ให้เช่าคอนโด เกาะสมุย ประกาศให้เช่าคอนโด 3 ห้องนอน ในเกาะสมุย, สุราษฎร์ธานี
4 ยูนิต
























































ตลาดคอนโดให้เช่าเกาะสมุย ปี 2568: เจาะลึกสำหรับผู้ลงทุนและผู้เช่า
เกาะสมุยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางระดับโลกที่โดดเด่นทั้งด้านการท่องเที่ยวและการอยู่อาศัย ในปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่น่าสนใจ จากที่เคยเน้นบ้านพักตากอากาศประเภทวิลล่าหรูเป็นหลัก ขณะนี้โครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น สร้างตัวเลือกอยู่อาศัยที่หลากหลายและเปิดโอกาสใหม่ให้แก่ทั้งนักลงทุนและผู้เช่าในการสัมผัสชีวิตบนเกาะสวรรค์แห่งนี้
ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา เกาะสมุยได้เปลี่ยนโฉมจากชุมชนสวนมะพร้าวและหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการลงทุนระดับนานาชาติ ปัจจุบันเกาะแห่งนี้มีทั้งสนามบินนานาชาติ รีสอร์ตหรูระดับห้าดาว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ขณะเดียวกันก็ยังรักษาเสน่ห์ธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี การหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนัก ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตตามไปด้วย ทั้งโครงการวิลล่าส่วนตัวสำหรับผู้มีฐานะและคอนโดมิเนียมสำหรับพักอาศัยหรือปล่อยเช่า การพัฒนาที่สมดุลระหว่างความเจริญและการอนุรักษ์นี้ส่งผลให้สมุยเป็นหนึ่งในทำเลที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับการลงทุนด้านที่อยู่อาศัยในประเทศไทย
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อผู้อ่านชาวไทยที่สนใจตลาดคอนโดเกาะสมุย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือผู้เช่า โดยนำเสนอข้อมูลออนไลน์ล่าสุด ณ ปี 2568 ซึ่งครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ แนวโน้มราคาคอนโด, การเช่าคอนโดระยะยาว, ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) จากการปล่อยเช่า, การวิเคราะห์ทำเลเด่น, ความต้องการซื้อ-เช่าในสมุยจากมุมมองคนไทย, ตลอดจน ข้อควรรู้ด้านกฎหมายและสัญญา เพื่อให้ผู้อ่านมีข้อมูลครบถ้วนสำหรับการประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับคอนโดบนเกาะสมุย
แนวโน้มราคาคอนโดสมุยปี 2568
ภาพรวมราคาและการเติบโต: ตลาดคอนโดมิเนียมในเกาะสมุยปี 2568 มีระดับราคาเฉลี่ยที่ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดบนเกาะอยู่ที่ประมาณ 3.88 ล้านบาทต่อยูนิต (หรือราว ฿61,000 ต่อตารางเมตร) ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2567 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานคอนโดใหม่ที่เข้ามาสู่ตลาด ช่วยรักษาระดับราคาโดยรวมให้คงที่แม้ว่าความต้องการจะฟื้นตัวขึ้นหลังยุคโควิด อย่างไรก็ดี ในเซกเมนต์คอนโดใหม่ล่าสุดหลายโครงการพบว่าราคาเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดทั่วไป โดยคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในทำเลยอดนิยมมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ ฿88,000 ต่อตารางเมตร ซึ่งสะท้อนคุณภาพโครงการและสิ่งอำนวยความสะดวกที่พัฒนาให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล
ราคาตามขนาดและประเภท: สำหรับคอนโดขนาดเล็กและกลาง ผู้ซื้อสามารถพบยูนิตหนึ่งห้องนอน (~40-70 ตร.ม.) ในสมุยได้ที่ราคาประมาณ 3.5 ล้านบาท ขณะที่ยูนิตสองห้องนอน (~80-110 ตร.ม.) มักมีราคาเฉลี่ยราว 7.2 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยต่อตารางเมตรของตลาดปัจจุบัน ทั้งนี้ราคาคอนโดในสมุยยังถือว่าจับต้องได้เมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวคู่แข่งอย่างภูเก็ต โดยทั่วไปอสังหาฯ บนเกาะสมุยมีราคาต่ำกว่าภูเก็ตประมาณ 20-30% ทำให้นักลงทุนไทยมองเห็นโอกาสในการเข้าลงทุนที่ใช้เงินทุนต่ำกว่า แต่ยังได้รับประโยชน์จากศักยภาพการท่องเที่ยวที่ใกล้เคียงกัน
ข้อจำกัดด้านการพัฒนา: ควรทราบว่าเกาะสมุยมีข้อกฎหมายผังเมืองที่เข้มงวดเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น จำกัดความสูงอาคาร (ไม่เกิน 12 เมตรในหลายเขต) และควบคุมการก่อสร้างใกล้พื้นที่ชายฝั่ง ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้โครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่มีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ผลคือที่ดินและโครงการที่ได้รับอนุญาตมีมูลค่าสูงขึ้นตามความหายาก อย่างไรก็ตาม ผู้พัฒนาโครงการได้นำเสนอโครงการรูปแบบใหม่ๆ ที่สอดรับกับกฎข้อบังคับ เช่น อาคารความสูงต่ำกระจายตัวหลายอาคาร และออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้พัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจัยหนุนและแนวโน้ม: หลังจากภาวะชะลอตัวในช่วงปี 2563-2564 จากสถานการณ์โรคระบาด ตลาดสมุยเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในปี 2565-2567 พร้อมกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและกำลังซื้อจากต่างประเทศ ปี 2568 จึงเป็นปีที่ราคาคอนโดมีแนวโน้มขยับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของราคาคอนโดสมุยน่าจะอยู่ในช่วง 3-5% ต่อปี ในช่วงกลางทศวรรษนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าการท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่องและไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจมากระทบ อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวของโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่หลายแห่งในปีนี้ (รวมกว่า 2,800 ยูนิตจาก 117 โครงการ ที่อยู่ระหว่างขายในตลาดแรก) ทำให้ผู้พัฒนาจำเป็นต้องรักษาราคาให้แข่งขันได้เพื่อจูงใจผู้ซื้อ ส่งผลให้ภาพรวมราคาไม่ปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็ว
ผลกระทบของทำเลต่อราคา: ทำเลที่ตั้งของโครงการมีอิทธิพลอย่างมากต่อระดับราคาคอนโดในสมุย พื้นที่ริมชายหาดหรือวิวทะเลจะมีราคาสูงกว่าพื้นที่ในแผ่นดินอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น หาดเฉวง ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวหลัก มีราคาขายคอนโดเฉลี่ยสูงกว่าทำเลห่างชายหาดอย่างน้อย ~20% ขณะเดียวกัน คอนโดที่มีวิวทะเลหรือทางเดินลงชายหาดส่วนตัวสามารถมีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าคอนโดทั่วไป 30-50% เนื่องจากความต้องการในตลาดสำหรับบรรยากาศรีสอร์ทส่วนตัวมีสูง คุณสมบัตินี้ดึงดูดทั้งผู้ซื้อเพื่อพักผ่อนเองและนักลงทุนที่เล็งเห็นโอกาสปล่อยเช่าระยะสั้นในราคาพรีเมียม ทำให้ยูนิตติดทะเลมักมีราคาเสนอขายสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ผู้สนใจลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยด้านทำเลควบคู่กับราคาเสมอ เพราะแม้จะต้องจ่ายแพงขึ้นในย่านยอดนิยม แต่ศักยภาพการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินและรายได้ค่าเช่าก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
สรุปประเด็นแนวโน้มราคา:
- ราคาเฉลี่ยคอนโดสมุยปี 2568 อยู่ที่ ~3.9 ล้านบาท/ยูนิต (฿61,000/ตร.ม.) ทรงตัวจากปีก่อนหน้า (0% เติบโต)
