หลังจากที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ซึ่งเป็นระยะทางทั้งหมด 27 กิโลเมตร ซึ่งทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้มีการลงนามสัญญาก่อสร้างกับบริษัทรับเหมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ซึ่งโครงการนี้มีกรอบวงเงินจ่ายค่าเวนคืนประมาณ 5900 ล้านบาท แยกเป็นที่ดิน 960 แปรง สิ่งปลูกสร้าง 700 หลัง โดยช่วงบางซื่อ-ท่าพระ มีที่ดินจำนวน 130 แปรง สิ่งปลูกสร้าง 150 หลัง ค่าเวนคืน 548 ล้านบาท และช่วงหัวลำโพง-บางแค มีที่ดิน 730 แปลง สิ่งปลูกสร้าง 550 หลัง และค่าเวนคืน 5352 ล้านบาท ทั้งนี้ รฟม. ใช้หลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าเวนคืน ด้วยการหาค่าเฉลี่ยจากราคาซื้อขายสูงสุดในท้องตลาด นำมาเทียบกับราคาประเมินของกรมธนารักษ์ว่าสูงกว่ากี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อได้จำนวนเปอร์เซ็นต์แล้ว จะปรับให้เท่ากับราคาตลาด ซึ่งจะสูงกว่าราคาประเมิน และจากการที่ รฟม. ได้เก็บข้อมูลการซื้อขายที่ดินตลอดแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ปรากฏว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินอยู่ตลอดเวลา โดยภาพรวมของราคาซื้อขายในตลาดพบว่าราคาซื้อขายในปัจจุบันมีอัตราการเพิ่มสูงกว่าราคาประเมินของกรมธนารักษ์ หรือสูงกว่าเฉลี่ย 30-80%
ซึ่งจากการประเมินกลับค้นพบว่า ราคาซื้อขายที่ดินในแนวรถไฟฟ้ายังไม่หวือหวาเท่ากับสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ แต่สายสีม่วงจะหวือหวาในช่วงพื้นที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการปรับราคาประเมินที่ดิน ขณะที่ฝั่งพระนครตั้งแต่เตาปูนถึงสะพานสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า ได้มีการปรับราคา และมีการประเมินระหว่างรอบปีทำให้ราคาซื้อขายไม่แตกต่างไปจากราคาประเมินมากนัก
