ให้เช่าทาวน์เฮ้าส์ ภูเก็ต ประกาศให้เช่าทาวน์เฮ้าส์ 5 ห้องนอน ในภูเก็ต
3 ยูนิตทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ต
ตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ตกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2567-2568 โดยเฉพาะอสังหาประเภททาวน์เฮ้าส์ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ มากกว่าคอนโดมิเนียมแต่ไม่สูงเท่าบ้านเดี่ยวหรือวิลล่าหรู ทาวน์เฮ้าส์จึงตอบโจทย์ทั้งผู้เช่าที่ต้องการพื้นที่และความเป็นส่วนตัว และนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนปล่อยเช่าที่ดีเมื่อเทียบกับเงินลงทุน จากแรงหนุนของการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและความสนใจของผู้เช่าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภูเก็ตถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวระดับโลกที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและผู้พำนักระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติที่มองหาสถานที่พักผ่อนหรือคนไทยที่เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมบริการ การเติบโตของดีมานด์นี้ทำให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์และนักภาพรวมตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ตปี 2567-2568
ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยในภูเก็ตฟื้นตัวอย่างโดดเด่นหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ความต้องการเช่าบ้านพักอาศัยกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลปี 2566 พบว่าดีมานด์เช่าที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักส่งผลให้มีแรงงานภาคบริการและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาพำนักระยะยาวมากขึ้น การกลับมาของกลุ่มผู้เช่าเหล่านี้ดันให้ราคาค่าเช่าเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 10% ในช่วงปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กระแสการทำงานทางไกล (Remote Work) และ Work from Anywhere ที่ได้รับความนิยมหลังยุคโควิด ส่งผลให้ชาวต่างชาติและคนไทยบางกลุ่มเลือกย้ายมาพำนักในจังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตระยะยาวมากขึ้น โดยมองว่าที่นี่เป็น “บ้านหลังที่สอง” ที่สามารถใช้ชีวิตและทำงานไปพร้อมกันได้อย่างมีคุณภาพ กลุ่มคนเหล่านี้นิยมเช่าที่พักที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอและบรรยากาศผ่อนคลายแทนการอยู่ในเมืองใหญ่ ทำให้บ้านแนวราบอย่างทาวน์เฮ้าส์และวิลล่าในภูเก็ตเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น ประกอบกับภูเก็ตมีสภาพแวดล้อมน่าอยู่ (ทะเลสวย อากาศดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบ) จึงกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูด “มนุษย์งานออนไลน์” จากทั่วโลกมาตั้งหลักปักฐาน ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลบวกต่อเจ้าของบ้านเช่าที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่นี้
ปัจจัยสำคัญอีกประการคือ กำลังซื้อของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรป รัสเซีย และตะวันออกกลาง ที่เลือกภูเก็ตเป็นถิ่นพำนักระยะยาวจากเสน่ห์ของเกาะและความสะดวกด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งชาวต่างชาติกลุ่มนี้นิยมเช่าที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับหรู ส่งผลให้ตลาดบ้านเช่าระยะยาวในภูเก็ตมีความคึกคักและหลากหลายระดับราคา ผู้เช่าต่างชาติบางส่วน เช่น ชาวรัสเซีย เลือกเช่าระยะยาวแทนการซื้อเนื่องจากเหตุปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดเช่าจากชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาก (มีการรายงานว่ามูลค่าสัญญาเช่าระยะยาวในภูเก็ตทะลุ 20,000 ล้านบาทต่อปี โดยกว่า 80-90% มาจากผู้เช่าต่างชาติ)
ในขณะเดียวกัน ตลาดผู้เช่าชาวไทย ในภูเก็ตก็ขยายตัวเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยวที่กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานหลังโควิด ความต้องการที่อยู่อาศัยราคาเอื้อมถึง (บ้านเช่าระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทในกรณีซื้อ หรือค่าเช่ารายเดือนระดับหลักหมื่นต้น ๆ) เพิ่มสูงขึ้น บ้านแนวราบอย่างทาวน์เฮ้าส์จึงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้เช่าระดับปานกลาง-ล่างมากขึ้น เนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าอพาร์ตเมนต์หรือคอนโดมิเนียมในระดับราคาใกล้เคียงกัน และสามารถรองรับการอยู่เป็นครอบครัวหรืออยู่กันหลายคนได้
นอกจากนี้ ในช่วงปี 2565-2567 อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งที่เคยวางแผนจะซื้อบ้านต้องชะลอการตัดสินใจและหันมาอยู่บ้านเช่าต่อไปก่อน ประกอบกับราคาบ้านในภูเก็ตที่ปรับสูงขึ้นเร็วจากความต้องการของต่างชาติ คนไทยบางกลุ่มจึงเลือกเช่าเพื่ออยู่อาศัยแทนการซื้อในภาวะที่กำลังซื้อยังไม่ถึง ส่งผลให้ฐานผู้เช่าในตลาดมีมากขึ้นและช่วยหนุนอัตราการเช่าให้ทรงตัวในระดับสูง
โดยภาพรวม อุปทานที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในภูเก็ตเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองดีมานด์ที่พุ่งสูง ปัจจุบันมีทรัพย์สินปล่อยเช่าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จและเจ้าของอสังหาฯ ที่ถือครองบ้านไว้แล้วนำมาปล่อยเช่า นอกจากนี้ อัตราการเข้าพัก (occupancy rate) ของบ้านเช่าในภูเก็ตอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงความสามารถในการหาผู้เช่าได้ค่อนข้างง่ายเมื่อกำหนดค่าเช่าเหมาะสม ทั้งนี้สัญญาเช่าระยะยาว (เช่น 1 ปี) เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดในตลาด เนื่องจากเจ้าของบ้านและผู้เช่าต่างต้องการความมั่นคง และในหลายกรณีผู้เช่าชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวนิยมทำสัญญาเช่า 12 เดือนเพื่อให้สอดคล้องกับวีซ่าหรือแผนการพำนักของตน
ควรสังเกตว่าภูเก็ตมีฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่นช่วงปลายปีถึงต้นปี และโลว์ซีซั่นช่วงกลางปี) แม้ตลาดเช่าระยะยาวจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าเช่าระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยว แต่ฤดูกาลก็อาจมีผลทางอ้อมต่อการตั้งราคาค่าเช่าและอัตราการย้ายเข้า-ย้ายออก ผู้ปล่อยเช่าอาจพบว่าช่วงปลายปีมีผู้สนใจเช่าระยะยาวเพิ่มขึ้นเนื่องจากชาวต่างชาติหนีหนาวมาไทย ในขณะที่ช่วงกลางปีอาจต้องใช้กลยุทธ์จูงใจมากขึ้นหากมีบ้านว่างให้เช่า
โดยสรุป ภาพรวมตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ต ณ ปี 2568 อยู่ในภาวะ “ผู้ปล่อยเช่าเป็นต่อ” (landlord’s market) ในหลายทำเล กล่าวคือมีความต้องการสูงและมีแนวโน้มที่ค่าเช่าจะทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม ในบางตลาดที่มีซัพพลายใหม่เข้ามามาก (เช่น โครงการบ้านจัดสรรใหม่ ๆ) เจ้าของทรัพย์ก็ยังต้องมีการแข่งขันด้านราคาและคุณภาพการบริการเพื่อดึงดูดผู้เช่า
ทำเลสำคัญของตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ต
จังหวัดภูเก็ตแบ่งออกเป็น 3 อำเภอหลัก ได้แก่ อำเภอเมืองภูเก็ต (ครอบคลุมเขตตัวเมืองและพื้นที่ทางใต้ของเกาะหลายแห่ง เช่น ฉลอง ราไวย์ กะตะ กะรน), อำเภอกะทู้ (ครอบคลุมพื้นที่กลางเกาะรวมถึงหาดป่าตอง กะทู้ และกมลา) และอำเภอถลาง (ครอบคลุมพื้นที่ตอนเหนือของเกาะ รวมถึงโซนบางเทา เชิงทะเล สนามบิน และพื้นที่ชนบทบางส่วน) แต่ละทำเลมีลักษณะตลาดเช่าทาวน์เฮ้าส์ที่แตกต่างกันไป ดังนี้:
ถลาง (โซนบางเทา, เชิงทะเล, สนามบิน และพื้นที่ตอนเหนือ)
อำเภอถลางเป็นพื้นที่ที่ผสมผสานระหว่างชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมกับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักผ่อนระดับนานาชาติ โซนบางเทา-เชิงทะเล ในถลางถือเป็นทำเลดาวรุ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวต่างชาติและนักลงทุน เมื่อโครงการระดับไฮเอนด์ เช่น ลากูน่า ภูเก็ต และบีชคลับหรูต่าง ๆ ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่นี้ ส่งผลให้เกิดชุมชนชาวต่างชาติขนาดใหญ่ที่พำนักระยะยาวในบริเวณใกล้เคียง ทาวน์เฮ้าส์และวิลล่าจำนวนมากถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองดีมานด์นี้ ผู้เช่าส่วนใหญ่ในโซนบางเทาเป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรป รัสเซีย หรือจีน ที่มองหาบ้านเช่าพร้อมอยู่ใกล้ชายหาดและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ร้านอาหารนานาชาติ ซูเปอร์มาร์เก็ตนำเข้า และสนามกอล์ฟ
อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วของอสังหาริมทรัพย์ในบางเทาทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง (Red Ocean) สำหรับการปล่อยเช่า มีซัพพลายทาวน์โฮมและวิลล่าจำนวนมากในระดับราคาค่อนข้างสูงเข้ามาในตลาดพร้อม ๆ กัน ผู้ปล่อยเช่าในพื้นที่นี้จึงต้องวางแผนการตั้งราคาที่ดึงดูดใจและสร้างความแตกต่าง เช่น การตกแต่งมีสไตล์หรือการรวมบริการเสริม (แม่บ้าน, สระว่ายน้ำ, บริการดูแลบ้าน) เพื่อจูงใจให้ผู้เช่าเลือกทรัพย์ของตน นอกจากนี้ ความผันผวนด้านราคาก็พบได้ในบางช่วง โดยช่วงกลางปี 2566 ที่ผ่านมา ราคาค่าเช่าเฉลี่ยในโซนถลางมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก (เคยมีสถิติว่าค่าเช่าเฉลี่ยลดลงกว่า 80% ในช่วงไม่กี่เดือน) ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากซัพพลายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและการแข่งขันตัดราคากันในหมู่ผู้ปล่อยเช่า แม้ภาพรวมระยะยาวจะยังมีแนวโน้มเติบโต แต่ผู้ลงทุนควรติดตามสถานการณ์ตลาดในโซนนี้อย่างใกล้ชิด
นอกจากบางเทา-เชิงทะเลแล้ว พื้นที่อื่นในอำเภอถลางก็มีบทบาทในตลาดเช่าทาวน์เฮ้าส์เช่นกัน บริเวณใกล้สนามบินภูเก็ต (ไม้ขาว-สาคู) มีหมู่บ้านและทาวน์เฮ้าส์สำหรับพนักงานสนามบินหรือผู้ที่ทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและกีฬา (อย่างเช่น สนามกอล์ฟหรือยิมฝึกกีฬา) ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกนั้น ค่าเช่าในโซนนี้มักอยู่ในระดับกลางค่อนข้างไปทางต่ำเมื่อเทียบกับบางเทา และผู้เช่าส่วนมากเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติที่ทำงานในพื้นที่ โดยเน้นความสะดวกในการเดินทางไปสนามบินเป็นหลัก
พื้นที่ชุมชนท้องถิ่นในถลาง เช่น โซนอนุสาวรีย์ท้าวเทพฯ (อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร) และตัวอำเภอถลางดั้งเดิม มีทาวน์เฮ้าส์และบ้านชั้นเดียวให้เช่าสำหรับกลุ่มคนทำงานท้องถิ่นและครอบครัวคนไทยที่อาศัยในภูเก็ตมานาน ค่าเช่าในแถบนี้จะถูกกว่าโซนชายฝั่ง ทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2-3 ห้องนอนในย่านชุมชนอาจปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งดึงดูดผู้เช่าที่ต้องการความคุ้มค่าคุ้มราคามากกว่าทำเลใกล้ทะเล
โดยสรุป ถลางเป็นทำเลที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ตลาดบนที่บางเทา-เชิงทะเลซึ่งมีค่าเช่าสูงและคู่แข่งมาก ไปจนถึงตลาดกลาง-ล่างในเขตชุมชนที่มีดีมานด์จากคนทำงานท้องถิ่น ผู้ปล่อยเช่าในถลางควรพิจารณาจุดเด่นของทรัพย์สินตนเองและกลุ่มผู้เช่าเป้าหมายในแต่ละโซน เช่น ถ้าเน้นกลุ่มต่างชาติ ควรเน้นการตกแต่งและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสากล แต่ถ้าเน้นคนไทยทำงาน ก็อาจเน้นราคาประหยัดและความใกล้ที่ทำงาน
กะทู้ (ตัวเมืองกะทู้, ป่าตอง, กมลา)
อำเภอกะทู้ประกอบด้วยพื้นที่สำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ ตัวเมืองกะทู้ (ที่ตั้งของชุมชนดั้งเดิมและมหาวิทยาลัย), หาดป่าตอง (ศูนย์กลางท่องเที่ยวกลางคืนและชายหาดชื่อดัง) และ หาดกมลา (ย่านพักผ่อนเงียบสงบที่กำลังเติบโต) ทำเลเหล่านี้มีลักษณะตลาดแตกต่างกัน:
ตัวเมืองกะทู้และพื้นที่ใกล้เคียง - บริเวณกะทู้ที่อยู่ระหว่างตัวเมืองภูเก็ตกับป่าตองเป็นย่านพักอาศัยของคนท้องถิ่นและชุมชนชาวต่างชาติที่ต้องการความสงบมากกว่าป่าตอง ทาวน์เฮ้าส์ในย่านนี้มักอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็กหรือเป็นบ้านสร้างเองในชุมชน ค่าครองชีพและค่าเช่าอยู่ในระดับปานกลาง ทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ห้องนอนมาตรฐานสามารถปล่อยเช่าได้ในช่วงประมาณ 12,000-20,000 บาทต่อเดือน ขึ้นกับสภาพบ้านและความใหม่ กลุ่มผู้เช่าได้แก่ พนักงานบริษัทเอกชนในภูเก็ต ครอบครัวคนไทยที่มีรายได้ปานกลาง รวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานในภูเก็ต (เช่น ครูโรงเรียนนานาชาติ หรือพนักงานบริษัทนำเที่ยว) ซึ่งต้องการอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกไปทั้งตัวเมืองภูเก็ตและป่าตอง
พื้นที่กะทู้นี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ส่งผลให้มีนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษาที่มองหาที่พักใกล้มหาวิทยาลัยเช่าอยู่ด้วยเช่นกัน แม้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่อาจเลือกอพาร์ตเมนต์หรือหอพัก แต่บุคลากรระดับอาจารย์หรือพนักงานมหาวิทยาลัยบางส่วนอาจสนใจทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านเป็นหลังสำหรับครอบครัว ดังนั้นผู้ปล่อยเช่าในละแวกนี้สามารถประชาสัมพันธ์ที่พักโดยชูจุดขายเรื่องความเงียบสงบและความใกล้สถานศึกษาก็จะช่วยดึงดูดกลุ่มผู้เช่าดังกล่าว
หาดป่าตอง - เป็นย่านที่มีชื่อเสียงระดับโลก เต็มไปด้วยโรงแรม ร้านค้า สถานบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ป่าตองมีความคึกคักตลอดปีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามา อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดเช่าระยะยาว ป่าตองเป็นดาบสองคม ผู้เช่าระยะยาวชาวต่างชาติบางส่วนชื่นชอบการอยู่อาศัยในป่าตองเพราะเดินถึงชายหาดและสถานบันเทิงได้สะดวก แต่ขณะเดียวกันหลายคนอาจเลี่ยงเพราะความพลุกพล่านและเสียงดังตอนกลางคืน
ทาวน์เฮ้าส์ในป่าตองมีอยู่จำกัดเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเมนต์ และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในตรอกซอกซอยด้านหลังหาดหรือบนเนินเขารอบ ๆ พื้นที่ บางหลังถูกดัดแปลงเป็นเกสต์เฮาส์หรือโฮมออฟฟิศ ดังนั้นเจ้าของที่ต้องการปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในป่าตองควรชัดเจนว่าจะจับกลุ่มลูกค้าใด หากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะสั้น การปล่อยเช่ารายเดือนในช่วงไฮซีซั่นอาจได้ค่าเช่าสูง (แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายโรงแรมอย่างเข้มงวด) แต่หากมุ่งกลุ่มผู้เช่าระยะยาว เช่น ชาวต่างชาติทำงานทางไกล (digital nomads) หรือครอบครัวชาวต่างชาติที่ย้ายมาทำธุรกิจในภูเก็ต ค่าเช่าอาจตั้งอยู่ในระดับกลางประมาณ 20,000-30,000 บาทต่อเดือนสำหรับบ้านขนาด 2-3 ห้องนอน ทั้งนี้ขึ้นกับระยะทางจากชายหาดและความสะดวกที่บ้านนั้นมี
ควรสังเกตว่าหลังโควิด ตลาดเช่าระยะยาวในป่าตองมีการเปลี่ยนแปลง: ช่วงที่นักท่องเที่ยวหายไป เจ้าของหลายรายหันมาปล่อยเช่าระยะยาวในราคาที่จูงใจเพื่อดึงผู้เช่าที่อยู่ยาว เช่น กลุ่มชาวต่างชาติที่ติดค้างหรือตัดสินใจใช้ชีวิตในไทย ผลคือในปี 2564-2565 มีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งได้เช่าคอนโดและบ้านในป่าตองระยะยาวในราคาถูกกว่าปกติ แต่เมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัว ค่าเช่าเหล่านี้ก็ปรับขึ้นอีกครั้งหรือไม่เจ้าของก็กลับไปปล่อยเช่ารายวันแทน ดังนั้นผู้ปล่อยเช่าในป่าตองปัจจุบันที่เน้นระยะยาวต้องเผชิญกับการแข่งขันจากตลาดรายวันที่อาจให้ผลตอบแทนสูงกว่า ผู้ลงทุนจึงควรชั่งน้ำหนักระหว่างการรับผู้เช่าระยะยาวที่ให้รายได้สม่ำเสมอกับการปล่อยเช่ารายวัน/รายสัปดาห์ที่รายได้ผันผวนตามฤดูกาล
หาดกมลา - ตั้งอยู่ทางเหนือของป่าตองเล็กน้อย หาดกมลาเป็นชุมชนที่เงียบสงบกว่าและมีความเป็นท้องถิ่นมากกว่า แม้จะมีรีสอร์ตและวิลล่าสุดหรูตั้งอยู่ (เช่น โครงการระดับลักชัวรีของบริษัทต่างชาติ) แต่บรรยากาศโดยรวมของกมลายังเหมาะกับการอยู่อาศัยระยะยาวแบบสงบ ผู้เช่าชาวต่างชาติที่ชอบความเงียบและเป็นส่วนตัวมักเลือกพักในกมลา ซึ่งมีชายหาดที่สวยงามและอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตแฟนตาซี
ตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในกมลาไม่ได้ใหญ่โตมากนัก เนื่องจากอสังหาฯ ในพื้นที่มักเป็นวิลล่าหรูหรือคอนโดมิเนียมวิวทะเล แต่ก็มีทาวน์โฮมโครงการเล็ก ๆ และบ้านแฝดของคนท้องถิ่นบางส่วนที่ปล่อยเช่าให้กับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ทำงานในภูเก็ต ค่าเช่าในกมลาอาจอยู่ในเกณฑ์กลางถึงสูง หากเป็นบ้านใกล้ทะเลหรือมองเห็นวิวก็อาจแตะระดับ 30,000-50,000 บาทต่อเดือนได้ ในขณะที่บ้านธรรมดาในชุมชนอาจอยู่ที่ 15,000-20,000 บาท ข้อดีของกมลาคือความปลอดภัยและเงียบสงบ ทำให้เหมาะกับครอบครัวหรือผู้เช่าที่เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องการหลีกหนีความพลุกพล่าน
โดยภาพรวม อำเภอกะทู้มีตลาดเช่าทาวน์เฮ้าส์ที่สองขั้ว: ฝั่งหนึ่งคือพื้นที่เมือง-ชุมชนที่เน้นความคุ้มค่าและการเดินทางสะดวก (กะทู้ตัวเมือง), อีกฝั่งคือพื้นที่ท่องเที่ยวชายหาดที่มีราคาสูงแต่ดีมานด์เฉพาะกลุ่ม (ป่าตอง, กมลา) ผู้ปล่อยเช่าควรปรับกลยุทธ์ตามพื้นที่ เช่น ในเขตชุมชนให้เน้นราคากับความสะดวก แต่ในเขตท่องเที่ยวอาจต้องเน้นการตกแต่งและจุดขายที่โดดเด่นเพื่อตอบโจทย์ชาวต่างชาติ
เมืองภูเก็ต (ตัวเมือง, วิชิต, ฉลอง, กะตะ-กะรน)
อำเภอเมืองภูเก็ตครอบคลุมพื้นที่ตอนใต้และตะวันออกของเกาะ รวมถึงตัวเมืองภูเก็ตและย่านชานเมืองสำคัญหลายแห่ง เป็นศูนย์กลางราชการ การค้า และชุมชนท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ตลาดเช่าทาวน์เฮ้าส์ในเขตนี้มีความต่อเนื่องและมั่นคงเนื่องจากมีดีมานด์จากคนที่อาศัยและทำงานในภูเก็ตมาอย่างยาวนาน รวมถึงชาวต่างชาติที่แต่งงานกับคนไทยหรือมาตั้งรกรากทำธุรกิจส่วนตัวในตัวเมือง
