีสูง ก็จะเลือกซื้อทรัพย์ที่ราคาต่อหน่วยไม่สูงมากแต่ปล่อยเช่าง่าย กลุ่มนี้อาจมองหาทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านชานเมืองใกล้นิคมฯ/มหาวิทยาลัย, ขณะที่บางคนเน้นการสะสมสินทรัพย์มูลค่าสูงในทำเลแพง แม้ Yield รายปีต่ำกว่า แต่หวังการเติบโตของราคาทรัพย์สิน (Capital Gain) ในระยะยาว หรือเพื่อกระจายความเสี่ยง
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลตอบแทน ได้แก่:
- ทำเลที่ตั้ง: อย่างที่กล่าวไป ทำเลที่ดี (เช่น ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ย่านธุรกิจ ใกล้สถานศึกษา) จะมีดีมานด์เช่าสูงกว่า ทำให้ปล่อยได้ราคาดีและบ้านไม่ค่อยว่าง ยกตัวอย่าง สุขุมวิท สาทร สีลม เป็นทำเลที่เจ้าของบ้านมักได้ผู้เช่าต่างชาติที่สัญญาระยะยาว และยอมจ่ายค่าเช่าสม่ำเสมอ แต่ขณะเดียวกันราคาซื้อบ้านในทำเลเหล่านี้ก็สูงมาก ตรงข้ามกับทำเลชานเมืองบางแห่งที่ราคาซื้อถูกแต่หาผู้เช่าได้ยากกว่า เป็นต้น นักลงทุนต้องชั่งน้ำหนักระหว่างราคาที่ซื้อกับความง่ายในการปล่อยเช่า
- ประเภทและขนาดของบ้าน: บ้านหลังเล็กหรือยูนิตเล็กมักให้ Yield เป็น % สูงกว่า เพราะปล่อยเช่าง่ายและค่าเช่าต่อพื้นที่สูง เช่น ห้องสตูดิโอหรือทาวน์โฮมเล็กๆ คนอยากเช่าเยอะ ราคาต่อยูนิตถูกกว่าเลยคิดเป็น % มากกว่า ขณะที่บ้านหลังใหญ่มากๆ ผู้เช่าเฉพาะกลุ่ม ทำให้บางทีต้องตั้งราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเพื่อให้ปล่อยออก
- สภาพบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวก: บ้านที่อยู่ในสภาพดี ตกแต่งสวยงาม มีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อม ย่อมดึงดูดผู้เช่าได้เร็วและได้ราคาเช่าดีกว่าบ้านเปล่าหรือบ้านเก่าที่โทรม นักลงทุนหลายคนที่ซื้อบ้านมาเพื่อปล่อยเช่า จะลงทุนรีโนเวทและตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ เพื่อเพิ่มมูลค่าและค่าเช่า เช่น ติดแอร์ทุกห้อง ครัวบิวต์อิน ทำสีใหม่ จัดสวนให้น่ารัก เหล่านี้ทำให้ปล่อยเช่าได้ง่ายขึ้นมากและผู้เช่ายอมจ่ายแพงขึ้น อีกทั้งช่วยลดช่วงเวลาบ้านว่างลงด้วย
- การบริหารจัดการ: หากนักลงทุนมีบ้านให้เช่าหลายหลัง การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพจะช่วยรักษาผลตอบแทนให้สม่ำเสมอ เช่น มีการเซ็นสัญญาที่รัดกุม เรียกเก็บเงินประกันความเสียหาย, มีการตรวจสภาพบ้านเป็นระยะ, แก้ไขซ่อมแซมสิ่งของชำรุดทันทีเพื่อรักษาผู้เช่าเดิมไว้, ตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของผู้เช่าอย่างมืออาชีพ สิ่งเหล่านี้สร้างความพึงพอใจและทำให้ผู้เช่าอยู่นาน ลดอัตราหมุนเวียนที่ทำให้เสียรายได้ในช่วงหาผู้เช่าใหม่
ความเสี่ยงและข้อควรระวังสำหรับการลงทุนบ้านเช่า
แม้ว่าการลงทุนปล่อยเช่าบ้านจะมีข้อดี แต่ก็มี ความเสี่ยงและข้อควรระวัง ที่ผู้ลงทุนต้องพิจารณาเช่นกัน ได้แก่:
