คอนโดมิเนียมใน กทม. มีโอกาสล้นตลาดสูง จากมาตรการการคุมสินเชื่อ

คอนโดมิเนียม

ผลจากมาตรการการควบคุมสินเชื่อ คาดว่าในระยะยาวจะส่งผลกระทบทำให้ คอนโดมิเนียม ค้างสต๊อกในปีหน้า 2563 มีมากขึ้นจากปี 2560   ทำให้แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตได้ต่ำ

 

คอนโดมิเนียม ใน กทม. มีโอกาสล้นตลาดสูง

นายนริศ สถาผล เดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย หรือทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี คาดปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จะมีสต๊อกคอนโดะมิเนียมสะสมเพิ่มขึ้นอีก 25% จากเดิมประมาณ 10% หลังถูกกระทบจากมาตรการควบคุมเข้มสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์(แอลทีวี)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ซบเซา จนมีการคาดการณ์ว่าจะปรับลดเป้าหมายการเติบโตจากต้นปี เช่นเดียวกับจีนซึ่งเป็นผู้ลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมก็มีปัญหาเศรษฐกิจ

คอนโดมิเนียม

“หลังจากรัฐได้ออกมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อลดการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก และผลจากการควบคุมสินเชื่อเก็งกำไร คาดว่าในระยะสั้นๆจะปรับตัวดีขึ้น ในส่วนของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย โดยประเมินว่าทั้งปี 2562 มูลค่าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ลดลงประมาณ 48,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการดูดซับ หรือ โอนกรรมสิทธิ์ ลดเหลือเพียง 75% จากปกติอยู่ที่ 90% โดยตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯถึงเป็นแหล่งอสังหาริมทรัพย์สำคัญของไทย ในปี 2561 ที่ผ่านมามีมูลค่า 320,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของจีดีพี”

 

ทั้งนี้ ปริมาณคอนโดมิเนียมค้างสต๊อกในปีหน้า(2563)มีมากขึ้นจากปี 2560 มียูนิตที่ค้างสต๊อกอยู่แล้วราว 76,790 ยูนิตส่วนใหญ่มีราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อยูนิต จะเป็นปัจจัยกดดันด้านราคาคอนโดมิเนียมให้ลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นนอกทางทิศเหนือและใต้ ทำให้แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตได้ต่ำและเน้นการลงทุนในตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากสต๊อกค้าง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