ตัวเมืองภูเก็ตและวิชิต - ย่านเมืองเก่าภูเก็ตมีตึกแถวและทาวน์เฮ้าส์สไตล์ชิโนโปรตุกีสจำนวนมาก บางส่วนได้รับการปรับปรุงเป็นเกสต์เฮาส์ คาเฟ่ หรือโฮมสเตย์ แต่อีกหลายหลังยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีการปล่อยเช่าให้ทั้งคนไทยและต่างชาติที่ชื่นชอบเสน่ห์เมืองเก่า สำหรับทาวน์เฮ้าส์ในย่านชุมชนที่อยู่อาศัย เช่น บริเวณตลาดใหญ่ ย่านซอยทะเล และชานเมืองฝั่งถนนวิชิตสงคราม ค่าเช่าค่อนข้างย่อมเยากว่าโซนริมทะเล ทาวน์เฮ้าส์สองชั้น 2-3 ห้องนอนในสภาพมาตรฐานสามารถปล่อยเช่าในช่วงประมาณ 10,000-18,000 บาทต่อเดือน กลุ่มผู้เช่าเป็นครอบครัวคนไทยท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงานบริษัท และชาวต่างชาติสูงวัยที่มาใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบเรียบง่ายในเมือง (บางรายเลือกอยู่เมืองมากกว่าอยู่ริมหาดเพื่อความสะดวกใกล้โรงพยาบาล ร้านค้า และตลาดสด)
ย่านชานเมืองและฉลอง-ราไวย์ฝั่งตะวันออก - เขตวิชิตซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าใหญ่ (Central Festival, Central Floresta) และโรงเรียนนานาชาติบางแห่ง (เช่น HeadStart, Kajonkiet รวมถึงพื้นที่แถบเกาะแก้วซึ่งมีโรงเรียนนานาชาติบริติชภูเก็ต (BIS) และคอมเพล็กซ์ท่าเรือยอชท์ (Boat Lagoon, Royal Phuket Marina) ที่ดึงดูดชาวต่างชาติให้มาอยู่อาศัยในละแวกนี้) มีหมู่บ้านจัดสรรและทาวน์โฮมใหม่ ๆ หลายโครงการที่พัฒนามาในช่วงสิบปีหลัง ทาวน์เฮ้าส์เหล่านี้มักมีสภาพดีและสิ่งแวดล้อมโครงการที่ปลอดภัย ทำให้สามารถปล่อยเช่าในกลุ่มผู้เช่าครอบครัวคนไทยระดับกลาง-สูงหรือชาวต่างชาติที่พาครอบครัวมาอยู่ภูเก็ต (เช่น ผู้บริหารโรงแรมหรือผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในธุรกิจบริการ) ค่าเช่าในย่านใกล้ห้างและโรงเรียนนานาชาติอาจอยู่ในช่วง 20,000-30,000 บาทต่อเดือน เพราะผู้เช่ามีกำลังจ่ายและยินดีจ่ายเพื่อความสะดวกสบายใกล้แหล่งช้อปปิ้งและโรงเรียนของบุตรหลาน
โซนฉลอง-ราไวย์ (ฝั่งตะวันออกและตอนใต้) - แม้อยู่ในเขตอำเภอเมือง แต่พื้นที่ฉลองและราไวย์มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง (รายละเอียดเชิงลึกของราไวย์จะกล่าวในหัวข้อต่อไป) ในบริเวณฉลอง (ท่าเรือฉลองและพื้นที่ใกล้เคียง) ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าจอดเรือยอร์ชและเป็นจุดออกเรือไปเกาะต่าง ๆ มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่พอสมควร รวมถึงมีสถานที่ฝึกซ้อมมวยไทยชื่อดังหลายแห่งบนถนนสายฉลอง-ไปวัดฉลอง (เช่น Soi Ta-iad) ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาเข้าค่ายฝึกมวยไทยหรือออกกำลังกายระยะยาวในโซนนี้ ทำให้มีความต้องการบ้านเช่าแบบระยะกลางถึงระยะยาวเพิ่มขึ้น ทาวน์เฮ้าส์และบ้านในฉลองจึงสามารถปล่อยเช่าให้กับกลุ่มผู้ที่มาอยู่ 3-6 เดือนเพื่อซ้อมกีฬาได้ ทั้งนี้ราคาค่าเช่าอาจปรับตามช่วงเวลา หากเป็นช่วงที่มีกิจกรรมหรือค่ายฝึกคึกคัก ผู้เช่าเต็ม การแข่งขันอาจทำให้ราคาเช่าขยับสูงขึ้นได้
กะตะ-กะรน - พื้นที่ชายฝั่งฝั่งตะวันตกตอนใต้ของเกาะภูเก็ต อยู่ในเขตอำเภอเมืองเช่นกัน หาดกะตะและกะรนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวยุโรป มีความสงบกว่าป่าตองและมีชุมชนชาวต่างชาติอาศัยอยู่พอสมควร สำหรับตลาดเช่าทาวน์เฮ้าส์ แม้บ้านแนวราบจะมีไม่มากเท่าคอนโดโรงแรม แต่ก็มีบ้านทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดบางส่วนในซอยภายในที่ปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่อยู่ยาว (เช่น กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาอยู่เป็นเดือนในช่วงฤดูหนาวของยุโรป) ค่าเช่าในกะตะ-กะรนอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางสูง บ้านเช่าส่วนใหญ่ที่ใกล้ทะเลหรือเห็นวิวทะเลอาจมีค่าเช่า 25,000-40,000 บาทต่อเดือน ส่วนบ้านในชุมชนห่างทะเลเล็กน้อยอาจอยู่ที่ 15,000-25,000 บาทต่อเดือน จุดขายของทำเลนี้คือชายหาดที่สวยงามและบรรยากาศผ่อนคลาย ผู้เช่ามักเป็นกลุ่มคู่รักหรือครอบครัวเล็กชาวต่างชาติที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายเน้นทะเลและกิจกรรมกลางแจ้ง
สรุปแล้ว เขตเมืองภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงมีตลาดเช่าทาวน์เฮ้าส์ที่ค่อนข้างเสถียรและพึ่งพาดีมานด์ภายในจังหวัดเป็นหลัก ค่าเช่ามีตั้งแต่ระดับประหยัดในเขตชุมชนดั้งเดิมไปจนถึงระดับกลางในโครงการใหม่ ผู้ปล่อยเช่าในทำเลนี้ควรมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เช่า (ซึ่งอาจอยู่กันหลายปีหากพอใจ) และรักษาสภาพบ้านให้น่าอยู่อาศัย เนื่องจากการหาผู้เช่าใหม่ในตลาดคนท้องถิ่นอาจไม่หวือหวาเท่ากับในโซนนักท่องเที่ยว แต่กลับมีความยั่งยืนมากกว่า
ราไวย์ และพื้นที่ใกล้เคียง (ตอนใต้สุดของภูเก็ต)
ราไวย์ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่โดดเด่นด้วยชุมชนชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาว โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันตกและรัสเซียจำนวนมากที่เลือกปักหลักอยู่ราไวย์เพราะบรรยากาศเงียบสงบ มีชายหาด (แม้หาดราไวย์เองไม่เหมาะเล่นน้ำเท่าหาดอื่น แต่ใกล้กับหาดในหานที่สวยงาม) และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้อยู่อาศัยครบครัน เช่น ร้านอาหารนานาชาติ โรงเรียนนานาชาติ (อย่างเช่น โรงเรียนนานาชาติภูเก็ตวิศ (ISP) ในบริเวณใกล้เคียง) ฟิตเนส และคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดย่อม
ตลาดทาวน์เฮ้าส์และบ้านเช่าในราไวย์ได้รับแรงหนุนอย่างมากจากชาวต่างชาติกลุ่ม “expat” และผู้เกษียณ หลายคนเช่าบ้านอยู่หลายปีต่อเนื่อง บ้างก็ย้ายมาเพราะทำงานจากระยะไกล (work from anywhere) โดยอาศัยความงามและความสงบของภูเก็ต พฤติกรรมของผู้เช่ากลุ่มนี้คือมองหาบ้านที่พร้อมอยู่ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ เครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบางครั้งต้องการบริการเสริม เช่น ดูแลสระว่ายน้ำหรือสวนในกรณีบ้านเดี่ยว แต่สำหรับทาวน์เฮ้าส์ทั่วไป ผู้เช่าต่างชาติจะคาดหวังว่าบ้านสะอาด อยู่ในสภาพดี และเจ้าของบ้านตอบสนองต่อการซ่อมบำรุงได้รวดเร็ว
ในช่วงปี 2565-2566 ราไวย์เป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากเนื่องจากผู้เช่าชาวรัสเซียหลั่งไหลเข้ามาหลังเหตุการณ์ความไม่สงบในยุโรปตะวันออก ทำให้บ้านเช่าในราไวย์ถูกจับจองเกือบเต็ม และบางแห่งมีการปรับขึ้นค่าเช่าตามดีมานด์ที่พุ่งสูง ผู้เช่ารัสเซียหลายรายมาแบบครอบครัวหรือมาเป็นกลุ่ม มีงบประมาณค่อนข้างสูง และต้องการบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ ปลอดภัย ในย่านที่มีชุมชนคนรัสเซียอยู่แล้ว ส่งผลให้เจ้าของบ้านเช่าในพื้นที่นี้ได้รับอานิสงส์จากดีมานด์ดังกล่าว ค่าเช่าเฉลี่ยในราไวย์สำหรับบ้านทาวน์โฮม/ทาวน์เฮ้าส์ดีๆ (3 ห้องนอน มีแอร์และเฟอร์ฯ ครบ) อาจอยู่ที่ราว 25,000-35,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่บ้านระดับหรูหรือวิลล่าขนาดใหญ่จะสูงกว่านั้นมาก (หลายแห่ง 50,000-80,000 บาทต่อเดือน)
แต่ก็ใช่ว่าราไวย์จะมีแค่ต่างชาติ ผู้เช่าชาวไทยเองก็มี เช่น กลุ่มข้าราชการบำนาญที่ย้ายมาอยู่ภูเก็ตเพื่อชีวิตสงบยามเกษียณ หรือคนทำงานที่ชอบชีวิตใกล้ทะเลโดยไม่พลุกพล่านอย่างป่าตอง จุดเด่นคือค่าครองชีพในราไวย์ยังสมเหตุสมผลกว่าโซนนักท่องเที่ยว หลายครอบครัวไทยเช่าบ้านที่นี่เพราะลูกเรียนในโรงเรียนย่านใกล้เคียงหรือเพราะราคาค่าเช่าได้พื้นที่บ้านกว้างขวางกว่าเมื่อเทียบกับการอยู่คอนโดในเมือง
ผู้ปล่อยเช่าในราไวย์ควรคำนึงถึงการสื่อสารสองภาษา (ไทย-อังกฤษ หรือไทย-รัสเซียหากเป็นไปได้) เพื่อความสะดวกในการติดต่อกับผู้เช่าต่างชาติ และควรเตรียมสัญญาเช่าที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เนื่องจากผู้เช่าต่างชาติกลุ่มนี้มักอยู่กันยาวและแนะนำเพื่อนฝูงต่อหากประทับใจ นอกจากนี้ การตั้งราคาค่าเช่าควรยืดหยุ่นตามฤดูกาลบ้าง เช่น หากมีบ้านว่างช่วงโลว์ซีซั่นอาจเสนอส่วนลดหรือเงื่อนไขพิเศษเพื่อจูงใจ ในขณะที่ไฮซีซั่นสามารถเรียกราคาตลาดเต็มที่เพราะดีมานด์สูง
โดยสรุป ราไวย์เป็นทำเลที่น่าดึงดูดสำหรับการปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในสายตานักลงทุน เนื่องจากมีกลุ่มผู้เช่าที่เหนียวแน่นและยอมจ่ายเพื่อคุณภาพชีวิต หากบริหารจัดการดีก็มีโอกาสได้ผู้เช่าระยะยาวที่ดูแลบ้านอย่างดีและจ่ายตรงเวลา
เปรียบเทียบศักยภาพทำเลต่าง ๆ ในภูเก็ตสำหรับการปล่อยเช่า:
- โซนท่องเที่ยวชายหาด (ป่าตอง, กะตะ-กะรน, กมลา, บางเทา ฯลฯ): ค่าเช่าเฉลี่ยสูงสุด ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวระยะยาว ผลตอบแทนดีแต่มีความผันผวนตามฤดูกาล แข่งขันสูง เจ้าของต้องมีการบริหารจัดการเชิงรุก
- โซนเมืองและพื้นที่ศูนย์กลาง (ตัวเมืองภูเก็ต, กะทู้ตัวเมือง, วิชิต): ค่าเช่าระดับปานกลาง กลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานและครอบครัวคนไทย รวมถึงชาวต่างชาติที่ทำงานประจำในพื้นที่ ดีมานด์สม่ำเสมอตลอดปี ผลตอบแทนมั่นคงแต่ไม่หวือหวามาก การแข่งขันไม่สูงมาก
- โซนพักอาศัยเชิงชานเมือง/ชุมชนต่างชาติ (ราไวย์, ฉลอง, ถลางบางส่วน): ค่าเช่าระดับกลางถึงค่อนข้างสูง ขึ้นกับใกล้ทะเลหรือไม่ มีผู้เช่าชาวต่างชาติพำนักระยะยาวปะปนกับคนไทย บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยยาว ความต้องการเติบโตตามชุมชนต่างชาติที่ขยายตัว เป็นทำเลที่ให้สมดุลระหว่างรายได้ค่าเช่ากับความเสี่ยง (ไม่ผันผวนเท่าชายหาด แต่ได้อัตราเช่าดีกว่าในเมือง)
แนวโน้มค่าเช่าและอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่า
เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มค่าเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ต พบว่าภาพรวมค่าเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากความต้องการที่สูงขึ้นทั้งจากไทยและต่างชาติ ประกอบกับเงินเฟ้อและต้นทุนการถือครองอสังหาฯ ที่สูงขึ้น เจ้าของบ้านหลายรายปรับค่าเช่าขึ้นปีละ 3-5% ตามกลไกตลาด (ยกเว้นในกรณีที่ผู้เช่าเดิมต่อสัญญาและเจ้าของต้องการรักษาผู้เช่าไว้ ระดับค่าเช่าอาจคงที่เพื่อรักษาความสัมพันธ์)
ทั้งนี้ ระดับค่าเช่าเฉลี่ยของทาวน์เฮ้าส์ทั้งเกาะภูเก็ตในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน แต่ตัวเลขเฉลี่ยนี้อาจไม่สะท้อนภาพทั้งหมดเพราะมีความเหลื่อมระหว่างกลุ่มทรัพย์สินระดับหรูและกลุ่มราคาประหยัด หากแยกตามกลุ่มจะพบว่า:
- ทาวน์เฮ้าส์มาตรฐาน 2-3 ห้องนอนในย่านชุมชนหรือโครงการระดับกลาง ค่าเช่าอยู่ราว 10,000-20,000 บาท/เดือน (คิดเป็นบ้านที่ไม่ไกลทะเลนักหรือในตัวเมือง)
- ทาวน์เฮ้าส์ที่อยู่ในทำเลยอดนิยม มีการตกแต่งดี หรืออยู่ใกล้ชายหาด ค่าเช่าจะอยู่ในช่วงประมาณ 20,000-35,000 บาท/เดือน สำหรับบ้านขนาด 2-3 ห้องนอน โดยกลุ่มผู้เช่าอาจเป็นทั้งไทยและเทศที่มีกำลังเช่าปานกลางถึงค่อนข้างสูง
- บ้านทาวน์โฮมหรูหรือบ้านขนาดใหญ่ (อาจมีสระว่ายน้ำส่วนตัว อยู่ในโครงการใหม่ ใกล้ทะเลหรือวิวดี) ค่าเช่าจะอยู่ตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป และสามารถไปได้ถึง 60,000-80,000 บาท/เดือนในบางกรณี (โดยเฉพาะหากจับตลาดต่างชาติระดับบน)
แนวโน้มระยะสั้น: จากข้อมูลตลาดล่าสุด ค่าเช่าในภูเก็ตช่วงเข้าสู่ปลายปี 2567 มีทิศทางปรับขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง ผู้เช่าต่างชาติจำนวนมากเริ่มทำสัญญาเช่าล่วงหน้าเพื่อเข้าพักช่วงปลายปี ทำให้บ้านที่ว่างลดลงและราคาเช่าถูกตั้งสูงขึ้นตามดีมานด์ โดยเฉพาะในย่านยอดนิยมอย่างบางเทา ราไวย์ และกะตะ-กะรน ในทางตรงข้าม ย่านที่อยู่อาศัยทั่วไปในตัวเมืองหรือกะทู้ที่ไม่พีกมาก ค่าเช่าอาจทรงตัวไม่ขยับมากนักเนื่องจากผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นที่อ่อนไหวต่อราคามากกว่า
แนวโน้มระยะยาว: ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า (2568-2569) แนวโน้มค่าเช่าในภูเก็ตคาดว่าจะยังคงทรงตัวหรือปรับขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่อาจมากระทบคือซัพพลายใหม่ๆ จากโครงการจัดสรรแนวราบและคอนโดที่กำลังจะสร้างเสร็จในภูเก็ต หากมีจำนวนมากอาจเพิ่มตัวเลือกให้ผู้เช่าและกดดันให้ผู้ปล่อยเช่าต้องรักษาราคาให้แข่งขันได้ ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามจำนวนโครงการใหม่เปิดขาย/สร้างเสร็จในทำเลที่ตนถือทรัพย์อยู่ว่าจะส่งผลให้มีบ้านปล่อยเช่าเพิ่มอีกเท่าใด
ในแง่ของผลตอบแทนการลงทุน (Rental Yield) การปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ตถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าสนใจ โดยทั่วไปอัตราผลตอบแทนจากการเช่าระยะยาวจะอยู่ประมาณ 4-6% ต่อปี ของมูลค่าบ้าน (หลังหักค่าใช้จ่ายบางส่วน) ยกตัวอย่างเช่น ทาวน์เฮ้าส์มูลค่า 5 ล้านบาท หากปล่อยเช่าเดือนละ 25,000 บาท ก็จะให้ผลตอบแทนราว 6% ต่อปี ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับการปล่อยเช่าในกรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่บางแห่งที่อัตราผลตอบแทนอาจอยู่ราว 3-5%
สำหรับนักลงทุนที่ใช้สินเชื่อที่อยู่อาศัยในการซื้อทาวน์เฮ้าส์ การพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระเทียบกับค่าเช่าเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไป ธนาคารจะให้กู้โดยผู้กู้ต้องผ่อนชำระไม่เกินประมาณ 40-50% ของรายได้ต่อเดือน หากค่าเช่าที่ได้รับสามารถครอบคลุมค่างวดเงินกู้ได้ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด การลงทุนของคุณก็จะ "เลี้ยงตัวเอง" ได้ (self-sustaining) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดี อย่างไรก็ดี ในบางกรณีค่าเช่าอาจต่ำกว่าค่างวดเล็กน้อย นักลงทุนต้องเตรียมเงินส่วนต่างมาสนับสนุน แต่ก็สามารถมองว่าส่วนต่างนั้นคือการออมในรูปทรัพย์สินที่มูลค่าเพิ่มขึ้น หากเลือกทรัพย์และบริหารการเงินอย่างชาญฉลาด การใช้เงินคนอื่น (เงินกู้) มาช่วยลงทุนปล่อยเช่าสามารถเพิ่มอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Equity ROI) ได้อย่างมาก
ทั้งนี้ ผลตอบแทนจริงอาจสูงหรือต่ำกว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
- ทำเลที่ตั้ง: บ้านในทำเลที่ดีมีดีมานด์สูงจะปล่อยเช่าได้ราคาดีกว่าและหา tenant ใหม่ได้เร็ว ผลตอบแทนก็สูงขึ้น
- สภาพและคุณภาพบ้าน: บ้านที่ตกแต่งพร้อมอยู่ สภาพใหม่ เสนอสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มักได้ค่าเช่าดีกว่าบ้านสภาพเก่าหรือไม่มีเฟอร์นิเจอร์
- กลยุทธ์การปล่อยเช่า: หากเจ้าของบ้านยืดหยุ่นในการทำสัญญา เช่น ยอมรับสัญญาเช่า 6 เดือนในช่วง high season ที่ตั้งค่าเช่าสูง หรือให้ส่วนลดเพื่อดึงผู้เช่าระยะยาว 2-3 ปี ก็อาจช่วยเพิ่มรายได้รวมหรือลดช่วงว่างบ้านลง ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยดีขึ้น
- ค่าใช้จ่าย: อย่าลืมว่าผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบค่าบำรุงรักษา ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ปีละครั้ง) และอาจมีค่าบริหารจัดการ (ถ้าใช้เอเจนซี่) ซึ่งต้องหักออกจากรายรับค่าเช่า ดังนั้นการบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ (เช่น ซ่อมแซมเองในสิ่งที่ทำได้ หรือเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทนทานเพื่อไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย) จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนสุทธิ
โดยภาพรวม ภูเก็ตยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนปล่อยเช่า เพราะนอกจากรายได้ค่าเช่าแล้ว ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับกำไรส่วนต่างของราคาอสังหาฯ (capital gain) ในระยะยาว เนื่องจากราคาที่ดินและบ้านในภูเก็ตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของจังหวัดและโครงสร้างพื้นฐาน (เช่น โครงการรถไฟฟ้ารางเบาที่มีแผนจะสร้างในภูเก็ต หรือการขยายสนามบินในอนาคต) อย่างไรก็ตาม ควรมองการลงทุนปล่อยเช่าเป็นการถือครองระยะกลาง-ยาว และเตรียมพร้อมรับความผันผวนระหว่างทาง เช่น ช่วงเศรษฐกิจชะลอหรือโรคระบาดที่อาจทำให้ดีมานด์ลดลงชั่วคราว
กลุ่มผู้เช่าเป้าหมายและพฤติกรรมผู้บริโภค
การเข้าใจกลุ่มผู้เช่าเป้าหมายเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ต เจ้าของอสังหาฯ ควรรู้ว่าผู้เช่าของตนเป็นใคร มีลักษณะความต้องการและพฤติกรรมอย่างไร เพื่อที่จะปรับปรุงทรัพย์สินและการบริการให้ตอบโจทย์ และใช้กลยุทธ์การตลาดได้ตรงจุด กลุ่มผู้เช่าหลักในตลาดภูเก็ตสามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้:
- นักท่องเที่ยวระยะยาว/ชาวต่างชาติพำนักระยะยาว (Expat/Digital Nomad): กลุ่มนี้เป็นชาวต่างชาติจากยุโรป รัสเซีย อเมริกา รวมถึงเอเชีย (เช่น จีน, เกาหลี) ที่เข้ามาอยู่อาศัยในภูเก็ตเป็นเวลาหลายเดือนถึงหลายปี บางคนทำงานทางไกล (remote work) จึงเลือกภูเก็ตเพราะสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่และอินเทอร์เน็ตดี พฤติกรรมของผู้เช่ากลุ่มนี้คือเน้นความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิต พวกเขามองหาทาวน์เฮ้าส์ที่ ตกแต่งครบ (fully furnished) มีอุปกรณ์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนอน พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที พวกเขายินดีจ่ายค่าเช่าในเรทราคาปานกลางถึงสูงหากบ้านมีคุณภาพและอยู่ในทำเลที่ชอบ (ใกล้ชายหาด ร้านอาหารนานาชาติ ซูเปอร์มาร์เก็ตของนำเข้า ฯลฯ) นอกจากนี้ ชาวต่างชาติยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่ราบรื่น เจ้าของควรสื่อสารภาษาอังกฤษได้ หรือมีตัวแทนจัดการให้ การตอบสนองต่อปัญหา (เช่น ซ่อมแซม) ต้องรวดเร็วและมีมาตรฐาน ผู้เช่ากลุ่มนี้มักจะ หาข้อมูลออนไลน์ เป็นหลัก ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์อสังหาฯ ระดับสากล กลุ่มเฟซบุ๊กของชาวต่างชาติในภูเก็ต หรือ Airbnb (ในกรณีเช่าระยะกลาง)
