ให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ เชียงใหม่ ประกาศให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ 1 ห้องนอน ในเชียงใหม่
38 ยูนิต






























































































คู่มือเช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่ ปี 2568
ภาพรวมของตลาดอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าในเชียงใหม่
เชียงใหม่เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่าที่คึกคักที่สุดในประเทศไทย ข้อมูลจากแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ในปี 2567 ชี้ว่า ในบรรดาจังหวัดนอกพื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยสูงเป็นอันดับสองของประเทศ (รองจากชลบุรี) ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของเชียงใหม่ในฐานะเมืองศูนย์กลางการอยู่อาศัยสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ด้วยความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาคเหนือ ส่งผลให้ความต้องการที่พักอาศัยโดยเฉพาะอพาร์ทเม้นท์มีอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายและการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ตลาดอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่ยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากนักท่องเที่ยวและผู้พำนักระยะยาวที่กลับมาเพิ่มขึ้น บรรยากาศโดยรวมของตลาดเช่าที่พักในปี 2568 จึงอยู่ในภาวะที่มีความต้องการสูงและมีตัวเลือกหลากหลาย. หากย้อนดูในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ค่าเช่าคอนโดมิเนียมกลางเมืองจากเฉลี่ยประมาณ 12,000 บาทต่อเดือนในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็นราว 18,000 บาทในปี 2561 และยังขยับสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงปี 2564-2566 ขณะที่ค่าเช่าบ้านเดี่ยวจากเฉลี่ย 25,000 บาท/เดือนในปี 2556 มาอยู่ที่ราว 32,000 บาทในปี 2561 ก่อนจะขยับถึง 38,000-40,000 บาทในช่วงปี 2564 ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนว่าความนิยมในเชียงใหม่ส่งผลให้มูลค่าการเช่าเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ถึงกระนั้น โดยเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ แล้ว ค่าเช่าในเชียงใหม่ยังถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคากว่าในภาพรวม
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดเช่าที่เชียงใหม่โดดเด่นคือ ต้นทุนค่าครองชีพที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศ ผู้เช่าสามารถหาอพาร์ทเม้นท์หรือห้องเช่าในเชียงใหม่ได้ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ทำเลในเมืองเชียงใหม่หลายแห่งมีค่าเช่าที่ถูกกว่าย่านใจกลางเมืองใหญ่ แต่ยังคงได้คุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล และสถานศึกษา การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในเชียงใหม่ เช่น การปรับปรุงถนน สนามบินที่รองรับเที่ยวบินในและต่างประเทศ และโครงการขนส่งมวลชนที่อยู่ระหว่างการศึกษา ช่วยเสริมสร้างความน่าสนใจให้กับการอยู่อาศัยระยะยาวในจังหวัดนี้
กลุ่มผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่มีความหลากหลาย ซึ่งได้ช่วยหล่อเลี้ยงตลาดให้มีความสมดุล ทั้งนักศึกษาไทยจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งในพื้นที่ พนักงานบริษัทและข้าราชการที่ย้ายมาปฏิบัติงาน ตลอดจนนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาว ด้วยเหตุนี้ อุปทานที่อยู่อาศัยให้เช่า อย่างอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมในเชียงใหม่จึงเพิ่มขึ้นตาม โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ผู้พัฒนาหลายรายลงทุนสร้างคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์เพื่อรองรับความต้องการของทั้งคนท้องถิ่นและผู้ที่ย้ายมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้เช่ามีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่ห้องพักราคาประหยัดไปจนถึงห้องชุดระดับหรู ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวท้องถิ่นและผู้ประกอบการรายย่อยในเชียงใหม่จำนวนมากนิยมลงทุนสร้างหอพักหรืออพาร์ทเม้นท์ของตนเองเพื่อปล่อยเช่าเป็นรายได้เสริม ทำให้ตลาดประกอบไปด้วยที่พักที่หลากหลายทั้งในแง่รูปแบบ ขนาด และการบริหารจัดการ ตั้งแต่อพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กที่เจ้าของดูแลเองไปจนถึงคอนโดมิเนียมจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่
อย่างไรก็ดี การแข่งขันในตลาดก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เจ้าของที่พัก หลายรายพยายามดึงดูดผู้เช่าด้วยการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง กล้องวงจรปิด หรือระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงนำเสนอห้องพักที่ตกแต่งพร้อมอยู่ (Fully-furnished) เพื่อให้ผู้เช่าสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ความยืดหยุ่นในการเช่าก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ตลาดเชียงใหม่ให้ความสำคัญ หลายอพาร์ทเม้นท์เปิดโอกาสให้เช่าได้ทั้งแบบรายเดือนหรือทำสัญญารายปี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เช่า ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยระยะสั้นและระยะยาวในพื้นที่นี้
เชียงใหม่ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีผู้มาเยือนนับล้านคนต่อปี แม้ว่าที่พักระยะสั้นอย่างโรงแรม เกสต์เฮาส์ และโฮสเทลจะรองรับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ปัจจุบันเริ่มมีนักท่องเที่ยวบางส่วนโดยเฉพาะกลุ่มดิจิทัลโนแมดหรือผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตในเชียงใหม่แบบยาวๆ เลือกเช่าที่พักรายเดือนหรือรายไตรมาสแทนการพักโรงแรม การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเช่าที่พัก (เช่น Airbnb) ทำให้เจ้าของที่พักบางรายปรับมาปล่อยเช่าระยะยาวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและองค์กรท้องถิ่นได้ให้ความสนใจในการควบคุมดูแลการเช่าที่พักระยะยาวและรายวัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและมาตรฐานที่ดีต่อผู้เช่าและชุมชนโดยรอบ แนวโน้มนี้ชี้ว่าในอนาคตตลาดเช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่จะมีความโปร่งใสและเป็นระบบมากขึ้น ผู้เช่าจะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่เป็นธรรมและการบริการที่ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
ลักษณะผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่ ปี 2568
ผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่ปี 2568 มีความหลากหลายทั้งในด้านอายุ อาชีพ และวัตถุประสงค์ในการเข้าพัก เนื่องจากเชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ที่ดึงดูดทั้งคนไทยจากจังหวัดอื่นและชาวต่างชาติให้เข้ามาอยู่อาศัย เราจึงพบเห็นกลุ่มผู้เช่าที่แตกต่างกันหลายกลุ่ม โดยสามารถจำแนกกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้:
กลุ่มนักศึกษาและวัยเริ่มทำงาน: เชียงใหม่เป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาชื่อดังหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยพายัพ เป็นต้น นักศึกษาจำนวนมากที่มาจากต่างจังหวัดต้องการที่พักอาศัยใกล้สถานศึกษา ส่งผลให้ย่านรอบมหาวิทยาลัยและเขตชุมชนเมืองมีอพาร์ทเม้นท์และหอพักสำหรับนักศึกษาจำนวนมาก ผู้เช่ากลุ่มนี้มักมองหาห้องพักราคาประหยัด มีความปลอดภัย และเดินทางสะดวกไปยังสถานที่เรียน นอกจากนี้ วัยทำงานช่วงต้น เช่น บัณฑิตจบใหม่ที่เริ่มทำงานในตัวเมืองเชียงใหม่ ก็มักเลือกเช่าอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดมิเนียมขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ที่ทำงานหรืออยู่ในย่านที่มีชีวิตชีวา เช่น นิมมานเหมินทร์หรือสันติธรรม เพื่อความสะดวกในการเดินทางและการใช้ชีวิต
กลุ่มพนักงานบริษัทและข้าราชการ: เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือ มีบริษัทเอกชน สำนักงานรัฐบาล และองค์กรระหว่างประเทศตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ผู้ที่ย้ายมาทำงานที่เชียงใหม่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ (เช่น เจ้าหน้าที่ NGO หรือพนักงานบริษัทข้ามชาติ) มักมองหาที่พักระยะยาวที่มีความสะดวกสบายและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิต คนกลุ่มนี้มีกำลังเช่าที่สูงกว่านักศึกษา และมักให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกของที่พัก เช่น ที่จอดรถ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง หรือฟิตเนสและสระว่ายน้ำ (ในกรณีเลือกเช่าคอนโดมิเนียมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์) ย่านที่นิยมในกลุ่มนี้มักเป็นย่านตัวเมืองและชานเมืองที่เดินทางง่าย เช่น ย่านถนนสุเทพ-นิมมานฯ เขตใกล้สนามบิน หรือบริเวณใกล้นิคมอุตสาหกรรมและเขตธุรกิจ (เช่น ย่านศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ในตำบลแม่เหียะ ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยงานราชการหลายแห่ง)
กลุ่มครอบครัวและผู้เช่าระยะยาว: สำหรับชาวเชียงใหม่บางส่วนที่ยังไม่พร้อมซื้อบ้านหรือคอนโดของตนเอง รวมถึงครอบครัวที่ย้ายมาจากต่างจังหวัดเพื่อทำงานหรือให้บุตรหลานศึกษาในโรงเรียนเชียงใหม่ พวกเขามักมองหาที่พักอาศัยขนาดใหญ่ขึ้น เช่น อพาร์ทเม้นท์แบบสองห้องนอน หรือบ้านเช่าขนาดย่อมในบริเวณชานเมืองที่มีบรรยากาศเงียบสงบ กลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเด็ก (ถ้ามีบุตรหลาน) บางครอบครัวเลือกอยู่ในชุมชนบ้านจัดสรรหรือหมู่บ้านเช่าที่มีความเป็นส่วนตัว แต่หลายครอบครัวก็เลือกอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับเด็กและอยู่ใกล้โรงเรียนหรือสวนสาธารณะ
กลุ่มดิจิทัลโนแมดและผู้เกษียณ: ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เชียงใหม่ได้รับความนิยมในฐานะเมืองปลายทางของชาวต่างชาติที่ทำงานระยะไกล (digital nomads) รวมถึงชาวต่างชาติที่เกษียณและต้องการใช้ชีวิตในเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูงและมีคุณภาพชีวิตดี ทั้งนี้คนไทยที่เกษียณอายุจำนวนหนึ่งก็เลือกเชียงใหม่เป็นบ้านหลังที่สองในบั้นปลายชีวิตเช่นกัน เพราะจังหวัดนี้มีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่และค่าใช้จ่ายไม่สูงเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ผู้เช่ากลุ่มนี้บางส่วนเป็นชาวไทยที่ทำงานออนไลน์และสามารถเลือกที่อยู่อาศัยได้อิสระไม่ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มดิจิทัลโนแมดและผู้เกษียณจะมองหาคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเม้นท์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พื้นที่ส่วนกลางให้นั่งทำงาน หรือสถานที่ตั้งที่เดินไปคาเฟ่และแหล่งชุมชนได้สะดวก ย่านนิมมานเหมินทร์ สันติธรรม และบริเวณคูเมืองชั้นในเป็นทำเลที่กลุ่มนี้นิยมเพราะมีร้านกาแฟ พื้นที่ทำงานร่วม (co-working space) และชุมชนชาวต่างชาติอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้เกษียณอายุทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่ต้องการความสงบอาจเลือกเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ชานเมืองในอำเภอรอบนอก เช่น หางดง แม่ริม ที่ซึ่งมีธรรมชาติและความสงบมากกว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาเช่าที่พักในเชียงใหม่ก็มีหลากหลายสัญชาติ ทั้งชาวตะวันตก (ยุโรป อเมริกัน) ที่คุ้นเคยกับเมืองเชียงใหม่และชื่นชอบวัฒนธรรมไทย ชาวเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ที่มองหาสถานที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายและปลอดภัย อีกทั้งมีกลุ่มชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่เลือกเชียงใหม่เป็นเมืองพักผ่อนหลังเกษียณ การผสมผสานของผู้เช่าหลากหลายชาติทำให้เชียงใหม่เป็นสังคมที่มีความเป็นนานาชาติ และสร้างบรรยากาศการอยู่ร่วมกันที่น่าสนใจในหมู่ผู้อยู่อาศัยเช่า
ผลจากภาวะเศรษฐกิจและสังคม: ปัจจัยด้านเศรษฐกิจในปี 2568 ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยปรับตัวมาสู่วิถีการเช่าแทนการซื้อที่อยู่อาศัย ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น หนี้สินครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น ล้วนส่งผลให้คนรุ่นใหม่รวมถึงครอบครัวรุ่นใหม่ๆ เลือกที่จะเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อทรัพย์สินของตัวเอง แนวโน้มนี้ปรากฏทั่วประเทศและเชียงใหม่ก็เช่นกัน โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มอสังหาฯ ออนไลน์ในปี 2567 พบว่าจำนวนการค้นหาที่อยู่อาศัยประเภทเช่าทั่วประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 13% จากปีก่อน ขณะที่การค้นหาซื้อบ้านลดลงกว่า 20% สะท้อนว่าผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจการเช่ามากขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เราจึงเห็นจำนวนผู้เช่าในตลาดเพิ่มขึ้นและระยะเวลาในการเช่าเฉลี่ยที่นานขึ้น เพราะผู้คนให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและความคล่องตัวทางการเงินมากขึ้น
โดยสรุป ลักษณะของผู้เช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ผู้ให้เช่าและเจ้าของโครงการที่พักอาศัยในเชียงใหม่จึงพยายามออกแบบห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักราคาประหยัดสำหรับนักศึกษา ห้องชุดทันสมัยสำหรับพนักงานบริษัท หรือบ้านเช่าบรรยากาศดีสำหรับครอบครัวและผู้เกษียณ ทั้งหมดนี้ทำให้ตลาดเช่าในเชียงใหม่มีชีวิตชีวาและสามารถรองรับผู้เช่าได้ทุกระดับ
ทำเลยอดนิยมที่เหมาะกับการเช่าระยะยาวในเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม่มีหลายย่านที่ได้รับความนิยมจากผู้เช่าที่มองหาที่พักระยะยาว โดยแต่ละย่านมีเอกลักษณ์และจุดเด่นต่างกันไป เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้พักอาศัย เราจะพาทำความรู้จักกับทำเลยอดนิยมบางส่วนที่เหมาะกับการเช่าอยู่อาศัยระยะยาวในเชียงใหม่ดังนี้:
ย่านช้างคลาน (ไนท์บาซาร์): บริเวณถนนช้างคลานและตลาดไนท์บาซาร์ทางฝั่งตะวันออกของคูเมือง เป็นย่านท่องเที่ยวยามค่ำที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยโรงแรม ร้านค้า และสถานบันเทิง ในระยะหลังมีคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์เกิดขึ้นในซอยต่าง ๆ ของย่านนี้เพื่อรองรับทั้งนักท่องเที่ยวระยะยาวและพนักงานที่ทำงานในภาคการท่องเที่ยว ค่าเช่าในย่านช้างคลานมีตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงค่อนข้างสูงสำหรับคอนโดหรูที่มองเห็นวิวแม่น้ำปิงหรือดอยสุเทพ ที่พักแถบนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการอยู่ใกล้ศูนย์การค้า (เช่น พันธุ์ทิพย์พลาซ่า เชียงใหม่) ร้านอาหารนานาชาติ และบรรยากาศเมืองที่คึกคัก แต่ข้อเสียคือต้องยอมรับความพลุกพล่านและการจราจรที่หนาแน่นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
ย่านนิมมานเหมินทร์และสุเทพ (บริเวณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่): นับเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ ย่านนี้ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมือง ใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และดอยสุเทพ เต็มไปด้วยร้านกาแฟเก๋ ๆ ร้านอาหารนานาชาติ บาร์ และสถานที่แฮงเอาท์ที่มีชีวิตชีวา การอยู่อาศัยในย่านนิมมานฯ ทำให้ผู้เช่าได้รับความสะดวกสบายทั้งด้านการเดินทาง (มีทั้งรถสองแถวและรถโดยสารผ่าน) และการใช้ชีวิต (มีซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าเมญ่าอยู่ใกล้เคียง) อพาร์ทเม้นท์และคอนโดในบริเวณนี้มีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่หรือรีโนเวทให้ทันสมัย ค่าเช่าอาจสูงกว่าพื้นที่อื่น แต่แลกมาด้วยความสะดวกและคุณภาพชีวิตที่คุ้มค่า ย่านนิมมานฯ เหมาะกับทั้งนักศึกษา วัยทำงาน และชาวต่างชาติที่ชอบใช้ชีวิตในเมืองที่มีความเป็นสากล
ย่านสันติธรรมและช้างเผือก: ตั้งอยู่ตอนเหนือของคูเมืองเชียงใหม่ เป็นอีกพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากผู้เช่าระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและคนวัยเริ่มทำงานเนื่องจากมีค่าเช่าที่ถูกกว่าย่านนิมมานฯ แต่ยังคงอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่กิโลเมตร ย่านสันติธรรมมีบรรยากาศชุมชนท้องถิ่น มีตลาดสดขนาดใหญ่อย่างตลาดธานินทร์ ร้านอาหารราคาประหยัด และร้านสะดวกซื้อครบครัน อพาร์ทเม้นท์ในบริเวณนี้มักเป็นอาคารสูง 4-5 ชั้นแบบไม่มีลิฟต์ ไปจนถึงคอนโดมิเนียมขนาดย่อม ผู้เช่าที่นี่จะได้สัมผัสวิถีชีวิตคนเชียงใหม่พื้นถิ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถเดินทางไปย่านนิมมานฯ หรือย่านเมืองเก่าได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังต้องการความสะดวกของการอยู่ใกล้เมือง
ย่านเมืองเก่าและริมแม่น้ำปิง: บริเวณเมืองเก่าภายในคูเมืองเชียงใหม่เป็นทำเลที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรม วัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ และบ้านเรือนไทยดั้งเดิม การเช่าอยู่ในย่านนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศแบบล้านนาแท้ ๆ และสามารถเดินเที่ยวตลาด เดินเข้าซอยเล็กซอยน้อยเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ที่พักภายในคูเมืองส่วนใหญ่มักเป็นเกสต์เฮาส์หรือบูติกโฮเทลสำหรับนักท่องเที่ยวระยะสั้น อพาร์ทเม้นท์สำหรับเช่าระยะยาวมีอยู่อย่างจำกัด และมักเป็นอาคารที่ปรับปรุงมาจากบ้านเก่าหรืออยู่ตามตรอกซอกซอย ค่าเช่าในเขตเมืองเก่ามีตั้งแต่ระดับปานกลางไปจนถึงสูง หากเป็นบ้านเช่าทั้งหลังอาจมีราคาสูงพอสมควร เพราะที่ดินในเขตกำแพงเมืองมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และทำเลทอง ส่วนย่านริมแม่น้ำปิงทางด้านตะวันออก เช่น บริเวณวัดเกตและฟ้าฮ่าม ก็เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงหลัง เนื่องจากมีคอนโดมิเนียมสร้างใหม่หลายแห่งที่หันหน้าเข้าหาแม่น้ำ บรรยากาศสงบร่มรื่น และอยู่ไม่ไกลจากศูนย์การค้าใหญ่ (เซ็นทรัลเฟสติวัล) ผู้เช่าที่ต้องการความเงียบสงบและทิวทัศน์สวยงามแต่ยังเข้าถึงเมืองได้ง่าย อาจสนใจพิจารณาทำเลริมแม่น้ำนี้
ย่านฟ้าฮ่ามและหนองป่าครั่ง (โซนเซ็นทรัลเฟสติวัล): บริเวณรอบศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง เป็นทำเลใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในย่านนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ สถานีขนส่งอาเขต และซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ๆ หลายแห่ง มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นหลายโครงการ เช่น ดีคอนโด (ของแสนสิริ) และโครงการอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการอยู่อาศัยใกล้ห้างและชุมชนเมืองฝั่งตะวันออก ค่าเช่าในย่านนี้อยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูงสำหรับคอนโดใหม่ แต่ผู้เช่าจะได้รับความสะดวกเรื่องการเดินทาง (เนื่องจากใกล้ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์และถนนวงแหวนรอบเมือง) และคุณภาพอาคารที่ทันสมัย ย่านฟ้าฮ่ามยังเหมาะกับผู้ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูนหรือย่านสันกำแพง เพราะสามารถเดินทางออกเมืองไปทางใต้และตะวันออกได้สะดวก
