ให้เช่าเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ กรุงเทพ ประกาศให้เช่าเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ 4 ห้องนอน ในกรุงเทพ
11 ยูนิตอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในกรุงเทพฯ – คู่มือการลงทุนและวิเคราะห์ตลาด ปี 2568
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในกรุงเทพฯ เป็นตลาดที่มีชีวิตชีวาและหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น ในฐานะเมืองหลวงที่คึกคักของประเทศไทย กรุงเทพฯ มีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่ามากมาย ตั้งแต่คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองไปจนถึงบ้านเดี่ยวขนาดกว้างขวางในย่านชานเมือง คู่มือฉบับละเอียดนี้จะนำเสนอภาพรวมเชิงวิเคราะห์แต่เข้าใจง่ายของตลาดเช่าในกรุงเทพฯ ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนและผู้เช่าชาวไทย เราจะสำรวจแนวโน้มตลาดปัจจุบันพร้อมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุกลุ่มผู้เช่าหลัก (พนักงานบริษัท นักศึกษา และผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่น) วิเคราะห์ราคาค่าเช่าตามทำเล ตรวจสอบผลตอบแทนค่าเช่าและอัตราการเข้าพักสำหรับนักลงทุน สรุปกรอบกฎหมายที่สำคัญสำหรับการเช่า และพิจารณาแนวโน้มในอนาคตของตลาดเช่าในกรุงเทพฯ
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เช่าที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ หรือนักลงทุนที่กำลังประเมินโอกาส บทความที่ครอบคลุมนี้จะช่วยให้คุณสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในกรุงเทพฯ ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ชัดเจนและเป็นระบบ
ภาพรวมตลาดเช่าในกรุงเทพฯ
ตลาดเช่าในกรุงเทพฯ ได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 การเติบโตนี้มีปัจจัยหลายอย่างขับเคลื่อน: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มที่คนไทยรุ่นใหม่นิยมการเช่ามากกว่าการซื้อ ในส่วนนี้ เราจะนำเสนอภาพรวมของราคาค่าเช่าและแนวโน้มสำคัญที่กำหนดตลาดกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน
ราคาค่าเช่าโดยรวม: ราคาค่าเช่าเฉลี่ยต่อเดือนสำหรับที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 31,700 บาท ในแง่ของพื้นที่ ค่าเช่าเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 605 บาทต่อเดือน ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสามารถหาที่พักคุณภาพดีในกรุงเทพฯ ได้ในราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วโลกอื่นๆ ในแง่ของปริมาณ กรุงเทพฯ มีตัวเลือกอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าจำนวนมาก – ปัจจุบันมีอสังหาริมทรัพย์เกือบ 38,000 รายการ ที่ลงประกาศให้เช่าทั่วพื้นที่มหานคร การมีตัวเลือกมากมายนี้หมายความว่าผู้เช่ามีทางเลือกหลากหลาย ในขณะที่เจ้าของทรัพย์สินก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดี
ค่าเช่าเฉลี่ยตามขนาดอสังหาริมทรัพย์: อัตราค่าเช่าในกรุงเทพฯ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉลี่ย คอนโด 1 ห้องนอนในเมืองมีค่าเช่าประมาณ 25,000–30,000 บาทต่อเดือน ในทำเลใจกลางเมือง ในขณะที่อพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนทั่วไปมีค่าเช่าประมาณ 50,000–60,000 บาทต่อเดือน ยูนิตขนาดใหญ่ เช่น คอนโด 3 ห้องนอน มักมีค่าเชลี่ยที่ 80,000–100,000 บาทต่อเดือน ในย่านที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม และเพนต์เฮาส์หรูอาจเกินกว่าช่วงราคานั้น ในขณะเดียวกัน สตูดิโออพาร์ตเมนต์และยูนิตขนาดกะทัดรัดในพื้นที่ที่ห่างจากใจกลางเมืองสามารถพบได้ในราคาประมาณ 5,000–15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะกับงบประมาณสำหรับนักศึกษาหรือคนทำงานโสด สเปกตรัมของราคาค่าเช่าในกรุงเทพฯ กว้างมาก: ในระดับบน อพาร์ตเมนต์เซอร์วิสสุดหรู หรือบ้านขนาดใหญ่ในย่านชนชั้นสูงสามารถมีค่าเช่าได้ถึง 100,000–300,000+ บาทต่อเดือน ในขณะที่ในเขตชานเมือง อพาร์ตเมนต์ท้องถิ่นที่เรียบง่ายอาจมีราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ความหลากหลายของราคาเหล่านี้สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์และงบประมาณที่แตกต่างกันในเมือง
แนวโน้มตลาดปัจจุบัน: แนวโน้มโดยรวมของตลาดเช่าในกรุงเทพฯ คือความต้องการที่เพิ่มขึ้นและค่าเช่าที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ราคาค่าเช่าแสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังช่วงการแพร่ระบาด โต๊ะอสังหาฯ และนักวิเคราะห์รายงานว่าค่าเช่าหลายแห่งเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักเมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงปี 2565–2566 เมื่อเศรษฐกิจของเมืองกลับมาเปิดตัวอีกครั้ง ความต้องการคอนโดมิเนียมนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ – ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ระบุว่าการเช่าคอนโดมิเนียมเป็นที่ต้องการมากที่สุด โดยมีการสอบถามและอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อัตราการเข้าพักในอาคารที่เป็นที่ต้องการนั้นสูงมาก มักจะสูงกว่า 90% และในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม อัตราการว่างได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ (บางโครงการอพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์รายงานอัตราการว่างต่ำกว่า 5% ซึ่งหมายถึงอัตราการเข้าพักมากกว่า 95%) การเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพักนี้ขับเคลื่อนโดยคนทำงานที่กลับมาทำงานในเมือง และคนไทยที่พบว่าการเช่ามีความยืดหยุ่นมากกว่าการซื้อ