- โครงการใหม่ในทำเลฮิตตั้งราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ย (เฉลี่ย ~฿88,000/ตร.ม.) แต่โดยรวมการเพิ่มขึ้นของราคายังอยู่ในเกณฑ์ 3-5% ต่อปีอย่างระมัดระวัง
- ทำเลส่งผลมาก: คอนโดติดทะเล/วิวสวยในเฉวงมีราคาสูงกว่าคอนโดในแผ่นดิน ~20-50%
- ราคาทรัพย์สินสมุยยังถูกกว่าภูเก็ต ~30% ทำให้เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน
การเช่าคอนโดระยะยาวในเกาะสมุย
ประเภทคอนโดที่เหมาะกับผู้เช่าชาวไทย: สำหรับผู้เช่าชาวไทยที่มองหาการพักอาศัยระยะยาวบนเกาะสมุย คอนโดมิเนียมระดับกลางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและตั้งอยู่ในทำเลสะดวกนับเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์คนไทยมักให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ร้านอาหาร ตลาดสด หรือโรงพยาบาล ดังนั้นคอนโดที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชนหรือย่านที่มีร้านค้าและบริการพร้อมย่อมได้เปรียบ นอกจากนี้ คนไทยบางกลุ่ม เช่น ครอบครัวที่ย้ายมาทำงานที่สมุย หรือ ชาวกรุงเทพฯ ที่มาทำงานทางไกล (remote work) มักมองหาห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน ที่มีพื้นที่ใช้สอยพอเหมาะและมีครัวพร้อมใช้ เพื่อรองรับการพักอาศัยทั้งครอบครัวได้อย่างสะดวก ในขณะที่ผู้เช่าที่เป็นคนโสดหรือคู่รักรุ่นใหม่อาจเลือก ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งมีขนาดกะทัดรัดและดูแลง่ายเพียงพอกับความต้องการ สิ่งสำคัญคือคอนโดเหล่านี้ควรมีมาตรฐานการดูแลรักษาที่ดี ความปลอดภัย 24 ชม. ที่จอดรถ และหากมีสระว่ายน้ำหรือฟิตเนสก็จะยิ่งเพิ่มความน่าสนใจสำหรับผู้เช่าชาวไทยที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่กับราคาที่รับได้
ระดับราคาและค่าเช่าเฉลี่ย: ค่าเช่าคอนโดในสมุยสำหรับการพักอาศัยระยะยาวจะแตกต่างกันไปตามทำเล ขนาดห้อง และความหรูหราของโครงการ โดยเฉลี่ยแล้วค่าเช่ารายเดือนของคอนโดบนเกาะสมุยอยู่ที่ราว 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน (ข้อมูลประกาศออนไลน์ปี 2568 ระบุค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ ฿33,000-฿34,000 ต่อเดือน) ราคานี้สะท้อนคอนโดมาตรฐานทั่วไปที่มีหนึ่งถึงสองห้องนอนและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบถ้วน สำหรับผู้เช่าที่ต้องการประหยัดงบ ยังมีตัวเลือกคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กนอกย่านท่องเที่ยวที่สามารถหาเช่าได้ในช่วง ฿15,000-฿20,000 ต่อเดือน ซึ่งอาจเป็นโครงการที่ไม่หรูหรานักแต่เพียงพอต่อการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย ในทางกลับกัน คอนโดระดับไฮเอนด์ที่ตั้งอยู่ริมทะเลหรือมีวิวสวยงาม (เช่น ย่านบางรัก บ่อผุด หรือเฉวงติดหาด) จะมีอัตราค่าเช่าสูงกว่าอย่างมาก โดยห้องชุดหนึ่งห้องนอนในโครงการหรูอาจมีค่าเช่า ฿50,000 ต่อเดือนขึ้นไป ขณะที่ห้องชุดขนาดใหญ่หรือเพนท์เฮาส์ติดทะเลบางแห่งอาจปล่อยเช่าสูงถึง ฿80,000-฿100,000 ต่อเดือน การกำหนดงบประมาณและเลือกทำเลที่สอดคล้องกับความสามารถในการจ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เช่าชาวไทย
แนวโน้มความต้องการเช่าระยะยาว: ปัจจุบันตลาดเช่าที่อยู่อาศัยในสมุยกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับเทรนด์การพักระยะยาวในแหล่งท่องเที่ยว หลายปีหลังมานี้มีกลุ่มคนทำงานแบบ digital nomad และพนักงานบริษัทที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ (remote workers) ย้ายถิ่นฐานมาพำนักบนเกาะสมุยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยจากกรุงเทพฯ โดยเลือกเช่าคอนโดหรือวิลล่าเป็นระยะเวลาหลายเดือนถึงเป็นปี ความนิยมของไลฟ์สไตล์การทำงานไปเที่ยวไปนี้ ทำให้อุปสงค์การเช่าระยะยาวในสมุยพุ่งสูง ส่งผลให้ปัจจุบัน อัตราห้องเช่าว่าง (occupancy) ของคอนโดและวิลล่าระยะยาวอยู่ในระดับต่ำ และค่าเช่าในบางทำเลปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิด จากคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นพบว่า “แทบไม่มีที่พักให้เช่าว่างและยังมีราคาสูงกว่าที่เคยเป็นมา” สะท้อนถึงภาวะตลาดของฝั่งผู้ให้เช่าที่อยู่ในเกณฑ์ดี นักลงทุนที่ซื้อคอนโดปล่อยเช่าจึงได้รับประโยชน์จากราคาค่าเช่าที่ปรับสูงขึ้นและความต่อเนื่องในการปล่อยเช่าที่ง่ายขึ้น
เคล็ดลับสำหรับผู้เช่าคนไทย: ในการเลือกเช่าคอนโดระยะยาวบนเกาะสมุย ผู้เช่าควรพิจารณาปัจจัยหลายด้านเพื่อให้ได้ที่พักที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ ได้แก่:
- ทำเลที่ตั้ง: ควรอยู่ในบริเวณที่สะดวกต่อการใช้ชีวิต เช่น ใกล้ตลาด ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล หรือแหล่งงาน ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางและเพิ่มคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัย
- สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการของโครงการ: เลือกคอนโดที่มีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม., สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส รวมถึงมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานออนไลน์หรือความบันเทิงในที่พัก
- คุณภาพห้องพักและการบำรุงรักษา: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องชุดอยู่ในสภาพดี ไม่มีปัญหาโครงสร้าง ระบบไฟฟ้าประปา หรือเครื่องปรับอากาศที่ชำรุด นอกจากนี้ การบริหารจัดการของนิติบุคคลที่ดี (มีการซ่อมบำรุงส่วนกลางและตอบสนองปัญหาได้รวดเร็ว) จะช่วยให้การอยู่อาศัยราบรื่นยิ่งขึ้น
- เงื่อนไขในสัญญาเช่า: อ่านสัญญาเช่าอย่างละเอียด ทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาขั้นต่ำที่ต้องเช่า, เงื่อนไขการต่ออายุหรือยกเลิกสัญญา, จำนวนเงินประกันและการคืนเงินประกัน, ผู้รับผิดชอบค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น หากมีข้อสงสัยควรซักถามผู้ให้เช่าหรือปรึกษาผู้รู้ก่อนเซ็นสัญญา
สาระสำคัญเกี่ยวกับตลาดเช่าระยะยาว:
- ค่าเช่าคอนโดมาตรฐานในสมุยเฉลี่ยประมาณ 30,000-40,000 บาท/เดือน (1-2 ห้องนอนพร้อมเฟอร์ฯ)
- คอนโดนอกย่านท่องเที่ยวหรือห้องขนาดเล็กอาจเช่าได้ในงบ 15,000-20,000 บาท/เดือน ส่วนห้องหรูวิวทะเลอาจสูงถึง 50,000-100,000 บาท/เดือน
- ความต้องการเช่าพุ่งสูงจากกระแส work from anywhere และกลุ่ม remote workers ส่งผลให้อัตราห้องว่างต่ำและค่าเช่าในบางทำเลปรับสูงขึ้นหลังโควิด
- ผู้เช่าคนไทยควรเลือกคอนโดทำเลสะดวก สิ่งอำนวยความสะดวกครบ และอ่านสัญญาเช่าให้รอบคอบ (เงินประกัน 2 เดือน, ค่าน้ำไฟ, เงื่อนไขบอกเลิกฯ)
ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) จากการปล่อยเช่าคอนโด