ย่านแม่เหียะและหางดง (โซนใต้ใกล้สนามบิน): ทางตอนใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะบริเวณตำบลแม่เหียะและอำเภอหางดง เป็นย่านที่กำลังมาแรงสำหรับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวและชาวต่างชาติที่ต้องการความสงบ ย่านแม่เหียะอยู่ติดกับเขตสนามบินเชียงใหม่และถนนเชียงใหม่-หางดง มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ (เช่น บิ๊กซีแม่เหียะ และเทสโก้โลตัสหางดง) รวมถึงสถานที่พักผ่อนอย่างอุทยานหลวงราชพฤกษ์และไนท์ซาฟารี รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์อย่างโครงการกาดฝรั่งในเขตหางดง บริเวณนี้มีหมู่บ้านจัดสรร บ้านเดี่ยวให้เช่า รวมถึงอพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กจำนวนหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับชุมชนคนทำงานและครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ผู้เช่าในย่านนี้จะได้รับบรรยากาศเงียบสงบ มีธรรมชาติใกล้ตัว และเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองภายในเวลาประมาณ 15-30 นาที เหมาะกับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง นอกจากนี้ ในอำเภอหางดงและแม่เหียะยังมีโรงเรียนนานาชาติและชุมชนชาวต่างชาติอาศัยอยู่มาก การเลือกเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ในย่านนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้ที่ต้องการสังคมที่สงบและปลอดภัย
ย่านแม่ริม สันทราย และพื้นที่รอบนอกอื่น ๆ: สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและต้องการหลีกหนีความพลุกพล่านของตัวเมือง การเช่าที่พักในอำเภอรอบนอกอย่างแม่ริม (ทางตอนเหนือ) หรือสันทราย (ทางตะวันออกเฉียงเหนือ) ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ พื้นที่เหล่านี้มีทั้งบ้านเช่าและอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ในชุมชน บรรยากาศชนบทและวิวทิวทัศน์สวยงาม เช่น ทุ่งนาและภูเขา การเดินทางอาจใช้เวลามากกว่าย่านอื่น (30-45 นาทีเข้าสู่เมือง) แต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพอากาศที่ดีกว่าและความสงบเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับผู้เช่าที่ทำงานจากบ้าน (work from home) หรือต้องการคุณภาพชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ในภาพรวม พื้นที่อำเภอสันทราย (ทิศเหนือ) และสันกำแพง/สารภี (ทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้) มีตัวเลือกบ้านเช่าราคาถูกและเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเข้าเมือง ขณะที่อำเภอแม่ริม (ทิศเหนือ) มีจุดเด่นด้านธรรมชาติ เหมาะกับบ้านพักตากอากาศหรือรีสอร์ตที่ดัดแปลงเป็นบ้านเช่า
ภาพรวมแล้ว ทำเลในการเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวในเชียงใหม่มีความหลากหลายและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบชีวิตในเมืองที่คึกคัก หรือปรารถนาความสงบท่ามกลางธรรมชาติ เชียงใหม่มีทำเลที่เหมาะสมให้เลือกมากมาย การสำรวจย่านต่าง ๆ และเปรียบเทียบบรรยากาศ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของแต่ละที่ จะช่วยให้ผู้เช่าตัดสินใจได้ว่าทำเลใดสอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของตนมากที่สุด
ช่วงราคาค่าเช่าในแต่ละโซน พร้อมแนวโน้มราคา
ราคาเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่มีความแตกต่างกันไปตามทำเล ลักษณะที่พัก และระดับความใหม่หรือเก่าของอาคาร เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมของช่วงราคาค่าเช่า เราสามารถแบ่งราคาตามโซนและประเภทที่พักคร่าว ๆ ได้ดังนี้:
- ใจกลางเมืองและย่านยอดนิยม: ในบริเวณใจกลางเมืองเชียงใหม่และย่านยอดนิยมอย่างนิมมานเหมินทร์ สุเทพ (ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) และคูเมือง ราคาค่าเช่าจะอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับโซนอื่น โดย อพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดมิเนียมห้องสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนในย่านเหล่านี้มักมีค่าเช่าอยู่ประมาณ 8,000-15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับความใหม่และสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ หากเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอน ค่าเช่าอาจขยับขึ้นไปอยู่ในช่วง 12,000-25,000 บาทต่อเดือน โดยที่พักระดับหรูหรือคอนโดใกล้ถนนใหญ่ในนิมมานฯ สามารถมีราคาแตะระดับ 20,000 บาทขึ้นไปต่อเดือนได้สำหรับห้องสองห้องนอนหรือห้องชุดขนาดใหญ่ นอกจากนี้ บ้านเช่าหรือทาวน์เฮาส์ในเขตใจกลางเมือง (เช่น รอบคูเมือง) มักมีค่าเช่าอยู่ที่ประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อเดือนหรือมากกว่า ขึ้นกับขนาดและสภาพบ้าน
- ย่านชานเมืองใกล้ตัวเมือง: สำหรับย่านอย่างสันติธรรม ช้างเผือก ช้างคลาน (ไนท์บาซาร์) หรือบริเวณรอบคูเมืองด้านนอก ค่าเช่าจะถูกลงกว่าใจกลางนิมมานฯ เล็กน้อย อพาร์ทเม้นท์ห้องขนาดเล็กในย่านเหล่านี้เริ่มต้นที่ประมาณ 5,000-8,000 บาทต่อเดือน บางแห่งที่เป็นหอพักเก่าแก่หรืออาคารไม่มีลิฟต์อาจมีราคาเพียง 4,000 บาทต่อเดือนสำหรับห้องพัดลม ส่วนคอนโดมิเนียมหนึ่งห้องนอนในชานเมืองเหล่านี้จะมีค่าเช่าประมาณ 7,000-12,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่คอนโดสองห้องนอนอยู่ที่ราว 10,000-18,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ที่พักในโซนนี้หลายแห่งอาจมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าห้องกลางเมืองที่ราคาใกล้เคียงกัน เนื่องจากที่ดินนอกศูนย์กลางมีราคาถูกกว่า
- ย่านใกล้ศูนย์การค้าและโซนธุรกิจใหม่ (ฟ้าฮ่าม, หนองป่าครั่ง): บริเวณใกล้เซ็นทรัลเฟสติวัลและย่านเศรษฐกิจใหม่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ค่าเช่าของคอนโดใหม่ ๆ ในย่านนี้มีระดับใกล้เคียงกับย่านชานเมืองอื่น คอนโดขนาดสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนใกล้ห้างใหญ่มีค่าเช่าประมาณ 8,000-14,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับความหรูของโครงการ เช่น โครงการที่มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสูงจะอยู่ในช่วงบนของราคา หากเป็นอพาร์ทเม้นท์โลว์ไรส์ทั่วไป (ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก) ในบริเวณถนนซุปเปอร์ไฮเวย์หรือใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยพายัพ ค่าเช่าอาจอยู่ที่ 5,000-9,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น
- ย่านชานเมืองด้านใต้ (แม่เหียะ, หางดง): โซนนี้มีความหลากหลายของที่พักตั้งแต่คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ไปจนถึงบ้านเดี่ยว ค่าเช่าจึงมีช่วงกว้าง คอนโดหรืออพาร์ทเม้นท์ขนาดหนึ่งห้องนอนในย่านแม่เหียะสามารถหาได้ที่ราคา 6,000-10,000 บาทต่อเดือน ส่วนบ้านเช่าขนาด 2-3 ห้องนอนในหมู่บ้านจัดสรรหรือบ้านเดี่ยวในแถบหางดง มักมีค่าเช่าเริ่มต้นประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือนสำหรับบ้านชั้นเดียวหรือบ้านหลังเล็ก และอาจขึ้นไปถึง 20,000-30,000 บาทต่อเดือนสำหรับบ้านหลังใหญ่หรือบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ในบริเวณนี้ผู้เช่ามักจะได้พื้นที่ใช้สอยและบรรยากาศที่สงบเป็นข้อแลกเปรียบ เมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย
- ย่านชานเมืองด้านเหนือและตะวันออก (แม่ริม, สันทราย, สันกำแพง, สารภี): พื้นที่รอบนอกเหล่านี้มีที่พักราคาถูกลงอีก หอพักและอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ใกล้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (สันทราย) มีค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 3,000-5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตอบโจทย์นักศึกษาที่ต้องการประหยัดงบ ส่วนบ้านเช่าหรือที่พักรีสอร์ตในแม่ริมที่มอบบรรยากาศธรรมชาติ ค่าเช่าอาจอยู่ราว 8,000-15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นกับขนาดและความใหม่ของบ้าน โดยรวมแล้วโซนรอบนอกเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดหรือมองหาความคุ้มค่าคุ้มราคาในการเช่า ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยระยะเวลาเดินทางที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มราคาและปัจจัยที่ส่งผล: จากแนวโน้มเศรษฐกิจปัจจุบัน ค่าเช่าในเชียงใหม่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีก่อน สาเหตุสำคัญมาจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการกลับมาของชาวต่างชาติและคนไทยที่ย้ายถิ่นเข้าสู่เชียงใหม่ ส่งผลให้ความต้องการเช่าที่พักเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อและต้นทุนค่าบำรุงรักษาอาคารที่สูงขึ้น เจ้าของที่พักบางรายจึงปรับขึ้นค่าเช่าเล็กน้อย (ประมาณ 3-5% ต่อปีในทำเลที่ความต้องการสูง) อย่างไรก็ดี การแข่งขันในตลาดเช่าของเชียงใหม่ยังสูง ผู้เช่าจึงยังสามารถต่อรองหรือมองหาดีลที่คุ้มค่าได้ โดยเฉพาะหากพร้อมเซ็นสัญญาเช่าระยะยาว ผู้ให้เช่าหลายรายยินดีตรึงราคาค่าเช่าเดิมหรือมอบส่วนลดพิเศษเพื่อรักษาผู้เช่าให้อยู่ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เชียงใหม่มีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัยใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดมีอุปทานที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางโครงการมียูนิตว่างที่ทยอยถูกผู้เช่าเข้ามาจับจองภายหลังช่วงโควิด-19 การมีตัวเลือกจำนวนมากเช่นนี้ช่วยชะลอการปรับขึ้นของราคาค่าเช่า ผู้เช่าจึงยังสามารถค้นหาห้องพักในราคาสมเหตุสมผลได้โดยไม่ยาก ผู้เช่าในงบประมาณทั่วไปมีทางเลือกมากมาย ในขณะที่ตลาดเช่าระดับบนก็มีอสังหาฯ หรูหราให้เช่า เช่น บ้านพักวิลล่าขนาดใหญ่ในย่านหางดงหรือสันทราย ที่ค่าเช่าอาจสูงถึงหลักแสนบาทต่อเดือนสำหรับกลุ่มผู้บริหารหรือชาวต่างชาติ แต่อสังหาริมทรัพย์กลุ่มนี้มีสัดส่วนไม่มากและไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมตลาดโดยตรง โดยรวมแล้วราคาค่าเช่าในเชียงใหม่ยังถือว่า “คุ้มค่า” เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ผู้เช่าสามารถเลือกทำเลและประเภทที่พักให้เหมาะกับงบประมาณของตนเองได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะเห็นโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้เช่าเป็นระยะ การติดตามข่าวสารตลาดและเริ่มมองหาที่พักล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ได้ที่พักที่ถูกใจในราคาที่สมเหตุสมผลมากที่สุด
