ไฮสปีด “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” คิกออฟปลายปีนี้

กลับมาอีกครั้งกับโปรเจครถไฟไฮสปีด “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” ที่ในเดือนพฤษภาคมนี้ ทางรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่นจะทำการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อออกแบบและศึกษารายละเอียด ซึ่งจะเริ่มต้นสำรวจเส้นทางในปลายปี 2558 และเริ่มก่อสร้างปลายปี 2559 หรือ ต้นปี 2560 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 ปี และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563

           ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขออนุมัติ “รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)” ซึ่งมีระยะทางรวม 672 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 426,898 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 12 สถานี และมีการออกแบบให้เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของจังหวัดนั้นๆ


           7 สถานีแรก ได้แก่ สถานีบางซื่อ, ดอนเมือง, อยุธยา, ลพบุรี(ป่าหวาย), นครสวรรค์, พิจิตร และพิษณุโลก

           5 สถานีหลัง ได้แก่ สถานีสุโขทัย, ศรีสัชนาลัย, ลำปาง, ลำพูน และเชียงใหม่

           สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับนั้น คือการขนส่งทั้งคนและสินค้า ซึ่งคาดหวังว่าจะมีผู้โดยสารใช้บริการปีแรกกว่า 24,800 เที่ยวคน ต่อวัน และสามารถขนส่งสินค้าด้วยระบบรถไฟความเร็วสูง ซึ่งอาจได้แก่ สินค้าไปรษณียภัณฑ์เร่งด่วน และสินค้าขนส่งทางอากาศที่มีราคาสูงและเน่าเสียง่าย

           อัตราค่าโดยสาร แบ่งเป็น 3 ชั้น
1. ชั้นวีไอพี มี 3 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 200 บาท ค่าโดยสาร 4 บาท ต่อกิโลเมตร
2. ชั้นธุรกิจ มี 4 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 100 บาท ค่าโดยสาร 2.50 บาทต่อกิโลเมตร
3. ชั้นมาตรฐาน มี 5 ที่นั่งต่อแถว ค่าแรกเข้า 70 บาท ค่าโดยสาร 1.50 บาทต่อกิโลเมตร

           ดังนั้นหากนั่งยาวจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จะใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 16 นาที เสียค่าโดยสารประมาณ 1,100-2,900 บาท ต่อเที่ยว

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