แนวโน้มสำคัญอีกประการหนึ่งคือการเกิดขึ้นของ "Generation Rent" ในประเทศไทย ซึ่งคนทำงานรุ่นใหม่ชาวไทยเลือกที่จะเช่าที่อยู่อาศัยนานขึ้นแทนที่จะซื้อบ้านตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยราคาที่อยู่อาศัยในเมืองที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป หลายคนจึงชะลอการเป็นเจ้าของบ้าน การเปลี่ยนแปลงทางสังคมนี้กำลังขยายจำนวนผู้เช่าในประเทศในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส่วนเสริมจากฐานผู้เช่าที่แข็งแกร่งแบบดั้งเดิม สรุปคือ ตลาดเช่าได้รับการสนับสนุนทั้งจากความต้องการที่พักอาศัยในเมืองที่เพิ่มขึ้น และจากคนไทยที่ยอมรับการเช่าเพื่อความสะดวกสบายและเหตุผลด้านค่าใช้จ่าย
ผลตอบแทนค่าเช่าสำหรับนักลงทุน: จากมุมมองของการลงทุน กรุงเทพฯ มอบผลตอบแทนค่าเช่าที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ทั่วโลกหลายแห่ง ผลตอบแทนค่าเช่าสุทธิ (ค่าเช่ารายปีเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาซื้ออสังหาริมทรัพย์) ในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5–6% สำหรับคอนโดมิเนียม ซึ่งถือว่าค่อนข้างน่าสนใจ ในปี 2568 นักวิเคราะห์ได้สังเกตเห็นผลตอบแทนที่สูงกว่า 6% ในบางส่วนของตลาด เนื่องจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นแซงหน้าการเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์ ตัวอย่างเช่น คอนโดขนาดเล็กในใจกลางเมืองที่ได้รับความนิยมจากผู้เช่า มักจะสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่ง – ยูนิต 1 ห้องนอนในทำเลใจกลางเมืองอาจให้ผลตอบแทนประมาณ 6% ต่อปี อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และหรูหรามีแนวโน้มที่จะมีผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าเล็กน้อย (อาจอยู่ในช่วง 4–5%) แต่ก็ยังคงให้ผลตอบแทนระยะยาวที่แข็งแกร่งและรายได้ค่าเช่าที่มั่นคง โดยรวมแล้ว ระดับผลตอบแทนเหล่านี้ทำให้ตลาดเช่าในกรุงเทพฯ น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเมืองต่างๆ เช่น ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ ที่ผลตอบแทนมักจะอยู่ที่ 2–3% เราจะเจาะลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลตอบแทนค่าเช่าและข้อควรพิจารณาในการลงทุนในส่วนต่อๆ ไป แต่ก็ควรสังเกตไว้ในส่วนภาพรวมตลาดนี้: อัตราการเข้าพักที่สูงและผลตอบแทนที่ดีของกรุงเทพฯ บ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อเจ้าของทรัพย์สิน แม้ว่าผู้เช่าจะได้รับประโยชน์จากตัวเลือกที่หลากหลายก็ตาม
กล่าวโดยสรุป ตลาดเช่าในกรุงเทพฯ ในปี 2568 มีลักษณะเด่นคือค่าเช่าเฉลี่ยที่สมเหตุสมผล (ประมาณ ฿30,000 ต่อเดือน) อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าจำนวนมากเกือบ 40,000 รายการ และความต้องการที่แข็งแกร่งที่ผลักดันอัตราการเข้าพักและค่าเช่าให้สูงขึ้น ถัดไป เราจะพิจารณาว่าใครคือผู้ขับเคลื่อนความต้องการนี้ โดยดูที่กลุ่มผู้เช่าหลักในเมือง
ใครกำลังเช่า? กลุ่มผู้เช่าหลักในกรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ ดึงดูดผู้เช่าที่หลากหลาย การทำความเข้าใจความต้องการและความชอบของกลุ่มผู้เช่าที่แตกต่างกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งเจ้าของทรัพย์สิน (ที่สามารถปรับปรุงข้อเสนอของตนได้) และผู้เช่า (ที่สามารถระบุย่านและประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมจากคนที่มีลักษณะคล้ายกัน) เราจะเน้นที่บุคคลสำคัญสามกลุ่มหลักในกรุงเทพฯ: พนักงานบริษัท, นักศึกษา และผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่น แต่ละกลุ่มมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่แตกต่างกัน และมักจะเลือกย้ายไปยังพื้นที่บางส่วนของเมือง
พนักงานบริษัทและพนักงานบริษัท
กลุ่มพนักงานบริษัทเป็นส่วนสำคัญของตลาดเช่าในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานในเมือง หรือผู้ที่ต้องย้ายที่อยู่ตามหน้าที่การงาน คนเหล่านี้มักทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ องค์กรเอกชน หรือหน่วยงานภาครัฐในกรุงเทพฯ พวกเขามีความต้องการเช่าที่พักอาศัยแบบไหน?
- ทำเลที่ต้องการ: พนักงานบริษัทมักจะมองหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมืองที่สะดวกสบาย ใกล้กับย่านธุรกิจหรือสำนักงานใหญ่ ย่านสุขุมวิท (โดยเฉพาะอโศก นานา พร้อมพงษ์ ทองหล่อ ในเขตวัฒนา/คลองเตย) เป็นที่นิยมตลอดกาลเนื่องจากอยู่ใกล้กับอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร และรถไฟฟ้า BTS สีลมและสาทร (เขตบางรัก/สาทร) เป็นอีกหนึ่งย่านที่มีคนทำงานหนาแน่น เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีสำนักงานมากมาย และยังมีคอนโดมิเนียมคุณภาพดี หากพนักงานบริษัทที่มีครอบครัว อาจเลือกย่านที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบและหรูหราขึ้น เช่น เอกมัยและทองหล่อ (สุขุมวิทกลางซอย) ที่ให้ความสมดุลระหว่างความหรูหราและความรู้สึกของชุมชน อย่างไรก็ตาม คนทำงานโสดส่วนใหญ่และคู่รักมักจะอยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ เพื่อเพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์คอนโดในเมือง