อัตราผลตอบแทนเบื้องต้น: การลงทุนซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าในเกาะสมุยสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหญ่ โดยผลตอบแทนจากค่าเช่า (Rental Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-8% ต่อปี ของมูลค่าคอนโด ทั้งนี้ในทำเลที่มีความต้องการสูงหรือโครงการที่บริหารการเช่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนขั้นต้นสูงถึง 8-10% ต่อปี เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น คอนโดหนึ่งห้องนอนราคา ฿4 ล้านบาท หากปล่อยเช่าได้เดือนละ ฿25,000 จะได้ผลตอบแทนทั้งปีประมาณ ฿300,000 หรือคิดเป็น 7.5% ของมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากหรือตราสารหนี้ นอกจากนี้ กรณีที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อห้องชุดในราคาต่ำกว่าตลาด (เช่น จากโควต้าชาวไทยในโครงการที่มีชาวต่างชาติจับจองเต็มแล้ว) ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้อีก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ROI: อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของการลงทุนปล่อยเช่าคอนโดจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ระดับค่าเช่าที่ตั้งไว้, อัตราการเข้าพัก (occupancy rate), และ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ผู้ลงทุนควรพิจารณาวางแผนกลยุทธ์การปล่อยเช่าให้เหมาะกับทำเลและช่วงเวลาในรอบปีของสมุย หากเลือกปล่อยเช่าแบบ ระยะยาว (6-12 เดือนขึ้นไป) ให้กับกลุ่มพนักงานบริษัทหรือผู้พักอาศัยที่อยู่เกาะนาน ๆ จะได้ค่าเช่าที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแต่ในอัตราไม่สูงมาก (อาจได้ผลตอบแทน ~5-6% ต่อปี) ในทางกลับกัน หากปล่อยเช่าแบบ ระยะสั้น (รายวัน/รายสัปดาห์) เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ผู้ลงทุนสามารถเรียกค่าเช่ารายวันที่สูงกว่าและสร้างผลตอบแทนต่อปีได้มากขึ้น (อาจสูงกว่า 10% ในบางกรณี) แต่ก็ต้องแลกมากับความผันผวนตามฤดูกาลและภาระการบริหารจัดการที่มากกว่า เนื่องจากช่วงโลว์ซีซั่นคอนโดอาจว่างหรือมีอัตราการเข้าพักต่ำ ในภาพรวม ทำเลที่ตั้ง ยังคงเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อ ROI คอนโดในย่านยอดนิยมเช่น บ่อผุดหรือเฉวง (ที่นักท่องเที่ยวชุกชมและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน) มักมีอัตราการเช่าสูงและเรียกค่าเช่าได้แพง ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับ ผลตอบแทนต่อปีสูงกว่า เมื่อเทียบกับคอนโดในทำเลรอง
(การคำนวณ ROI เบื้องต้นใช้สูตร: (ค่าเช่าที่ได้รับตลอดปี ÷ ราคาซื้อทรัพย์สิน) × 100% ซึ่งเรียกว่า ผลตอบแทนขั้นต้น (Gross Yield) ส่วน ผลตอบแทนสุทธิ (Net Yield) จะได้จากการนำค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาหักออกจากรายได้ค่าเช่ารายปี แล้วจึงคำนวณเปอร์เซ็นต์)
ค่าใช้จ่ายและการหักลด: ในการคำนวณผลตอบแทนสุทธิ ผู้ลงทุนควรหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากรายได้ค่าเช่า เช่น ค่าส่วนกลางรายปีของคอนโด (โดยทั่วไปเกาะสมุยจะมีค่าส่วนกลาง ~฿40-฿60 ต่อตร.ม. ต่อเดือน ขึ้นกับโครงการ ดังนั้นห้อง 50 ตร.ม. จะมีค่าส่วนกลางประมาณ 2,000-3,000 บาทต่อเดือน), ค่าบริหารจัดการหรือค่าดูแลผู้เช่า (ถ้าจ้างเอเจนท์หรือบริษัทดูแลการปล่อยเช่า อาจคิด 10-20% ของรายได้), ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม (เช่น การปรับปรุงเฟอร์นิเจอร์หรือซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อชำรุด), และ ภาษีที่เกี่ยวข้อง (ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งสำหรับห้องชุดมักไม่สูงมาก และภาษีเงินได้จากค่าเช่าที่ผู้ให้เช่าต้องชำระตามเกณฑ์รายได้) เมื่อหักต้นทุนเหล่านี้ออกแล้วจะได้เป็น ผลตอบแทนสุทธิ ที่แท้จริงต่อปีของการลงทุน โดยทั่วไปแล้วผลตอบแทนสุทธิอาจต่ำกว่าผลตอบแทนขั้นต้นประมาณ 1-2% ขึ้นกับระดับค่าใช้จ่ายของแต่ละกรณี
โอกาสและความเสี่ยง: ตลาดเช่าคอนโดสมุยในปี 2568 ถือว่าอยู่ในจังหวะที่ดีสำหรับผู้ลงทุน อุปสงค์นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่กลับมาอย่างแข็งแกร่งทำให้อัตราการเช่าสูงและค่าเช่าปรับขึ้น ผู้ประกอบการหลายรายระบุว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนในสมุยสามารถทำได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศ ข้อมูลการท่องเที่ยวระบุว่าเฉพาะปี 2566 เกาะสมุยมีนักเดินทางมาเยือนกว่า 3.5 ล้านคน (รวมทั้งชาวไทยและต่างชาติ) เพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงที่มีการจำกัดการเดินทาง การฟื้นตัวนี้ช่วยสร้างฐานผู้เช่าที่มั่นคงและหลากหลาย อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความผันผวนตามฤดูกาลของการท่องเที่ยว (เช่น ช่วงมรสุมหรือสถานการณ์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงชั่วคราว), การแข่งขันจากซัพพลายใหม่ (โครงการคอนโดใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้เช่ามีตัวเลือกมากขึ้นและต่อรองราคาได้), และ ข้อจำกัดทางกฎหมาย (การปล่อยเช่าระยะสั้นที่น้อยกว่า 30 วันอาจเข้าข่ายธุรกิจโรงแรมที่ต้องมีใบอนุญาต หากผู้ลงทุนดำเนินการไม่ถูกต้องอาจเกิดปัญหาด้านกฎหมายในภายหลัง) การวางแผนอย่างรอบคอบและการกระจายความเสี่ยง (เช่น มีทั้งผู้เช่าระยะสั้นและระยะยาวผสมกัน) จะช่วยให้การลงทุนปล่อยเช่าคอนโดในสมุยมีความมั่นคงมากขึ้น
โปรแกรมรับประกันค่าเช่า: จุดที่น่าสังเกตในตลาดสมุยคือผู้พัฒนาอสังหาฯ บางรายได้เสนอ โปรแกรมการันตีผลตอบแทนการเช่า เพื่อจูงใจผู้ซื้อ เช่น สัญญาว่าจะเช่าและจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของปีละ 6-8% ของราคาซื้อเป็นระยะเวลา 2-5 ปี เป็นต้น แม้ข้อเสนอเหล่านี้จะฟังดูดึงดูดใจและช่วยให้ผู้ลงทุนมั่นใจในรายได้ช่วงปีแรก ๆ แต่ก็ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการและเงื่อนไขสัญญา หลายกรณีโปรแกรมรับประกันอาจรวมต้นทุนอยู่ในราคาขายที่สูงขึ้น หรือมีเงื่อนไขผูกมัดการใช้ทรัพย์ (เช่น ห้ามเข้าพักเองในช่วงไฮซีซั่น) ผู้ลงทุนควรอ่านรายละเอียดสัญญาให้รอบคอบ และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการสร้างผลตอบแทนดังกล่าวหลังหมดช่วงการันตีด้วย หากโครงการและทำเลมีศักยภาพจริง ก็เป็นไปได้ที่จะยังคงมีอัตราผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องหลังสิ้นสุดโปรแกรม แต่หากไม่เป็นไปตามที่คาด การพึ่งพาการรับประกันอาจทำให้ผลตอบแทนจริงต่ำกว่าที่หวังไว้
เปรียบเทียบการลงทุนคอนโด vs วิลล่า: นักลงทุนบางรายอาจพิจารณาทางเลือกระหว่างการลงทุนในคอนโดมิเนียมหรือวิลล่าบนเกาะสมุย ซึ่งแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป คอนโดมิเนียม มีข้อดีคือใช้งบลงทุนเริ่มต้นต่ำกว่า (ซื้อห้องชุดขนาดเล็กได้ในงบไม่กี่ล้านบาท) มีความสะดวกด้านการดูแลรักษาเพราะมีนิติบุคคลจัดการส่วนกลาง และมีสภาพคล่องในการขายต่อหรือปล่อยเช่าที่สูง เนื่องจากกลุ่มผู้เช่าหรือผู้ซื้อมีทั้งคนไทยและต่างชาติที่นิยมคอนโดเพราะปลอดภัยและดูแลง่าย ในทางกลับกัน วิลล่า ต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า (โดยเฉพาะวิลล่าหรูริมทะเลที่ราคาอาจหลายสิบล้านบาทขึ้นไป) และผู้ลงทุนต้องดูแลรักษาทรัพย์เองหรือจ้างบริษัทบริหาร (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ดูแลสวน สระว่ายน้ำ) อย่างไรก็ดี วิลล่ามีศักยภาพให้ผลตอบแทนสูงมากในกรณีปล่อยเช่าระยะสั้นแก่กลุ่มครอบครัวหรือหมู่คณะที่มีกำลังซื้อ เพราะสามารถเรียกค่าเช่าเป็นรายวันในอัตราสูง (วิลล่าหรูบางแห่งให้เช่าคืนละหลายหมื่นบาท) หากมีอัตราการเข้าพักที่ดี ผลตอบแทนรวมต่อปีของวิลล่าอาจสูงกว่าคอนโดชัดเจน นอกจากนี้ เจ้าของวิลล่ายังสามารถใช้ประโยชน์ส่วนตัวสำหรับการพักผ่อนเป็นครั้งคราวได้อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกรบกวน ในแง่กฎหมาย คนไทยสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ทั้งคอนโดและที่ดินวิลล่าได้สบาย แต่สำหรับต่างชาติจะถือครองได้เฉพาะคอนโด (ในโควต้าต่างชาติ 49%) ไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินที่วิลล่าตั้งอยู่ได้ (เว้นแต่ทำสัญญาเช่ายาว) ดังนั้นตลาดซื้อขายวิลล่าจะจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้ซื้อที่เป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติที่ยอมใช้โครงสร้างถือครองทางอ้อม ผู้ลงทุนชาวไทยจึงได้เปรียบที่สามารถเข้าถือครองวิลล่าได้โดยตรงและขายต่อให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ (ผ่านรูปแบบการเช่าหรือบริษัท) ได้ง่ายกว่า จากปัจจัยทั้งหมด จะเห็นว่าหากผู้ลงทุนต้องการความคล่องตัวและความสะดวก คอนโดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ขณะที่หากมุ่งผลตอบแทนสูงสุดและมีความพร้อมด้านเงินทุน วิลล่าคือช่องทางที่ให้กำไรได้มากกว่าแต่ก็มาพร้อมความท้าทายในการบริหารจัดการที่สูงขึ้น