ในภาพรวม ค่าเช่าในเชียงใหม่มีความหลากหลายและยังอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตที่ได้รับ ผู้เช่าควรพิจารณาทำเลและช่วงราคาที่เหมาะกับตนเองอย่างถี่ถ้วน หาข้อมูลทั้งจากประกาศออนไลน์และการสอบถามคนในพื้นที่ เพื่อให้ได้ที่พักในงบประมาณที่ตั้งไว้และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตน การไม่รีบเร่งตัดสินใจแต่เปรียบเทียบตัวเลือกหลาย ๆ แห่งจะช่วยให้ผู้เช่าได้ข้อเสนอที่คุ้มค่าและลดโอกาสเจอปัญหาระหว่างการเช่าในภายหลัง
ข้อดีข้อเสียของการเช่าอพาร์ทเม้นท์เทียบกับที่พักประเภทอื่น
เมื่อพิจารณาที่อยู่อาศัยสำหรับการเช่าระยะยาวในเชียงใหม่ ผู้เช่ามีตัวเลือกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ ซึ่งแต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกันออกไป ในบทนี้เราจะเน้นเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการเช่า “อพาร์ทเม้นท์” กับที่พักประเภทอื่น ๆ ที่นิยมในเชียงใหม่ เพื่อช่วยให้ผู้เช่าตัดสินใจเลือกแบบที่เหมาะกับความต้องการของตนเอง
ข้อดีของการเช่าอพาร์ทเม้นท์:
- ค่าเช่ามักถูกกว่าเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียม: โดยทั่วไป อพาร์ทเม้นท์ (ซึ่งหมายถึงอาคารให้เช่าที่เจ้าของเดียวเป็นผู้ดูแลทั้งหมด) มักมีค่าเช่ารายเดือนต่ำกว่าคอนโดมิเนียมหรือเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในทำเลเดียวกัน เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างและการบริการที่น้อยกว่า สำหรับผู้เช่าที่มีงบประมาณจำกัด การเลือกอพาร์ทเม้นท์จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
- ความยืดหยุ่นในการเช่า: อพาร์ทเม้นท์หลายแห่งในเชียงใหม่อนุญาตให้เช่าแบบรายเดือนโดยไม่ต้องทำสัญญาระยะยาว 1 ปีเต็ม แตกต่างจากคอนโดมิเนียมที่เจ้าของห้องมักกำหนดสัญญา 6 เดือนหรือ 1 ปี การเช่าอพาร์ทเม้นท์แบบเดือนต่อเดือนทำให้ผู้เช่ามีความยืดหยุ่นในการย้ายที่อยู่เมื่อมีความจำเป็น หรือทดลองอยู่ในทำเลต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเช่าระยะยาว
- มีผู้ดูแลและบริการพื้นฐาน: โดยปกติอพาร์ทเม้นท์จะมีผู้จัดการตึกหรือเจ้าของที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน ทำให้การแจ้งซ่อมบำรุงหรือขอความช่วยเหลือทำได้รวดเร็ว นอกจากนี้ หลายแห่งมีบริการพื้นฐานเช่น ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ หรือบริการทำความสะอาดส่วนกลาง ผู้เช่าจึงสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน
- อยู่ร่วมกับชุมชนท้องถิ่น: การอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ซึ่งมักตั้งอยู่ในย่านชุมชน ทำให้ผู้เช่าได้มีโอกาสสัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่นมากขึ้น เช่น มีตลาดสดหรือร้านอาหารพื้นเมืองอยู่ใกล้ ๆ แตกต่างจากคอนโดหรูที่อาจแยกตัวอยู่ในเขตพักอาศัยเฉพาะ
ข้อเสียของการเช่าอพาร์ทเม้นท์:
- สิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่า: อพาร์ทเม้นท์ทั่วไปในเชียงใหม่มักไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราเช่น สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย หรือพื้นที่สวนกว้างขวางเหมือนคอนโดมิเนียมระดับกลาง-สูง ดังนั้น ผู้เช่าที่ต้องการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้อาจไม่สะดวกเท่ากับการเช่าคอนโด
- คุณภาพอาคารและความเป็นส่วนตัว: คอนโดมิเนียมมักสร้างด้วยวัสดุที่ได้มาตรฐานสูงกว่าและมีระบบป้องกันเสียงที่ดีกว่า ในขณะที่อพาร์ทเม้นท์บางแห่ง (โดยเฉพาะอาคารเก่า) อาจมีผนังบางหรือการเก็บเสียงที่ไม่ดี ผู้เช่าอาจได้ยินเสียงรบกวนจากห้องข้างเคียงหรือจากภายนอกมากกว่า นอกจากนี้ คอนโดมักจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้พักอาศัยผ่านระบบคีย์การ์ด ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูงกว่าเล็กน้อย เทียบกับอพาร์ทเม้นท์ที่คนภายนอกอาจเข้าถึงได้ง่ายกว่า
- ข้อจำกัดในการปรับปรุงห้อง: การเช่าอพาร์ทเม้นท์มักมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานที่จัดไว้ให้ ผู้เช่าไม่สามารถปรับปรุงหรือตกแต่งห้องได้มากนัก (เช่น ทาสีผนัง เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ built-in) เพราะเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ แตกต่างจากการเช่าบ้านเดี่ยวที่บางครั้งผู้เช่าอาจต่อรองขอปรับปรุงพื้นที่เล็กน้อยได้ หรือการอยู่คอนโดที่อย่างน้อยได้เลือกสไตล์ห้องเองจากหลายยูนิต
- ที่จอดรถและพื้นที่ส่วนตัว: อพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กบางแห่งในเมืองอาจไม่มีที่จอดรถเพียงพอสำหรับผู้เช่าทุกคน หรืออาจไม่มีที่จอดรถยนต์เลย ทำให้ผู้เช่าที่มีรถต้องจอดริมถนน ในขณะที่คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มีที่จอดรถ (แม้อาจไม่เพียงพอในบางโครงการแต่ก็มักจัดให้เจ้าของ/ผู้เช่าได้สิทธิ์จอด) และบ้านเดี่ยวแน่นอนว่ามีโรงจอดรถส่วนตัว ความสะดวกในส่วนนี้จึงขึ้นอยู่กับประเภทที่พักอย่างมาก
เมื่อเทียบกับที่พักประเภทอื่น:
- คอนโดมิเนียม: ข้อดีของคอนโดคือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน คุณภาพการก่อสร้างและความปลอดภัยสูงกว่า แต่ข้อเสียคือค่าเช่าสูงกว่าและขนาดห้องค่อนข้างเล็กในงบประมาณที่เท่ากัน เมื่อเทียบกับอพาร์ทเม้นท์ ผู้เช่าที่เน้นความคุ้มค่าและไม่ได้ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกมากนักมักเลือกอพาร์ทเม้นท์ ขณะที่คนที่ต้องการชีวิตสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวจะเลือกคอนโด
- บ้านเดี่ยว/ทาวน์เฮาส์: การเช่าบ้านเดี่ยวให้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า มีบริเวณรอบบ้านและความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แต่ข้อเสียคือมักตั้งอยู่ไกลเมืองขึ้น ต้องดูแลรักษาบ้านเองพอสมควร (เช่น จัดสวน ซ่อมแซมเล็กน้อย) และค่าเช่าต่อเดือนอาจสูงเมื่อเทียบกับอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในเมือง ทั้งยังมีค่าน้ำค่าไฟที่อาจสูงกว่าเพราะพื้นที่ใหญ่กว่า นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยต้องจัดการเอง (ในกรณีบ้านนอกโครงการ)
- เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์/โรงแรมรายเดือน: ที่พักเหล่านี้มักเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ต้องการความสะดวกสูงสุด เช่น มีบริการทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าปูที่นอน หรือมีแผนกต้อนรับ 24 ชั่วโมง ข้อดีคือสะดวกสบายเหมือนอยู่โรงแรมตลอดเวลา แต่ข้อเสียคือค่าเช่ารายเดือนจะแพงกว่ามาก (อาจสูงกว่าค่าเช่าคอนโดในระดับเดียวกันถึง 50-100%) และมักเหมาะกับการพักระยะสั้นหรือช่วงเปลี่ยนผ่านมากกว่าการอยู่อาศัยเป็นปี ๆ
ท้ายที่สุด ไม่มีรูปแบบที่พักใดที่เหมาะกับทุกคนอย่างสมบูรณ์ การเช่าอพาร์ทเม้นท์ก็มีข้อดีในด้านความประหยัดและความเรียบง่าย ขณะที่การเช่าคอนโดหรือบ้านอาจตอบโจทย์ในเรื่องพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า สิ่งสำคัญคือผู้เช่าควรชั่งน้ำหนักความต้องการของตนเอง เลือกสิ่งที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณ การได้ลองอยู่อาศัยในแบบต่าง ๆ เช่น เคยเช่าหอพักนักศึกษาแล้วเปลี่ยนมาเช่าคอนโดเมื่อเริ่มทำงาน จะช่วยให้รู้ว่าตนเองสบายใจกับการอยู่อาศัยแบบไหนมากที่สุด และนั่นคือประสบการณ์ที่มีค่าในการตัดสินใจเลือกที่พักในอนาคต
ขั้นตอนการค้นหาอพาร์ทเม้นท์ และสิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนทำสัญญา
การหาอพาร์ทเม้นท์เช่าในเชียงใหม่ให้ถูกใจและเหมาะสมกับความต้องการ อาจต้องอาศัยการวางแผนและการตรวจสอบอย่างรอบคอบ ผู้เช่าสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการพบที่พักที่ใช่ และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาภายหลัง:
- กำหนดความต้องการและงบประมาณของตนเอง: เริ่มต้นด้วยการทำรายการความต้องการพื้นฐาน เช่น ทำเลที่ต้องการ (ใกล้ที่ทำงาน มหาวิทยาลัย หรือสถานที่สำคัญอื่น ๆ), ขนาดห้อง (สตูดิโอ, 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน), สิ่งอำนวยความสะดวกที่อยากได้ (ที่จอดรถ, ลิฟต์, เครื่องปรับอากาศ, เฟอร์นิเจอร์), และที่สำคัญคือกำหนดงบประมาณค่าเช่าที่ตนเองสามารถจ่ายได้โดยไม่ลำบาก เมื่อมีกรอบเหล่านี้แล้วจะช่วยจำกัดวงตัวเลือกและประหยัดเวลาในการค้นหา
- ค้นหาข้อมูลที่พัก: ปัจจุบันมีช่องทางออนไลน์มากมายในการค้นหาอพาร์ทเม้นท์และที่พักให้เช่าในเชียงใหม่ เว็บไซต์เช่าที่อยู่อาศัยอย่าง RentHub, DDproperty, Baania หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (เช่น กลุ่ม Facebook “หาห้องเช่าเชียงใหม่”) เป็นแหล่งข้อมูลที่ดี ผู้เช่าควรใช้คำค้นหาเฉพาะเจาะจง เช่น “อพาร์ทเม้นท์ เชียงใหม่ ใกล้ มช.” หรือ “หอพัก นิมมาน รายเดือน” เพื่อหาตัวเลือกที่ตรงใจ นอกจากนี้ การสอบถามคนรู้จักหรือเพื่อนร่วมงานที่อยู่เชียงใหม่อยู่แล้วก็อาจช่วยแนะนำที่พักดี ๆ ที่อาจไม่ได้ลงโฆษณาออนไลน์
- สำรวจพื้นที่และเยี่ยมชมห้องพัก: เมื่อได้รายชื่อสถานที่ที่สนใจ ควรติดต่อผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์เพื่อนัดหมายเข้าชมห้องจริง ในระหว่างการเยี่ยมชม ควรสังเกตสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในอาคาร ตรวจสอบความสะอาดและความเรียบร้อยของพื้นที่ส่วนกลาง, ระบบความปลอดภัย (มีรปภ.หรือกล้องวงจรปิดหรือไม่), ตลอดจนระดับเสียงและบรรยากาศโดยรอบ (เช่น หากอยู่ติดถนนใหญ่จะมีเสียงรถดังตลอดหรือไม่) จากนั้นในตัวห้องพักให้ ตรวจสอบจุดสำคัญ ได้แก่
- สภาพผนัง พื้น และเพดาน: มีรอยแตก รั่วซึม หรือเชื้อราหรือไม่
- ประตูและหน้าต่าง: เปิดปิดได้สะดวก ล็อกได้แน่นหนา มียางกันเสียงและมุ้งลวดอยู่ในสภาพดี
- ระบบไฟฟ้าและประปา: ทดลองเปิดไฟทุกดวง เปิดเครื่องปรับอากาศ พัดลม และปลั๊กไฟว่าทำงานหรือไม่ ตรวจสอบแรงดันน้ำในก๊อกน้ำ ฝักบัว ว่าน้ำไหลแรงและสม่ำเสมอหรือไม่ และท่อน้ำทิ้งในห้องน้ำไหลระบายดีหรือไม่
- เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (ถ้ามี): ตรวจดูความสมบูรณ์ของเฟอร์นิเจอร์ เตียง โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า ว่าไม่ชำรุด พิจารณาสภาพที่นอนว่าปลอดจากคราบหรือกลิ่นอับ เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า (ถ้ามี) ว่าอยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ
- ความปลอดภัยภายในห้อง: ประตูห้องมีโซ่ล็อกหรือกลอนเสริมเพื่อความปลอดภัยเพิ่มหรือไม่ มีเครื่องตรวจจับควันหรือถังดับเพลิงใกล้เคียงหรือเปล่า (อพาร์ทเม้นท์บางแห่งอาจไม่มี แต่ควรสังเกตไว้)
นอกจากนี้ การเดินดูบริเวณรอบ ๆ ในช่วงเวลาต่างกัน (เช้า vs กลางคืน) อาจให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ตอนกลางคืนบริเวณนั้นมีแสงสว่างและความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ เสียงสุนัขเห่าหรือเสียงจากเพื่อนบ้านดังรบกวนหรือไม่ อีกทั้งสอบถามข้อมูลว่าบริเวณดังกล่าวเคยมีปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูฝนหรือปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ หรือไม่ เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบยิ่งขึ้น
- พูดคุยสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้เช่า: ระหว่างการเยี่ยมชมหรือภายหลังเมื่อสนใจที่ใดที่หนึ่ง ควรสอบถามผู้ดูแลหรือเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ถึงรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่
- เงื่อนไขสัญญาเช่า: ระยะเวลาขั้นต่ำในการเช่า (รายเดือน/6 เดือน/1 ปี), เงื่อนไขการต่อสัญญา, การบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดทำได้หรือไม่ มีค่าใช้จ่ายอย่างไร
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม: นอกเหนือจากค่าเช่ารายเดือน มีค่าบริการส่วนกลางหรือไม่ (เช่น ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าสระว่ายน้ำ หากมีสิ่งอำนวยความสะดวก), อัตราค่าน้ำค่าไฟคิดอย่างไร (ตามมิเตอร์การประปา/ไฟฟ้า หรืออัตราเหมาจ่าย), มีค่าอินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวี หรือค่าจอดรถเพิ่มเติมหรือไม่
- นโยบายการอยู่อาศัย: อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์หรือไม่, มีกฎเรื่องการสูบบุหรี่ภายในห้องหรือพื้นที่ส่วนกลางอย่างไร, ช่วงเวลาเปิด-ปิดของอาคาร (บางแห่งล็อกประตูตอนดึก), นโยบายรับแขกหรือเพื่อนมาพักค้างคืน
- การดูแลซ่อมแซม: หากเกิดปัญหาในห้อง เช่น เครื่องปรับอากาศเสีย ท่อน้ำตัน ใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าซ่อม (ส่วนมากเจ้าของจะดูแลการซ่อมแซมใหญ่ ส่วนผู้เช่ารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดวิธี) และช่องทางการแจ้งซ่อมสะดวกไหม
- เปรียบเทียบตัวเลือกและตัดสินใจ: เมื่อได้ข้อมูลจากหลายแห่ง ควรนำมาเปรียบเทียบกันทั้งด้านราคา ความสะดวก ทำเล คุณภาพห้อง และความน่าเชื่อถือของผู้ให้เช่า อาจสร้างตารางเปรียบเทียบหรือรายการข้อดีข้อเสียของแต่ละที่ เพื่อช่วยในการพิจารณา อย่าลืมคำนึงถึงความรู้สึกส่วนตัว เช่น ความสบายใจเมื่ออยู่ในสถานที่นั้น ๆ หรือท่าทีของผู้ให้เช่า/ผู้ดูแลว่าดูเป็นมิตรและช่วยเหลือดีหรือไม่ ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อความสุขในการอยู่อาศัยระยะยาวเช่นกัน
- ตรวจสอบสัญญาเช่าก่อนลงนาม: เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว ขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการอ่านและทำความเข้าใจสัญญาเช่าอย่างละเอียด สิ่งที่ควรตรวจสอบในสัญญา ได้แก่:
- ชื่อและที่อยู่ของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย (ผู้ให้เช่าและผู้เช่า) ต้องถูกต้อง
- รายละเอียดของทรัพย์สินที่เช่า เช่น ที่อยู่ห้องเลขที่ ขนาดห้อง เฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้มาพร้อมเช่า (ควรแนบรายการสิ่งของเหล่านี้)
- ระยะเวลาการเช่าและวันสิ้นสุดสัญญาที่ชัดเจน
- อัตราค่าเช่า รายละเอียดวันครบกำหนดชำระในแต่ละเดือน และช่องทางการชำระเงิน (โอนบัญชี/เงินสด)
- จำนวนเงินประกันความเสียหาย (เงินมัดจำ) และเงื่อนไขการคืนเงินประกัน (เช่น จะคืนภายในกี่วันหลังหมดสัญญา และต้องหักค่าเสียหาย/ค่าค้างชำระใด ๆ ก่อนหรือไม่)
- ข้อกำหนดเกี่ยวกับค่าสาธารณูปโภค: อัตราค่าน้ำ ค่าไฟ (ควรระบุว่าจะคิดตามบิลราชการหรืออัตราเท่าใดต่อหน่วย), ค่าอินเทอร์เน็ตหรือเคเบิลทีวี (ถ้ามี)
- หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้เช่าและผู้ให้เช่าเกี่ยวกับการดูแลซ่อมแซม เช่น ผู้ให้เช่าต้องซ่อมแซมโครงสร้างใหญ่หรือระบบที่ชำรุดเอง ส่วนผู้เช่าต้องดูแลรักษาความสะอาดและความเสียหายเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนหลอดไฟในห้อง เปลี่ยนถ่านรีโมทแอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นจากการใช้งานของผู้เช่า (เช่น ทำเฟอร์นิเจอร์หัก) ผู้เช่าต้องซ่อมหรือชดใช้
- เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญา: กำหนดวิธีและเงื่อนไขหากผู้เช่าต้องการย้ายออกก่อนครบสัญญา (เช่น ต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วันและอาจไม่ได้รับคืนเงินประกันบางส่วน) หรือในกรณีผู้ให้เช่าต้องการยกเลิกสัญญา (มักระบุได้เฉพาะเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา เช่น ไม่จ่ายค่าเช่า)
- ข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ห้ามเลี้ยงสัตว์ ห้ามส่งเสียงดังหลังเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือห้ามดัดแปลงห้องโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากพบข้อใดในสัญญาที่ไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้ด้วยวาจา หรือรู้สึกไม่เป็นธรรม ควรสอบถามและขอแก้ไขก่อนลงนาม อย่ารีบเซ็นสัญญาหากยังอ่านไม่ครบหรือไม่เข้าใจบางเงื่อนไข นอกจากนี้ ควรขอรับสำเนาสัญญาที่ลงนามแล้วเก็บไว้กับตัว รวมถึงใบเสร็จหรือหลักฐานการชำระเงินต่าง ๆ
- บันทึกสภาพห้องก่อนเข้าอยู่: ก่อนขนของเข้าพักอาศัย ควรถ่ายรูปหรือวิดีโอสภาพห้องโดยละเอียด เก็บหลักฐานวันที่ชัดเจน โดยเน้นจุดที่มีตำหนิหรือสภาพเก่าตั้งแต่ก่อนเข้าอยู่ เช่น รอยเปื้อนบนผนัง พื้นเป็นรอย หรือเฟอร์นิเจอร์มีตำหนิ ทั้งนี้เพื่อป้องกันการถูกเรียกร้องค่าซ่อมแซมในส่วนที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งานของเราตอนย้ายออก ภาพถ่ายเหล่านี้ควรแชร์ให้ผู้ให้เช่ารับทราบด้วยในวันรับมอบห้อง
ด้วยขั้นตอนและความรอบคอบดังกล่าว ผู้เช่าก็จะสามารถหาที่พักในเชียงใหม่ที่ทั้งถูกใจและไร้ปัญหากวนใจ ทั้งนี้หากยังไม่แน่ใจในขั้นตอนใด การปรึกษาผู้มีประสบการณ์หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (เช่น นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจเช่า
แม้ว่าขั้นตอนการหาห้องเช่าอาจดูยุ่งยากในช่วงแรก แต่หากผู้เช่าจัดลำดับความสำคัญและดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน มีความรอบคอบในการตรวจสอบเอกสารและสภาพห้อง ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่คาดคิดและพบที่พักที่ตรงใจได้ไม่ยาก เชียงใหม่มีทางเลือกที่พักมากมาย ดังนั้นการสละเวลาค้นคว้าและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ย่อมคุ้มค่าเพื่อให้ได้มาซึ่งที่อยู่อาศัยที่จะกลายเป็น "บ้าน" ที่อบอุ่นตลอดช่วงเวลาที่เราอาศัยอยู่ในเมืองนี้
รูปแบบสัญญาเช่าที่พบบ่อย และคำศัพท์สำคัญที่ควรรู้
รูปแบบสัญญาเช่าที่พบบ่อย:
ในการเช่าที่พักอาศัยระยะยาว มีรูปแบบสัญญาหลัก ๆ ที่ผู้เช่าควรทราบ:
- สัญญาเช่าระยะสั้น (Month-to-Month): เป็นการเช่าแบบไม่มีระยะเวลาผูกมัดยาวนาน สัญญาจะต่ออายุไปเรื่อย ๆ รายเดือนจนกว่าฝ่ายใดจะแจ้งยกเลิก ผู้เช่าประเภทนี้มักต้องแจ้งผู้ให้เช่าล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนย้ายออก ข้อดีคือยืดหยุ่นสูง ผู้เช่าสามารถย้ายออกเมื่อใดก็ได้ตามความต้องการ (ตราบใดที่แจ้งล่วงหน้าตามกำหนด) แต่บางครั้งผู้ให้เช่าอาจปรับขึ้นค่าเช่าได้เมื่อสิ้นเดือนเพราะไม่ได้ล็อกราคาไว้ระยะยาว สัญญาเดือนต่อเดือนมักพบในอพาร์ทเม้นท์ที่รองรับนักศึกษา หรือที่พักที่เจ้าของต้องการความยืดหยุ่นเช่นกัน
- สัญญาเช่าระยะยาวคงที่ (Fixed-Term Lease): เป็นสัญญาที่กำหนดระยะเวลาเช่าชัดเจน เช่น 6 เดือน หรือ 1 ปี โดยระหว่างนี้ทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าต้องปฏิบัติตามสัญญาจนครบกำหนด ผู้เช่าจะมั่นใจได้ว่าราคาเช่าคงที่ตลอดสัญญาและมีสิทธิอยู่อาศัยจนสิ้นสุดระยะเวลา ส่วนผู้ให้เช่าก็มั่นใจว่าจะมีรายได้ค่าเช่าต่อเนื่อง ในเชียงใหม่ สัญญาแบบ 1 ปีพบได้บ่อยในกรณีการเช่าคอนโดมิเนียมและบ้านเช่าที่เจ้าของต้องการกลุ่มผู้เช่าที่พักนาน ๆ อย่างไรก็ดี หากผู้เช่าจำเป็นต้องยกเลิกก่อนครบสัญญา อาจต้องเสียค่าปรับหรือถูกริบเงินประกันตามเงื่อนไขที่ระบุไว้
- สัญญาเช่าแบบต่ออายุได้ (Renewable Lease): คล้ายกับสัญญาระยะยาวคงที่ แต่ระบุเงื่อนไขการต่อสัญญาเมื่อครบกำหนด เช่น สัญญา 1 ปีที่ระบุว่าหากครบปีแล้วจะต่อให้อัตโนมัติอีกปีหนึ่งเว้นแต่มีฝ่ายใดแจ้งยกเลิกล่วงหน้า การต่ออายุอาจต่อในอัตราค่าเช่าเดิมหรือมีการปรับขึ้นตามที่ระบุไว้ล่วงหน้า
- สัญญาเช่าพร้อมบริการ (Serviced Apartment Contract): สำหรับเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์หรือโรงแรมที่ปล่อยเช่ารายเดือน สัญญามักมีลักษณะพิเศษ เช่น รวมค่าบริการทำความสะอาดหรืออาหารเช้า และอาจยืดหยุ่นมากกว่าสัญญาเช่าทั่วไป ข้อกำหนดการยกเลิกมักง่ายกว่า แต่ค่าเช่าก็แพงกว่าเช่าที่พักแบบทั่วไป
คำศัพท์สำคัญที่ควรรู้ในสัญญาเช่า:
- ผู้ให้เช่า (Lessor/Landlord) และ ผู้เช่า (Lessee/Tenant): ผู้ให้เช่าหมายถึงเจ้าของทรัพย์สินหรือผู้มีสิทธิ์ปล่อยเช่า ส่วนผู้เช่าคือบุคคลที่ทำสัญญาเช่าเพื่ออยู่อาศัย
- ทรัพย์สินที่เช่า (Leased Premises): ระบุถึงสถานที่หรือห้องที่ให้เช่า เช่น ห้องเลขที่ X อาคาร Y ถนน Z อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ให้ใช้ร่วมด้วย (เช่น ที่จอดรถเลขที่… ถ้ามี)
- ค่าเช่า (Rent): จำนวนเงินที่ผู้เช่าต้องชำระให้ผู้ให้เช่าเป็นประจำตามรอบ (รายเดือน เว้นแต่จะระบุเป็นอย่างอื่น) ค่าเช่านี้อาจระบุว่า “สุทธิ” รวมค่าบริการส่วนกลางแล้วหรือ “ยังไม่รวม” ซึ่งหากไม่รวม ผู้เช่าอาจต้องจ่ายเพิ่มในส่วนค่าส่วนกลางอาคาร
- เงินประกันความเสียหาย (Security Deposit): เงินมัดจำที่ผู้เช่าจ่ายให้ผู้ให้เช่าเมื่อเริ่มสัญญา เพื่อประกันการปฏิบัติตามสัญญาและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน โดยปกติตามธรรมเนียมจะเก็บเท่ากับค่าเช่า 1-2 เดือน และจะคืนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญาหากผู้เช่าปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วนและไม่มีค่าใช้จ่ายค้าง
- ค่าเช่าล่วงหน้า (Advance Rent): เงินค่าเช่าของงวดแรกที่มักจ่ายล่วงหน้าในวันทำสัญญา บางครั้งเรียกรวมว่า “เข้าอยู่จ่าย 3 เดือน” คือประกอบด้วยค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน + เงินประกัน 2 เดือน
- ระยะเวลาเช่า (Term of Lease): ช่วงเวลาที่สัญญามีผล เช่น เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568
- การต่อสัญญา (Renewal): เงื่อนไขว่าหลังครบสัญญาแล้วจะต่อสัญญาได้หรือไม่ อย่างไร เช่น ต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วันก่อนหมดสัญญาหากต้องการต่อ
- การบอกเลิกสัญญา (Termination): เงื่อนไขการยุติสัญญาก่อนครบกำหนด เช่น หากผู้เช่าผิดนัดชำระค่าเช่าเกินกว่าที่กำหนด ผู้ให้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาได้ หรือหากผู้เช่าต้องการเลิกสัญญาก่อนกำหนดต้องแจ้งล่วงหน้าและอาจเสียค่าปรับ เป็นต้น
- ค่าปรับ/เบี้ยปรับ (Penalty): จำนวนเงินที่ต้องจ่ายหากมีการผิดเงื่อนไข เช่น เบี้ยปรับกรณีเช่าไม่ครบตามสัญญา หรือค่าปรับชำระค่าเช่าล่าช้า (บางสัญญาจะกำหนดเช่น หากจ่ายช้าเกิน 7 วัน เสียค่าปรับ 100 บาท เป็นต้น)
- ค่าส่วนกลาง (Common Area Fee/Maintenance Fee): ค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร เช่น ลิฟต์ โถงทางเดิน สวน สระว่ายน้ำ (ในกรณีคอนโด) โดยทั่วไปในสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยแบบอพาร์ทเม้นท์ ผู้ให้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าส่วนกลางทั้งหมด ผู้เช่าไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เว้นแต่เป็นการเช่าคอนโดที่ตกลงให้ผู้เช่าจ่ายเอง
- ค่าน้ำ/ค่าไฟฟ้า: ระบุอัตราค่าน้ำค่าไฟที่ผู้เช่าต้องจ่าย บางสัญญาจะเขียนว่า “ชำระตามจริงตามบิลการประปา/การไฟฟ้า” (ซึ่งหมายถึงอัตราปกติ) หรือบางที่จะระบุเป็นตัวเลขเช่น ค่าน้ำยูนิตละ 30 บาท ค่าไฟยูนิตละ 7 บาท ผู้เช่าควรสังเกตส่วนนี้เพราะกฎหมายไทยกำหนดว่าหอพัก/อพาร์ทเม้นท์ที่เข้าข่ายผู้ประกอบธุรกิจ (มีห้องให้เช่า 5 ห้องขึ้นไป) ต้องคิดค่าน้ำไฟไม่เกินอัตราราชการ
- การดูแลและซ่อมแซม (Repairs and Maintenance): ข้อนี้มักระบุว่าใครรับผิดชอบเรื่องการซ่อมอะไรบ้าง โดยทั่วไปผู้ให้เช่ารับผิดชอบซ่อมบำรุงใหญ่ เช่น โครงสร้างอาคาร หลังคา ระบบสาธารณูปโภคหลัก ส่วนผู้เช่ารับผิดชอบดูแลรักษาความสะอาด และซ่อมแซมเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนหลอดไฟในห้อง เปลี่ยนถ่านรีโมทแอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นจากการใช้งานของผู้เช่า (นอกเหนือจากการเสื่อมตามสภาพ) ผู้เช่าควรซ่อมหรือชดใช้ค่าเสียหาย เช่น ทำกระจกแตกหรือเฟอร์นิเจอร์ชำรุด
- การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง: สัญญาหลายแห่งจะระบุเรื่องการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในที่เช่า โดยทั่วไปอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมักห้ามเลี้ยงสัตว์เพื่อป้องกันความรำคาญและความเสียหาย หากผู้เช่ามีสัตว์เลี้ยง ควรตรวจสอบข้อนี้ให้ดี บางแห่งอาจอนุญาตโดยมีเงื่อนไข (เช่น จำกัดขนาดหรือต้องมีค่าใช้จ่ายทำความสะอาดเพิ่มเติม) ซึ่งควรทำความเข้าใจและปฏิบัติตามเคร่งครัด
- สิทธิการเช่าช่วง (Subletting): ข้อนี้ระบุว่าผู้เช่าสามารถให้ผู้อื่นเช่าช่วงต่ออีกทีได้หรือไม่ โดยมากสัญญามาตรฐานจะ “ห้ามเช่าช่วง” หมายความว่าผู้เช่าไม่มีสิทธิ์นำห้องที่ตนเช่ามาปล่อยเช่าต่อให้คนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า
การเข้าใจคำศัพท์และเงื่อนไขในสัญญาเช่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ผู้เช้าทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตนอย่างครบถ้วน ลดโอกาสเกิดข้อพิพาทกับผู้ให้เช่าในภายหลัง หากมีคำใดหรือเงื่อนไขใดในสัญญาที่ไม่เข้าใจ ผู้เช่าไม่ควรลังเลที่จะถามผู้ให้เช่าเพื่อขอคำอธิบายหรือปรึกษาผู้รู้ด้านกฎหมายเบื้องต้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้การเช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าและผู้ให้เช่าตามกฎหมายไทย
การเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศไทย รวมถึงเชียงใหม่ ถูกกำกับโดยกฎหมายพื้นฐานคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ ซึ่งระบุสิทธิและหน้าที่ของทั้งผู้เช่าและผู้ให้เช่าไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีประกาศคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับการเช่าที่อยู่อาศัยที่ออกมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เช่าที่เช่าจากผู้ประกอบธุรกิจ (เช่น เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ที่มีห้องให้เช่าหลายห้อง) ขอสรุปสาระสำคัญของสิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายดังนี้:
สิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่า:
- การส่งมอบทรัพย์สิน: ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ส่งมอบที่พักหรือห้องเช่าในสภาพเรียบร้อยพร้อมอยู่อาศัยให้แก่ผู้เช่าตามวันที่ตกลงกัน หากห้องมีความชำรุดบกพร่องที่ทำให้ไม่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัย (เช่น ระบบไฟฟ้ามีปัญหา น้ำรั่วซึมหนัก) ผู้ให้เช่าต้องรีบดำเนินการแก้ไข หากไม่แก้ไข ผู้เช่าอาจมีสิทธิยกเลิกสัญญาได้
- การบำรุงรักษา: ตลอดระยะเวลาการเช่า ผู้ให้เช่าต้องดูแลรักษาสภาพโดยรวมของทรัพย์สิน เช่น โครงสร้างอาคาร หลังคา ระบบสาธารณูปโภคหลัก ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ หากมีการซ่อมแซมใหญ่ที่จำเป็น ผู้ให้เช่าควรดำเนินการโดยเร็ว ยกเว้นกรณีการซ่อมแซมเล็กน้อยที่ถือเป็นหน้าที่ของผู้เช่า (เช่น หลอดไฟฟ้าในห้องขาด หรือก๊อกน้ำหยด ซึ่งผู้เช่าสามารถจัดการเองได้)
- สิทธิในการรับค่าเช่า: ผู้ให้เช่ามีสิทธิได้รับค่าเช่าตามที่ระบุในสัญญา หากผู้เช่าไม่จ่ายค่าเช่าเกินกำหนด ผู้ให้เช่าสามารถทวงถามและคิดเบี้ยปรับ (ถ้ามีการระบุไว้ในสัญญา) หรือในกรณีที่ผู้เช่าผิดนัดร้ายแรง (เช่น ค้างค่าเช่าหลายเดือน) ผู้ให้เช่าสามารถดำเนินการบอกเลิกสัญญาตามขั้นตอนกฎหมายและขอให้ผู้เช่าย้ายออกได้
- การเข้าตรวจดูทรัพย์สิน: ตามกฎหมาย ผู้ให้เช่าสามารถเข้าตรวจดูทรัพย์สินที่ให้เช่าได้เป็นครั้งคราว แต่ต้องกระทำในเวลาที่สมควรและแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า การจะเข้าห้องเช่าของผู้เช่าโดยพลการและไม่แจ้งล่วงหน้าถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
- การเก็บเงินประกันและค่าใช้จ่าย: ผู้ให้เช่าที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ (มีห้องให้เช่า 5 หน่วยขึ้นไป) ตามประกาศ สคบ. จะถูกจำกัดให้เรียกเก็บเงินประกันได้ไม่เกิน 1 เดือนของค่าเช่า และค่าเช่าล่วงหน้าไม่เกิน 1 เดือน รวมถึงต้องเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟตามอัตราจริง ห้ามบวกกำไรเพิ่มเติม หากผู้ให้เช่าฝ่าฝืนอาจถือว่าทำผิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
- การคืนเงินประกัน: เมื่อสิ้นสุดสัญญาและผู้เช่าย้ายออก ผู้ให้เช่ามีหน้าที่คืนเงินประกันให้แก่ผู้เช่า ภายในกรอบเวลาที่สมควร (ประกาศคุ้มครองผู้บริโภคปี 2561 ระบุไว้ว่าให้คืนภายใน 7 วัน สำหรับกรณีผู้ประกอบธุรกิจ) โดยอาจหักค่าเสียหายที่เกิดจากผู้เช่าหรือค่าค้างชำระต่าง ๆ ออกก่อน หากมีการหักต้องชี้แจงให้ผู้เช่าทราบและควรมีหลักฐานประกอบ
สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่า:
- การชำระค่าเช่า: ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ตกลงไว้ในสัญญา โดยตรงต่อผู้ให้เช่าหรือวิธีที่กำหนด (เช่น โอนเข้าบัญชี) การค้างจ่ายหรือจ่ายล่าช้าอาจทำให้ถูกปรับหรือถูกยกเลิกสัญญาได้ ผู้เช่าจึงควรวางแผนการเงินและไม่ละเลยหน้าที่ข้อนี้
- การใช้ทรัพย์สินตามวัตถุประสงค์: ผู้เช่ามีสิทธิที่จะใช้ที่พักที่เช่าตามวัตถุประสงค์ที่ระบุ (ซึ่งปกติคือเพื่อการอยู่อาศัย) ผู้เช่าไม่มีสิทธิใช้ที่พักไปทำกิจการอื่นที่ไม่ได้ตกลง เช่น เปิดร้านค้า หรือดัดแปลงห้องเพื่อการพาณิชย์ หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า และต้องไม่ก่อความรำคาญหรือทำสิ่งผิดกฎหมายในสถานที่เช่า
- การดูแลรักษาทรัพย์สิน: ผู้เช่าต้องดูแลรักษาห้องเช่าและทรัพย์สินภายในห้องให้อยู่ในสภาพดีตามปกติ ใช้งานด้วยความระมัดระวังเสมือนเป็นทรัพย์ของตนเอง หากมีความเสียหายเกิดขึ้นอันเนื่องจากการใช้งานของผู้เช่า (นอกเหนือจากการเสื่อมตามสภาพ) ผู้เช่าควรรับผิดชอบในการซ่อมแซมหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เช่น ทำเฟอร์นิเจอร์หักหรือกระจกแตก
- การเคารพกฎของสถานที่: หากอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดมีระเบียบข้อบังคับ เช่น เวลางดส่งเสียงดังหลัง 22:00 น., จุดทิ้งขยะ, กฎการใช้สระว่ายน้ำ ผู้เช่าก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของชุมชนผู้อยู่อาศัย
- สิทธิได้รับความสงบในการอยู่อาศัย: ผู้เช่ามีสิทธิอยู่อาศัยในที่เช่าโดยปราศจากการรบกวนจากผู้ให้เช่าหรือบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็น ผู้ให้เช่าไม่สามารถเข้ามารบกวนหรือยึดที่พักคืนก่อนหมดสัญญา ยกเว้นกรณีผู้เช่าผิดสัญญาอย่างร้ายแรงตามที่กฎหมายกำหนด (เช่น ไม่จ่ายค่าเช่า) หรือมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่น