- ประเภทอสังหาริมทรัพย์และงบประมาณ: พนักงานบริษัทในกรุงเทพฯ มักมีงบประมาณสำหรับค่าเช่าที่ค่อนข้างสูง (บางครั้งอาจมีสวัสดิการค่าที่พักจากบริษัท) ดังนั้น พวกเขามักจะเช่าคอนโดมิเนียมที่ทันสมัย หรืออพาร์ตเมนต์ที่ให้บริการพร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มอบความสะดวกสบายและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พนักงานบริษัทรุ่นใหม่อาจเช่าคอนโด 1 ห้องนอนในอาคารสูงที่มีสระว่ายน้ำและฟิตเนส โดยปกติจะใช้จ่ายประมาณ 25,000–50,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับทำเลและคุณภาพของอาคาร ผู้ที่มีครอบครัวอาจมองหายูนิตขนาดใหญ่ขึ้น เช่น คอนโด 3 ห้องนอนกว้างขวาง หรือบ้านเดี่ยวในโครงการ เพื่อรองรับบุตรหลาน ค่าเช่าดังกล่าวอาจอยู่ในช่วง 70,000 บาทขึ้นไปจนถึง 150,000+ บาทต่อเดือน ในพื้นที่หรูหรา คุณสมบัติสำคัญที่พนักงานบริษัทมองหา ได้แก่ ความใกล้ชิดกับการขนส่งสาธารณะ (สถานี BTS/MRT), ความปลอดภัย, ห้องครัวสไตล์โมเดิร์น และบางครั้งก็คือบริการ เช่น การจัดการอาคารหรือพนักงานต้อนรับ โดยสรุปแล้ว พนักงานบริษัทมักให้ความสำคัญกับทำเล ความสะดวกสบาย และความทันสมัย และยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาตรฐาน
- ความต้องการและไลฟ์สไตล์: นอกเหนือจากทำเลและขนาดแล้ว ผู้เช่ากลุ่มนี้มักต้องการแพ็กเกจไลฟ์สไตล์ พวกเขาชื่นชอบย่านที่มีร้านอาหารดีๆ ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และสถานที่พบปะสังสรรค์ ย่านสุขุมวิทและสีลมตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ดี ด้วยร้านอาหาร สถานบันเทิง และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย (เช่น ห้างสรรพสินค้า Terminal 21, EmQuartier, CentralWorld ที่เดินทางสะดวก) ความปลอดภัยและการเข้าถึงก็เป็นสิ่งสำคัญ – กรุงเทพฯ โดยรวมแล้วปลอดภัย และพนักงานบริษัทให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมงในอาคาร และความสามารถในการเดินทางที่สะดวกสบาย (ดังนั้นจึงเน้นความใกล้กับรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร) การทำความเข้าใจความต้องการเหล่านี้เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเจาะตลาดเช่าของพนักงานบริษัท – การมีคอนโดใกล้สถานีรถไฟฟ้าหรือศูนย์กลางธุรกิจสามารถนำไปสู่ผู้เช่าคุณภาพสูงที่สม่ำเสมอ สำหรับพนักงานบริษัทเอง กรุงเทพฯ มอบมาตรฐานการครองชีพที่สูงในราคาที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้สามารถเช่าอสังหาริมทรัพย์ระดับสูงที่อาจไม่สามารถหาได้ในภูมิลำเนาของตน นี่คือเหตุผลสำคัญที่กรุงเทพฯ ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับคนทำงานและผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
นักศึกษาและคนรุ่นใหม่
กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยจำนวนมาก ดึงดูดทั้งนักศึกษาไทยจากต่างจังหวัดและนักศึกษานานาชาติในโครงการแลกเปลี่ยนหรือหลักสูตรเต็มเวลา ซึ่งสร้างตลาดขนาดใหญ่สำหรับผู้เช่านักศึกษาและคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มต้นอาชีพ โปรไฟล์ผู้เช่ากลุ่มนี้แตกต่างจากกลุ่มพนักงานบริษัทอย่างสิ้นเชิง:
- ทำเลที่ต้องการ: นักศึกษามักต้องการอาศัยอยู่ใกล้กับวิทยาเขตของตน หรือในพื้นที่ที่ระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึงได้ดี (เนื่องจากหลายคนไม่มีรถยนต์ส่วนตัว) มหาวิทยาลัยหลักๆ ในกรุงเทพฯ กระจายอยู่ทั่วเมือง เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่ในย่านสยาม/ปทุมวัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีวิทยาเขตในเมืองที่ท่าพระจันทร์ (ใกล้พระบรมมหาราชวัง) และวิทยาเขตขนาดใหญ่ที่รังสิต (ทางเหนือของกรุงเทพฯ) และมหาวิทยาลัยมหิดลอยู่ทางตะวันตกของเมืองที่ศาลายา นักศึกษาไทยมักเช่าที่พักในย่านราคาประหยัดที่ติดกับวิทยาเขต หรือตามแนวรถไฟฟ้าเพื่อการเดินทางที่สะดวกสบาย รอบจุฬาลงกรณ์ (ย่านสยาม) สามารถหาห้องเช่านักศึกษาได้ในบรรทัดทอง/สามย่าน (มีอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กและหอพักจำนวนมาก) หรือในราชเทวี/พญาไท ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียงป้ายเดียวและราคาถูกกว่าเล็กน้อย ใกล้กับวิทยาเขตท่าพระจันทร์ของธรรมศาสตร์ พื้นที่บางลำพูและเจริญกรุงมีอพาร์ตเมนต์เก่าที่ได้รับความนิยมในหมู่นักศึกษา สำหรับวิทยาเขตรังสิตนอกเมือง นักศึกษามักจะเช่าทาวน์เฮาส์ร่วมกัน หรือพักในหอพักรอบจังหวัดปทุมธานี นอกเหนือจากทำเลที่ตั้งตามมหาวิทยาลัยแล้ว คนหนุ่มสาวจำนวนมาก (นักศึกษาหรือผู้สำเร็จการศึกษาใหม่) ยังเลือกย่านที่มีราคาเหมาะสมตามแนวรถไฟฟ้าที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ที่สนุกสนาน พื้นที่อย่างอารีย์และสะพานควาย (ทางเหนือของใจกลางเมือง) กลายเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นไทย – เขตเหล่านี้มีคาเฟ่เก๋ๆ โคเวิร์คกิ้งสเปซ และเดินทางไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยหรือใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้เหมาะสำหรับทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยและคนทำงานรุ่นใหม่