- ครอบครัวคนไทย/คนไทยที่ย้ายมาทำงานที่ภูเก็ต: กลุ่มนี้ได้แก่ข้าราชการที่ย้ายมาปฏิบัติงาน พนักงานบริษัท โรงแรม หรือธุรกิจต่าง ๆ ที่ย้ายครอบครัวมาอยู่ภูเก็ต คนกลุ่มนี้มักมองหาที่พักที่รองรับครอบครัว มี 2-3 ห้องนอน เพื่อให้สมาชิกมีพื้นที่ส่วนตัว พวกเขาอาจมีเฟอร์นิเจอร์ของตัวเองบ้าง (หากย้ายมาจากที่อื่น) จึงบางครั้ง มองหาบ้านเช่าที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือมีบางส่วน เพื่อที่จะตกแต่งเองตามชอบ หรือเพื่อประหยัดค่าเช่า ดังนั้นเจ้าของบ้านอาจพิจารณาปล่อยเช่าแบบมีและไม่มีเฟอร์ฯ เป็นสองราคาเพื่อยืดหยุ่นต่อความต้องการ กลุ่มครอบครัวคนไทยจะให้ความสำคัญกับทำเลที่ ใกล้ที่ทำงาน โรงเรียนของลูก ร้านค้าพื้นฐาน และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย (เช่น ในโครงการหมู่บ้านที่มีรปภ.) การตัดสินใจเช่าของกลุ่มนี้มักใช้เวลา คือนัดดูสถานที่จริงหลายแห่ง เปรียบเทียบราคา และต่อรองพอสมควร พวกเขาอาจค้นหาข้อมูลทั้งออนไลน์ (เว็บประกาศเช่าไทย ๆ อย่าง DDproperty, BaanFinder) และออฟไลน์ (ถามคนรู้จักหรือขับรถดูป้ายให้เช่า)
- พนักงานระดับปฏิบัติการ/กลุ่มผู้เช่ารายได้ปานกลาง-ล่าง: ในภูเก็ตมีแรงงานภาคบริการจำนวนมาก เช่น พนักงานโรงแรมระดับปฏิบัติการ พนักงานร้านอาหาร แม่ครัว พนักงานห้าง ฯลฯ คนกลุ่มนี้โดยมากเป็นคนไทย (และบางส่วนเป็นชาวต่างชาติประเทศเพื่อนบ้าน) ที่ต้องการที่พักราคาไม่แพงนักและอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน ทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียวหรือสองชั้นขนาดเล็กในย่านชุมชน ห่างจากย่านท่องเที่ยวหลัก มักเป็นที่ต้องการของกลุ่มนี้ ค่าเช่าที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาอยู่ราว 6,000-12,000 บาทต่อเดือน (ซึ่งอาจเป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กหรือห้องแบ่งเช่าในบ้านหลังใหญ่) ผู้เช่ากลุ่มนี้มีพฤติกรรมการหาเช่าที่พักแตกต่างออกไปคือ พึ่งพาการบอกต่อและกลุ่มโซเชียลในพื้นที่ มากกว่าเว็บไซต์ทางการ พวกเขาอาจเข้ากลุ่ม Facebook “บ้านเช่าภูเก็ต” หรืออ่านประกาศตามบอร์ดชุมชน ดังนั้นหากนักลงทุนมีอสังหาฯ ในระดับราคานี้ การทำการตลาดอาจต้องเข้าถึงช่องทางเหล่านี้ นอกจากนี้ ควรเตรียมสัญญาที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และอาจไม่ซับซ้อนอย่างสัญญาภาษาอังกฤษยาวๆ แบบที่ใช้กับชาวต่างชาติ
- ผู้เช่าเชิงพาณิชย์หรือกึ่งพาณิชย์: ทาวน์เฮ้าส์บางหลังโดยเฉพาะในตัวเมืองภูเก็ตหรือป่าตอง อาจถูกเช่าเพื่อนำไปใช้งานกึ่งพาณิชย์ เช่น เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ เปิดสำนักงานทัวร์ ทำโฮมออฟฟิศ หรือโฮสเทลขนาดเล็ก ผู้เช่ากลุ่มนี้อาจเป็นทั้งคนไทยและต่างชาติที่ต้องการทำธุรกิจ ค่าเช่าที่เขาสามารถจ่ายได้จะขึ้นกับศักยภาพทำเล (เช่น ในตัวเมืองอาจ 15,000-25,000 บาท/เดือน, ป่าตองหรือย่านท่องเที่ยวอาจสูงกว่านั้น) สำหรับเจ้าของบ้านที่เปิดรับผู้เช่าประเภทนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ากิจการที่ผู้เช่าจะทำนั้นถูกกฎหมายและไม่ทำความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือชุมชนโดยรอบ การระบุเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ในสัญญาเช่าอย่างชัดเจนจะช่วยป้องกันปัญหาภายหลัง
ในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคด้านการเช่าบ้านในภูเก็ต ยังมีจุดที่น่าสนใจดังนี้:
- ผู้เช่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลและติดต่อเป็นภาษาอังกฤษ เจ้าของควรมีรูปถ่ายคุณภาพสูงของทรัพย์สิน รายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษครบถ้วน (เช่น ขนาดพื้นที่ จำนวนห้องนอน ห้องน้ำ เฟอร์นิเจอร์ที่มี ที่จอดรถ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ) ลงประกาศในเว็บไซต์ที่ชาวต่างชาติเข้าถึง เช่น Airbnb (สำหรับ short-term ที่อาจต่อ long-term), หรือ PropertyGuru (เว็บไซต์กลุ่ม DDproperty ในภาษาอังกฤษ), รวมถึงการตอบข้อความหรืออีเมลเป็นภาษาอังกฤษอย่างมืออาชีพ
- ผู้เช่าชาวไทยมักจะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความน่าเชื่อถือ พวกเขาอาจดูโปรไฟล์เจ้าของบ้านหรือผู้ประกาศว่ามีตัวตนจริง เชื่อถือได้ไหม (เช่น ถ้าเป็นประกาศโดยเอเจนซี่ที่รู้จักก็จะอุ่นใจ หรือถ้าเป็นประกาศโดยเจ้าของตรงก็มักอยากเจอพูดคุยด้วยตนเอง) นอกจากนี้ผู้เช่าคนไทยจะละเอียดกับเงื่อนไขสัญญา เช่น เงินประกัน ความรับผิดชอบต่อค่าน้ำค่าไฟ การซ่อมแซม ต่างกับผู้เช่าต่างชาติที่บางครั้งสนใจแค่ให้ได้บ้านถูกใจและพร้อมจ่ายเงิน
- ระยะเวลาในการหาที่เช่า: ชาวต่างชาติมักวางแผนล่วงหน้าค่อนข้างนาน พวกเขาอาจเริ่มหาบ้านเช่าหลายเดือนก่อนย้ายจริง โดยเฉพาะกลุ่มที่จะมาช่วงไฮซีซั่น ส่วนคนไทยหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้วจะใช้เวลาหาสั้นกว่า บางครั้งตัดสินใจภายใน 1-2 สัปดาห์ก่อนย้ายเข้า เพราะมีตัวเลือกในใจจากการสำรวจพื้นที่เอง
- ความยืดหยุ่น: ผู้เช่าบางกลุ่มอาจขอต่อรอง เช่น ขอเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม ขอทาสีใหม่ หรือต่อรองค่าเช่าลง เจ้าของควรเตรียมเงื่อนไขไว้ว่าส่วนใดยอมได้ไม่ได้ เช่น อาจให้ทาสีได้แต่ต้องทาสีเดิมคืนตอนย้ายออก, หรือยอมซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มให้แต่จะบวกเพิ่มในค่าเช่าเล็กน้อย เป็นต้น การยืดหยุ่นอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ได้ผู้เช่าที่พอใจและอาศัยอยู่ยาวขึ้น
กลยุทธ์การตั้งราคาค่าเช่าและเงื่อนไขสัญญา
การตั้งราคาค่าเช่าทาวน์เฮ้าส์อย่างเหมาะสมถือเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยทั้งข้อมูลและความเข้าใจตลาด เจ้าของที่ตั้งราคาถูกเกินไปย่อมสูญเสียโอกาสในการทำกำไร ในขณะที่หากตั้งแพงเกินไปบ้านก็อาจว่างนานกว่าจะปล่อยได้ กลยุทธ์ต่อไปนี้จะช่วยให้นักลงทุนกำหนดราคาค่าเช่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและดึงดูดผู้เช่าในขณะเดียวกัน:
- ศึกษาตลาดและเปรียบเทียบราคา (Market Survey): ขั้นแรกควรสำรวจราคาค่าเช่าตลาดในทำเลเดียวกันและสำหรับทรัพย์ประเภทใกล้เคียงกัน ดูประกาศเช่าบ้านอื่น ๆ ในพื้นที่เดียวกัน เช่น หากคุณมีทาวน์เฮ้าส์ 3 ห้องนอนในราไวย์ ให้เช็คดูว่าบ้านขนาดและสภาพคล้ายกันในราไวย์ปล่อยเช่าเท่าไหร่ช่วงนี้ ข้อมูลนี้ช่วยให้ตั้งราคาไม่หลุดตลาด ผู้เช่าก็มักจะเปรียบเทียบหลายแห่งก่อนตัดสินใจ หากตั้งราคาอยู่ในช่วงเดียวกับตลาด (หรือถูกกว่าเล็กน้อย) จะเพิ่มโอกาสให้บ้านคุณถูกเลือก
- พิจารณามูลค่าทรัพย์และต้นทุน (Cost and Value Consideration): คำนวณต้นทุนการถือครองอสังหาฯ รายเดือนของคุณ เช่น ผ่อนแบงก์เดือนละเท่าไร ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน ค่าดูแลรักษาเฉลี่ย ฯลฯ จากนั้นตั้งราคาที่ครอบคลุมต้นทุนเหล่านี้และให้กำไรตามต้องการ (เช่น ตั้งเป้า yield 5% ต่อปี) แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงด้วยว่ามูลค่าบ้านที่สูงไม่ได้แปลว่าจะตั้งค่าเช่าสูงเทียบเท่าเสมอไป เช่น บ้านราคา 10 ล้านในบางทำเลอาจปล่อยเช่าได้แค่ 40,000 บาทต่อเดือน (yield 4.8%) หากตลาดไม่ยอมรับราคาที่สูงกว่านั้น ดังนั้นการตั้งราคาต้องสมดุลระหว่าง “ต้นทุน+กำไรที่ต้องการ” กับ “ระดับราคาที่ผู้เช่าพร้อมจ่าย”
- ปรับตามทำเลและจุดเด่น: ในทำเลที่มีจุดขายพิเศษ เช่น ใกล้ทะเลจริง ๆ, อยู่ในโครงการมีคลับเฮาส์, วิวสวย, ติดโรงเรียนนานาชาติ คุณสามารถตั้งราคา “เผื่อพรีเมียม” ได้สูงกว่าบ้านทั่วไปในย่านเดียวกัน เพราะผู้เช่าจะให้ค่ากับจุดเด่นเหล่านี้ เช่น ทาวน์โฮมติดหาดกะรน อาจตั้งแพงกว่าทาวน์โฮมในซอยลึก 20% แล้วสื่อสารให้ผู้เช่าเห็นว่าคุ้มค่าอย่างไร ในทางกลับกัน ถ้าบ้านคุณอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ (เช่น ห่างไกล ถนนลูกรังลึกเข้าไป) การตั้งราคาต่ำกว่าตลาดเล็กน้อยจะช่วยดึงดูดผู้เช่าได้ง่ายขึ้น
- พิจารณาเงื่อนไขสัญญาที่ยืดหยุ่นเพื่อแลกราคาที่ดีขึ้น: หากผู้เช้ายินดีทำสัญญาระยะยาว (เช่น 2-3 ปี) คุณอาจล็อคราคาเช่าให้คงที่ไม่ขึ้นราคา หรือลดราคาเล็กน้อยเพื่อจูงใจ เช่น บ้านค่าเช่า 25,000 บาท/เดือน หากผู้เช้าทำสัญญา 3 ปี อาจพิจารณาลดเหลือ 23,000 บาท/เดือน ซึ่งระยะยาวแล้วคุณได้ความมั่นคงและลดความเสี่ยงบ้านว่าง ในทางกลับกัน หากผู้เช้าต้องการสัญญาสั้น 6 เดือนหรือ 9 เดือน คุณอาจตั้งราคาสูงขึ้นสัก 5-10% เพราะเมื่อหมดสัญญาคุณต้องหาผู้เช่าใหม่ (ต้นทุนเวลาและโอกาส) กลยุทธ์นี้ช่วยปรับสมดุลรายได้กับความเสี่ยงของผู้ปล่อยเช่า
- รวม/ไม่รวมค่าใช้จ่ายในค่าเช่า: ตัดสินใจว่าค่าเช่าที่ตั้งรวมค่าบริการอะไรบ้าง เช่น ค่าส่วนกลางหมู่บ้าน ผู้ปล่อยเช่าโดยมากจะออกให้เองอยู่แล้ว แต่ค่าสาธารณูปโภค (น้ำ/ไฟ/อินเทอร์เน็ต) มักไม่รวมในค่าเช่า หากต้องการตั้งค่าเช่าให้สูงขึ้นอย่างมีเหตุผล คุณอาจเสนอ “รวมค่าแม่บ้านสัปดาห์ละครั้ง” หรือ “ฟรีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง” เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีต้นทุนไม่มากนักแต่เพิ่มมูลค่าให้ผู้เช่ารู้สึกคุ้ม ในทางกลับกัน บางรายใช้วิธีตั้งค่าเช่าต่ำแต่เรียกเก็บค่าส่วนกลางหรือบริการเสริมแยกต่างหาก อันนี้ควรแจ้งชัดเจนไม่เช่นนั้นผู้เช่าอาจรู้สึกถูกหมกเม็ดและไม่พอใจภายหลัง