- ความเสี่ยงด้านอัตราว่าง (Vacancy): บ้านอาจไม่มีผู้เช่าได้ในบางช่วง หากทำเลไม่ดีพอหรือราคาค่าเช่าตั้งสูงเกินไป หรือในช่วงเศรษฐกิจซบเซา ผู้คนย้ายออกนอกเมือง เป็นต้น ช่วงที่บ้านว่างเจ้าของยังต้องรับผิดชอบค่าส่วนกลาง (ถ้ามี) และค่าบำรุงรักษาต่างๆ เอง ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยลดลง ดังนั้นควรเผื่อเงินฉุกเฉินไว้รองรับ และพยายามหาผู้เช่ามาทดแทนโดยเร็วเมื่อบ้านว่าง การตั้งราคาที่แข่งขันได้และการทำตลาดประกาศเช่าอย่างมีประสิทธิภาพ (ผ่านเว็บไซต์, เอเจนต์, ป้ายโฆษณา) จึงสำคัญ
- ความเสี่ยงด้านผู้เช่า: ผู้เช่าบางรายอาจดูแลบ้านไม่ดี ทำทรัพย์สินเสียหาย หรือค้างค่าเช่า ปัญหานี้ลดทอนได้โดยการคัดกรองผู้เช่าก่อนทำสัญญา เช่น ขอข้อมูลที่ทำงาน หรือให้มีผู้ค้ำประกัน เรียกเก็บเงินมัดจำความเสียหาย 2-3 เดือน และทำสัญญาชัดเจนเรื่องความรับผิดชอบความเสียหาย รวมถึงอาจเยี่ยมชมบ้านเป็นระยะ (โดยแจ้งล่วงหน้าตามสมควร) เพื่อตรวจสภาพ
- ค่าใช้จ่ายแฝงและการซ่อมบำรุง: บ้านต้องการการบำรุงรักษามากกว่าอาคารประเภทคอนโด เช่น หลังคารั่ว ท่อประปาแตก เครื่องปรับอากาศเสีย สวนรกร้าง ต้องคอยดูแลให้บ้านอยู่ในสภาพดีพร้อมปล่อยเช่าเสมอ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องจัดสรรไว้ หากละเลย การซ่อมใหญ่ในอนาคตจะยิ่งแพง ควรทำบัญชีรายจ่ายสำหรับงานซ่อมแต่ละปีไว้ เช่น ตั้งงบประมาณ 5-10% ของค่าเช่าที่ได้รับ กลับมาบำรุงรักษาบ้าน
- ภาษีและกฎหมาย: รายได้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในไทยต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (คิดแบบเหมาจ่ายค่าใช้จ่ายได้ 30% สำหรับค่าเช่าบ้าน) นักลงทุนควรคำนวณภาษีและปฏิบัติตามกฎหมายให้ถูกต้อง นอกจากนี้ การทำสัญญาเช่าที่เกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานที่ดินด้วย (แต่ส่วนใหญ่สัญญาเช่าบ้านทำ 1-2 ปีและต่ออายุไปเรื่อยๆ) หากผู้เช่าเป็นชาวต่างชาติควรตรวจสอบเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงานเพื่อความรัดกุม ส่วนกรณีที่ต้องขอความคุ้มครองตามกฎหมาย เช่น ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกหรือค้างชำระ ค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียไปในการดำเนินคดีควรนำมาคิดเผื่อไว้
- ภาวะตลาดและดอกเบี้ย: ราคาบ้านและอัตราค่าเช่าได้รับอิทธิพลจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม หากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ, โรคระบาด, หรือดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้นมาก (ทำให้คนหันมาเช่าน้อยลงเพราะผ่อนไม่ไหวหรือมีการย้ายออกต่างจังหวัด) ก็ส่งผลลบต่อธุรกิจปล่อยเช่า นักลงทุนที่มีภาระผ่อนธนาคารควรเตรียมรับมือกรณีดอกเบี้ยสูงขึ้น โดยอาจรีไฟแนนซ์หรือสำรองเงินก้อนมาลดต้น เพื่อลดแรงกดดันด้านกระแสเงินสด