- ประเภทอสังหาริมทรัพย์และงบประมาณ: งบประมาณเป็นข้อกังวลหลักสำหรับนักศึกษา นักศึกษาและผู้สำเร็จการศึกษาใหม่จำนวนมากมีรายได้จำกัด ดังนั้นพวกเขาจึงมองหาที่พักราคาประหยัด ซึ่งมักหมายถึงการเช่าสตูดิโอ หรืออพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอนในอาคารเก่า หรือการเช่าอพาร์ตเมนต์หรือบ้านหลายห้องนอนร่วมกับเพื่อนเพื่อแบ่งค่าใช้จ่าย เป็นเรื่องปกติที่จะพบค่าเช่าสำหรับนักศึกษาในช่วง 5,000–10,000 บาทต่อเดือนต่อคน ตัวอย่างเช่น นักศึกษาสองคนอาจเช่าอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนร่วมกันในราคา 15,000 บาท (คนละ 7,500 บาท) ในเขตมหาวิทยาลัย เช่น ใกล้กับมหาวิทยาลัยรามคำแหง (เขตบางกะปิ) หรือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เขตจตุจักร/บางเขน) มีสตูดิโออพาร์ตเมนต์พื้นฐานมากมายที่มีค่าเช่าประมาณ 5,000-6,000 บาท ซึ่งมักเป็นอาคารเรียบง่ายที่ไม่มีลิฟต์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ก็ตอบสนองความต้องการของชีวิตนักศึกษาได้ ในทางกลับกัน นักศึกษาที่มีฐานะดีกว่า (หรือผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครอง) อาจเลือกสตูดิโอคอนโดมิเนียมหรือ 1 ห้องนอนที่ใหม่กว่าใกล้ใจกลางเมืองในราคา 10,000–20,000 บาทต่อเดือน โดยเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำหรือฟิตเนส ซึ่งอพาร์ตเมนต์นักศึกษาแบบเดิมไม่เคยมี โดยทั่วไปแล้ว ตลาดนักศึกษาให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความใกล้ชิด – สิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรามีความสำคัญน้อยกว่าการอยู่ใกล้โรงเรียนหรือมีการเดินทางที่สะดวก และการรักษาค่าเช่าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ความต้องการและไลฟ์สไตล์: ผู้เช่ารุ่นใหม่และนักศึกษาให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและชุมชน การอยู่ใกล้ร้านอาหารราคาถูก (อาหารริมทางและโรงอาหารราคาประหยัด) และแหล่งบันเทิง (โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิงสำหรับนักศึกษา) ถือเป็นข้อดี วิทยาเขตในกรุงเทพฯ เช่น จุฬาฯ และธรรมศาสตร์วิทยาเขตท่าพระจันทร์ อยู่ใกล้กับศูนย์กลางวัฒนธรรมและเชิงพาณิชย์ที่สำคัญ ซึ่งดีมากสำหรับนักศึกษา ในขณะที่วิทยาเขตที่อยู่ห่างออกไปจะสร้างย่านนักศึกษาของตนเองพร้อมตลาดท้องถิ่นและแหล่งรวมตัว ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ – นักศึกษามักมองหาอาคารที่ปลอดภัยหรือย่านที่ปลอดภัย เนื่องจากอาจจะอยู่ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของโคเวิร์คกิ้งสเปซและวัฒนธรรมสตาร์ทอัพในกรุงเทพฯ ได้ทำให้ย่านอย่างอารีย์และพระราม 9 ได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานรุ่นใหม่ที่อาจยังมีไลฟ์สไตล์แบบ "นักศึกษา" ผู้เช่ากลุ่มนี้มักมองหาค่าเช่าที่สมเหตุสมผลแต่ในย่านที่มีชีวิตชีวาที่พวกเขาสามารถสร้างเครือข่ายและสังสรรค์ได้ สรุปแล้ว นักศึกษาและผู้เช่ารุ่นใหม่ในกรุงเทพฯ มักมองหาที่พักราคาประหยัด ทำเลสะดวก และปลอดภัย แม้ว่าจะเป็นที่พักที่เรียบง่ายก็ตาม เจ้าของทรัพย์สินที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มประชากรนี้อาจไม่ได้รับค่าเช่าสูงสุด แต่ความต้องการนั้นแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องรอบมหาวิทยาลัยและศูนย์กลางการคมนาคม ทำให้มั่นใจได้ว่าอัตราการเข้าพักจะสม่ำเสมอ
ผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่น (Digital Nomads และ Remote Workers)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่น – ผู้ทำงานจากระยะไกล, ฟรีแลนซ์, และผู้ประกอบการออนไลน์ – ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในกรุงเทพฯ มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นที่รู้จักกันดีในการดึงดูดผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นไปยังเชียงใหม่และเมืองชายทะเล แต่กรุงเทพฯ ก็ดึงดูดผู้ที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานของเมืองใหญ่ ในขณะที่ยังคงมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำ กลุ่มนี้มีความชอบในการเช่าที่แตกต่างกัน:
- ทำเลที่ต้องการ: ผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่นในกรุงเทพฯ มักให้ความสำคัญกับย่านที่เชื่อมต่อได้ดี ราคาไม่แพง และนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสานกันได้ดี เนื่องจากพวกเขาสามารถทำงานได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต หลายคนจึงเลือกพื้นที่ที่มีวัฒนธรรมคาเฟ่หรือโคเวิร์คกิ้งสเปซ และอยู่ไม่ไกลจากแหล่งพบปะสังสรรค์ สุขุมวิทยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับกลุ่มนี้ โดยเฉพาะช่วงที่สมดุลระหว่างค่าใช้จ่ายและความสะดวกสบาย ตัวอย่างเช่น อ่อนนุชและพระโขนง (สุขุมวิทซอย 50 ขึ้นไป) เป็นที่นิยมเนื่องจากอยู่บนสาย BTS และมีการพัฒนาคอนโดระดับกลางที่ราคาถูกกว่าในอโศก/ทองหล่อ แต่ก็ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ (เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต คอมมูนิตี้มอลล์ และคาเฟ่เก๋ๆ) ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นอาจเช่าคอนโด 1 ห้องนอนใหม่ใกล้ BTS อ่อนนุชในราคาประมาณ 15,000–20,000 บาท ซึ่งจะได้สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และยูนิตที่ทันสมัยในราคาที่คุ้มค่า อารีย์ (ทางเหนือของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) เป็นอีกย่านหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ทำงานจากระยะไกล – ห่างจากความวุ่นวายของนักท่องเที่ยวเล็กน้อย มีบรรยากาศท้องถิ่นพร้อมคาเฟ่และโคเวิร์คกิ้งสเปซมากมาย และ BTS เชื่อมต่ออารีย์กับใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นที่ชอบสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบกว่าอาจพิจารณาเชียงใหม่หรือพื้นที่ชายหาด และมาเยือนกรุงเทพฯ เป็นครั้งคราว แต่ผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่นที่ประจำอยู่ในกรุงเทพฯ มักจะวนเวียนอยู่ระหว่างย่านโปรดไม่กี่แห่ง นอกจากนี้ เรายังเห็นผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นบางคนปักหลักในพื้นที่พระราม 9 / รัชดา ซึ่งเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีคอนโดที่ทันสมัยมากมาย (และมีชุมชนคนไทยที่อาศัยอยู่หนาแน่นเช่นกัน) พื้นที่นี้มีรถไฟฟ้า MRT และอพาร์ตเมนต์มากมายในราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร ทำให้เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์การทำงานและการพักผ่อน
- ประเภทอสังหาริมทรัพย์และงบประมาณ: ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นส่วนใหญ่เป็นโสดหรือเป็นคู่รัก ดังนั้นความต้องการของพวกเขาจึงคล้ายกับคนทำงานรุ่นใหม่ – โดยทั่วไปแล้วสตูดิโอหรือคอนโด 1 ห้องนอนก็เพียงพอ พวกเขามักเช่าคอนโดพร้อมเฟอร์นิเจอร์ เนื่องจากระยะเวลาการเข้าพักอาจอยู่ที่ 6 เดือนถึงหนึ่งปี ไม่ใช่ระยะยาวมาก (แม้ว่าบางคนจะต่อสัญญาและอยู่หลายปีก็ตาม) ความยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญ: บางคนเลือกอพาร์ตเมนต์เซอร์วิสระยะสั้น หรือการเช่าแบบ Airbnb รายเดือนในช่วงแรก แม้ว่าอัตราค่าเช่ารายวันจะสูงกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาเช่าระยะยาว อย่างไรก็ตาม หลายคนพบว่าการทำสัญญาเช่าคอนโดมาตรฐานหนึ่งปีช่วยประหยัดเงินและให้พื้นที่มากกว่าการเช่าแบบรายเดือน ในแง่ของงบประมาณ ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นมักจะอยู่ในช่วงกลาง: พวกเขาไม่ได้มีงบประมาณจำกัดเท่ากับนักศึกษา แต่ก็คำนึงถึงค่าใช้จ่ายเนื่องจากมักจะจ่ายเองมากกว่าที่จะมีค่าที่พักจากบริษัท งบประมาณเฉลี่ยอาจอยู่ที่ประมาณ 10,000–25,000 บาทต่อเดือน สำหรับค่าเช่า ซึ่งสามารถหาอพาร์ตเมนต์ที่ทันสมัยและสะดวกสบายในทำเลที่ไม่ได้อยู่ในใจกลางเมืองแต่เดินทางสะดวก ตัวอย่างเช่น สตูดิโอทันสมัยในคอนโดใหม่ย่านพระโขนงอาจอยู่ที่ประมาณ ฿12,000 บาท ในขณะที่คอนโด 1 ห้องนอนขนาดใหญ่กว่าในย่านที่กำลังมาแรงอย่างอารีย์อาจอยู่ที่ประมาณ ฿20,000 บาท ผู้ทำงานจากระยะไกลบางคนที่มีรายได้สูงกว่า (เช่น ในสาขาไอทีหรือการออกแบบ) อาจใช้จ่ายมากขึ้นเล็กน้อยสำหรับคอนโดหรูในย่านอย่างทองหล่อ โดยเพลิดเพลินกับสระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้าและวิวเมือง แต่ก็เป็นส่วนน้อย โดยทั่วไปแล้ว ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นแสวงหาความคุ้มค่า – พวกเขาต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เชื่อถือได้ (สำคัญสำหรับการทำงาน) สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบสำหรับการโทร (การเช่าในย่านปาร์ตี้ที่มีเสียงดังอาจไม่น่าสนใจหากมีการประชุมทางวิดีโอบ่อยครั้ง) และการเข้าถึงคาเฟ่ ยิม และขนส่งสาธารณะที่สะดวก
- ความต้องการและไลฟ์สไตล์: ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่นในกรุงเทพฯ คือการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานที่มีประสิทธิภาพและการสำรวจเมือง พวกเขาอาจทำงานจากอพาร์ตเมนต์หรือโคเวิร์คกิ้งสเปซในเวลากลางวัน และเพลิดเพลินกับอาหารและวัฒนธรรมของเมืองในเวลากลางคืน ดังนั้น ข้อควรพิจารณาต่างๆ เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (คอนโดส่วนใหญ่มีอินเทอร์เน็ตใยแก้วนำแสงให้เลือก และผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งแล้วหรือใช้ pocket WiFi), สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบสำหรับการโทร (การเช่าในย่านปาร์ตี้ที่มีเสียงดังอาจไม่น่าสนใจหากมีการประชุมทางวิดีโอบ่อยครั้ง), และชุมชน (พวกเขามักสร้างเครือข่ายกับคนทำงานแบบยืดหยุ่นคนอื่นๆ) มีอิทธิพลต่อการเลือกที่พักของพวกเขา ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นหลายคนชื่นชอบพื้นที่ที่พวกเขาสามารถพบปะกับคนอื่นๆ ในชุมชนได้ – ตัวอย่างเช่น โคเวิร์คกิ้งสเปซในสุขุมวิท หรือกิจกรรมร่วมกันในพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญ ในแง่ของการเช่า ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นอาจเจรจาสัญญาเช่า 6 เดือนหากเป็นไปได้ หรือมองหาการเช่าช่วง เนื่องจากแผนการของพวกเขามีความไม่แน่นอน เจ้าของทรัพย์สินที่ยืดหยุ่นเรื่องระยะเวลาเช่า หรือเสนอห้องพักที่ตกแต่งครบพร้อมเข้าอยู่ จะพบว่ากลุ่มนี้เป็นที่น่าสนใจ โดยรวมแล้ว ผู้ทำงานแบบยืดหยุ่นถูกดึงดูดมายังกรุงเทพฯ ด้วยบรรยากาศที่เป็นสากล สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล พวกเขาเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศการเช่า โดยมักจะเข้าพักในยูนิตคอนโดมิเนียมระดับกลางทั่วเมือง
