ธอส. ใจดีปล่อยสินเชื่อกู้บ้าน สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น

สินเชื่อที่อยู่อาศัย

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารได้เปิดตัวโครงการ สินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับผู้สูงอายุ รีเวิร์ส มอร์ทเกจ วงเงิน 1,000 ล้านบาท สำหรับช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของตนเองและปลอดภาระหนี้ ให้สามารถนำมาจำนองกับธนาคารเพื่อรับเงินเป็นรายเดือนสำหรับการดำรงชีพให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเบื้องต้นกำหนดพื้นที่นำร่องที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหลักประกันต้องตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ธอส. ใจดีปล่อยสินเชื่อกู้บ้าน สำหรับผู้สูงอายุ  60 ปีขึ้น

สำหรับคุณสมบัติผู้เข้าร่วมกู้ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 80 ปี และต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ รวมถึงเปิดให้มีการกู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมายหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันเดียวกัน วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาประเมินและสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้

ส่วนการคิดดอกเบี้ยที่ 6.25% ต่อปีตลอดอายุสัญญากู้ โดยมีระยะเวลาขอรับเงินได้นานสูงสุด 25 ปี หรือจนผู้กู้อายุ ถึง 85 ปี นอกจากนี้ยังได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 0.1% ของวงเงินกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม 1,000 บาทต่อราย และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง 1% ของวงเงินจำนองอีกด้วย

“ธนาคารได้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ธนาคารอาคารสงเคราะห์เสร็จแล้ว โดยมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ธนาคารสามารถทำสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุ รีเวิร์ส มอร์ทเกจ ได้ เพื่อรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุของคนไทย โดยลูกค้าที่อายุเกิน 60 ปี สามารถนำสินทรัพย์ที่อยู่อาศัยของตนเองมาจำนองกับธนาคารเพื่อรับสินเชื่อเป็นรายเดือนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าสนใจมาติดต่อขอกู้แล้ว 5 ราย โดยระบุว่าสาเหตุที่เลือกธอส.เพราะมีเงื่อนไขดอกเบี้ยดีกว่า และให้วงเงินกู้สูงกว่าธนาคารแห่งอื่น”

สินเชื่อที่อยู่อาศัย

นายฉัตรชัย กล่าวว่า เกณฑ์การจ่ายเงินในสินเชื่อรีเวิร์ส มอร์ทเกจ จะให้ผู้กู้ที่เข้าร่วมโครงการเป็นรายเดือน ตัวอย่างเช่น วงเงินกู้ 2 ล้านบาท หากผู้กู้อายุ 65 ปี ระยะเวลาการกู้ 20 ปี จะได้รับเงินจากธนาคารเดือนละ 8,300 บาท หากครบระยะเวลาการกู้ตามสัญญาแล้วสามารถขอชำระหนี้ปิดบัญชี โดยธนาคารจะคำนวณจำนวนเงินเท่ากับวงเงินกู้ที่ธนาคารจ่ายให้แก่ผู้กู้ทั้งหมดรวมกับดอกเบี้ยค้างรับ หรือ หากไม่สามารถชำระหนี้ปิดบัญชีผู้กู้ยังมีสิทธิอยู่อาศัยต่อในหลักประกันเดิมได้ตลอดชีวิต หรือสามารถแจ้งความประสงค์ขอกู้เพิ่มได้ โดยสามารถขอรับวงเงินที่กู้เพิ่มได้นานสูงสุด 14 ปี

ส่วนกรณีผู้กู้เสียชีวิตให้ถือว่าสัญญาสิ้นสุดลงธนาคารจะให้สิทธิแก่ผู้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ โดยสามารถชำระหนี้ปิดบัญชีเพื่อไถ่ถอนจำนองเพื่อรับกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยดังกล่าวได้ แต่หากผู้รับผลประโยชน์ไม่ประสงค์ชำระหนี้ปิดบัญชี ธนาคารจะนำหลักประกันดังกล่าวขายทอดตลาดต่อไป โดยผู้รับผลประโยชน์ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนต่างหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ

แม้ราคาหลักทรัพย์ที่นำไปขายทอดตลาดจะต่ากว่ายอดชำระหนี้ก็ตาม แต่หากเป็นกรณีที่ราคาขายทอดตลาดสูงกว่ายอดชำระหนี้ธนาคารจะคืนเงินส่วนต่างให้ผู้รับผลประโยชน์หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการส่วนต่าง ๆ แล้ว

สำหรับผลการดำเนินงานธนาคารไตรมาสแรกปี 62 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 44,041 ล้านบาท จำนวน 35,971 บัญชี โดยส่วนใหญ่เป็นการปล่อยกู้ช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ถึง 21,319 รายตามนโยบายของรัฐ ส่งผลให้ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.88% สินทรัพย์รวม 1.16 ล้านล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 49,295 ล้านบาท คิดเป็น 4.37%

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

สินเชื่อบ้านสินเชื่อบ้าน ของแต่ละธนาคาร อัพเดทล่าสุด !!! เดือน มิถุนายน  2562

 

ประมวลกฎหมายที่ดินใหม่ฉบับเพิ่มเติม แก้ไขค่าธรรมเนียม การโอนกรรมสิทธิ์

ประมวลกฎหมายที่ดินใหม่ฉบับเพิ่มเติม แก้ไขค่าธรรมเนียม การโอนกรรมสิทธิ์

 

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก