สรุปสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2561

ตลาดที่อยู่อาศัย

วันนี้เรามาดู การสรุป ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2561 โดยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในด้านอุปสงค์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ดังจะเห็นได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นทั้งจํานวนหน่วยและจํานวนมูลค่า และสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 เช่นกัน

โดยมาจากการโอนอาคารชุดเป็นหลัก ขณะที่ในด้านอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจด ทะเบียนปรับตัวลดลงพอสมควรเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ทั้งนี้เป็นผลจากปริมาณอุปทานที่อยู่อาศัย ประเภทอาคารชุดที่มีการเปิดตัวใหม่ และมีการสร้างเสร็จจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 1 ปี 2561 มีอยู่ในปริมาณมาก โดยพบว่า มีสถิติสูงที่สุดในรอบ 5 ไตรมาสที่ผ่านมา จึงทําให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัวโดยการชะลอการเพิ่มปริมาณอุปทานในตลาด เพื่อระบายอุปทานในมือออกไป ทั้งในส่วนที่เป็นหน่วยรอการขาย (Stock)และหน่วยที่รอการโอน (Backlog)

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 2561

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยส่วนภาพรวมครึ่งหลังปี 2561 คาดว่าสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ด้านอุปทานโครงการเปิดตัวใหม่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.0 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี2561ที่มีการชะลอตัวลง

ส่วนอุปทานที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในช่วงครึ่งหลังปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี2561 ในขณะที่ด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยคาดว่าจะลดลงทั้งจํานวนหน่วยและมูลค่า โดยลดลงร้อยละ -8.3 และ -16.9 ตามลําดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 และลดลงร้อยละ -6.0 และ -21.0 ตามลําดับ เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี 2561

คาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยของปี 2561 ด้านอุปทาน โครงการเปิดใหม่จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 และด้านอุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้งจํานวนหน่วย และมูลค่า โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 และ 7.5ตามลําดับ เมื่อเทียบกับปี 2560

สถานการณ์ด้านอุปทานที่อยู่อาศัย

1.1 โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 มีจํานวนประมาณ 57 โครงการ มีหน่วยในผังรวม 15,907 หน่วย และมีมูลค่าโครงการรวม 61,354 ล้านบาท ลดลงทั้งจํานวนโครงการ จําหนวนหน่วย

และมูลค่าโครงการ โดยจํานวนโครงการลดลงร้อยละ -32.9 จํานวนหน่วยลดลงร้อยละ -44.9 และมูลค่าโครงการลดลงร้อยละ 43.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ พบว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 โครงการบ้านจัดสรร มีการเปิดขายใหม่จํานวนประมาณ 37 โครงการ 6,512 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 26,196ล้านบาท

ซึ่งลดลงทั้งจํานวนโครงการ จํานวนหน่วยและมูลค่าโครงการ โดยลดลงร้อยละ -27.5 -46.3 และ -43.9ตามลําดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ส่วนโครงการอาคารชุดมีการเปิดขายใหม่จํานวน 20โครงการ 9,395 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 35,158 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งจํานวน โครงการ จํานวนหน่วยและมูลค่าโครงการ ร้อยละ -41.2 -43.8 และร้อยละ -43.9 ตามลําดับ

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในด้านประเภทและราคาขายโครงการบ้านจัดสรร ในไตรมาส 2 ปี 2561 พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ66.9 เป็นทาวน์เฮ้าส์และส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท รองลงมาร้อยละ 22.9 เป็นบ้านเดี่ยว ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท สําหรับบ้านแฝดเปิดขายร้อยละ 10.0 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ส่วนอาคารพาณิชย์พักอาศัยเปิดขายใหม่เพียงร้อยละ 0.2 โดยเปิดขายในระดับราคา 7.51-10.00 ล้านบาทมากที่สุด

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในด้านประเภทและราคาขายของโครงการอาคารชุดที่เปิดขายใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2561 เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนมีมากที่สุดร้อยละ 71.6 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท รองลงมาเป็น ประเภทสตูดิโอร้อยละ 19.4 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 1.01 – 2.00 ล้านบาทมากที่สุด ส่วนห้องชุด ประเภท 2 ห้องนอนมีสัดส่วนร้อยละ 9.0 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด สําหรับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไปเปิดขายใหม่เพียงร้อยละ 0.03 ซึ่งทั้งหมดเปิดขายในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยสําหรับภาพรวมในช่วงครึ่งแรกปี 2561 เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ พบว่า โครงการบ้านจัดสรรมีการเปิดขายใหม่จํานวนประมาณ 91 โครงการ 15,274 หน่วย มีมูลค่าโครงการ รวม 67,832 ล้านบาท ลดลงทั้งจํานวนโครงการ จํานวนหน่วยและมูลค่าโครงการ โดยลดลงร้อยละ -25.4 -38.6และ -25.7 ตามลําดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560

ส่วนโครงการอาคารชุดมีการเปิดขายใหม่ จํานวน 56 โครงการ 25,252 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 100,491 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งจํานวนโครงการ จํานวนหน่วยและมูลค่าโครงการ ร้อยละ -15.2 -17.0 และร้อยละ -15.5 ตามลําดับ

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในด้านประเภทและราคาขายโครงการบ้านจัดสรรในช่วงครึ่งแรกปี 2561 พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 66.9 เป็นทาวน์เฮ้าส์อยู่ในระดับราคา 3.01- 5.00 ล้านบาท รองลงมาร้อยละ 24.7 เป็นบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท สําหรับบ้านแฝดเปิดขายร้อยละ 6.9 ส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ส่วนอาคารพาณิชย์พักอาศัยเปิดขายใหม่เพียงร้อยละ 1.5 โดยเปิดขายในระดับราคา 7.51 –10.00 ล้านบาทมากที่สุด

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทําเลของโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่ มากที่สุด 5 อันดับแรก ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ได้แก่ 1) จังหวัดสมุทรปราการ 2) ลําลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ 3) บางกรวย–บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย 4) บางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่และ 5) เมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก โดยใน 5 ทําเลนี้ทาวน์เฮ้าส์เปิดขายใหม่มากที่สุด และส่วนใหญ่เปิดขายอยู่ในระดับราคา 2.01 -3.00 ล้านบาท

ยกเว้นทําเลบางกรวย–บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย ซึ่งเป็น ทําเลที่แนว รถไฟฟ้าสายสีม่วง เปิดให้บริการแล้ว ทาวนฺเฮ้าส์จะเปิดขายใหม่ในระดับราคาที่สูงกว่าทําเลอื่น คือ 3.01 – 5.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุด ส่วนทําเลบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่ซึ่งเป็นทําเลที่มีแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ที่กําลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่ยังไม่ก่อสร้างและมีแผนจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้จึงส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในทําเลนี้ปรับราคาเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่จะขายในระดับราคา 5.01 – 7.00 ล้าน บาทมากที่สุด

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในด้านประเภทและราคาขายของโครงการอาคารชุดที่เปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนมีมากที่สุดร้อยละ 71.6 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท รองลงมาเป็นประเภทสตูดิโอร้อยละ 19.4 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 1.01 – 2.00 ล้านบาท ส่วนห้องชุดประเภท 2ห้องนอนมีสัดส่วนร้อยละ 9.0 ซึ่งส่วนใหญ่เปิดขายในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท สําหรับห้องชุดแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไปเปิดขายใหม่เพียงร้อยละ 0.03 ซึ่งทั้งหมดเปิดขายในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทําเลของโครงการอาคารชุดที่เปิดขายใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรกใน กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ได้แก่ 1) ห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง 2) ธนบุรีตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงตากสิน-บางหว้า) ที่เปิดให้บริการแล้ว และตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ําเงิน (ช่วงหัวลําโพง-บางแค) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3) บางซื่อดุสิตตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-เตาปูน) และแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ําเงิน (ช่วงหัวลําโพง-เตาปูน) ที่เปิดให้บริการแล้ว 4)

สมุทรปราการ ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงสําโรง-สมุทรปราการ) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และ 5) นนทบุรีตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-เตาปูน) ที่เปิดให้บริการแล้ว ส่วนใหญ่เปิดขายห้องชุดประเภท 1 ห้องนอนในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท ยกเว้นทําเลบางซื่อ-ดุสิต ซึ่งเปิดขายในระดับ ราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทในสัดส่วนมากที่สุด

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งแรก ปี 2561 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดขายจํานวน 84 โครงการ26,789 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 66.1 และมีมูลค่าโครงการรวม 110,848 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 65.9 ของโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ทั้งหมด ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งจํานวนโครงการจํานวนหน่วยและมูลค่าโครงการ ร้อยละ -22.2 -37.3 และร้อยละ -33.9 ตามลําดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เปิดขายจํานวน 108 โครงการ 42,725 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 167,621 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจํานวนหน่วยโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครึ่งแรกปี 2561 ลดลงทุกประเภท ร้อยละ -37.3 อาคารชุดลดลงร้อยละ -36.5 บ้านจัดสรรลดลงร้อยละ -38.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 และในครึ่งแรกปี 2561 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดขายห้องชุดมากที่สุดจํานวน 15,149 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 56.5 รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์จํานวน 8,289 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 30.9 บ้านเดี่ยวจํานวน 2,794 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 10.4 บ้านแฝดจํานวน 506 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 1.9และอาคารพาณิชย์จํานวน 51 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 0.2 ตามลําดับ

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 มีจํานวนหน่วย 23,939 หน่วย ลดลงร้อยละ 17.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีจํานวน 28,993 หน่วย และลดลงร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 ซึ่งมีจํานวน 35,270 หน่วย

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยประเภทที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2561 เป็นห้องชุดมากที่สุดมีจํานวน 9,063 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 37.9 ของหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยวมีจํานวน 8,173 หน่วยคิดเป็นร้อยละ 34.1 ทาวน์เฮ้าส์มีจํานวน 5,592 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 23.4 อาคารพาณิชย์พักอาศัยมีจํานวน 861 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 3.6 และบ้านแฝดมีจํานวน 250 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 1.0 ตามลําดับ