กล่าวโดยสรุป: ประชากรผู้เช่าในกรุงเทพฯ มีความหลากหลาย: พนักงานบริษัทที่มีงบประมาณค่อนข้างสูงที่เน้นคอนโดใจกลางเมืองหรือบ้าน, นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ที่มองหาอพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดใกล้โรงเรียนหรือการขนส่ง, และผู้ที่ทำงานแบบยืดหยุ่นที่ต้องการความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อในราคาที่สมเหตุสมผล แต่ละกลุ่มมักจะเลือกย่านและประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการเช่าในส่วนนั้นๆ ถัดไป เราจะเจาะลึกในย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ และดูว่าราคาค่าเช่าและแนวโน้มแตกต่างกันไปตามทำเลอย่างไร
ราคาค่าเช่าและแนวโน้มของย่านต่างๆ ในกรุงเทพฯ
มหานครกรุงเทพฯ ที่กว้างใหญ่ไพศาล มีย่านที่หลากหลายพร้อมราคาค่าเช่าและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจพื้นที่เหล่านี้ช่วยให้ผู้เช่าเลือกทำเลที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณของตน ในขณะเดียวกันก็ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนเกี่ยวกับศักยภาพการเช่า
ย่านใจกลางเมืองและย่านชั้นนำ
- ถนนสุขุมวิท (นานา – อโศก – พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ): ย่านที่อยู่อาศัยที่หรูหราและมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงเทพฯ ที่มีค่าเช่าสูงสุด คอนโด 1 ห้องนอนที่ทันสมัยในอโศกหรือพร้อมพงษ์ มีค่าเช่าประมาณ 30,000–45,000 บาทต่อเดือน (ขนาดประมาณ 50 ตร.ม.) ในขณะที่ 2 ห้องนอนมีราคาตั้งแต่ 50,000–80,000 บาท เพนต์เฮาส์สุดหรูสามารถมีค่าเช่าได้ถึง 150,000–300,000 บาทต่อเดือน แต่ละย่านย่อยมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน: นานามีชีวิตชีวาและเก่าแก่, อโศกเป็นศูนย์กลางการคมนาคม, พร้อมพงษ์ดึงดูดคนญี่ปุ่น และทองหล่อ/เอกมัยเป็นย่านอินเทรนด์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรา
- สีลม & สาทร: ย่านธุรกิจกลางกรุงเทพฯ แบบดั้งเดิมมีค่าเช่าใกล้เคียงกับสุขุมวิท คอนโด 1 ห้องนอนในอาคารสูงที่ทันสมัยมีราคา 25,000–40,000 บาท ในขณะที่ 2 ห้องนอนมีราคาตั้งแต่ 50,000–70,000 บาท พื้นที่นี้เหมาะสำหรับพนักงานบริษัทด้วยความใกล้กับสำนักงานใหญ่บริษัท ธนาคาร และสถานทูต รวมถึงการเข้าถึงสวนลุมพินี
- ลุมพินีและชิดลม: พื้นที่พิเศษรอบถนนวิทยุแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอาคารสูงหรูหราที่มีค่าเช่าสูงลิบลิ่ว (บางแห่งมากกว่า 200,000 บาทต่อเดือน) คอนโด 1 ห้องนอนทั่วไปมีราคา 35,000–50,000 บาท ในขณะที่ 2 ห้องนอนสามารถสูงถึง 70,000+ บาท ซึ่งสะท้อนถึงความมีชื่อเสียงและทำเลใจกลางเมือง
ย่านยอดนิยมระดับกลาง
- อารีย์และพญาไท: ย่านสุดฮิปที่มีต้นไม้ร่มรื่นทางเหนือของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีร้านกาแฟอินเทรนด์และบรรยากาศชุมชนที่ผ่อนคลาย คอนโด 1 ห้องนอนใหม่มีค่าเช่า 20,000–25,000 บาท ในขณะที่ยูนิตเก่ามีราคา 15,000–18,000 บาท 2 ห้องนอนมีราคาตั้งแต่ 30,000–50,000 บาท การมีอาคารสูงจำนวนจำกัดทำให้เกิดความต้องการที่แข็งแกร่งเกินกว่าอุปทาน
- พระราม 9 และรัชดา: "CBD ใหม่" ของกรุงเทพฯ เสนอราคาที่สมเหตุสมผลพร้อมการเชื่อมต่อ MRT ที่ยอดเยี่ยม คอนโด 1 ห้องนอนใหม่เอี่ยมมีราคา 18,000–25,000 บาท ยูนิตเก่ามีราคา 12,000–15,000 บาท และ 2 ห้องนอนมีราคา 30,000–45,000 บาท ได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานรุ่นใหม่และผู้ที่ทำงานในย่านธุรกิจใหม่
- ทองหล่อ & เอกมัย: "เบเวอร์ลีฮิลส์แห่งกรุงเทพฯ" ดึงดูดคนไทยที่มีฐานะและชาวต่างชาติ คอนโด 1 ห้องนอนหรูหราเริ่มต้นที่ 40,000+ บาท โดยยูนิตขนาดครอบครัวมีราคาสูงกว่า 100,000 บาท ยูนิตเก่าหรือขนาดเล็กบางแห่งมีราคาอยู่ในช่วง 20,000–30,000 บาท
- พระโขนง & อ่อนนุช: พื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้มีคอนโดมิเนียมที่ทันสมัยในราคาที่เข้าถึงได้ คอนโด 1 ห้องนอนมีค่าเช่า 12,000–20,000 บาท 2 ห้องนอน 25,000–40,000 บาท ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มองหาไลฟ์สไตล์สุขุมวิทในราคาที่ประหยัดกว่า
ย่านชานเมืองและรอบนอก
- ชานเมืองตอนเหนือ (ลาดพร้าว, จตุจักร, นนทบุรี): พื้นที่อยู่อาศัยเหล่านี้เสนอการประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญด้วยคอนโด 1 ห้องนอนพื้นฐานในราคา 8,000–12,000 บาท หรือยูนิตที่ทันสมัยประมาณ 15,000 บาท ทาวน์เฮาส์ 3 ห้องนอนมีค่าเช่า 20,000–30,000 บาท ในขณะที่บ้าน 4 ห้องนอนขนาดใหญ่ในนนทบุรีมีค่าเช่า 30,000–50,000 บาท ได้รับความนิยมในหมู่คนท้องถิ่น แต่ต้องเดินทางนานขึ้น
- กรุงเทพฯ ตะวันออก (บางนา, สมุทรปราการ): เชื่อมต่อด้วยส่วนต่อขยาย BTS พื้นที่เหล่านี้มีสตูดิโอและ 1 ห้องนอนในราคา 8,000–15,000 บาท บ้าน 3 ห้องนอนในโครงการจัดสรรมีค่าเช่าประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน ได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมตะวันออกหรือโรงเรียนนานาชาติ
- กรุงเทพฯ ตะวันตกและธนบุรี: ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไป คอนโดริมน้ำหรูหรามีราคาเทียบเท่าสุขุมวิท (60,000+ บาทสำหรับวิวแม่น้ำ) ในขณะที่ธนบุรีตอนในมีคอนโด 1 ห้องนอนในราคา 10,000–15,000 บาท ดึงดูดผู้ที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นและสัมผัสบรรยากาศชุมชนไทยแท้ๆ
สรุป