- ทบทวนราคาเป็นระยะ: ตลาดอสังหาฯ ไม่หยุดนิ่ง ค่าเช่าที่ตั้งไว้เมื่อสองปีที่แล้วอาจถูกเกินไปสำหรับตลาดปัจจุบันเพราะดีมานด์เพิ่ม หรือในทางกลับกันเศรษฐกิจซบเซาทำให้ต้องลดราคาลงเพื่อรักษาผู้เช่า หากคุณมีผู้เช่าอยู่แล้ว การปรับขึ้นราคาควรทำอย่างระมัดระวังและมีเหตุผล (เช่น อัตราเงินเฟ้อเพิ่ม ค่าดูแลบ้านเพิ่ม) พร้อมทั้งแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือนก่อนหมดสัญญาเพื่อให้ผู้เช่าเตรียมตัว หากบ้านว่างก็สามารถทดลองปรับราคาขึ้นหรือลงดูควบคู่กับการตลาด หากตั้งราคาใหม่แล้วยังไม่มีคนสนใจเลย อาจแปลว่าราคาสูงไป ต้องปรับลง หรือหากมีคนติดต่อมามากทันที อาจแปลว่าเราตั้งถูกไป
เงื่อนไขสัญญาเช่าก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่สัมพันธ์กับราคา ผู้เช่าและผู้ให้เช่าในภูเก็ตส่วนใหญ่คุ้นเคยกับเงื่อนไขมาตรฐานคือ วางเงินประกัน 2 เดือน + ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน (รวมจ่าย 3 เดือนก่อนเข้าอยู่) และสัญญาเช่า 1 ปี เจ้าของบ้านควรใช้สัญญาเช่าลายลักษณ์อักษรที่ระบุรายละเอียดสำคัญ ได้แก่ ค่าเช่า, กำหนดชำระ, ค่าปรับล่าช้า, ระยะเวลาเช่า, เงื่อนไขการต่ออายุ, หน้าที่การซ่อมแซมของแต่ละฝ่าย, การคืนเงินประกัน และข้อห้ามต่าง ๆ (เช่น ห้ามเลี้ยงสัตว์หากไม่อนุญาต, ห้ามดัดแปลงต่อเติมโดยพลการ เป็นต้น) การทำสัญญาชัดเจนจะช่วยลดปัญหาความเข้าใจผิดและคุ้มครองทั้งสองฝ่าย
สำหรับเจ้าของที่ต้องการเพิ่มความน่าสนใจ อาจพิจารณาเงื่อนไขพิเศษ เช่น
- อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์: บ้านเช่าที่ pet-friendly จะหาผู้เช่าได้ง่ายขึ้นในกลุ่มคนรักสัตว์ (ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติ) และสามารถตั้งราคาสูงกว่าบ้านที่ไม่รับสัตว์เลี้ยงเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลือกในตลาดมีน้อย แต่ควรกำหนดในสัญญาว่าผู้เช่าต้องรับผิดชอบความเสียหายใด ๆ ที่สัตว์เลี้ยงก่อขึ้น
- บริการดูแลระหว่างสัญญา: เสนอบริการตรวจเช็คหรือทำความสะอาดใหญ่ให้ปีละหนึ่งครั้งฟรี เป็นต้น เพื่อแสดงความใส่ใจและรักษาสภาพบ้าน (ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่เจ้าของจะได้เข้าไปตรวจสภาพบ้านโดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวผู้เช่า)
- ตัวเลือกซื้อ (rent-to-buy): ในบางกรณี นักลงทุนอาจเปิดโอกาสให้ผู้เช่าซื้อบ้านหลังนั้นได้ในอนาคตและนำส่วนหนึ่งของค่าเช่ามาคำนวณเป็นเงินดาวน์ วิธีนี้แม้ไม่แพร่หลายในภูเก็ตนักแต่ก็มีบ้างและอาจดึงดูดกลุ่มผู้เช่าที่สนใจจะลงหลักปักฐานจริง ๆ
การตั้งราคาและเงื่อนไขอย่างมีกลยุทธ์จะช่วยให้ผู้ลงทุนปล่อยเช่าสามารถดึงดูดผู้เช่าคุณภาพ อยู่ยาว และลดช่วงเวลาบ้านว่าง ซึ่งทั้งหมดจะนำไปสู่ผลตอบแทนโดยรวมที่ดีขึ้นในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ต
- ค่าเช่าเฉลี่ยของทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ตประมาณเท่าใด? ค่าเช่าจะแตกต่างกันไปตามทำเลและขนาดของบ้าน โดยทั่วไปทาวน์เฮ้าส์ 2-3 ห้องนอนในทำเลทั่ว ๆ ไปของภูเก็ตมีค่าเช่าประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อเดือน สำหรับทำเลยอดนิยมใกล้ทะเลหรือแหล่งไลฟ์สไตล์อาจสูงถึง 30,000-50,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่บ้านหลังเล็กหรืออยู่ชานเมืองไกลหน่อยอาจพบได้ที่ 10,000 บาทหรือต่ำกว่านั้น ทั้งนี้ปี 2568 ค่าเช่าเฉลี่ยรวมทุกระดับของทาวน์เฮ้าส์อยู่ราว 30,000 กว่าบาทต่อเดือน ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อยตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
- การลงทุนซื้อทาวน์เฮ้าส์ปล่อยเช่าในภูเก็ตให้ผลตอบแทนดีไหม? โดยทั่วไปการปล่อยเช่าในภูเก็ตให้ผลตอบแทนจากค่าเช่า (Rental Yield) ราว 4-6% ต่อปีซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับหลายพื้นที่ในไทย หากเลือกซื้อในทำเลที่ดี ราคาไม่สูงเกินไป แล้วปล่อยเช่าได้อย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่มูลค่าบ้านจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว (capital gain) ซึ่งเป็นกำไรส่วนเพิ่มอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าดูแลรักษา ภาษีที่ดินฯ และเผื่อกรณีบ้านว่างเป็นบางช่วงในการคำนวณผลตอบแทนด้วย
- ควรปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์แบบมีเฟอร์นิเจอร์ครบหรือปล่อยว่างดี? ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้เช่าที่คุณต้องการจับ กลุ่มชาวต่างชาติและผู้เช่าที่มาจากต่างพื้นที่มักชอบบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบพร้อมอยู่ เพราะสะดวกและไม่ต้องลงทุนซื้อของเอง บ้านที่ตกแต่งพร้อมจึงปล่อยเช่าได้ง่ายและคิดค่าเช่าได้สูงกว่าเล็กน้อย ในขณะที่กลุ่มผู้เช่าท้องถิ่นบางรายอาจมีของใช้ส่วนตัวและต้องการบ้านเปล่าเพื่อจะตกแต่งเอง หากบ้านคุณอยู่ในทำเลคนทำงานคนไทย การปล่อยเช่าแบบไม่มีเฟอร์อาจง่ายกว่าเพราะคิดค่าเช่าถูกลงและเข้าถึงกลุ่มนี้ได้ แต่โดยทั่วไปในภูเก็ต การมีเฟอร์นิเจอร์บางส่วน (เช่น แอร์ ครัวบิลท์อิน เครื่องทำน้ำอุ่น) เป็นมาตรฐานที่ผู้เช่าคาดหวัง การตกแต่งครบทั้งหลังจะช่วยให้ปล่อยเช่าได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะกับต่างชาติ
- ต้องวางเงินประกันและค่าเช่าล่วงหน้าเท่าไหร่ในการเช่า? มาตรฐานการเช่าบ้านในไทยรวมถึงภูเก็ต คือผู้เช่าต้องวางเงินประกันความเสียหาย 2 เดือนของค่าเช่า และจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน รวมเป็น 3 เดือน ณ วันทำสัญญาเช่า เงินประกันนี้เจ้าของบ้านจะคืนให้เมื่อสิ้นสุดสัญญาหากไม่มีค่าเสียหายหรือค้างชำระค่าน้ำไฟใด ๆ กรณีการเช่าระยะสั้นกว่าปี (เช่น 6 เดือน) บางครั้งอาจต่อรองเงินประกันเหลือ 1 เดือนขึ้นอยู่กับเจ้าของ แต่อาจจะต้องชำระค่าเช่าทั้งก้อนล่วงหน้าแทน (เช่น จ่าย 6 เดือนทีเดียว)
- มีภาษีหรือกฎหมายอะไรที่เจ้าของบ้านเช่าในภูเก็ตควรรู้? เจ้าของบ้านที่ปล่อยเช่ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากค่าเช่าที่ได้รับ โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย 30% ได้ (ตามกฎหมายภาษีไทย กรณีรายได้ค่าเช่าอสังหาฯ) และเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าเมื่อรวมกับรายได้อื่น ๆ นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของต้องชำระกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกปี (อัตราภาษีสำหรับบ้านที่ไม่ได้อยู่อาศัยเอง/ปล่อยเช่าจะสูงกว่าบ้านหลักเล็กน้อย) ในด้านกฎหมาย เจ้าของบ้านควรจัดทำสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรและถ้ามีผู้เช่าเป็นชาวต่างชาติที่อยู่เกิน 90 วัน ควรแนะนำให้เขาไปลงทะเบียนตามกฎหมายคนเข้าเมือง (ตม. หรือที่เรียกว่าแจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา 38) เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนด แต่โดยมากบริษัทหรือเอเจนต์ที่ดูแลจะช่วยเรื่องนี้
- ควรใช้บริการนายหน้า/เอเจนซี่หรือไม่ในการหาผู้เช่า? หากคุณไม่สะดวกจัดการปล่อยเช่าเองหรือไม่มีเวลาเฝ้าประกาศ การใช้บริการนายหน้าหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ในภูเก็ตสามารถช่วยได้ พวกเขามีเครือข่ายผู้เช่าและคู่ค้ากว้างขวางและสามารถกรองผู้เช่าที่น่าเชื่อถือให้ ที่สำคัญคือช่วยจัดการเรื่องสัญญาและปัญหาจุกจิกแทน ค่าบริการทั่วไปคือคิดเป็นค่าเช่า 1 เดือนสำหรับการหาผู้เช่าใหม่ (เช่น ผู้เช่าทำสัญญา 1 ปี นายหน้าจะได้ค่า Commission 1 เดือน) อย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถจัดการเองได้ การโพสต์ประกาศออนไลน์ด้วยตัวเองในยุคนี้ก็ไม่ยากและประหยัดค่าใช้จ่าย การตัดสินใจขึ้นกับว่าคุณให้คุณค่ากับเวลาและความสะดวกมากน้อยแค่ไหน
- ปล่อยเช่าระยะสั้น (รายวัน/รายสัปดาห์ เช่น ผ่าน Airbnb) หรือปล่อยเช่าระยะยาวดีกว่ากัน? การปล่อยเช่าระยะสั้นสามารถสร้างรายได้ต่อคืนสูงกว่า โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นที่นักท่องเที่ยวล้นเกาะ แต่ก็มีความผันผวนสูงและมีค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการมากกว่า (เช่น ทำความสะอาดบ่อย เปลี่ยนผู้อาศัยบ่อย) อีกทั้งตามกฎหมายไทย การปล่อยเช่ารายวันโดยไม่มีใบอนุญาตโรงแรมถือว่าผิดกฎหมายและอาจถูกปรับได้ ในขณะที่การปล่อยเช่าระยะยาว (ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป) นั้นถูกกฎหมายและให้รายได้คงที่สม่ำเสมอ แม้ต่อเดือนจะได้น้อยกว่าแต่ก็ลดความยุ่งยากในการหาผู้เช่าบ่อย ๆ และลดความเสี่ยงบ้านเสียหายจากการถูกใช้งานหนัก เจ้าของบ้านหลายรายในภูเก็ตเลือกใช้กลยุทธ์ผสม เช่น ปล่อยเช่าระยะสั้นเฉพาะช่วงไฮซีซั่นแล้วปล่อยระยะยาวช่วงโลว์ซีซั่น แต่กลยุทธ์นี้ต้องมีความชำนาญในการจัดการ ดังนั้นหากคุณเป็นนักลงทุนรายใหม่ การปล่อยเช่าระยะยาวให้ผู้เช่าที่มั่นคงน่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและง่ายต่อการบริหารจัดการมากกว่า