ใจความสำคัญเรื่องผลตอบแทนการลงทุน:
- ผลตอบแทนจากค่าเช่าคอนโดสมุยเฉลี่ย ~5-8% ต่อปี (กรณีปล่อยเช่าระยะยาว) และอาจสูงถึง ~10% หากบริหารปล่อยเช่าระยะสั้นในทำเลยอดนิยม
- อย่าลืมหักค่าใช้จ่าย (ค่าส่วนกลาง ~฿40-฿60/ตร.ม., ค่าซ่อมบำรุง, ค่าบริหารปล่อยเช่า, ภาษี) เพื่อคำนวณผลตอบแทนสุทธิจริง ซึ่งมักต่ำกว่าผลตอบแทนขั้นต้น ~1-2%
- ควรกระจายความเสี่ยง: มีผู้เช่าทั้งระยะสั้นและยาวผสมกัน ลดผลกระทบจากโลว์ซีซั่นและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- คอนโดเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนง่าย ดูแลง่าย ในขณะที่วิลล่าอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าแต่ต้องใช้เงินทุนมากและการบริหารที่ซับซ้อนกว่า
วิเคราะห์ทำเลเด่นบนเกาะสมุย
เกาะสมุยมีหลายย่านสำคัญที่เป็นจุดศูนย์รวมของที่อยู่อาศัยและการลงทุนคอนโดมิเนียม แต่ละทำเลมีเอกลักษณ์และจุดเด่นต่างกันไป ด้านล่างนี้คือภาพรวมของทำเลยอดนิยม 4 แห่งบนเกาะสมุยที่นักลงทุนและผู้เช่าควรรู้จัก:
หาดเฉวง (Chaweng)
ภาพรวม: หาดเฉวงตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะสมุย และเป็นย่านที่คึกคักที่สุดบนเกาะ ถือเป็น "ใจกลางเมือง" ของสมุยที่รวบรวมทั้งชายหาดที่สวยงาม สถานบันเทิงยามค่ำคืน ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ (เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัลสมุย) ไว้อย่างครบครัน ชายหาดเฉวงมีความยาวหลายกิโลเมตรและขึ้นชื่อเรื่องทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี
ตลาดคอนโดและราคา: ด้วยความเป็นทำเลยอดนิยมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ราคาที่ดินและอสังหาฯ บริเวณเฉวงจึงค่อนข้างสูงกว่าย่านอื่น ๆ โดย ราคาขายคอนโดใกล้หาดเฉวงเฉลี่ยสูงกว่าพื้นที่โซนในเกาะทั่วไปอย่างน้อย ~20% นักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโดในเฉวงอาจต้องใช้งบประมาณสูง แต่ก็แลกมากับศักยภาพในการปล่อยเช่าที่โดดเด่น เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชื่นชอบการพักอาศัยในย่านนี้เพื่อความสะดวกและใกล้แหล่งบันเทิง คอนโดมิเนียมในเฉวงมีทั้งโครงการระดับกลางและระดับไฮเอนด์ บางแห่งอยู่บนเนินเขาใกล้ตัวเมืองเฉวงเพื่อให้ได้วิวทะเล เช่น โครงการ The Bleu Condo ที่นำเสนอห้องชุดวิวสวยและสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย ผู้เช่าระยะสั้นยินดีจ่ายค่าเช่าที่สูงเพื่ออยู่ใกล้ชายหาดและแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นเจ้าของห้องในย่านนี้มักสามารถเรียกค่าเช่าได้มากกว่า ทำให้ ผลตอบแทนการลงทุน ในเฉวงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับทำเลอื่น ๆ
ไลฟ์สไตล์และความน่าสนใจ: หาดเฉวงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบชีวิตชีวาและความสะดวกสบายแบบเมืองใหญ่บนเกาะ ผู้พักอาศัยสามารถเดินไปชายหาด ร้านอาหาร บาร์ และสถานบันเทิงต่าง ๆ ได้โดยง่าย กลางวันสามารถทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี พาราเซลลิ่ง ดำน้ำตื้น ส่วนกลางคืนย่านนี้ก็เต็มไปด้วยสีสัน นักท่องเที่ยวและผู้อยู่อาศัยจะไม่รู้สึกเบื่อเลยในเฉวง อย่างไรก็ตาม ความพลุกพล่านของเฉวงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสงบเงียบ ในช่วงฤดูท่องเที่ยวจะมีนักท่องเที่ยวแน่นเป็นพิเศษและการจราจรหนาแน่น นักลงทุนหรือผู้เช่าที่สนใจย่านนี้จึงควรชั่งน้ำหนักระหว่าง รายได้และความสะดวก ที่ได้รับกับ ความเป็นส่วนตัว ที่อาจลดลง
บ่อผุด (Bo Phut)
ภาพรวม: บ่อผุดตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของสมุย มีชื่อเสียงจาก “หมู่บ้านชาวประมง” (Fisherman’s Village) ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าริมทะเลที่มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม ผสมผสานกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์บรรยากาศดีที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตสมัยใหม่ บรรยากาศโดยรวมของบ่อผุดค่อนข้างสงบและเหมาะสำหรับทั้งการท่องเที่ยวและอยู่อาศัยแบบครอบครัว นอกจากหมู่บ้านชาวประมงแล้ว บ่อผุดยังครอบคลุมถึงพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง บางรักและเชิงมน ซึ่งอยู่ใกล้สนามบินสมุยและมีชายหาดเงียบสงบหลายแห่ง โซนนี้จึงกลายเป็นแหล่งที่ชาวต่างชาติพำนักระยะยาวนิยมเลือก เนื่องจากบรรยากาศผ่อนคลาย ปลอดภัย และมีชุมชนชาวต่างชาติขนาดย่อม
ตลาดคอนโดและราคา: บ่อผุดถือเป็นศูนย์กลางของตลาดคอนโดมิเนียมในสมุย ณ ปี 2568 รายงานตลาดระบุว่ามากกว่า 70% ของยูนิตที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่บนเกาะสมุยตั้งอยู่ในย่านบ่อผุด แสดงถึงความนิยมและศักยภาพของทำเลนี้ โครงการคอนโดที่เกิดขึ้นใหม่มีหลากหลายตั้งแต่คอนโดระดับกลางจับกลุ่มผู้เช่าระยะยาวไปจนถึงคอนโดหรูริมชายหาด เช่น โครงการ Anava Samui ที่กำลังก่อสร้างประมาณ 560+ ยูนิตในพื้นที่นี้ ราคาขายคอนโดในบ่อผุดโดยเฉลี่ยจะต่ำกว่าเฉวงเล็กน้อย แต่ยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับทำเลอื่น ๆ (เนื่องจากความต้องการสูงและที่ดินติดทะเลมีจำกัด) ผู้ลงทุนสามารถพบคอนโดหนึ่งห้องนอนในโซนบางรัก/บ่อผุดที่ราคาเริ่มต้นราว 3-4 ล้านบาท ส่วนคอนโดหรูสองห้องนอนติดทะเลอาจมีราคาสูงกว่า 8-10 ล้านบาท ทั้งนี้ ข้อได้เปรียบของการลงทุนในบ่อผุดคือ อัตราการเช่า ที่สม่ำเสมอตลอดปี ทั้งจากกลุ่มครอบครัวต่างชาติที่อยู่ยาวและนักท่องเที่ยวที่มาเป็นฤดูกาล ค่าเช่าในย่านนี้อยู่ในเกณฑ์ดี (ใกล้เคียงกับเฉวงสำหรับยูนิตริมทะเล และสูงกว่าย่านอื่น ๆ เล็กน้อยสำหรับยูนิตทั่ว ๆ ไป) ทำให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าคอนโดในบ่อผุดอยู่ในระดับน่าพอใจ (ราว 6-8% ต่อปีในกรณีปล่อยเช่าระยะยาว และอาจสูงกว่านั้นในกรณีปล่อยเช่าระยะสั้นช่วงไฮซีซั่น)
ไลฟ์สไตล์และความน่าสนใจ: การอยู่อาศัยในบ่อผุดให้ความรู้สึกผ่อนคลายและมีระดับ เหมาะกับผู้ที่มองหาความสงบมากกว่าเฉวงแต่ยังต้องการความสะดวก ร้านอาหารในหมู่บ้านชาวประมงมีให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารท้องถิ่นและนานาชาติ ทุกเย็นวันศุกร์จะมี “ถนนคนเดินฟิชเชอร์แมน” ที่คึกคักไปด้วยแผงขายอาหารและสินค้าพื้นเมือง สร้างสีสันให้กับพื้นที่ นอกจากนี้ บ่อผุดยังอยู่ไม่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญ เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลกรุงเทพสมุย และห้างบิ๊กซี ทำให้ครอบครัวที่มีเด็กหรือต้องการความสะดวกสบายเลือกปักหลักในย่านนี้ ข้อดีอีกประการคือการเดินทาง บ่อผุดอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติสมุยเพียงประมาณ 10-15 นาที และสามารถเดินทางไปยังหาดเฉวงหรือท่าเรือไปเกาะพะงันได้สะดวก
ละไม (Lamai)
ภาพรวม: หาดละไมตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสมุย ถือเป็นรีสอร์ทชายทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเฉวง จุดเด่นของละไมคือชายหาดที่ยาวและสวยงาม น้ำทะเลใส เหมาะแก่การว่ายน้ำและพักผ่อน และบรรยากาศโดยรวมเงียบสงบกว่าหาดเฉวง จึงได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือมาพักแบบครอบครัว นอกจากนี้ ละไมยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่าง หินตา–หินยาย ซึ่งเป็นโขดหินธรรมชาติรูปร่างแปลกตา นักท่องเที่ยวมักแวะมาเยี่ยมชมสร้างสีสันให้กับพื้นที่ ในตัวเมืองละไมมีร้านค้า ร้านอาหาร ผับบาร์ รวมถึงฟิตเนสและโยคะสตูดิโอบริการสำหรับผู้พำนักระยะยาว ตอบโจทย์ชีวิตที่สมดุลระหว่างสุขภาพและความบันเทิง
ตลาดคอนโดและราคา: แม้ละไมจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักอีกแห่ง แต่ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้ยังพัฒนาไม่หนาแน่นเท่าฝั่งเฉวงและบ่อผุด ส่วนใหญ่มีโครงการแนวราบหรือวิลล่าอยู่ตามไหล่เขารอบ ๆ หาดละไมมากกว่าโครงการคอนโด อย่างไรก็ดี ในช่วงปี 2566-2568 เริ่มมีคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทเกิดขึ้นในมะเร็ต (ตำบลที่ตั้งของหาดละไม) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่อยากพักอาศัยใกล้ชายหาดที่เงียบสงบ ตัวอย่างเช่น โครงการ The Terraza Samui ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือหาดละไม นำเสนอห้องชุดวิวทะเลพร้อมบริการระดับโรงแรม การเข้าสู่ตลาดของโครงการลักษณะนี้ทำให้ผู้ที่สนใจลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น ราคาขายคอนโดในละไมมักต่ำกว่าฝั่งเฉวงและบ่อผุดพอสมควร เช่น ห้องหนึ่งห้องนอนขนาด ~50 ตร.ม. อาจหาได้ในช่วง 2.5-3.5 ล้านบาท เท่านั้น ในขณะที่ห้องชุดหรูวิวทะเลขนาดใหญ่ในพื้นที่เดียวกันอาจมีราคา 6-7 ล้านบาท ซึ่งยังถูกกว่าห้องประเภทเดียวกันในย่านอื่น ๆ ความแตกต่างด้านราคานี้สะท้อนถึงที่ดินบริเวณละไมที่ยังพอมีเหลือให้พัฒนา และการแข่งขันที่ยังไม่สูงมากนัก สำหรับค่าเช่าในย่านละไม จะถูกกว่าเฉวงประมาณ 20-30% โดยคอนโดหนึ่งห้องนอนมาตรฐานอาจปล่อยเช่าได้ราว ฿20,000-฿30,000/เดือน ส่วนวิลล่าหรูหรือห้องชุดใหญ่ติดทะเลในละไมอาจมีค่าเช่า ฿50,000/เดือนขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ละไมจึงเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับคนไทยที่ต้องการมาพักผ่อนระยะยาวหรือลงทุนในทรัพย์สินที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต
ไลฟ์สไตล์และความน่าสนใจ: การอยู่อาศัยในละไมเหมาะกับผู้ที่ต้องการความสงบและใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ยังคงมีความสะดวกพื้นฐานเพียงพอ ผู้พักอาศัยสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชายหาดยามเช้า เล่นโยคะริมทะเล หรือรับประทานอาหารค่ำในร้านอาหารริมชายหาดบรรยากาศโรแมนติก ตกดึกละไมมีบาร์และคาเฟ่เล็ก ๆ ให้ผู้คนมาสังสรรค์ แต่บรรยากาศจะไม่พลุกพล่านเท่าเฉวง ชุมชนคนอยู่ประจำในละไมค่อนข้างแน่นแฟ้นและเป็นมิตร ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่นหรือต่างชาติที่มาอยู่นาน ผู้ที่มองหาการใช้ชีวิตบนเกาะที่ผ่อนคลายและเรียบง่ายแต่ไม่ขาดแคลนความสะดวก ละไมจัดเป็นตัวเลือกทำเลที่ตอบโจทย์
แม่น้ำ (Mae Nam)
ภาพรวม: ชายหาดแม่น้ำตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสมุย ถัดจากบ่อผุดไปทางทิศตะวันตก เป็นพื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติที่งดงาม หาดแม่น้ำมีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวตลอดแนวชายหาดและมีวิวของเกาะพะงันอยู่ไกล ๆ บรรยากาศผ่อนคลายเหมาะกับการพักผ่อนจริงจัง นักท่องเที่ยวที่เลือกพักบริเวณแม่น้ำมักเป็นกลุ่มที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ นอกจากนี้ พื้นที่แม่น้ำยังมีสนามกอล์ฟมาตรฐานระดับโลก (สนามกอล์ฟ Santiburi Samui) และรีสอร์ตหรูหลายแห่งตั้งอยู่ ทำให้ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงเช่นกัน
ตลาดคอนโดและราคา: ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในแม่น้ำยังพัฒนาไม่มากเมื่อเทียบกับสามทำลหลักที่กล่าวมา พื้นที่นี้มีโครงการที่อยู่อาศัยไม่หนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นวิลล่าเดี่ยวหรือบ้านพักตากอากาศระดับลักชัวรี่ตามแนวชายหาดหรือไหล่เขา โครงการคอนโดมิเนียมมีค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แม่น้ำเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มผู้มองหาที่พักระยะยาวที่สงบ การพัฒนาโครงการคอนโดขนาดเล็กจึงเริ่มปรากฏให้เห็นบ้างใกล้ ๆ แนวถนนใหญ่และริมชายหาดบางส่วน ราคาที่ดินและอสังหาฯ ในแม่น้ำยังต่ำกว่าย่านบ่อผุดพอสมควร ทำให้คอนโดหรือวิลล่าในย่านนี้มีราคาน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่มองหามูลค่าที่คุ้มค่ากว่า ตัวอย่างเช่น บ้านพักตากอากาศริมทะเลขนาด 3 ห้องนอนในแม่น้ำอาจมีราคาเพียง 25-30 ล้านบาท ในขณะที่หากอยู่ในบ่อผุดหรือเชิงมนอาจสูงถึง 40-50 ล้านบาท สำหรับคอนโด หากมีการประกาศขาย ห้องชุดหนึ่งห้องนอนวิวสวนในแม่น้ำอาจอยู่ในช่วง ฿2-3 ล้านบาท เท่านั้น เรียกได้ว่าราคาถูกกว่าฝั่งเฉวงและบ่อผุดอย่างมาก ส่วนอัตราค่าเช่าในย่านแม่น้ำ แม้จะไม่มีข้อมูลมากเท่าย่านอื่น แต่โดยทั่วไปจะต่ำกว่าฝั่งบ่อผุดและเฉวงราว 15-25% เนื่องจากกลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ระยะยาวที่ต่อรองราคาได้นาน ช่วงไฮซีซั่นวิลล่าหรูริมหาดแม่น้ำอาจปล่อยเช่าได้คืนละหลักหมื่นบาท แต่สำหรับผู้เช่าระยะยาวแบบรายเดือน ค่าเช่าคอนโดมาตรฐานน่าจะอยู่ราว ฿15,000-฿25,000/เดือน ขึ้นกับระยะทางจากชายหาดและความใหม่ของโครงการ
ไลฟ์สไตล์และความน่าสนใจ: การอยู่อาศัยในแม่น้ำเหมาะสำหรับผู้ที่รักความสงบและความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง ย่านนี้มีกลิ่นอายชุมชนท้องถิ่น มีตลาดสดและร้านอาหารพื้นบ้านให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบเกาะสมุย ขณะเดียวกันก็มีคาเฟ่ฮิป ๆ และร้านอาหารนานาชาติบ้างประปรายตามชายหาดเพื่อรองรับชาวต่างชาติที่มาพักอยู่ นอกจากนี้ แม่น้ำยังสะดวกในการเดินทางไปยังเกาะพะงันและเกาะเต่า เนื่องจากมีท่าเรือข้ามฟากอยู่ในบริเวณนี้ การใช้ชีวิตที่แม่น้ำอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่สำหรับหลายคนแล้ว ความเรียบง่ายและความเงียบสงบนี้คือเสน่ห์ที่ทำให้เลือกปักหลักลงที่นี่ ในมุมของการลงทุน แม่น้ำอาจไม่หวือหวาในแง่ผลตอบแทนระยะสั้น แต่ด้วยราคาที่ดินและอสังหาฯ ที่ยังไม่สูงมาก ทำให้มีโอกาสในการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว หากเกาะสมุยยังคงพัฒนาและเป็นที่นิยมมากขึ้น
ทำเลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
หาดเชิงมน (Choeng Mon): ตั้งอยู่ปลายแหลมทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ ระหว่างบางรักกับเฉวง เชิงมนมีชายหาดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบและรีสอร์ตระดับหรูหลายแห่ง พื้นที่นี้ได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและอยู่ใกล้สนามบิน (ขับรถเพียง 10 นาที) แม้โครงการคอนโดมิเนียมจะมีไม่มาก แต่ด้วยความที่อยู่ในแนวชายฝั่งที่สวยงามและใกล้สถานที่สำคัญ (เช่น วัดพระใหญ่) เชิงมนจึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพหากมีโครงการใหม่เกิดขึ้นในอนาคต
ตัวเมืองหน้าทอน: หน้าทอนอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของสมุย เป็นที่ตั้งของท่าเรือเฟอร์รี่หลักไปยังฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นศูนย์กลางราชการของเกาะ (ที่ว่าการอำเภอ ฯลฯ) บรรยากาศในตัวเมืองหน้าทอนจะเป็นแบบท้องถิ่น มีตลาด ร้านค้า และธนาคารครบครัน แต่ไม่ได้เน้นการท่องเที่ยวเหมือนฝั่งตะวันออก ตลาดอสังหาฯ บริเวณนี้จึงค่อนข้างเงียบ ราคาที่ดินและบ้านจะถูกกว่าฝั่งท่องเที่ยว เหมาะกับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งชุมชนคนพื้นที่หรือประกอบธุรกิจค้าขายมากกว่า อย่างไรก็ดี เมื่อเกาะพัฒนามากขึ้น หน้าทอนก็อาจมีบทบาทในฐานะย่านอยู่อาศัยที่สะดวก (ใกล้ท่าเรือและร้านค้าพื้นเมือง) สำหรับพนักงานหรือครอบครัวคนไทยบนเกาะ
ชายฝั่งใต้และตะวันตก (ตลิ่งงาม – ลิปะน้อย): บริเวณชายฝั่งด้านใต้และตะวันตกของสมุย เช่น ตำบลตลิ่งงามและลิปะน้อย เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวไปเยือนน้อยกว่าย่านอื่น ๆ แต่ก็มีความงดงามตามธรรมชาติและขึ้นชื่อเรื่องจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด จุดเด่นของโซนนี้คือความสงบและวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม นักพัฒนาบางรายได้สร้างวิลล่าและรีสอร์ตขนาดเล็กแบบ exclusive ในพื้นที่นี้สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการหลีกหนีความพลุกพล่าน ราคาที่ดินยังต่ำเมื่อเทียบกับฝั่งเฉวง อย่างไรก็ดี เนื่องจากทำเลค่อนข้างไกลจากศูนย์กลางความเจริญ สิ่งอำนวยความสะดวกอาจมีจำกัด ผู้ที่สนใจอสังหาฯ โซนนี้ควรคำนึงถึงเรื่องการเดินทาง (ใช้เวลาขับรถราว 30-40 นาทีถึงเฉวง) แต่หากมองในแง่การลงทุนระยะยาว ที่ดินฝั่งตะวันตกซึ่งยังราคาไม่สูงก็อาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้หากการพัฒนาของเกาะขยายตัวมาถึง
ความต้องการซื้อและเช่า: มุมมองคนไทย
ผู้ซื้อและนักลงทุนชาวไทย: ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกาะสมุยในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีภาพลักษณ์เป็นตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์จากชาวต่างชาติเป็นหลัก – ไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรปที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรือชาวจีนที่เข้ามาลงทุนคอนโดมิเนียม (ข้อมูลปี 2566 ระบุว่ากว่า 70% ของผู้ซื้ออสังหาฯ ในสมุยเป็นชาวต่างชาติ โดยกลุ่มชาวจีนครองสัดส่วนสูงสุดในกลุ่มต่างชาติ) อย่างไรก็ดี บทบาทของผู้ซื้อและนักลงทุนชาวไทย กำลังเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ หลายปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มนี้ เช่น ราคาทรัพย์สินบนสมุยที่ยังถูกกว่าหลายเมืองท่องเที่ยวอื่น (~30% ต่ำกว่าภูเก็ต) ทำให้นักลงทุนไทยมองเห็นโอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่เอื้อมถึงกว่า เพื่อเก็งกำไรหรือสร้างรายได้ค่าเช่า นอกจากนี้ กระแส การท่องเที่ยวในประเทศ ที่เติบโตในช่วงหลัง (โดยเฉพาะยุคหลังโควิดที่คนไทยหันมาเที่ยวไทยมากขึ้น) ทำให้ทรัพย์สินบนสมุยมีฐานลูกค้าคนไทยรองรับมากขึ้นด้วย นักลงทุนไทยบางส่วนจึงรู้สึกมั่นใจที่จะลงทุนเพราะมองว่าจะสามารถปล่อยเช่าได้ทั้งกับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย
คนไทยที่เป็นผู้เช่า/ผู้อยู่อาศัย: จากมุมมองของกลุ่มผู้เช่าหรือผู้อยู่อาศัยชาวไทย สมุยกำลังกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับการ ย้ายถิ่นฐานเพื่อคุณภาพชีวิต ไม่แพ้จังหวัดใหญ่อื่น ๆ กล่าวคือ มีคนไทย (โดยเฉพาะชาวกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่) จำนวนไม่น้อยที่เลือกมา พักอาศัยระยะยาวในสมุย ไม่ว่าจะเพื่อทำงานทางไกล, เปลี่ยนบรรยากาศหลังเกษียณ, หรือเปิดธุรกิจบนเกาะ ความต้องการที่อยู่อาศัยจากคนไทยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบการเช่าบ้าน/คอนโดมากกว่าการซื้อขาดในทันที (เนื่องจากบางส่วนต้องการทดลองใช้ชีวิตดูก่อน) แต่หากพอใจกับวิถีชีวิตบนเกาะแล้ว หลายคนก็พิจารณาซื้อคอนโดหรือบ้านไว้เป็นทรัพย์สินของตนเองด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีกิจการหรือหน้าที่การงานที่ต้องอยู่สมุยในระยะยาว การมีที่พักเป็นของตนเองย่อมคุ้มค่ากว่าการเช่าระยะยาวในระยะยาว
ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐ: ภาครัฐไทยได้มีมาตรการบางอย่างที่เอื้อให้ตลาดอสังหาฯ คึกคักและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของคนไทย เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสำหรับบ้าน/คอนโดราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาทลงเหลือ 0.01% ซึ่งครอบคลุมคอนโดส่วนใหญ่ในสมุย มาตรการนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์สำหรับผู้ซื้อไทยลดลงอย่างมากในปี 2567-2568 นอกจากนี้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยภาครัฐ (เช่น การขยายเที่ยวบินตรงสู่สมุย และโครงการปรับปรุงท่าเรือเฟอร์รี่บนฝั่งแผ่นดินใหญ่) ล้วนเป็นแรงหนุนทางอ้อมที่เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้ซื้อและเจ้าของทรัพย์สินว่าเกาะสมุยจะยังดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เช่าต่อเนื่องในอนาคต
แนวโน้มความต้องการในอนาคต: จากมุมมองคนไทย ตลาดสมุยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกในฐานะทำเลลงทุนและอยู่อาศัย ปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตบนเกาะที่ดี – มีสิ่งแวดล้อมสวยงาม อากาศบริสุทธิ์ ความหนาแน่นของประชากรไม่สูง เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเข้าถึง (ไทยติดอันดับ Top10 โลกด้านสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็ว) – ทำให้สมุยน่าสนใจในสายตาของคนทำงานยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance แนวคิดการมี “บ้านหลังที่สอง” หรือ “บ้านพักตากอากาศสำหรับครอบครัว” ในสมุยก็เริ่มแพร่หลายในกลุ่มคนไทยฐานะดีที่ต้องการสถานที่พักผ่อนส่วนตัวที่เดินทางได้สะดวก (บินตรงเพียง 1 ชม.จากกรุงเทพฯ) ดังนั้นทั้งความต้องการซื้อและเช่าจากกลุ่มลูกค้าคนไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้พัฒนาโครงการหลายรายเริ่มปรับกลยุทธ์มาจับตลาดลูกค้าคนไทยมากขึ้น เช่น ออกแบบห้องชุดขนาดใหญ่ขึ้นรองรับการอยู่เป็นครอบครัว ราคาขายและแพ็คเกจตกแต่งที่ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อไทย อีกทั้งการให้ข้อมูลเชิงลึกด้านกฎหมายและบริการจัดการปล่อยเช่าที่ครบวงจรก็เป็นจุดขายสำคัญ