โดยสรุป สำหรับนักลงทุนไทย ตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ ยังคงมีโอกาสที่ดี ทั้งในแง่รายได้ค่าเช่าและการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว หากเลือกทำเลที่มีศักยภาพและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ การปล่อยเช่าบ้านให้ประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นต้องเข้าใจทั้งความต้องการของผู้เช่าและรู้จักบริหารต้นทุนของตนเอง ผู้ลงทุนควรคิดเสมือนตนเป็นผู้เช่าเองด้วยว่า บ้านแบบไหน โลเคชั่นใด ที่คนอยากเช่าจริงๆ และทำอย่างไรบ้านของเราจึงจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในทำเลนั้น การดูแลรักษาทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพดีเสมอ ก็เปรียบเหมือนการรักษา “เครื่องมือทำมาหากิน” ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องให้เรายาวนาน
แนวโน้มอนาคตของตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ
มองไปในอนาคตอันใกล้ ตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มจะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างพื้นฐานของเมืองหลวง โดยประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะส่งอิทธิพลต่อทิศทางของตลาด ได้แก่:
- การขยายตัวของระบบขนส่งมวลชน: โครงข่ายรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมมากขึ้น (ทั้งสายที่เปิดใหม่ เช่น สายสีเหลือง, สีชมพู และโครงการในอนาคตอย่างสายสีส้มเชื่อมฝั่งตะวันออก-ตะวันตก) จะทำให้ทำเลชานเมืองที่เคยไกล กลายเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับการอยู่อาศัยมากขึ้น เราอาจได้เห็นความต้องการเช่าบ้านในย่านที่มีสถานีรถไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้คนสามารถพักอาศัยในบ้านที่ใหญ่ขึ้นนอกเมือง แต่ยังเดินทางเข้าเมืองสะดวก ตัวอย่างเช่น ย่านมีนบุรี, บางกะปิ (สายสีส้ม) หรือย่านตลิ่งชัน-บางขุนนนท์ (สายสีม่วงส่วนต่อขยาย) เป็นต้น เจ้าของบ้านในย่านเหล่านี้อาจได้รับอานิสงส์ด้านราคาค่าเช่าที่ขยับดีขึ้นและหาผู้เช่าได้ง่ายขึ้น
- การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากต่างชาติ: หากเศรษฐกิจไทยโดยรวมกลับมาเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง กรุงเทพฯ ย่อมเป็นศูนย์กลางที่ได้รับแรงหนุน มีกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้น การจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้เช่าศักยภาพสูงเพิ่มทั้งคนไทยที่ย้ายมาทำงานในเมืองและชาวต่างชาติที่ถูกส่งมาประจำ นักลงทุนต่างชาติที่สนใจตลาดไทย เช่น ชาวจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ก็อาจเข้ามาซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่ามากขึ้น (แต่ทั้งนี้ชาวต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินโดยตรงไม่ได้ นอกจากในรูปแบบเช่าระยะยาวหรือผ่านบริษัท) การมีเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด อาจทำให้มาตรฐานการเช่าสูงขึ้น ผู้เช่ามีทางเลือกหลากหลาย เจ้าของบ้านไทยจึงควรเตรียมปรับตัวในการแข่งขัน เช่น ปรับปรุงคุณภาพบ้าน และบริการให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล
- เทรนด์การอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ: ยุคหลังโควิด หลายบริษัทปรับใช้การทำงานแบบ Hybrid หรือ Work from home มากขึ้น คนทำงานจำนวนไม่น้อยยังใช้เวลาอยู่บ้านมากกว่าแต่ก่อน เทรนด์นี้ส่งผลให้ผู้คนให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยมากขึ้น ต้องการพื้นที่ที่สามารถทำงานและพักผ่อนได้อย่างสบายในที่เดียว บ้านเช่าที่มี ห้องเอนกประสงค์ ซึ่งดัดแปลงเป็นห้องทำงานหรือมีมุมสงบสำหรับนั่งทำงานได้จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น นอกจากนี้กระแสรักสุขภาพและรักสัตว์เลี้ยงก็มีบทบาท ทำให้บ้านที่มีสวนให้ออกกำลังกายหรือเลี้ยงสัตว์ได้ (pet-friendly) จะได้เปรียบในการดึงดูดผู้เช่าเทียบกับคอนโดที่มักห้ามเลี้ยงสัตว์
- การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร: กรุงเทพมหานครกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จำนวนครอบครัวเดี่ยว (สามีภรรยาหรือโสดอยู่คนเดียว) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ครอบครัวใหญ่มีลูกหลายคนลดลง ความต้องการบ้านขนาดใหญ่อาจไม่เพิ่มขึ้นเท่าก่อน ขณะที่ความต้องการบ้านที่ออกแบบ Universal Design (เช่น ไม่มีขั้นบันไดชัน รองรับรถเข็น) สำหรับผู้สูงอายุจะมากขึ้น รวมถึงกลุ่ม expat ผู้สูงวัยที่มาเกษียณในไทย (เนื่องจากประเทศไทยส่งเสริมวีซ่าผู้เกษียณ) อาจมองหาบ้านเช่าในบรรยากาศสงบที่ไม่ไกลจากบริการสาธารณสุข เทรนด์เหล่านี้อาจทำให้เกิดช่องว่างตลาดใหม่ๆ เช่น หมู่บ้านผู้สูงอายุให้เช่า เป็นต้น
- การแข่งขันจากอพาร์ตเมนต์และคอนโด: ฝั่งอุปทาน ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ยังคงมีเพิ่มขึ้นทุกปี และเจ้าของคอนโดบางส่วนก็ปล่อยเช่าในตลาดเดียวกับบ้าน ทำให้ผู้เช่ามีตัวเลือกหลากหลายโดยไม่จำกัดแค่บ้าน เจ้าของบ้านเช่าอาจเผชิญการแข่งขันจากห้องชุดที่เสนอสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง (ฟิตเนส สระว่ายน้ำ) แม้พื้นที่เล็กกว่าแต่ค่าเช่าพอๆ กัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าโสดหรือคู่สามีภรรยาไม่มีลูกที่อาจเริ่มลังเลระหว่างบ้านกับคอนโด ดังนั้นตลาดบ้านเช่าจึงอาจต้องปรับตัวด้วยการชูจุดขายที่คอนโดให้ไม่ได้ เช่น พื้นที่กว้างและความเป็นส่วนตัว เพื่อดึงดูดผู้เช่ากลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด
โดยภาพรวม ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่า ตลาดเช่าบ้านในกรุงเทพฯ จะยังมีแนวโน้มเติบโตในทางบวก ทั้งอุปสงค์และอุปทาน มีการปรับตัวตามยุคสมัย โดยทำเลสำคัญในเมืองอย่างสุขุมวิท สีลม สาทร ยังคงแข็งแกร่ง ดึงดูดผู้เช่าระดับบนได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทำเลเกิดใหม่หรือชานเมืองจะกลายเป็นทางเลือกที่น่าจับตามองมากขึ้นสำหรับผู้เช่ารุ่นใหม่ที่มองหาความคุ้มค่า ส่วนเจ้าของบ้านและนักลงทุนเองก็จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปล่อยเช่ามากขึ้น เช่น ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อหาผู้เช่า จัดทำสัญญาและรับจ่ายค่าเช่าผ่านระบบดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการบริหาร
สรุป: บ้านเช่าในกรุงเทพฯ - ทางเลือกอยู่อาศัยที่คุ้มค่าและการลงทุนที่น่าสนใจ