- เจ้าของบ้านจำเป็นต้องทำประกันภัยสำหรับบ้านที่ปล่อยเช่าหรือไม่? แนะนำอย่างยิ่งให้เจ้าของบ้านทำประกันภัยที่อยู่อาศัยซึ่งครอบคลุมกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม พายุ หรืออุบัติเหตุที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างบ้าน ประกันจะช่วยคุ้มครองเงินลงทุนของคุณ ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์และทรัพย์สินภายในบ้าน อาจพิจารณาประกันเพิ่มเติมที่ครอบคลุมความเสียหายต่อสิ่งติดตั้งภายใน (บางกรมธรรม์รวมไว้แล้ว) ถึงแม้ผู้เช่าจะวางเงินประกันความเสียหายไว้ 1-2 เดือน แต่หากเกิดเหตุใหญ่เกินวงเงินนั้น ประกันภัยจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้อย่างมาก ทั้งนี้ เจ้าของบ้านควรแจ้งบริษัทประกันด้วยว่าบ้านหลังนี้ปล่อยเช่าเพื่อให้ความคุ้มครองถูกต้องตรงตามการใช้ประโยชน์
- หากผู้เช่าผิดนัดไม่จ่ายค่าเช่าหรือทำทรัพย์สินเสียหาย เจ้าของบ้านควรทำอย่างไร? ในกรณีผู้เช่าค้างค่าเช่า ขั้นแรกควรติดต่อเตือนอย่างเป็นทางการ (เช่น ส่งจดหมายหรือข้อความบันทึกหลักฐาน) หากเกินระยะเวลาที่ระบุในสัญญาว่าจะถือว่าผิดสัญญา (มัก 30 วัน) เจ้าของมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาเช่าและขอให้ผู้เช่าออกจากบ้าน ซึ่งในทางปฏิบัติอาจต้องเจรจาให้ผู้เช่าออกโดยดี ส่วนเงินประกันสามารถยึดไว้เพื่อชดเชยค่าเช่าที่ค้าง กรณีความเสียหายต่อทรัพย์สิน ควรถ่ายรูปความเสียหายไว้เป็นหลักฐานและประเมินค่าเสียหาย จากนั้นแจ้งให้ผู้เช่าทราบว่าจะทำการหักจากเงินประกันเท่าใดเพื่อซ่อมแซม หากความเสียหายมีมูลค่าสูงเกินเงินประกัน อาจต้องเจรจาให้ผู้เช่าชดใช้เพิ่มเติม ในกรณีเลวร้ายที่ผู้เช่าไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าของสามารถดำเนินการทางกฎหมายผ่านศาลแพ่งได้ โดยอ้างอิงสัญญาเช่าที่ระบุเงื่อนไขการบอกเลิกและความรับผิดชอบ แต่โดยมากแล้วการเจรจาตกลงนอกศาลจะเป็นวิธีที่รวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายกว่าทั้งสองฝ่าย
- สามารถทำสัญญาเช่าระยะยาวเกิน 3 ปีได้หรือไม่? กฎหมายไทยอนุญาตให้ทำสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยได้ไม่เกิน 30 ปี แต่หากระยะเวลาเช่าเกิน 3 ปีจะต้องนำสัญญาไปจดทะเบียนต่อกรมที่ดินจึงจะมีผลผูกพันตามกฎหมายตลอดระยะเวลาที่เกิน 3 ปีนั้น การจดทะเบียนสัญญาเช่ามีค่าใช้จ่ายเป็นอากรแสตมป์และค่าธรรมเนียมเล็กน้อย (ประมาณ 1% ของมูลค่ารวมของค่าเช่าตลอดอายุสัญญา) ในทางปฏิบัติ ผู้ปล่อยเช่าส่วนใหญ่ในภูเก็ตมักทำสัญญาระยะสั้น 1 ปีและต่อสัญญาปีต่อปีไปเรื่อย ๆ มากกว่าจะทำสัญญายาวทีเดียวหลายปีเพื่อความยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม หากผู้เช่าเสนอทำสัญญา 5 ปีหรือ 10 ปีและเป็นผู้เช่าที่น่าเชื่อถือ การทำสัญญาระยะยาวและจดทะเบียนตามกฎหมายก็อาจเป็นประโยชน์เพราะช่วยการันตีรายได้ระยะยาวให้กับผู้ปล่อยเช่า
แนวโน้มอนาคตและโอกาสสำหรับนักลงทุน
ทิศทางในอนาคตของตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ตยังคงสดใส ด้วยปัจจัยบวกหลายด้านที่ช่วยกระตุ้นความต้องการและมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์บนเกาะนี้:
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการระบบขนส่งมวลชนรางเบา (Light Rail/Tram) ที่จะเชื่อมต่อสนามบินภูเก็ตกับตัวเมืองและหาดป่าตอง (อยู่ในขั้นตอนการวางแผน) การลงทุนด้านถนนและระบบสาธารณูปโภคใหม่ ๆ รวมถึงการขยายสนามบินและท่าเรือ ซึ่งหากแล้วเสร็จจะทำให้ภูเก็ตน่าอยู่อาศัยและเดินทางสะดวกขึ้น โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาจะเปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ให้สามารถอยู่อาศัยได้สะดวกขึ้น (เช่น พื้นที่รอบสถานีรถรางในอนาคต) และมีแนวโน้มดึงดูดทั้งคนไทยและต่างชาติให้มาพำนัก ส่งผลดีต่อเจ้าของบ้านเช่าที่ถือทรัพย์ในทำเลเหล่านั้น
- นโยบายส่งเสริมการลงทุนและการพำนักของชาวต่างชาติ: รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการสนับสนุนให้ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาอยู่ไทยง่ายขึ้น เช่น วีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว (Long-Term Resident Visa - LTR) ซึ่งเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติหลายกลุ่ม (ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้มีความมั่งคั่ง, ผู้เกษียณที่มีรายได้สูง ฯลฯ) ได้วีซ่าอยู่ไทย 10 ปีอย่างถูกกฎหมาย ภูเก็ตเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของกลุ่มนี้เพราะมีคุณภาพชีวิตดี การเข้ามาของผู้พำนักระยะยาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจะหมายถึงความต้องการบ้านเช่าคุณภาพสูงที่เพิ่มตามด้วย นักลงทุนจึงควรวางตำแหน่งทรัพย์ของตนให้เหมาะกับกลุ่มผู้เช่าเหล่านี้และสร้างความน่าสนใจ (เช่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานสากล)
- Mega Events และภาพลักษณ์ระดับโลก: ภูเก็ตกำลังเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2571 ซึ่งหากได้รับเลือกจะเป็นงานระดับโลกที่จัดขึ้นยาวหลายเดือน ดึงดูดผู้เข้าชมนานาชาติและผู้จัดงานจำนวนมากมายังภูเก็ต นอกจากนี้ภูเก็ตยังมุ่งสร้างภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความยั่งยืน (Wellness & Sustainable Tourism) การจัดงานใหญ่หรือแคมเปญการตลาดระดับโลกเหล่านี้จะช่วยตอกย้ำสถานะของภูเก็ตบนแผนที่โลก ทำให้มีนักลงทุนและผู้ต้องการมาอยู่อาศัยไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระหว่างการจัดงานและหลังจากนั้น ซึ่งจะเพิ่มดีมานด์ระยะยาวสำหรับที่พักอาศัยทุกรูปแบบรวมถึงบ้านเช่า
- การเติบโตของตลาดท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่น: หลังผ่านจุดต่ำสุดช่วงโควิด ปัจจุบันเศรษฐกิจภูเก็ตฟื้นตัวเร็ว GDP จังหวัดเติบโตจากภาคบริการและท่องเที่ยวเป็นหลัก หลายธุรกิจขยายตัวสร้างการจ้างงานใหม่ ๆ เมื่อเศรษฐกิจดี คนย้ายเข้ามาทำงานมากขึ้น ความต้องการเช่าที่พักก็จะเพิ่มตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ภูเก็ตยังเริ่มมีความหลากหลายทางเศรษฐกิจมากขึ้น เช่น การเป็นศูนย์กลางจัดประชุมสัมมนา (MICE City) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (มีโรงพยาบาลนานาชาติและศูนย์สุขภาพเปิดใหม่) ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้หนุนให้มีผู้มาอยู่ระยะกลาง-ยาว ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวระยะสั้น
- ความต้องการอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ: ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ รายใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศต่างเข้ามาลงทุนในภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านจัดสรรระดับลักชัวรี วิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำ หรือคอนโดมิเนียมตากอากาศ การมีโครงการใหม่ที่มีคุณภาพช่วยยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัยโดยรวมบนเกาะ และสร้าง “Magnet” ดึงดูดกลุ่มผู้เช่าใหม่ ๆ ที่มีกำลังเช่าเข้ามา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรายย่อยควรติดตามจำนวนซัพพลายใหม่ใน segment เดียวกับทรัพย์ของตนด้วย เพื่อประเมินการแข่งขัน เช่น หากมีทาวน์โฮมโครงการใหม่จำนวนมากเปิดในบางทำเล คุณอาจต้องปรับกลยุทธ์ราคา/การตลาดให้สู้กับบ้านใหม่เหล่านั้นได้
แม้จะมีโอกาสมาก แต่ก็ต้องไม่มองข้ามความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น นโยบายควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม หรือความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ดังนั้นนักลงทุนควรวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ มีเงินสำรองสำหรับสถานการณ์ไม่คาดฝัน และกระจายความเสี่ยงหากเป็นไปได้
โดยรวมแล้ว อนาคตของตลาดบ้านเช่าในภูเก็ตมีแนวโน้มสดใสและน่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาโอกาส การเตรียมความพร้อมทั้งด้านทรัพย์สิน (ให้ได้มาตรฐานตรงใจผู้เช่า) และด้านความรู้ (เข้าใจเทรนด์และนโยบายต่าง ๆ) จะช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ และประสบความสำเร็จในธุรกิจปล่อยเช่าอย่างยั่งยืนบนเกาะภูเก็ต
เคล็ดลับการบริหารทรัพย์สินและรักษาผู้เช่า
การหาผู้เช่าที่ดีเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการลงทุนปล่อยเช่า การบริหารจัดการทรัพย์สินระหว่างที่มีผู้เช่าอยู่ และการรักษาความพึงพอใจของผู้เช่าจะช่วยลดปัญหา ลดช่วงว่าง และสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับผู้ปล่อยเช่าเอง ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการดูแลผู้เช่าและทรัพย์สินเพื่อความสำเร็จระยะยาว:
