ผู้ประกอบการ หอพัก กว่า 200 คน รวมตัวกันฟ้องศาลปกครองกลาง ให้คุ้มครองชั่วคราว พร้อมยกเลิกประกาศว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจการให้เช่าอาคาร เพื่อที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา ซึ่งสร้างความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการหอพักเป็นอย่างมาก
ผู้ประกอบการ หอพัก ยื่นฟ้องสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค
หลังจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ประกาศว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจการให้เช่าอาคาร เพื่อที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยส่วนหนึ่งของประกาศกำหนดให้ห้องพัก ห้องเช่า หอพักต่างๆ ต้องจัดเก็บค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า ตามอัตราที่การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และ การประปาส่วนภูมิภาค เรียกเก็บกับบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ในประกาศดังกล่าวยังมีรายละเอียดห้ามในเรื่องอื่นๆ อีกด้วย เช่น ห้ามผู้ให้เช่าเรียกเก็บค่าประกันความเสียหายเกิน 1 เดือน ค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน ห้ามเรียกเก็บค่าต่อสัญญาและห้ามไม่ให้ผู้เช่าเข้าไปในทรัพย์สินผู้เช่า หรือเข้าไปขนย้ายทรัพย์สินของผู้เช่า กรณีผู้เช่าผิดนัดชำระหนี้ หรือค้างค่าเช่า
จากเดิมผู้ให้เช่าอาจเข้าไปขนของออกจากห้องเช่า หรือล็อกห้องไว้ต่อไปนี้ผู้ให้เช่าไม่สามารถเข้าไปไม่ได้ แต่ผู้ให้เช่าสามารถที่จะดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางกฎหมายได้ หลังจากยกเลิกสัญญาแล้ว และขอให้ศาลออกคำบังคับในการขนย้ายทรัพย์สิน
สำหรับสิทธิของผู้บริโภคนั้น สามารถบอกยกเลิกห้องพักกับผู้เช่าได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน และกรณีที่สัญญาสิ้นสุดและผู้บริโภควางเงินประกันไว้ หากออกกฎหมายบังคับว่าผู้ประกอบการต้องคืนเงินให้ผู้บริโภคทันที ยกเว้นว่า ผู้ประกอบการขอตรวจสอบความเสียหายในห้องให้เวลาตรวจสอบ 7 วัน และถ้าไม่มีเสียหายต้องคืนเงินให้ผู้บริโภคทันที
การประกันมี 2 รูปแบบ คือ การประกันค่าเช่าล่วงหน้า ถ้าจะออกไม่ต้องจ่าย ส่วนประกันความเสียหาย ถ้าไม่เสียหายก็ต้องคืน แต่ต้องดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเพียงพอกับเงินประกันหรือไม่ ถ้าไม่พอดีความเสียหายมากกว่าผู้ประกอบการก็แจ้งผู้เช่าชำระเพิ่มเติม แต่ถ้าน้อยกว่าผู้ประกอบการต้องคืนส่วนต่าง
หลังจากมีการเริ่มออกประกาศ ทำให้มีหลายหอพัก กำหนดรูปแบบการชำระเงินค่าหอพักใหม่ คือ คิดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาตามจริง แต่มีการเรียกเก็บค่าส่วนกลางเพิ่มเติมทดแทน และเริ่มมีการพูดคุยกันในสังคมออนไลน์ถึงความไม่เป็นธรรมที่ผู้ประกอบการหอพักได้รับ
ล่าสุด วันที่ 11 พฤษภาคม 2561 ผู้ประกอบการหอพักกว่า 200 คน รวมตัวกันเดินทางมาที่ศาลปกครอง เขตหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เพื่อยื่นฟ้องสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ต่อศาลปกครองกลางให้เพิกถอนประกาศว่าด้วยเรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่อยู่อาศัยที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2561 เนื่องจากเป็นประกาศที่ทาง สคบ. ประกาศใช้โดยผู้ประกอบการหอพักไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยขอให้ศาลมีคำวินิจฉัยฉุกเฉินเพื่อให้คุ้มครองชั่วคราวจนกว่าคดีความจะเป็นที่สิ้นสุด
นายบารมี เรืองกาญจนเศรษฐ์ ผู้ประกอบการหอพัก กล่าวว่า ประกาศฉบับนี้มีกระทบต่อสิทธิ และธุรกิจในการให้เช่า เช่น กรณีที่ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการเข้าไปขนย้ายทรัพย์สินของผู้เช่า หากผู้เช่าค้างชำระหนี้ หรือค้างค่าเช่า จากเดิมผู้ประกอบการอาจเข้าไปขนของออกจากห้องเช่า หรือล็อกห้องไว้ รวมถึงผู้ประกอบการไม่สามารถเก็บค่าประกันล่วงหน้าได้เกินหนึ่งเดือน ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการหลายคนไม่กล้ารับผู้เช่ารายใหม่ เพราะกลัวต้องปฎิบัติตาม ประกาศของ สคบ. ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
นอกจากนี้ ยังต้องการร่วมพูดคุยกับคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อทำร่างประกาศใหม่ที่เป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ระหว่างผู้ประกอบการและผู้ให้เช่า ส่วนข้อเรียกร้องเพิ่มเติม คือ ต้องการให้ยกเลิกประกาศควบคุมหอพักฉบับนี้, ต้องการให้การสอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการหอพักก่อนออกกฎหมาย ,กรณีการขับไล่ผู้พักอาศัยจะต้องร้องต่อศาลแพ่งเท่านั้น ซึ่งใช้เวลานานนับปี
รวมถึงการเรียกเก็บค่าน้ำประปา-ค่าไฟฟ้าตามจริง ซึ่งกรณีคิดค่าใช้งานตามจริงข้อนี้ผู้ประกอบการหอพักเห็นด้วย แต่การที่แม้แต่เศษสตางค์ก็ไม่สามารถปัดขึ้นได้ ถือว่าค่อนข้างไม่มีความยืดหยุ่น และการห้ามเรียกเก็บเงินประกัน ซึ่งจริงๆ แล้วเงินประกันความเสียหายของห้องพัก ผู้ประกอบการมองว่ายังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เนื่องจากหลายครั้งที่มีการย้ายออกของผู้เช่า มีผู้เช่าบางส่วนทำห้องพักเสียหาย ทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียค่าซ่อมบำรุงมากกว่าจำนวนเงินประกัน จึงให้ทาง สคบ.มีการทบทวนข้อกฎหมายนี้อีกครั้ง
เบื้องต้นศาลปกครองกลางได้รับคำร้องดังกล่าว และศาลฯได้นัดไต่สวนกรณีการขอคุ้มครองฉุกเฉินชั่วคราว ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2561
ที่มา pptvhd36.com