บ้านให้เช่าในกรุงเทพฯ เป็นตลาดที่มีความหลากหลายสูง ตอบสนองทั้งความต้องการอยู่อาศัยของผู้เช่าหลายกลุ่มและเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ของผู้ลงทุน ด้วยสภาพเมืองที่ผสมผสานระหว่างความศิวิไลซ์และย่านพักอาศัย กรุงเทพฯ จึงมีทั้งบ้านเช่ากลางใจเมืองสำหรับชีวิตที่สะดวกสบาย และบ้านเช่าชานเมืองสำหรับผู้ที่รักความสงบ มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ผู้เช่าสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและไลฟ์สไตล์ของตน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่รองรับครอบครัวและการทำงานที่บ้าน, ทาวน์โฮมทันสมัยสำหรับคนรุ่นใหม่, หรือบ้านชั้นเดียวเรียบง่ายสำหรับผู้สูงวัย ทุกคนล้วนหาที่พักที่เหมาะกับตนเองได้ในมหานครแห่งนี้
สำหรับ นักลงทุนและเจ้าของบ้าน การปล่อยเช่าบ้านในกรุงเทพฯ ถือเป็นช่องทางลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เมื่อบริหารจัดการอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งยังมีโอกาสรับกำไรจากมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว ถึงแม้จะมีความท้าทายอยู่บ้างในการดูแลรักษาทรัพย์สินและบริหารผู้เช่า แต่ด้วยการวางแผนที่รอบคอบ การคัดเลือกทำเลและทรัพย์ที่เหมาะสม การรักษาคุณภาพบ้านและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เช่า ผลตอบแทนที่ได้ก็คุ้มค่ากับความพยายาม
ไม่ว่าคุณจะเป็น ผู้เช่าที่กำลังมองหาบ้านในกรุงเทพฯ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น หรือนักลงทุนที่สนใจนำอสังหาริมทรัพย์มาสร้างรายได้ ตลาดบ้านเช้าในกรุงเทพฯ ปี 2568 นี้ยังเต็มไปด้วยโอกาสที่รอให้คว้าเสมอ และเมื่อพูดถึงการค้นหา บ้านเช่าในกรุงเทพฯ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านทำเลและราคา อย่าลืมนึกถึงแพลตฟอร์มของเรา Dot Property ที่รวบรวมรายการบ้านเช่าคุณภาพทั่วกรุงไว้มากมาย พร้อมทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำ เพราะ เมื่อนึกถึงบ้านเช่าในกรุงเทพฯ…ให้นึกถึง Dot Property ที่จะช่วยให้การเช่าบ้านของคุณเป็นเรื่องง่าย สะดวก และได้บ้านที่ตรงใจที่สุด
ท้ายที่สุด กรุงเทพฯ ในฐานะเมืองใหญ่ระดับโลก ยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในมุมของการอยู่อาศัย บ้านเช่าแต่ละหลังไม่ใช่แค่ที่พักพิง แต่ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตและความฝันของผู้คนที่อาศัยอยู่ในนั้น เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าหรือผู้ปล่อยเช่า ได้รับข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์และมองเห็นภาพรวมของตลาดบ้านเช่าในกรุงเทพฯ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และพร้อมก้าวไปสู่การตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัยหรือลงทุนใน “บ้านให้เช่าในกรุงเทพฯ” ต่อไปในอนาคต
คอนโดยอดนิยมใน Bangkok

ชีวาทัย รามคำแหง

ป่าตอง ทาวเวอร์ ซีวิว คอนโด

Le Celeste Rama 9 - Srinakarin