ตลาดเช่าในกรุงเทพฯ ครอบคลุมตั้งแต่ 30,000+ บาทสำหรับยูนิตขนาดเล็กในย่านชั้นนำ ไปจนถึงบ้านชานเมืองขนาดกว้างขวางในราคาใกล้เคียงกัน พนักงานบริษัทมักจะรวมกลุ่มกันในพื้นที่ใจกลางเมือง (สุขุมวิท, สาทร, อารีย์, พระราม 9) เพื่อความสะดวกสบาย ในขณะที่ผู้เช่าที่คำนึงถึงงบประมาณและนักศึกษาจะเลือกย่านรอบนอกที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ นักลงทุนสามารถเลือกระหว่างอสังหาริมทรัพย์หลักที่มีมูลค่าสูง หรือย่านเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ผลตอบแทนค่าเช่าและข้อมูลเชิงลึกสำหรับการลงทุน
กรุงเทพฯ นำเสนอตลาดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของทรัพย์สิน การทำความเข้าใจประสิทธิภาพทางการเงินและพลวัตของตลาดเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการลงทุน
ผลตอบแทนค่าเช่าที่แข็งแกร่ง
ผลตอบแทนค่าเช่าสุทธิของกรุงเทพฯ โดยทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ 5% ถึง 6% ต่อปี ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับเมืองหลวงหลายแห่งทั่วโลก ปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้เกิดผลตอบแทนที่ดีเหล่านี้:
- ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างต่ำ: เมื่อเทียบกับเมืองต่างๆ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือกัวลาลัมเปอร์ ราคาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ถือว่าปานกลาง คอนโดมิเนียมที่ทันสมัยราคา 5 ล้านบาท อาจมีค่าเช่าประมาณ 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 6% ของราคาซื้อ – ถือเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจ
- ความต้องการและอัตราการเข้าพักสูง: ความต้องการที่แข็งแกร่งจากคนทำงานในเมือง นักศึกษา และคนรุ่นใหม่ที่เลือกเช่าผลักดันให้ผลตอบแทนสูงขึ้นเรื่อยๆ อัตราการเข้าพักสูงมากในกลุ่มที่สำคัญ โดยอัตราการว่างลดลงเป็นเลขตัวเดียว (ต่ำกว่า 8-10%) ภายในปี 2566 ในอาคารระดับพรีเมียม อัตราการว่างมักจะใกล้ศูนย์โดยมีรายชื่อผู้เช่ารออยู่
- ขนาดห้องที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผลตอบแทน: ยูนิตขนาดเล็กมักให้ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า สตูดิโอและยูนิต 1 ห้องนอนในใจกลางกรุงเทพฯ มักให้ผลตอบแทนสูงสุด โดยยูนิตที่เลือกอย่างดีบางแห่งให้ผลตอบแทนสุทธิเกิน 6-7% อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่สำหรับครอบครัวดึงดูดผู้เช่าระยะยาวกว่า แต่ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเล็กน้อย
- การเปรียบเทียบตลาด: ผลตอบแทนของกรุงเทพฯ ที่ประมาณ 5-6% ทำได้ดีกว่าเมืองตะวันตกหลายแห่ง (ที่ผลตอบแทนอาจอยู่ที่ 2-4% ในสถานที่เช่น ลอนดอน ซิดนีย์ นิวยอร์ก) ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการซื้อเพื่อเช่าสำหรับนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ
แนวโน้มการเข้าพักและผู้เช่า
- กลุ่มผู้เช่าคนทำงานในเมือง: คอนโดมิเนียมคุณภาพดีจำนวนมากได้รับการเช่าโดยพนักงานบริษัทที่ต้องการอาคารใหม่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยินดีจ่ายค่าเช่าพรีเมียม พวกเขามักจะพักอาศัยเป็นเวลา 1-3 ปี และคาดหวังบ้านพร้อมเข้าอยู่ ณ ปี 2568 ความต้องการจากกลุ่มนี้ยังคงแข็งแกร่ง โดยบางบริษัทมีการขยายการดำเนินงานในกรุงเทพฯ
- กลุ่มผู้เช่าคนรุ่นใหม่ในประเทศ: การเติบโตของ "Generation Rent" ในหมู่คนหนุ่มสาวชาวไทย ทำให้เจ้าของทรัพย์สินมีฐานผู้เช่าที่กว้างขึ้น คนทำงานรุ่นใหม่จำนวนมากตอนนี้เลือกที่จะเช่าเพื่อความยืดหยุ่นมากกว่าการซื้อ ซึ่งช่วยสนับสนุนอัตราการเข้าพักในยูนิตระดับกลาง (ช่วง 15,000–30,000 บาท)
- อัตราการว่างและการหมุนเวียน: แม้ว่าอัตราการเข้าพักโดยทั่วไปจะสูง แต่ระยะเวลาว่างโดยเฉลี่ยก็สั้น – มักจะเพียงไม่กี่สัปดาห์หากอสังหาริมทรัพย์มีการตลาดที่ดีและอยู่ในทำเลที่ดี การตั้งราคาที่เหมาะสมและการตลาดล่วงหน้าก่อนที่สัญญาเช่าจะหมดอายุช่วยลดช่องว่าง
ข้อควรพิจารณาสำหรับนักลงทุน
- ภาษีและค่าใช้จ่าย: รายได้ค่าเช่าต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทย ค่าบำรุงรักษาโดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 40 ถึง 80 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน หลังจากหักค่าใช้จ่าย (ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อมแซม ภาษี) ผลตอบแทนสุทธิประมาณ 4-5% เป็นเรื่องปกติ
- มูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินเทียบกับผลตอบแทนค่าเช่า: การเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ที่อยู่ในระดับปานกลาง หมายความว่าผลตอบแทนยังคงสูง เนื่องจากราคาซื้อยังไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตอาจขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สิน ในขณะที่อาจกดดันผลตอบแทน
- การจัดการอสังหาริมทรัพย์: นักลงทุนหลายคนใช้บริการจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดการการหาผู้เช่า การเก็บค่าเช่า และการบำรุงรักษาโดยมีค่าธรรมเนียม เอเจนซี่มืออาชีพช่วยจับคู่ผู้เช่ากับเจ้าของทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตราการเข้าพักสูงและผลตอบแทนไหลเวียน