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแต่หากพิจารณาในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่มีจํานวนหน่วย 59,209หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีจํานวน 52,737 หน่วย โดยที่เพิ่มขึ้นมาจากประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 ส่วนที่อยู่อาศัยอาคารชุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย

สถานการณ์ด้านอุปสงค์ที่อยู่อาศัย

2.1 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ–ปริมณฑล ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีจํานวน 49,862 หน่วย มีมูลค่า 145,313 ล้านบาท โดยจํานวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีจํานวน 39,597 หน่วย และมูลค่า 103,560 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ปี 2561 นี้มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุด มีจํานวน 24,989 หน่วย คิดเป็นร้อยละร้อยละ 50.1 ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ จํานวน 14,054 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 28.2 บ้านเดี่ยวมีการโอนจํานวน 6,759 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 13.6 อาคารพาณิชย์พักอาศัยมีการโอนจํานวน2,316 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 4.6 และบ้านแฝดมีการโอนจํานวน 1,744 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 3.5

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยสําหรับการประมาณการการโอนกรรมสิทธิ์บ้านสร้างใหม่ (หรือบ้านที่โอนจากนิติบุคคล) มีจํานวน 31,586 หน่วย และโอนกรรมสิทธิ์บ้านมือสอง (บ้านที่โอนจากบุคคลธรรมดา) มีจํานวน 18,276 หน่วย ทําให้สัดส่วนจํานวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์บ้านสร้างใหม่ต่อบ้านมือสองในไตรมาส 2 ปี 2561 เท่ากับ 63 : 37

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลครึ่งแรกปี 2561 มีจํานวน 91,966 หน่วย และมีมูลค่า 256,780 ล้านบาท โดยจํานวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.0 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมียอดโอนกรรมสิทธิ์ 69,172 หน่วย และมีมูลค่า 183,500 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งแรกปี 2561 นี้มีการโอนกรรมสทธิ ิ์ห้องชุดมากที่สุด มีจํานวน 44,759 หน่วย คิดเป็นร้อยละร้อยละ 48.7 ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์จํานวน 26,343 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 28.6 บ้านเดี่ยวมีการโอนจํานวน 12,901 หน่วย คิดเปนร็ ้อยละ 14.0 อาคารพาณิชย์พักอาศัยมีการโอนจํานวน 4,633 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 5.0 และบ้านแฝดมีการโอนจํานวน 3,330 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 3.6

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั้งระบบทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั้งประเทศ มีมูลค่า 172,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีมูลค่า 147,491 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 ซึ่งมีมูลค่า 153,061 ล้านบาท สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั้งประเทศในครึ่งแรกปี 2561 มีมูลค่า 325,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีมูลค่า 263,279 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลคงค้างทั้งระบบทั่วประเทศ ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลคงค้างทั้งระบบทั่วประเทศ มีมูลค่า3,636,072 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีมูลค่า 3,388,326 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 ซึ่งมีมูลค่า 3,569,243 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยสถานการณ์ด้านราคาที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2561 ดัชนีราคาโครงการที่

อยู่อาศัยสร้างใหม่ และดัชนีราคาที่เปล่าก่อนการพัฒนา ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2560 (YoY) และไตรมาส 1 ปี 2561 (QoQ) ทุกประเภทดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2 จังหวัด (นนทบุรีและสมุทรปราการ) ในไตรมาส 2 ปี 2561 มีค่าดัชนีเท่ากับ 139.1 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 126.8 จุด และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2561 ร้อยละ 4.5

ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 3 จังหวัด (นนทบุรีปทุมธานีและสมุทรปราการ) ในไตรมาส 2 ปี 2561 มีค่าดัชนีเท่ากับ 122.5 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 116.8 จุด และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2561 ร้อยละ 1.2

เมื่อแยกพิจารณาแต่ละประเภท พบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว มีค่าดัชนีเท่ากับ 120.9 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 115.1 จุด และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2561 ร้อยละ 1.3 ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ มีค่าดัชนีเท่ากับ 124.2 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 118.8 จุด และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2561 ร้อยละ 1.0

ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 3 จังหวัด (นนทบุรีปทุมธานีและสมุทรปราการ) ในไตรมาส 2 ปี 2561 มีค่าดัชนีเท่ากับ 217.8 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 164.6 จุด และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2561 ร้อยละ 15.2

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยข้อความจํากัดความรับผิดชอบ

ข้อมูลสถิติข้อเขียนใด ๆ ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้รับมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือจากการประมวลผลที่เชื่อถือได้ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ตรวจสอบจนมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องหรือความเป็นจริง และไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใดๆ จากการใช้ข้อมูล ผู้นําข้อมูลไปใช้พึงใช้วิจารณญาณ และตรวจสอบตามความเหมาะสม

Source: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เราหามาเสริฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก