ถอดโมเดลซูเปอร์ลีน จาก ออริจิ้น พร้อพเพอร์ตี้ กับการฝ่าฟันในตลาดคอนโดมิเนียม

ในยุคที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต่างอยู่ในภาวะถดถอย ทางด้านตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเองก็กำลังเผชิญปัญหาเหล่านี้เช่นกัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องลุกขึ้นมาปรับตัวและปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างเร่งด่วน

สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเป็นน้องใหม่ไฟแรงในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ได้มีการกลยุทธ์ธุรกิจเช่นกัน โดยหลังจากเกิดผลกระทบจากวิกฤตโควิด 19 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ก็ลุกขึ้นมาปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่าเงร่งด่วนเพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยชูกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ ‘ซูเปอร์ลีนคอนโด’ ที่เน้นการลดต้นทุนเพื่อดึงกำลังซื้อกลับมาให้มากที่สุด โดยเป็นกลยุทธ์ธุรกิจหลักที่ทำให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ สามารถฝ่าฟันในตลาดคอนโดมิเนียมได้

pic_1 (15)Image Credit : origin

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กับกลยุทธ์ธุรกิจซูเปอร์ลีน ในการรับมือกับสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียม

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออรจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่าในช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการประกาศล็อกดาวน์ ทำให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ต้องปรับตัวโดยการชูกลยุทธ์ธุรกิจซูเปอร์ลีนคอนโด เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินการของบริษัทให้มากที่สุด และดึงกำลังซื้อกลับมาให้มากที่สุด โดยกลยุทธ์ธุรกิจซูเปอร์ลีนคอนโด คือการที่ลดต้นทุนด้วยการลดสำนักงานขายลงจนแทบจะไม่มีสำนักงานขาย ลดต้นทุนพนักงานขายประจำโครงการและการตกแต่ง ทำให้ไม่มีพนักงานขายในแบบออฟไลน์ ซึ่งกลยุทธ์ธุรกิจซูเปอร์ลีนคอนโดด้วยการลดต้นทุนนี้ ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย สร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้นจากราคาปกติ เช่น โดยปกติแล้วราคาต่อยูนิตทั่วไป ราคา 1.8 ล้านบาท แต่เมื่อมีการลดต้นทุนแล้วก็สามารถลดราคาขายเหลือเพียง 1.29 ล้านบาทต่อยูนิตได้ ซึ่งไม่ได้เป็นแค่การกระหน่ำอัดโปรโมชั่นเพื่อเน้นยอดขายเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดต้นทุนในการบริหารและดำเนินการ เพื่อให้บริษัทสามารถรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้ได้ด้วย

โดยแบรนด์ ดิ ออริจิ้น แบรนด์ใหม่จากออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เน้นการจับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งซื้อคอนโดมิเนียมหลังแรก ที่มีอายุอยู่ในช่วงประมาณ 23-28 ปี โดยเริ่มการประเดิมแบรนด์จาก อิ ออริจิ้น อ่อนนุช ผ่านช่องทางออนไลน์แบบ 100% บนแพลตหอร์มอีเว้นท์ของการขายออนไลน์ และการขายภายใต้เว็บไซต์ของบริษัทเอง ซึ่งสามารถได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคตามเป้าได้ และสามารถสร้างปรากฎการณ์ใหม่ในตลาดอสังหาริมมทรัพย์ ที่สามารถปิดการขายโครงการใหม่ในวันเปิดพรีเซลได้หมดภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงวีไอดีแล้วจำนวนประมาณ 300 ยูนิต สะท้อนให้เห็นว่นอกเหนือจากแบรนด์และทำเลแล้ว าปัจจัยด้านราคานั่นส่งผลโดยต่อแรงจูงใจในการซื้อของผู้บริโภคอย่างรุนแรงในช่วงวิกฤตโควิด 19 นี้

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หน้าที่ของผู้ประกอบการคือต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้ทัน

ปรากฎการณ์การปิดการขายได้ภายในวันพรีเซลเพียง 1 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยลบล้างความเชื่อเดิมที่เชื่อว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นจะต้องมีสำนักงานขายเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น แต่เมื่อเกิดโควิด 19 ทำให้พิสูจน์แล้วว่าความเชื่อและพฤติกรรมของลูกค้าไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพียงแค่เป็นทำเลที่ดี มีข้อมูลให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายบนโลกอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์ และราคาขายที่เหมาะสม ก็สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เช่นเดียวกัน

โดยออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังมีอีก 2 โครงการที่เตรียมจะเปิดตัว ได้แก่ ดิ ออริจิ้น อี 22 สเตรชั่น มูลค่าโครงการ 1,650 ล้านบาท และโครงการ ดิ ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยเปิดตัวในปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 พร้อมกับการเปิดตัวแพลตฟอร์มอีเว้นท์ออนไลน์สำหรับการขาย Evenprop ของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่นำมาใช้ในการขายคอนโดมิเนียมระดัยราคาที่ไม่เกิน 3 ล้านบาทอย่างเต็มตัว

การปรับตัวของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ คือโมเดลของการดำเนินการอย่างเท่าทันสถานการณ์ตลาด โดยไม่เน้นการเปิดตัวโครงการใหม่ในจำนวนมาก เปิดตัวแบบไม่หวือหวา ลดต้นทุนของการดำเนินการ และหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางการขายใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างกลยุทธ์ใหม่ที่น่าสนใจทีเดียว

ที่มา:
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/894189