สรุปในส่วนนี้ ตลาดเช่าในกรุงเทพฯ นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน: อัตราการเข้าพักสูง ผลตอบแทนที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับต้นทุน และกลุ่มผู้เช่าที่กำลังเติบโต เจ้าของทรัพย์สินที่เข้าใจกลุ่มผู้เช่าเป้าหมาย (ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานในเมือง นักศึกษา หรือคนรุ่นใหม่) และตั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ของตนอย่างแข่งขัน สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่สม่ำเสมอได้ สิ่งสำคัญคือการติดตามข่าวสารแนวโน้มตลาด – ตัวอย่างเช่น หากมีอุปทานคอนโดใหม่จำนวนมากในย่านใดย่านหนึ่ง อาจทำให้ค่าเช่าในย่านนั้นลดลง หรือหากมีอาคารสำนักงานใหม่เปิดขึ้น ความต้องการเช่าในบริเวณใกล้เคียงอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ณ ปี 2568 แนวโน้มเป็นบวก: ค่าเช่ามีแนวโน้มสูงขึ้น ตัวชี้วัดผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ และสถานะของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางธุรกิจระดับภูมิภาคช่วยให้มีผู้เช่าที่มีศักยภาพไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ถัดไป เราจะเปลี่ยนจากมุมมองทางการเงินไปสู่กรอบกฎหมายและขั้นตอนการเช่าในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นความรู้ที่สำคัญสำหรับทั้งผู้เช่าและเจ้าของทรัพย์สิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและรับประกันประสบการณ์การเช่าที่ราบรื่น
แนวโน้มในอนาคต: การเติบโตของตลาดเช่าในกรุงเทพฯ
ตลาดเช่าในกรุงเทพฯ ในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมือง และการขยายโครงสร้างพื้นฐาน
แรงผลักดันทางเศรษฐกิจและความต้องการในประเทศ การฟื้นตัวของประเทศไทยหลังโควิด-19 ได้จุดประกายกิจกรรมทางธุรกิจในกรุงเทพฯ อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงการลงทุนภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของบริษัทต่างๆ ในเมืองหลวง ประชากรในเมืองที่เพิ่มขึ้นนี้ยังคงขับเคลื่อนความต้องการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าชั้นนำ โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองที่เชื่อมต่อกับการขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะผลักดันให้ค่าเช่าค่อยๆ สูงขึ้น
แนวโน้ม "Generation Rent" ของคนไทย ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐานทางวัฒนธรรม ทำให้คนไทยรุ่นใหม่จำนวนมากขึ้นเลือกที่จะเช่าระยะยาว การย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดอื่น ๆ เข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อการศึกษาและหางาน ทำให้ความต้องการเช่าในเมืองยังคงต่อเนื่อง คอนโดมิเนียมระดับกลางใกล้แนวรถไฟฟ้าและพื้นที่ co-living กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มประชากรนี้
โครงสร้างพื้นฐานและการกระจายความเจริญ การขยายตัวของสายรถไฟฟ้า BTS และ MRT – เช่น สายสีเหลือง สีชมพู และสายสีส้ม – กำลังปรับเปลี่ยนภูมิศาสตร์การเช่าของกรุงเทพฯ พื้นที่รอบนอก เช่น บางกะปิ ลาดพร้าว และธนบุรี กำลังกลายเป็นเขตเช่าที่น่าสนใจเนื่องจากการเข้าถึงที่ดีขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง เมื่อพื้นที่เหล่านี้พัฒนาขึ้น ค่าเช่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่ออุปทานในใจกลางเมือง
พลวัตของอุปทานและการลงทุน การเปิดตัวคอนโดใหม่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้พัฒนามีความระมัดระวังมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ยูนิตที่ใช้งานได้จริงและเหมาะสำหรับการเช่า แม้ว่าอาจมีความเสี่ยงจากการมีอุปทานมากเกินไปในบางกลุ่มตลาดระดับกลาง แต่ความต้องการในย่านใจกลางเมืองและย่านเกิดใหม่คาดว่าจะรักษาระดับได้ ผลตอบแทนค่าเช่ายังคงสามารถแข่งขันได้ โดยเฉลี่ย 5–6% โดยเฉพาะในยูนิตที่ราคาเข้าถึงได้
แนวโน้มของนักลงทุนและความท้าทาย กรุงเทพฯ เสนอเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยสำหรับนักลงทุนที่มุ่งเน้นผลตอบแทน ด้วยอัตราการเข้าพักที่มั่นคงและอุปสรรคด้านเงินทุนที่ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านค่าครองชีพ การเปลี่ยนแปลงนโยบาย (เช่น กฎระเบียบ Airbnb หรือภาษี) และความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อบางกลุ่ม แต่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากคนรุ่นใหม่ และคนวัยกลางคนที่มีรายได้ปานกลางยังคงสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว
ไลฟ์สไตล์และการเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืน ผู้เช่ามีความต้องการสัญญาเช่าที่ยืดหยุ่น การจัดพื้นที่ทำงานที่บ้าน และการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น แนวคิดโคเวิร์คกิ้งและโคลิฟวิ่งอาจมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในโครงการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เช่ารุ่นใหม่หรือผู้ทำงานจากระยะไกล
โดยสรุป
อนาคตของตลาดเช่าในกรุงเทพฯ ดูมีแนวโน้มที่ดี การเติบโตของความต้องการจะยังคงดำเนินต่อไป โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งคนในประเทศและคนไทยที่ย้ายเข้ามาทำงานในเมือง ราคาค่าเช่าน่าจะเห็นแรงผลักดันที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความต้องการสูงหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ นักลงทุนสามารถคาดการณ์อัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่งและผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ในขณะที่ผู้เช่าจะมีเมืองที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ให้เลือก เมื่อย่านใหม่ๆ มีการพัฒนา
คอนโดยอดนิยมใน Bangkok

พลัส วัน คอนโด

ม่านตะวัน

ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26