- สิทธิบอกเลิกสัญญา: หากผู้ให้เช่าไม่ปฏิบัติตามหน้าที่จนทำให้ที่พักอยู่ในสภาพไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย หรือผิดสัญญาในข้อสำคัญ ผู้เช่าก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่นกัน เช่น กรณีที่ห้องมีปัญหาร้ายแรงและผู้ให้เช่าเพิกเฉยไม่ซ่อมแซม ผู้เช่าสามารถแจ้งออกก่อนกำหนดโดยไม่เสียประโยชน์ (กรณีนี้อาจต้องปรึกษากฎหมายเพื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง)
ข้อควรรู้เพิ่มเติมตามกฎหมายเฉพาะ:
ประเทศไทยเคยมีประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา (ปี 2561 และปรับปรุงปี 2562) ที่ออกมาเพื่อควบคุมธุรกิจการเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งหลัก ๆ มีเจตนาคุ้มครองผู้เช่า เช่น ข้อกำหนดให้ผู้ประกอบการเช่า (ผู้ให้เช่าที่มีห้องเช่า 5 หน่วยขึ้นไป) ต้องใช้สัญญามาตรฐานที่เป็นธรรม ห้ามยึดเงินประกันเกิน 1 เดือน ห้ามเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน อนุญาตให้ผู้เช่ายกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดได้โดยแจ้งล่วงหน้า 30 วัน (กรณีเช่าเกิน 6 เดือน) และต้องคืนเงินประกันภายใน 7 วันหลังสิ้นสัญญา เป็นต้น แม้ว่าประกาศนี้จะมีการแก้ไขบ้าง แต่สาระสำคัญยังคงมุ่งเน้นให้เกิดความสมดุลระหว่างสิทธิผู้เช่าและผู้ให้เช่า ผู้เช่าควรทราบว่าหากตนเช่าจากผู้ประกอบการรายใหญ่ (เช่น บริษัทหรือเจ้าของที่มีห้องเช่าหลายตึก) ตนมีสิทธิตามประกาศนี้ ซึ่งหากผู้ให้เช่ากำหนดเงื่อนไขที่ขัดต่อประกาศ (เช่น เก็บเงินประกัน 3 เดือน) ผู้เช่าอาจต่อรองหรือร้องเรียนได้
ทั้งนี้ ควรทราบว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 กำหนดว่าสัญญาเช่าที่มีระยะเวลาเกิน 3 ปี จะต้องนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ (เช่น สำนักงานที่ดิน) จึงจะมีผลผูกพันกันตามกฎหมายตลอดระยะเวลาที่เกิน 3 ปีขึ้นไป ในทางปฏิบัติการเช่าอพาร์ทเม้นท์/คอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยมักทำสัญญาไม่เกิน 1 ปีหรือ 2 ปีอยู่แล้ว กรณีเช่าระยะยาวกว่านั้นมักมีเฉพาะการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจ อย่างไรก็ดี ข้อนี้เป็นข้อมูลที่ผู้เช่าทั่วไปควรรู้เผื่อไว้ เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตของสัญญาเช่าระยะยาวตามกฎหมายไทย
ในทางปฏิบัติ กรณีที่เกิดปัญหา เช่น ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่านานเกินควร ผู้ให้เช่าไม่ควรใช้วิธีรุนแรงหรือผิดกฎหมายในการบังคับผู้เช่า เช่น การเปลี่ยนกุญแจห้องหรือตัดน้ำตัดไฟโดยพลการ เพราะผู้เช่าอาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ การดำเนินการควรเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายคือแจ้งเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนและหากไม่เป็นผลจึงบอกเลิกสัญญาและขอความช่วยเหลือจากศาลในการขับไล่ตามกฎหมาย ในฝั่งผู้เช่าเอง หากต้องการย้ายออกก็ควรปฏิบัติตามเงื่อนไขการแจ้งล่วงหน้า อย่าทิ้งห้องเช่าหนีไปเฉย ๆ เพราะจะทำให้เสียประวัติและผู้ให้เช่าอาจดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกค่าเสียหายหรือค่าเช่าที่ค้างได้เช่นกัน การมีวินัยและเคารพข้อตกลงจะเป็นเกราะป้องกันปัญหาทางกฎหมายและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า
ข้อควรระวังเรื่องเงินมัดจำ ค่าใช้จ่ายแฝง และค่าบำรุง
แม้ว่าสัญญาเช่าและการพูดคุยตกลงกับผู้ให้เช่าจะช่วยกำหนดกรอบความเข้าใจระหว่างกัน แต่ผู้เช่าก็ควรระมัดระวังในประเด็นบางอย่างที่อาจกลายเป็นปัญหาได้ โดยเฉพาะเรื่องเงินมัดจำและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเช่า ดังนี้:
เงินมัดจำ (เงินประกันความเสียหาย):
- โดยปกติแล้วการเช่าที่พักจะต้องชำระเงินประกันล่วงหน้าซึ่งมักเรียกเป็น “เงินมัดจำ” หรือ “เงินประกัน” เพื่อค้ำประกันว่าผู้เช่าจะรักษาห้องและปฏิบัติตามสัญญา เจ้าของหลายแห่งในเชียงใหม่ (โดยเฉพาะอพาร์ทเม้นท์ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการรายใหญ่) ยังคงเรียกเก็บเงินประกัน 2 เดือนตามธรรมเนียมเดิม แม้ว่ากฎของ สคบ. จะจำกัดไว้ที่ 1 เดือนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ผู้เช่าควรเตรียมเงินก้อนสำหรับจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและมัดจำรวมประมาณ 2-3 เท่าของค่าเช่ารายเดือนเมื่อทำสัญญา
- ข้อควรระวังคือ การขอใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงิน ทุกครั้งที่จ่ายเงินมัดจำและค่าเช่า เพื่อป้องกันการปฏิเสธหรือข้อโต้แย้งในภายหลัง ควรระบุในหลักฐานว่าเป็นเงินประกันและจะคืนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญา (หากไม่มีอะไรเสียหาย)
- เมื่อใกล้ครบสัญญา ผู้เช่าควรแจ้งผู้ให้เช่าล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรเรื่องวันที่จะย้ายออก พร้อมทั้งสอบถามกระบวนการตรวจห้องและการคืนเงินประกัน การทำความสะอาดห้องและซ่อมแซมเล็กน้อยก่อนส่งคืนห้อง จะช่วยลดโอกาสเกิดข้อพิพาทเรื่องการหักเงินมัดจำ
- ระวังผู้ให้เช่าบางรายที่ไม่สุจริต: ในบางกรณี (แม้พบไม่บ่อย) อาจมีผู้ให้เช่าที่หาข้ออ้างไม่คืนเงินประกัน เช่น อ้างความเสียหายเกินจริงหรือยื้อเวลาคืนเงินนานเกินสมควร หากเจอกรณีเช่นนี้ ผู้เช่าอาจต้องอาศัยหลักฐานสัญญาและภาพถ่ายสภาพห้องก่อน-หลังเช่าในการต่อรองหรือดำเนินการทางกฎหมาย
ค่าใช้จ่ายแฝง:
- ค่าน้ำและค่าไฟฟ้า: ดังที่กล่าวไปแล้ว ผู้ประกอบการให้เช่าที่อยู่อาศัยในไทยถูกกำหนดให้คิดค่าน้ำค่าไฟตามอัตราที่ยุติธรรม (ไม่เกินราคาที่หน่วยงานรัฐเรียกเก็บ) อย่างไรก็ตาม อพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กบางแห่งหรือการเช่าบ้าน/คอนโดจากเจ้าของรายย่อย อาจมีการกำหนดอัตราค่าน้ำไฟเองซึ่งสูงกว่าอัตราปกติ เช่น ค่าน้ำเหมาจ่ายต่อหัว หรือค่าไฟหน่วยละ 7-10 บาท (ขณะที่อัตราของรัฐประมาณ 4 บาทกว่า/หน่วยสำหรับไฟฟ้า) ผู้เช่าควรสอบถามให้ชัดเจนและคำนวณประมาณการค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เผื่อในงบประมาณด้วย ตัวอย่างเช่น ห้องพักที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ อาจใช้ไฟ ~50 หน่วยต่อเดือน ถ้าคิด 7 บาท/หน่วย จะเป็น 350 บาท แต่หากเปิดแอร์และเครื่องทำน้ำอุ่นประจำ การใช้ไฟอาจสูงถึง 200-300 หน่วย = 1,400-2,100 บาท ตามอัตรา 7 บาท/หน่วย เป็นต้น
- ค่าอินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวี: บางอพาร์ทเม้นท์รวมอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ให้ใช้ฟรี แต่บางแห่งอาจคิดค่าบริการรายเดือนเพิ่มเติม หรือมีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้สมัครต่างหาก ผู้เช่าควรตรวจสอบความเร็วและความเสถียรของอินเทอร์เน็ตที่มีให้ว่าพอใช้หรือไม่ หากจำเป็นต้องติดตั้งเน็ตส่วนตัว (เช่น Fiber Optic เข้าห้อง) ควรสอบถามเจ้าของว่าดำเนินการได้หรือไม่และค่าใช้จ่ายใครออก ส่วนเคเบิลทีวี ปัจจุบันหลายคนใช้ทีวีดิจิทัลหรือสตรีมมิ่งจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่มีก็ดีที่จะถามว่าที่พักมีช่องทีวีสัญญาณเคเบิลให้หรือไม่หรือสามารถติดจานดาวเทียมเองได้หรือเปล่า
- ค่าที่จอดรถ: อพาร์ทเม้นท์บางแห่ง โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองที่ที่จอดรถจำกัด อาจคิดค่าที่จอดรถยนต์รายเดือนเพิ่มต่างหาก หรือบางคอนโดที่เช่าอาจไม่มีสิทธิ์ที่จอดรถ (ถ้าเจ้าของห้องไม่ได้ซื้อสิทธิ์) ผู้เช่าที่มีรถยนต์ควรสอบถามและตกลงเรื่องนี้ล่วงหน้า ค่าเช่าที่จอดรถอาจอยู่ราว 300-1,000 บาทต่อเดือนแล้วแต่สถานที่
- ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง/ค่าบำรุง: ในกรณีเช่าคอนโดมิเนียม โดยหลักกฎหมายเจ้าของควรเป็นผู้รับผิดชอบค่าส่วนกลางอาคารเอง แต่มีบางกรณีที่เจ้าของพยายามผลักภาระให้ผู้เช่า เช่น บวกเพิ่มในค่าเช่าหรือขอให้ผู้เช่าช่วยจ่าย ผู้เช่าควรระวังประเด็นนี้และยึดตามสัญญา หากในสัญญาไม่ได้ระบุให้ผู้เช่าจ่ายค่าส่วนกลาง ผู้เช่าย่อมไม่ต้องจ่าย
- ค่าทำความสะอาดและค่าซ่อมแซมตอนย้ายออก: สัญญาบางฉบับหรือเจ้าของบางรายอาจระบุว่าจะหักค่าทำความสะอาดห้องหรือค่าซ่อมแซมจากเงินมัดจำหลังผู้เช่าออก อาทิ ค่าทำความสะอาดใหญ่ 500-1000 บาท เป็นต้น ผู้เช่าควรทราบเงื่อนไขนี้ล่วงหน้า และอาจหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายนี้โดยการทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยก่อนส่งคืน ในกรณีที่ห้องมีความเสียหายเล็กน้อย เช่น รูเจาะผนังจากตะปูแขวนรูป ผู้เช่าอาจซ่อมแซมปิดรูหรือทาสีแต้มเองก่อนส่งมอบเพื่อลดการหักเงิน
- ค่าปรับต่าง ๆ: บางสถานที่มีกฎระเบียบเช่น ห้ามส่งเสียงดังหลัง 22:00 น., ห้ามทิ้งขยะไม่เป็นที่, หรือห้ามสูบบุหรี่ในห้อง หากฝ่าฝืนอาจมีค่าปรับ ผู้เช่าควรทราบและปฏิบัติตามกฎเหล่านี้เพื่อเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ค่าบำรุงและการซ่อมแซม:
- การบำรุงรักษาระหว่างการเช่า เช่น การล้างแอร์ (เครื่องปรับอากาศ) ทุก 6 เดือน บางสัญญาระบุให้เป็นความรับผิดชอบของผู้เช่า เพราะถือว่าเป็นการดูแลรักษาตามการใช้งาน ถ้าไม่ล้างอาจทำให้เครื่องเสียเร็ว ผู้เช่าควรวางแผนจัดการ (ค่าใช้จ่ายล้างแอร์ในเชียงใหม่ประมาณ 500-600 บาทต่อเครื่อง) และเก็บใบเสร็จไว้หากต้องใช้ยืนยันการดูแล
- หากมีสิ่งใดชำรุด ผู้เช่าควรแจ้งผู้ให้เช่าทันที อย่าปล่อยไว้นาน เพราะอาจกลายเป็นความเสียหายใหญ่และอาจถูกมองว่าเกิดจากการละเลยของผู้เช่า กรณีเช่น ก๊อกน้ำรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร แจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบเพื่อจัดช่างมาซ่อม ถ้าเป็นความเสียหายที่ไม่ใช่ความผิดผู้เช่า ปกติผู้ให้เช่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- ระวัง ค่าใช้จ่ายในการซ่อมที่ไม่คาดคิด: เช่น ถ้ากุญแจหาย ผู้ให้เช่าอาจคิดค่าปรับในการเปลี่ยนลูกบิดหรือทำกุญแจใหม่, ถ้าทำคีย์การ์ดหาย (ในคอนโด) อาจต้องเสียค่าทำบัตรใหม่ เป็นต้น
คำแนะนำเพิ่มเติมในการป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายแฝง:
