ซี.พี.แลนด์ ลุยอสังหา เปิดศูนย์ประชุม-แสดงสินค้านานาชาติ  รับอีอีซี-ไทยแลนด์ 4.0

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 ของ บมจ.ซี.พี.แลนด์ ที่พร้อมมุ่งมั่นสู่การเติบโต อย่างยั่งยืน ปรับทัพผู้บริหารสร้างความแข็งแกร่ง ผสานกำลังสร้างการเติบโต พัฒนาด้านนวัตกรรม เตรียมรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การก้าวเข้าสู่ปีที่ 36 ของ บมจ.ซี.พี.แลนด์

ซี.พี.แลนด์ ลุยอสังหา รับอีอีซี-ไทยแลนด์ 4.0

โดยปรับโครงสร้างองค์กรจากเดิมสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ การดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภาคบริการมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมยุค 4.0 ได้แก่ การดำเนินโครงการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัย บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า นิคมอุตสาหกรรม และ ธุรกิจพลังงาน

 

ในปีนี้ บริษัทฯ ได้พันธมิตรร่วมทุนจากต่างประเทศ เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารและนวัตกรรม ที่คาดว่าจะทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมสรรหาและพัฒนาบุคคลากรเพิ่มศักยภาพ ขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร

โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพตามมาตรฐานสากล ให้ความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งการดูแลใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน มีการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ เพื่อสนองตอบความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ภายใต้นโยบายคุณภาพ ISO 9001:2015 และยังคงเดินหน้า พัฒนาสังคมส่วนรวมโดยรอบพื้นที่โครงการ เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของธุรกิจ

จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 36 ปี บริษัทฯ ได้ขยายโครงการครอบคลุมพื้นที่กว่า 30 จังหวัด โดยได้มีการปรับระบบบริหารงานของกลุ่มธุรกิจทั้ง 7 กลุ่มภายใต้บมจ.ซี.พี.แลนด์

  1. กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย (โครงการแนวราบ และอาคารชุดพักอาศัย) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 30 โครงการครอบคลุมทั่วประเทศ กว่า 8,000 ยูนิต ด้วยการออกแบบเพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในแต่ละภูมิภาค
  2. กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน (สำนักงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค) ให้บริการอาคารสำนักงานให้เช่ามาตรฐานสากลในกรุงเทพฯ 4 แห่ง และต่างจังหวัด 9 แห่ง พื้นที่เช่ารวมกว่า 250,000 ตารางเมตร ที่มีศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
  3. กลุ่มธุรกิจโรงแรม เปิดให้บริการแล้ว 7 แห่งทั่วประเทศ ในกรุงเทพฯ นครราชสีมา (อ.เมือง และ อ.ปากช่อง) นครพนม (ริเวอร์วิว และ วิวโขง) เชียงราย (เชียงของ) ตาก (แม่สอด) และอีก 6 แห่ง ได้แก่ เลย บุรีรัมย์ นครศรีธรรมราช ขอนแก่น ระยอง สมุทรสาคร ภายในปี 2561-2562 จะมีโรงแรมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ให้บริการกว่า 2,000 ห้อง
  4. กลุ่มธุรกิจบริหารอาคาร ให้บริการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ งานบริการวิศวกรรมอาคาร การจัดการด้านความปลอดภัย ชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม งานจัดการด้านพลังงาน (Facility Management และ Service Solutions) แบบครบวงจร ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากร โดยถือเป็นภารกิจสำคัญบนพื้นฐานความพึงพอใจของลูกค้า ปัจจุบันมีลูกค้ารวมกันกว่า 500,000 ตารางเมตร
  5. กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บนพื้นที่กว่า 3,100 ไร่ ตั้งอยู่ในอำเภอนิคมพัฒนาและอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม 4.0 (New S-Curve) ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor)
  6. กลุ่มธุรกิจพลังงาน ธุรกิจที่ดำเนินการจัดหา ผลิต และจำหน่ายพลังงาน รูปแบบต่างๆ อาทิ Solar Roof Top, Solar Farm, Small Power Plant รวมไปถึงพลังงานลม พลังงานจากขยะ การขนส่งเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในกิจการของลูกค้า
  7. ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) ธุรกิจศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า รองรับอุตสาหกรรม MICE บนถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ด้าน MICE City และได้รับการผลักดันจากภาครัฐให้เป็น Smart City ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวและเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในปี 2561 ได้เปิดบริการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) ซึ่งเป็นศูนย์ประชุมมาตรฐานสากล แห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท

มีการลงทุนระบบเครื่องเสียงมากกว่า 20 ล้านบาท และระบบเครือข่ายรางน้ำ ไฟ น้ำเสียทุก 9 ตารางเมตร ซึ่งจะสร้างความสะดวกในการใช้สถานที่ สามารถรองรับการจัดงานกิจกรรมขนาดใหญ่ได้หลากหลายประเภท เช่น งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ งานแสดงดนตรี งานประชุม สัมมนา งานเลี้ยงสังสรรค์ ฯลฯ

ด้วยพื้นที่กว่า 62 ไร่ พื้นที่จัดแสดงภายในอาคาร (Indoor Exhibition) 15,000 ตารางเมตร พื้นที่อเนกประสงค์ (Outdoor) 10,000 ตารางเมตร และมีที่จอดรถบริการกว่า 1,500 คัน ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล รวมทีมงานระดับมืออาชีพใน การบริหารจัดการ ให้บริการทัดเทียมกับศูนย์ประชุมระดับโลก พร้อมเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสนับสนุนธุรกิจไมซ์ (MICE) ซึ่งมีจังหวัดขอนแก่นเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค พร้อมรองรับความต้องการของผู้จัดงานออแกไนเซอร์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ประสงค์เข้าใช้พื้นที่

โดยได้จับมือกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงทุนด้านเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย วางโครงข่าย ไฟเบอร์ออพติก อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงถึง 10 Gbps เพื่อให้บริการระบบ Wi-Fi ระบบ HD และโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีรองรับ 5G สามารถรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ของระบบ Digital Solution ต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็ว

ทั้งนี้ยังได้ ร่วมกับ บริษัท ซี.พี.แรม จำกัด บริการผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายใน ศูนย์ประชุมได้รับทั้งสินค้าและบริการที่ดีที่สุด

สำหรับศูนย์ประชุมฯ ได้มีการจัดงานและแสดงสินค้าตลอดทั้งปี อาทิ งาน Thailand Best Shopping Fair งานบ้านและคอนโด 2018 งาน HomePro Fair 2018 งาน Thailand IndustriTech Khonkaen 2018 งานอีสานอุตสาหกรรมแฟร์ ครั้งที่ 3 งาน Smart Industry for Smart City งาน Coffee & Bakery Fair ฯลฯ และงานประชุมสัมมนาขององค์กร ชั้นนำระดับประเทศอีกจำนวนมาก

ด้วยการลงทุนขนาดใหญ่ด้านต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่นและ จังหวัดหลักในภูมิภาค เป็นส่วนเสริมให้จังหวัดขอนแก่นมีศักยภาพโดดเด่น เป็นศูนย์กลางในทุกๆ ด้าน การสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งในรูปแบบระบบรางและการเปิด ท่าอากาศยานนานาชาติ รวมไปถึงการจัดระบบขนส่งมวลชน โครงการระบบรางของกลุ่มขอนแก่นพัฒนาเมือง การให้บริการรถสาธารณะในเมือง “สมาร์ทซิตี้บัส” ครอบคลุมพื้นที่ทั่วปริมณฑล และเชื่อมต่อโครงข่ายการเดินทาง กับโหมดการเดินทางสำคัญ

มีเส้นทางเชื่อมต่อผ่านบริเวณโครงการศูนย์ประชุมฯ ทางบริษัทฯ มีโครงการจัดสร้างโรงแรมในบริเวณใกล้เคียง ส่งเสริมให้จังหวัดขอนแก่น มีความพร้อมเรื่องที่พักคุณภาพสูง รองรับผู้จัดงานประชุมจากทุกมุมโลก เป็นจุดหมายปลายทางของอุตสาหกรรมไมซ์ของไทย ที่จะต่อยอดโอกาสทางธุรกิจการค้าให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีนตอนใต้ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ผลักดันให้จังหวัดขอนแก่นเป็นหนึ่งในโครงการเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ท ซิตี้ เป็นการสานโอกาสให้ SME เปิดตลาดสู่อินโดจีน และที่สำคัญเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างการกระจายรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น

ด้านการพัฒนาบุคคลากร บริษัทฯ ได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการภูมิภาค รับผิดชอบดูแลพื้นที่โดยตรง เป็นการกระจายอำนาจ ลดขั้นตอนกระบวนการทำงาน เพื่อความคล่องตัว รวมทั้งได้จัดโครงการพนักงานคืนถิ่น ให้พนักงานที่มีภูมิลำเนาในแต่ละภูมิภาค ได้นำประสบการณ์และองค์ความรู้ใหม่ๆ จากส่วนกลางกลับไปพัฒนา บ้านเกิด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความสุข สร้างกำลังใจและความใกล้ชิดของครอบครัว ในปี 2561 – 2563 บริษัทฯ มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทุกจังหวัดที่มีศักยภาพเติบโต

 

ที่มา  prachachat.net

 

สนใจข้อมูลข่าวสารอื่นๆเพิ่มเติมจาก Dotproperty คลิ๊ก …