โดยสรุป แม้ตลาดคอนโดสมุยจะถูกขับเคลื่อนด้วยนักลงทุนและผู้เช่าต่างชาติเป็นหลัก แต่ความสนใจจากคนไทยก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คนไทยเริ่มมองสมุยเป็นทั้งแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าและเป็นสถานที่พักผ่อนอยู่อาศัยที่มีคุณภาพชีวิตสูง ในอนาคต หากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการบนเกาะสมุยยังดำเนินต่อเนื่อง คาดว่าทั้งผู้ซื้อและผู้เช่าชาวไทยจะมีบทบาทในตลาดอสังหาฯ สมุยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปในมุมมองคนไทย:
- ตลาดอสังหาฯ สมุยยังคงขับเคลื่อนโดยผู้ซื้อ/ผู้เช่าต่างชาติเป็นหลัก แต่ผู้เล่นชาวไทยเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
- คนไทยสนใจลงทุนในสมุยเพราะราคายังไม่สูงเท่าภูเก็ต แต่มีศักยภาพท่องเที่ยวสูง ทำให้คาดหวังกำไรและผลตอบแทนที่ดี
- คนไทยกลุ่มใหม่ ๆ เช่น คนทำงาน remote และผู้เกษียณ เริ่มเลือกสมุยเป็นที่อยู่อาศัยระยะยาว เนื่องจากคุณภาพชีวิตดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (โรงเรียนนานาชาติ 5 แห่ง, โรงพยาบาลมาตรฐานสากล, ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ)
- มาตรการรัฐ (เช่น ลดค่าธรรมเนียมโอน, วีซ่าระยะยาว) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะยิ่งเอื้อให้คนไทยตัดสินใจซื้อ/เช่าอสังหาฯ บนสมุยง่ายขึ้นในอนาคต
ข้อควรรู้ด้านกฎหมายและสัญญาสำหรับคอนโดในสมุย
การลงทุนหรือเช่าคอนโดในสมุยจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อกฎหมายและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจและปลอดภัยทั้งต่อผู้ซื้อ-ผู้ขาย รวมถึงผู้เช่า-ผู้ให้เช่า ต่อไปนี้เป็นประเด็นหลักที่ควรตรวจสอบ:
- กรรมสิทธิ์และเอกสารสิทธิ์: สำหรับผู้ซื้อชาวไทย การซื้อคอนโดในสมุยสามารถถือครองกรรมสิทธิ์แบบ โฉนดกรรมสิทธิ์ห้องชุด (Freehold) ได้ 100% ในนามตนเอง โดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนชาวต่างชาติ (ที่กฎหมายกำหนดให้ทั้งอาคารมีชาวต่างชาติถือครองรวมกันไม่เกิน 49% ของพื้นที่รวมทั้งหมด) อย่างไรก็ดี ผู้ซื้อควรตรวจสอบว่าโครงการที่สนใจเป็น อาคารชุดที่จดทะเบียนตามกฎหมาย เรียบร้อยหรือไม่ (กรณีบางโครงการที่เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อาจไม่ได้จดเป็นอาคารชุด ทำให้ผู้ซื้อไม่ได้สิทธิ์โฉนดห้องชุดจริง) ทั้งนี้ ผู้ซื้อชาวไทยสามารถซื้อห้องชุดได้ทั้งในส่วนโควต้าชาวไทยของอาคารชุด (51% ภายในประเทศ) และส่วนโควต้าชาวต่างชาติ (49%) กล่าวคือ หากอาคารชุดแห่งใดมีชาวต่างชาติถือครองเต็มเพดาน 49% แล้ว คนไทยจะสามารถซื้อได้เฉพาะในยูนิตที่เป็นโควต้าชาวไทย แต่หากส่วนโคว้าต่างชาติยังว่าง คนไทยก็สามารถซื้อในส่วนนั้นได้เช่นกัน (และเมื่อคนไทยถือครอง ห้องชุดนั้นจะไม่นับรวมในสัดส่วนต่างชาติ ทำให้สามารถขายต่อให้ชาวต่างชาติในอนาคตได้โดยไม่ติดข้อจำกัด 49%) นอกจากนี้ ควรขอตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินของโครงการ (โฉนดที่ดิน) ว่าไม่มีภาระผูกพันหรือจำนองใด ๆ ติดอยู่ และสถานะทางกฎหมายของโครงการถูกต้อง เช่น ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและใบอนุญาตอาคารชุดครบถ้วน
- สัญญาจะซื้อจะขายและการโอนกรรมสิทธิ์: ในกรณีซื้อคอนโด (โดยเฉพาะห้องชุดที่ยังสร้างไม่เสร็จหรือ Off-plan) ผู้ซื้อควรอ่านสัญญาจะซื้อจะขายอย่างละเอียด ตรวจสอบเงื่อนไขเรื่อง เงินจอง, เงินดาวน์, กำหนดแล้วเสร็จของโครงการ, และค่าปรับต่าง ๆ หากผู้ประกอบการส่งมอบห้องล่าช้า ในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน ผู้ซื้อควรเตรียมงบสำหรับ ค่าธรรมเนียมการโอน (ตามปกติ 2% ของราคาประเมิน แต่ปัจจุบันรัฐลดเหลือ 0.01% สำหรับราคาที่เข้าเกณฑ์) และ ภาษีธุรกิจเฉพาะ/อากรแสตมป์ รวมถึง ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ซึ่งปกติผู้ขายเป็นผู้จ่าย แต่ในบางกรณีอาจมีการตกลงให้ผู้ซื้อออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้แทน) ผู้ซื้อควรตกลงล่วงหน้ากับผู้ขายให้ชัดเจนว่าใครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนใดเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
- ข้อกำหนดของนิติบุคคลและส่วนกลาง: การซื้อคอนโดหมายถึงการเป็นสมาชิกของนิติบุคคลอาคารชุด ผู้ซื้อควรศึกษาข้อบังคับของนิติบุคคล เช่น กฎการใช้พื้นที่ส่วนกลาง, นโยบายเรื่องสัตว์เลี้ยง, การเช่าระยะสั้น ฯลฯ เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้ทรัพย์สินของตน (เช่น หากตั้งใจจะปล่อยเช่ารายวัน ต้องดูว่าโครงการอนุญาตหรือไม่) อีกทั้งควรสอบถาม อัตราค่าส่วนกลางรายปี และสถานะการเงินของนิติบุคคลว่ามีการค้างชำระค่าส่วนกลางจากเจ้าของร่วมเดิมหรือไม่ เพราะหากมี ผู้ซื้อรายใหม่จะต้องรับผิดชอบค่าส่วนกลางค้างจ่ายเหล่านั้นด้วย
- สัญญาเช่าและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: สำหรับผู้ที่ทำสัญญาเช่าคอนโด ไม่ว่าจะในฐานะผู้ให้เช่าหรือผู้เช่า ก็ควรทราบสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเช่าที่อยู่อาศัย สัญญาเช่าควรมีการทำเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุรายละเอียดสำคัญให้ครบถ้วน เช่น ระยะเวลาการเช่า, ค่าเช่าและกำหนดชำระ, เงินประกันความเสียหาย (ส่วนใหญ่ 2 เดือน), เงื่อนไขการต่อสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนด, และความรับผิดชอบในการซ่อมแซมความเสียหาย เป็นต้น กฎหมายไทยกำหนดว่า หากสัญญาเช่ามีระยะเวลาเกิน 3 ปี จะต้องจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินจึงจะมีผลบังคับตามกฎหมายในส่วนที่เกิน 3 ปีนั้น ดังนั้นกรณีที่ตกลงทำสัญญาเช่าระยะยาว (เช่น 5-10 ปี) ควรดำเนินการจดทะเบียนให้เรียบร้อยเพื่อรักษาสิทธิผู้เช่า นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา ประเทศไทยมี กฎหมายควบคุมสัญญาเช่าเพื่อที่อยู่อาศัย ที่บังคับใช้กับผู้ให้เช่าที่เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 5 ยูนิตขึ้นไป ซึ่งกำหนดห้ามเรียกเก็บเงินประกันเกิน 1 เดือนและห้ามเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน รวมถึงต้องให้สิทธิผู้เช่ายกเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วันโดยไม่มีค่าปรับ (หากพ้นกำหนดเช่าขั้นต่ำแล้ว) ผู้เช่าควรตระหนักถึงสิทธินี้หากเช่ากับผู้ให้เช่ารายใหญ่ ส่วนผู้ให้เช่าก็ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมาย
- การปล่อยเช่าระยะสั้นและกฎหมายโรงแรม: ผู้ลงทุนที่ตั้งใจซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่ารายวัน/รายสัปดาห์ให้แก่นักท่องเที่ยว ควรทราบว่ากฎหมายไทย (พระราชบัญญัติโรงแรม) กำหนดให้การให้เช่าที่พักอาศัยระยะสั้น (น้อยกว่า 30 วัน) ถือเป็นกิจการโรงแรมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง กรณีเจ้าของห้องชุดทำการปล่อยเช่าระยะสั้นด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (เช่น Airbnb) แม้ปัจจุบันจะเป็นที่นิยม แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงทางกฎหมายหากหน่วยงานรัฐเข้มงวดดำเนินการ ผู้ลงทุนควรตรวจสอบระเบียบของนิติบุคคลอาคารชุดที่ตนซื้อว่าอนุญาตการเช่าระยะสั้นหรือไม่ และหากจะดำเนินการปล่อยเช่าควรทำอย่างระมัดระวัง เช่น จำกัดการปล่อยเช่าเป็นรายเดือนขึ้นไป (ซึ่งไม่เข้าข่าย พ.ร.บ. โรงแรม) หรือใช้บริษัทบริหารที่ได้รับอนุญาตถูกต้อง ในกรณีที่ต้องการผลตอบแทนจากการเช่าระยะสั้นเป็นหลัก อาจพิจารณาลงทุนในโครงการที่มีใบอนุญาตโรงแรมหรือ บริการเช่าแบบรีสอร์ท ถูกต้องอยู่แล้ว เพื่อลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