- ดูแลบำรุงรักษาบ้านอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจสอบสภาพบ้านก่อนผู้เช่าเข้าอยู่ให้แน่ใจว่าทุกอย่างใช้งานได้ดี เช่น เครื่องปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า ประปา หลังคาไม่รั่ว ฯลฯ ระหว่างที่ผู้เช่าอยู่ หากมีการแจ้งซ่อมแซม ควรดำเนินการโดยเร็วหรือจัดหาช่างที่ไว้ใจได้ไปแก้ไข อย่าปล่อยปัญหาเล็กน้อยค้างคาเพราะอาจลุกลามและทำให้ผู้เช่าไม่พอใจ การบำรุงรักษาที่ดีไม่เพียงรักษามูลค่าทรัพย์สิน แต่ยังสร้างความประทับใจให้ผู้เช่า
- สื่อสารและตอบสนองอย่างมืออาชีพ: สร้างช่องทางการติดต่อที่สะดวกกับผู้เช่า เช่น เบอร์โทรศัพท์, Line, อีเมล และแจ้งให้ผู้เช่าทราบว่าสามารถติดต่อได้เมื่อมีปัญหา การตอบกลับอย่างรวดเร็วและสุภาพเมื่อลูกบ้านมีคำถามหรือข้อร้องเรียนจะแสดงถึงความเอาใจใส่ และช่วยสร้างความไว้วางใจ ผู้เช่าส่วนใหญ่อยากได้เจ้าของบ้านที่เข้าถึงง่ายและแก้ปัญหาให้เมื่อจำเป็น
- เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้เช่า: แม้บ้านจะเป็นทรัพย์สินของคุณ แต่เมื่อปล่อยเช่าผู้เช่าย่อมมีสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาที่เช่าอยู่ หลีกเลี่ยงการโผล่มาตรวจบ้านโดยไม่ได้นัดหมาย ควรแจ้งล่วงหน้าหากต้องการเข้ามาดูแลหรือซ่อมแซมส่วนใดส่วนหนึ่ง การเคารพพื้นที่ส่วนตัวจะทำให้ผู้เช่ารู้สึกสบายใจและเคารพคุณในฐานะผู้ให้บริการเช่นกัน
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: ปฏิบัติต่อผู้เช่าอย่างให้เกียรติและเป็นมิตร (ในขอบเขตที่เหมาะสม) เช่น ทักทายถามไถ่เมื่อมีโอกาส ส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเทศกาลสำคัญ (ปีใหม่ สงกรานต์) หรือเสนอความช่วยเหลือข้อมูลท้องถิ่นสำหรับผู้เช่าที่ไม่ใช่คนพื้นที่ ผู้เช่าที่รู้สึกดีกับเจ้าของบ้านมักดูแลบ้านให้และต่อสัญญาอยู่ยาว ซึ่งเป็นประโยชน์กับคุณโดยตรง
- ยืดหยุ่นและเป็นธรรมในสถานการณ์ต่าง ๆ: หากผู้เช่ามีความจำเป็นต้องจ่ายค่าเช้าช้าบางครั้ง (ด้วยเหตุผลสมควร) หรือขอปรับเปลี่ยนบางอย่างในบ้านเล็กน้อย เช่น ขอทาสีกำแพงห้องนอนใหม่ การแสดงความเข้าใจและอนุญาตในขอบเขตที่ยอมรับได้จะทำให้ผู้เช่ารู้สึกขอบคุณและไม่คิดเปลี่ยนที่อยู่โดยไม่จำเป็น แน่นอนว่าต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เจ้าของบ้านเองก็ควรยึดตามสัญญา ไม่ขึ้นค่าเช่าก่อนกำหนดหรือเปลี่ยนเงื่อนไขกะทันหัน
- พิจารณาขยายสัญญาหรือต่ออายุล่วงหน้า: หากผู้เช่าอยู่มาระยะหนึ่งและดูแลบ้านดี จ่ายตรงเวลา ใกล้ครบกำหนดสัญญา คุณอาจเสนอการต่อสัญญาเช่าล่วงหน้าพร้อมเงื่อนไขพิเศษ เช่น ไม่ปรับขึ้นค่าเช่า หรือตรึงราคาเดิมไปอีกปี เป็นการให้รางวัลผู้เช่าที่ดีและล็อคการมีรายได้ต่อเนื่องของคุณไปพร้อมกัน การรักษาผู้เช่าเดิมไว้ย่อมง่ายกว่าและประหยัดกว่าการหาผู้เช่าใหม่เสมอ
- เก็บบันทึกและบัญชีอย่างละเอียด: จดบันทึกรายรับค่าเช่า ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ค่าส่วนกลาง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ การมีข้อมูลทางการเงินที่ชัดเจนจะช่วยในการประเมินผลตอบแทนของคุณแต่ละปี และยังมีประโยชน์ในการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง หากคุณมีทรัพย์สินหลายแห่ง ควรพิจารณาใช้ซอฟต์แวร์หรือสเปรดชีตในการติดตามสถานะสัญญา วันครบกำหนดต่าง ๆ เพื่อป้องกันการตกหล่น
ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและความใส่ใจดังที่กล่าวมา คุณจะสามารถรักษาผู้เช่าคุณภาพให้อยู่กับคุณในระยะยาว ลดค่าเสียโอกาสจากบ้านว่าง และสร้างชื่อเสียงที่ดีในแวดวงผู้เช่า ซึ่งอาจส่งผลถึงการที่ผู้เช่าแนะนำเพื่อนหรือคนรู้จักมาพักบ้านของคุณต่อในอนาคตอีกด้วย
สรุป
การปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ตสามารถเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและยั่งยืน หากผู้ลงทุนมีความเข้าใจในตลาดและวางกลยุทธ์อย่างถูกต้อง จากการวิเคราะห์ที่นำเสนอในบทความนี้จะเห็นว่า การรู้จักทำเลและกลุ่มผู้เช่า ช่วยให้เราปรับปรุงทรัพย์สินและตั้งราคาได้ตรงใจตลาด การติดตามแนวโน้มค่าเช่าและการแข่งขัน ทำให้เรากำหนดเงื่อนไขที่ได้เปรียบและหาจุดต่างให้ทรัพย์สินของเราโดดเด่น และที่สำคัญ การใช้คอนเทนต์คุณภาพและ SEO ช่วยขยายช่องทางการตลาดดึงดูดผู้เช่าศักยภาพให้เข้ามาหาเรา
สำหรับนักลงทุนชาวไทยหรือผู้ประกอบการปล่อยเช่า การลงทุนเวลาและทรัพยากรในการศึกษาตลาดและพัฒนากลยุทธ์การปล่อยเช่าที่ดีจะให้ผลคุ้มค่าในระยะยาว ภูเก็ตยังคงมีปัจจัยบวกหนุนตลาดอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลก การคมนาคมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกระแสการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติผู้มีกำลังซื้อ เข้ามาสู่จังหวัดนี้ สัญญาณเหล่านี้บ่งชี้ว่าตลาดบ้านเช่าจะยังมีศักยภาพเติบโตต่อไป
ท้ายที่สุด ความสำเร็จในการปล่อยเช่าขึ้นกับการสร้างความพึงพอใจให้ผู้เช่าในฐานะลูกค้าเช่นเดียวกับธุรกิจบริการอื่น ๆ เจ้าของบ้านที่ใส่ใจดูแลทรัพย์สินให้น่าอยู่ ตอบสนองความต้องการของผู้เช่าอย่างมืออาชีพ และปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง ย่อมจะสามารถรักษาผู้เช่าดี ๆ ให้อยู่ยาวและได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง เป็น Passive Income ที่สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวต่อไป ด้วยกลยุทธ์และความมุ่งมั่นที่ถูกต้อง การลงทุนปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ตย่อมสามารถออกดอกออกผล และกลายเป็นรากฐานของความมั่นคงในการลงทุนยิ่งขึ้น
สาระสำคัญโดยย่อสำหรับการปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ต:
- ตลาดเช่าภูเก็ตเติบโตดี: ดีมานด์เช่าบ้านพุ่งขึ้นหลังโควิดจากการฟื้นตัวท่องเที่ยวและการเข้ามาของชาวต่างชาติ ส่งผลให้ค่าเช่าเฉลี่ยปรับสูงขึ้น ประกอบกับคนไทยบางส่วนที่ยังไม่ซื้อบ้านก็หันมาเช่า ทำให้ตลาดเช่าคึกคัก นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว แรงงานในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่กลับมาเต็มที่หลังโควิดก็เพิ่มความต้องการที่พัก โดยเฉพาะบ้านเช่าราคาเอื้อมถึงสำหรับอยู่อาศัยในพื้นที่
- เลือกทำเลให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย: ทำเลแต่ละแห่งมีลักษณะผู้เช่าและระดับค่าเช่าต่างกัน ควรวิเคราะห์ว่าบ้านของคุณเหมาะจะปล่อยในกลุ่มไหน (นักท่องเที่ยวต่างชาติ vs คนทำงานในพื้นที่) เพื่อปรับการตกแต่งและตั้งราคาให้ตรงใจกลุ่มนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น หากกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติทำงานทางไกล อาจเน้นทำเลสงบอย่างราไวย์และจัดหาบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในขณะที่หากกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวคนไทย อาจเน้นบ้านใกล้ตัวเมืองหรือโรงเรียน
- ตั้งราคาและเงื่อนไขอย่างมีกลยุทธ์: ศึกษาราคาตลาด กำหนดค่าเช่าที่แข่งขันได้ ครอบคลุมต้นทุน และมีเงื่อนไขยืดหยุ่นจูงใจผู้เช่าที่ดี เช่น ลดราคาสำหรับสัญญายาว ตั้งเงินประกันตามมาตรฐาน เพื่อดึงดูดผู้เช่าคุณภาพ อย่าลืมพิจารณาปัจจัยฤดูกาลในภูเก็ต เช่น อาจตั้งค่าเช่าแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างช่วงไฮซีซั่นและโลว์ซีซั่น หรือเสนอส่วนลดค่าเช่าเดือนแรกเพื่อดึงดูดผู้เช่าใหม่
- ใช้การตลาดออนไลน์และคอนเทนต์ให้เต็มที่: สร้างประกาศหรือหน้า Landing Page ที่มีข้อมูลครบถ้วน รูปสวย และทำ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง พิจารณาทำบทความหรือคู่มือเสริมเพื่อดึงทราฟฟิก พร้อมทั้งลงประกาศในแพลตฟอร์มชื่อดังและกลุ่มออนไลน์อย่างต่อเนื่อง หมั่นอัปเดตประกาศของคุณทุก ๆ สองสามสัปดาห์เพื่อให้ประกาศดูใหม่เสมอในสายตาผู้ค้นหา และตอบข้อความหรือคอมเมนต์สอบถามจากผู้สนใจอย่างรวดเร็วเพื่อไม่พลาดโอกาสในการปิดการเช่า
- บริการหลังการปล่อยเช่าเยี่ยม: รักษาบ้านให้อยู่ในสภาพดี ตอบสนองความต้องการของผู้เช่าอย่างมืออาชีพ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี จะช่วยให้ผู้เช่าอยู่กับคุณนานขึ้น ลดช่วงเวลาบ้านว่าง และเพิ่มชื่อเสียงในทางบวก ผู้เช่าที่มีความสุขมักจะบอกต่อให้เพื่อนหรือคนรู้จักมาเช่าต่อหากเขาย้ายออก ซึ่งจะช่วยคุณในการหาผู้เช่าใหม่โดยแทบไม่ต้องลงแรงโฆษณาเพิ่มเติม
เมื่อผู้อ่านนำข้อแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการปล่อยเช่าและประสบความสำเร็จในตลาดทาวน์เฮ้าส์ให้เช่าในภูเก็ตที่เต็มไปด้วยโอกาสแห่งนี้ได้อย่างแท้จริง ทั้งในแง่ผลตอบแทนและความมั่นคงในการลงทุนยิ่งขึ้น การลงทุนที่ดีจำเป็นต้องอาศัยความรู้และการลงมือทำที่ถูกต้อง หวังว่าข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมมานี้จะเป็นประโยชน์ในการวางกลยุทธ์และช่วยการตัดสินใจให้กับทุกท่านที่สนใจปล่อยเช่าทาวน์เฮ้าส์ในภูเก็ต
คอนโดยอดนิยมใน Phuket

การ์เด้นคอนโด หัวหมาก

ดีลักซ์ คอนโดมิเนียม

ลุมพินี เซ็นเตอร์ แฮปปี้แลนด์