- ก่อนเซ็นสัญญา ควรถามผู้ให้เช่าถึง “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะต้องจ่ายนอกเหนือจากค่าเช่า” และจดบันทึกไว้
- อ่านรีวิวหรือสอบถามผู้เช่ารายก่อน (ถ้ามีโอกาส) เกี่ยวกับประสบการณ์ เช่น มีการคืนเงินมัดจำครบถ้วนหรือไม่ ผู้ให้เช่ามีความยุติธรรมในการคิดค่าเสียหายหรือไม่
- รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ให้เช่าและผู้ดูแล เมื่อมีปัญหาใด ๆ จะได้พูดคุยกันด้วยดี เพราะบ่อยครั้งความเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา
- เก็บเอกสารหลักฐานทุกอย่าง: สัญญา ใบเสร็จ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รูปถ่ายความเสียหาย นอกจากจะช่วยในการทวงคืนเงินมัดจำแล้ว ยังช่วยปกป้องเราหากถูกเรียกร้องค่าเสียหายเกินจริง
หมายเหตุเรื่องนายหน้า: หากผู้เช่าใช้บริการนายหน้าอสังหาฯ ในการช่วยหาห้องเช่า ปกติแล้วนายหน้าจะเรียกค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้เช่าเป็นหลัก (มักเป็นจำนวนเท่ากับค่าเช่า 1 เดือนสำหรับสัญญาเช่า 1 ปี) ผู้เช่าจึงไม่จำเป็นต้องเสียค่านายหน้า อย่างไรก็ตาม ควรสอบถามให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าผู้เช่าไม่มีภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในภายหลัง
แนวโน้มและคำแนะนำในการอยู่อาศัยอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่ระยะยาวในปี 2568
เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2568 ทิศทางการอยู่อาศัยในเชียงใหม่มีพัฒนาการและแนวโน้มใหม่ ๆ ที่น่าสนใจหลายประการ ผู้เช่าที่วางแผนจะพักอาศัยระยะยาวควรทราบถึงแนวโน้มเหล่านี้เพื่อปรับตัวและใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น รวมถึงเรามีคำแนะนำบางอย่างเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตในการเช่าอพาร์ทเม้นท์ระยะยาวในเชียงใหม่ ดังนี้:
- การเติบโตของชุมชนดิจิทัลและการทำงานจากระยะไกล:
เชียงใหม่ยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับกลุ่มคนทำงานออนไลน์และชาวต่างชาติที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี ค่าใช้จ่ายไม่สูง แนวโน้มนี้หมายความว่าพื้นที่อย่างนิมมานเหมินทร์ สันติธรรม และตัวเมือง จะมีผู้เช่ากลุ่มมืออาชีพรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลายคนต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและสถานที่สำหรับนั่งทำงาน คำแนะนำสำหรับผู้เช่าในยุคนี้คือ เลือกอพาร์ทเม้นท์ที่มีบริการอินเทอร์เน็ตที่ดี หรืออยู่ใกล้กับร้านกาแฟ/พื้นที่ Co-working Space หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานจากที่บ้าน การมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่องานจะช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ การเข้าร่วมชุมชนดิจิทัล เช่น กลุ่มพบปะของผู้ทำงานระยะไกลในเชียงใหม่ สามารถช่วยสร้างเครือข่ายสังคมและแบ่งปันประสบการณ์การอยู่อาศัยได้ - ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม:
ผู้คนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในเชียงใหม่เอง ช่วงฤดูแล้ง (ประมาณกุมภาพันธ์-เมษายน) มักมีปัญหาหมอกควันจากไฟป่าและการเผา ทำให้อากาศมีมลพิษสูง ผู้เช่าระยะยาวควรเตรียมรับมือด้วย การมีเครื่องฟอกอากาศในห้องพัก และตรวจสอบว่าห้องที่เช่านั้นปิดมิดชิดไม่มีฝุ่นเข้าได้ง่าย หรือเลือกที่พักในทำเลที่ได้รับผลกระทบหมอกควันน้อยกว่า (เช่น พื้นที่นอกเมืองทางทิศใต้หรือตะวันตกที่ลมพัดผ่าน) นอกจากนี้ เทรนด์การอยู่อาศัยแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมกำลังมา เช่น อาคารที่มีการออกแบบประหยัดพลังงาน การคัดแยกขยะ ซึ่งผู้เช่าอาจพิจารณาเลือกอพาร์ทเม้นท์ที่มีนโยบายสีเขียว หรืออย่างน้อยตนเองสามารถมีส่วนร่วม เช่น ปลูกต้นไม้เล็ก ๆ ในห้องหรือระเบียงเพื่อลดฝุ่นและเพิ่มความสดชื่น - ความปลอดภัยและเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม:
แนวโน้มด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยีในที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น อพาร์ทเม้นท์และคอนโดใหม่ ๆ ในเชียงใหม่หลายแห่งเริ่มติดตั้งระบบเข้า-ออกแบบดิจิทัล กล้อง CCTV ครอบคลุมพื้นที่ และสัญญาณเตือนภัย คำแนะนำคือ ให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยของที่พัก โดยเฉพาะหากอยู่คนเดียว ควรเลือกสถานที่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยหรือประวัติการดูแลความปลอดภัยดี หากอพาร์ทเม้นท์ของคุณไม่มีระบบสมาร์ทใด ๆ คุณสามารถลงทุนเล็กน้อยเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อความอุ่นใจ เช่น กล้องวงจรปิดภายในห้องหรือเซ็นเซอร์ประตูหน้าต่างแบบไร้สายที่แจ้งเตือนผ่านมือถือ ทั้งนี้ ควรแจ้งและขออนุญาตเจ้าของก่อนติดตั้งอุปกรณ์ใดที่อาจมีผลต่อทรัพย์สินของเขา - การคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนา:
แม้ปัจจุบันเชียงใหม่จะยังไม่มีรถไฟฟ้าหรือระบบขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่เหมือนกรุงเทพฯ แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์กลับมีกลยุทธ์ใหม่เนื่องจากภาวะขายอสังหาฯ ชะลอตัว ผู้พัฒนาโครงการบางรายปรับเปลี่ยนยูนิตคอนโดที่ขายไม่หมดให้กลายเป็นห้องเช่าระยะยาว ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนที่พักให้เช่าในตลาด และเปิดโอกาสให้ผู้เช่าได้อยู่ในอาคารใหม่คุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึง
แม้ว่าเชียงใหม่จะยังไม่มีระบบรถไฟฟ้า แต่มีการปรับปรุงถนนหนทางและโครงการขนส่งมวลชนในอนาคตที่อยู่ระหว่างการวางแผน เช่น ระบบรถไฟฟ้ารางเบาที่คาดหวังจะเกิดขึ้นในทศวรรษหน้า การติดตามข่าวสารเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้เช่าควรทำ หากแผนเหล่านี้ดำเนินการได้สำเร็จในอนาคต จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและอาจส่งผลต่อมูลค่าของทำเลต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการเลือกที่พักที่เดินทางสะดวกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น อยู่ใกล้จุดขึ้นลงรถสองแถวหรือสถานีขนส่งอาเขต และหากขับรถเองควรพิจารณาปริมาณรถติดในเส้นทางประจำวัน (บางพื้นที่เช่น ใกล้คูเมืองหรือนิมมานฯ อาจมีการจราจรหนาแน่นช่วงเวลาเร่งด่วน) การวางแผนเส้นทางและเวลาเดินทางจะช่วยลดความเครียดในการใช้ชีวิตประจำวันได้
- การสร้างสมดุลชีวิต (Work-Life Balance) และชุมชน:
การอยู่อาศัยระยะยาวไม่ใช่แค่มีหลังคาคุ้มศีรษะ แต่คือการใช้ชีวิตในชุมชนหนึ่ง ในเชียงใหม่มีกิจกรรมและชุมชนมากมาย เช่น กลุ่มออกกำลังกายในสวนสาธารณะ คลาสโยคะ ตลาดเกษตรอินทรีย์ในวันหยุด หรือชมรมอาสาสมัครต่าง ๆ การเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณผูกมิตรกับคนในพื้นที่และทำให้ชีวิตมีสีสัน คำแนะนำคือ สำรวจพื้นที่รอบที่พัก ว่ามีสถานที่ให้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง เช่น สวนสาธารณะใกล้ๆ เส้นทางวิ่งหรือขี่จักรยาน ฟิตเนสหรือสปอร์ตคลับ นอกจากนี้ อาจลองเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมพื้นเมือง (เช่น ภาษาคำเมืองเบื้องต้น) เพื่อสร้างความคุ้นเคยและสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านชาวเชียงใหม่ ซึ่งจะทำให้การอยู่อาศัยของคุณราบรื่นและอบอุ่นมากยิ่งขึ้น - วางแผนการอยู่อาศัยระยะยาวอย่างยั่งยืน:
หากตั้งใจว่าจะอยู่เชียงใหม่หลายปี การเลือกอพาร์ทเม้นท์ที่สามารถตอบโจทย์ระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ เช่น มีพื้นที่เพียงพอหากอนาคตต้องการทำมุมทำงานหรือมีสมาชิกในครอบครัวมาอยู่ด้วย หรืออยู่ในทำเลที่มีทุกอย่างครบจนไม่จำเป็นต้องย้ายบ่อย ๆ การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ให้เช่าและชำระค่าเช่าตรงเวลาจะสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้เมื่อต่อสัญญาอาจต่อรองเงื่อนไขดี ๆ ได้ง่าย หรือแม้แต่หากต้องการย้ายในภายหลัง ผู้ให้เช่าอาจยินดีช่วยแนะนำสถานที่ใหม่ในเครือหรือคนรู้จักด้วย
โดยสรุป การอยู่อาศัยแบบเช่าในจังหวัดเชียงใหม่ปี 2568 เป็นทางเลือกที่มีความคุ้มค่าและน่าสนใจ ผู้เช่าสามารถใช้ประโยชน์จากต้นทุนค่าครองชีพที่ไม่สูง ผนวกกับคุณภาพชีวิตที่ดีของเมืองเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เย็นสบายในฤดูหนาว วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ หรือชุมชนที่เป็นมิตร ควบคู่กับโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ อย่างการทำงานทางไกลหรือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวในบรรยากาศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกัน ผู้เช่าควรมีความรู้ความเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ของตน ตลอดจนวางแผนการเงินและตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบตามที่กล่าวมา เพื่อให้การเช่าอพาร์ทเม้นท์ในเชียงใหม่เป็นประสบการณ์ที่ราบรื่นและเปี่ยมด้วยความสุข ในปี 2568 และปีต่อ ๆ ไป เชื่อได้ว่าเชียงใหม่จะยังคงรักษาเสน่ห์และคุณภาพชีวิตที่ดีนี้ไว้ ทำให้การเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวที่นี่เป็นตัวเลือกที่มีคุณค่าสำหรับผู้คนหลากหลายกลุ่มต่อไป สำหรับผู้ที่กำลังชั่งใจว่าจะย้ายมาตั้งหลักชีวิตที่เชียงใหม่ การเริ่มต้นด้วยการเช่าอพาร์ทเม้นท์สักห้องเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและชาญฉลาด เพราะช่วยให้เราได้ทดลองใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมใหม่ ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและจังหวะชีวิตของเมืองล้านนาแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องตัดสินใจลงทุนซื้อที่อยู่อาศัยทันที เมื่อเวลาผ่านไป หากเราพบว่าหลงรักเชียงใหม่อย่างแท้จริง การเช่าระยะยาวก็อาจพัฒนาไปสู่การลงทุนซื้อบ้านหรือคอนโดของตัวเองได้ในอนาคต แต่ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางใด ประสบการณ์การเช่าที่เชียงใหม่จะเป็นบทเรียนและความทรงจำอันมีค่าที่ติดตัวเราไปตราบนานเท่านาน