ข้อกฎหมายสำคัญโดยย่อ:
- คนไทยซื้อคอนโดในสมุยได้กรรมสิทธิ์สมบูรณ์ในชื่อตนเอง ต่างชาติซื้อได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่โครงการ
- สัญญาจะซื้อจะขายควรอ่านรอบคอบ ค่าโอน 0.01% (สำหรับทรัพย์ ≤7 ล้าน) ชำระวันโอน, ผู้ซื้อผู้ขายตกลงกันเรื่องภาษี/ค่าธรรมเนียมล่วงหน้า
- เช่าระยะยาว >3 ปี ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นส่วนที่เกิน 3 ปีจะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
- ผู้ให้เช่าที่มีบ้านเช่า ≥5 ยูนิต ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค (เงินประกัน ≤1 เดือน, แจ้งยกเลิกล่วงหน้า 30 วันได้หลังเช่าเกินกำหนดขั้นต่ำ)
- การปล่อยเช่าระยะสั้น (<30 วัน) เข้าข่ายโรงแรม ต้องมีใบอนุญาต มิฉะนั้นผิดกฎหมาย ควรปล่อยเช่า ≥เดือนขึ้นไปเพื่อความปลอดภัย
สรุป
ภาพรวมในปี 2568 ชี้ให้เห็นว่าตลาดคอนโดให้เช่าในเกาะสมุยมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงและน่าสนใจสำหรับทั้งนักลงทุนและผู้เช่า ราคาคอนโดยังคงอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าก็อยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อพิจารณาร่วมกับการเติบโตของการท่องเที่ยว ปัจจัยหนุนหลายด้าน – ตั้งแต่การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ การเข้ามาของกลุ่มผู้พักอาศัยระยะยาวยุคใหม่ ไปจนถึงการสนับสนุนของภาครัฐ – ล้วนส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนและการเช่าคอนโดมิเนียมบนสมุยก็เหมือนกับทุกแห่งที่ควรทำด้วยความรอบคอบ การศึกษาข้อมูลแนวโน้มราคาและผลตอบแทน การเลือกทำเลที่เหมาะกับเป้าหมาย ตลอดจนการทำความเข้าใจข้อกฎหมายและสัญญา ล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสความสำเร็จ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า หรือเป็นผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตท่ามกลางบรรยากาศชายทะเลที่สวยงามของสมุย ตลาดคอนโดในสมุยปี 2568 ก็มีทางเลือกหลากหลายรองรับความต้องการของคุณ การค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกและการเปรียบเทียบตัวเลือกต่าง ๆ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ที่รวบรวมประกาศขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ในสมุยไว้อย่างครบถ้วน เช่น Dot Property ซึ่งคุณสามารถใช้ค้นหาโครงการและยูนิตที่ตรงใจ พร้อมทั้งติดต่อผู้ลงประกาศได้โดยตรง เมื่อตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้ว คุณก็จะสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของหรือผู้พักอาศัยในคอนโดบนเกาะสมุยได้อย่างสบายใจ และได้รับประโยชน์จากวิถีชีวิตอันยอดเยี่ยมที่เกาะแห่งนี้มีให้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคอนโดสมุย (FAQ)
ถาม: ค่าเช่าคอนโดในสมุยประมาณเท่าไร?
ตอบ: ค่าเช่าจะแตกต่างกันตามทำเลและขนาดห้อง โดยคอนโดมาตรฐาน 1-2 ห้องนอนพร้อมเฟอร์นิเจอร์ในย่านยอดนิยม (เช่น เฉวงหรือบ่อผุด) จะมีค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 30,000-50,000 บาทต่อเดือน หากเป็นห้องชุดหรูวิวทะเลอาจสูงถึง 80,000-100,000 บาทต่อเดือน ส่วนคอนโดขนาดเล็กหรือนอกโซนท่องเที่ยวสามารถหาได้ในช่วง 15,000-25,000 บาทต่อเดือน ข้อดีคือปัจจุบันตลาดเช่าคึกคักมาก ผู้เช่ามักต้องจองล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว
ถาม: คนไทยสามารถซื้อคอนโดในสมุยได้ง่ายแค่ไหน?
ตอบ: คนไทยสามารถซื้อคอนโดในสมุยได้เหมือนกับในจังหวัดอื่น ๆ ไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมายพิเศษ โดยสามารถถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ 100% ในนามตนเอง (ต่างชาติซื้อได้รวมกันไม่เกิน 49% ของโครงการ) สิ่งที่ต้องเตรียมคือเงินดาวน์ (มัก 10-20%) และยื่นขอสินเชื่อธนาคารหากต้องการ ธนาคารบางแห่งอาจพิจารณาปล่อยกู้ให้บ้านพักตากอากาศที่สมุยในสัดส่วน LTV ต่ำกว่ากรุงเทพฯ เล็กน้อย (เช่น 70-80% ของราคาซื้อ) ผู้ซื้อจึงควรเตรียมเงินดาวน์เผื่อไว้ให้พอ ในกรณีโครงการใหม่ ผู้ซื้อควรตรวจสอบชื่อเสียงผู้พัฒนาและอ่านสัญญาจะซื้อจะขายให้ละเอียด ในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินก็เหมือนการโอนคอนโดทั่วไป มีค่าโอน 0.01-2% (แล้วแต่ช่วงมาตรการรัฐ) และภาษีต่าง ๆ ที่ผู้ซื้อ/ผู้ขายตกลงกัน
ถาม: การลงทุนปล่อยเช่าคอนโดสมุยคุ้มค่าหรือไม่?
ตอบ: โดยทั่วไปถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากการเช่าคอนโดสมุยอยู่ที่ประมาณ 5-8% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหรือการปล่อยเช่าคอนโดในกรุงเทพฯ หลายทำเล อีกทั้งแนวโน้มมูลค่าทรัพย์สินมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยทั่วไปควรถือการลงทุนระยะกลาง-ยาว (3-5 ปีขึ้นไป) เพื่อให้มูลค่าทรัพย์สินเติบโตเพียงพอชดเชยค่าใช้จ่ายการซื้อขาย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรเลือกทำเลที่นิยม (เช่น ใกล้ชายหาดหรือแหล่งท่องเที่ยว) เพื่อให้ปล่อยเช่าง่าย และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดูแล (ค่าส่วนกลาง, ค่าซ่อม) เพื่อคำนวณผลตอบแทนสุทธิที่แท้จริง
ถาม: ควรลงทุนซื้อคอนโดหรือวิลล่าบนสมุยดี?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับงบประมาณและเป้าหมายการลงทุนของคุณ ถ้ามองถึงผลตอบแทนสูงสุดและคุณมีทุนมาก วิลล่าอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าเพราะสามารถปล่อยเช่ารายวันกลุ่มใหญ่ได้ค่าเช่าสูง แต่ก็ต้องบริหารจัดการมากกว่าและมีความเสี่ยงเรื่องช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่คอนโดใช้งบน้อยกว่า ดูแลง่ายกว่า (มีนิติบุคคลดูแล) และสภาพคล่องสูงกว่าเพราะขายต่อหรือปล่อยเช่าง่าย เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัว ปลอดภัย และไม่ยุ่งยากในการดูแลทรัพย์ บางคนเลือกเริ่มจากคอนโดก่อนแล้วค่อยขยายพอร์ตไปวิลล่าเมื่อมีประสบการณ์และเงินทุนมากขึ้น ทั้งนี้บางคนก็เลือกลงทุนทั้งสองแบบเพื่อกระจายความเสี่ยง
ถาม: สามารถปล่อยเช่าคอนโดสมุยบน Airbnb ได้หรือไม่?
ตอบ: เจ้าของห้องชุดจำนวนมากใช้แพลตฟอร์มอย่าง Airbnb หรือ Booking.com ในการหาผู้เช่าระยะสั้นให้คอนโดของตน แม้หลายคนจะทำกันแพร่หลาย แต่ก็เคยมีกรณีตัวอย่างที่เจ้าของห้องถูกปรับเพราะฝ่าฝืนกฎหมายนี้ ดังนั้นควรทราบว่าการเช่าระยะสั้น (น้อยกว่า 30 วัน) ในไทยเข้าข่ายการทำกิจการโรงแรมซึ่งต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง ตามกฎหมายแล้วคอนโดทั่วไปไม่สามารถให้เช่ารายวันได้ ยกเว้นโครงการที่ขออนุญาตเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรือโรงแรม เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย เจ้าของห้องควรปล่อยเช่าเป็นรายเดือนขึ้นไป หรือหากต้องการปล่อยเช่าระยะสั้นจริง ๆ ควรใช้ตัวแทนบริหารที่ดำเนินการถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงทางกฎหมาย


