คนจีนซื้อบ้านในไทยลดลงมั้ย? สถานการณ์การซื้อขายอสังหาฯ ลูกค้าตลาดจีน

สำหรับลูกค้าชาวจีน ต้องถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ช่วยพยุงและผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยมาตลอด โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ซึ่งหากนับย้อนหลังไปในช่วงปี 2558-2562 ที่ผ่านมา ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยถึงประมาณ 751,858 หน่วย โดยเกือบ 50% เป็นคอนโดมิเนียม

         เนื่องด้วยการเอื้อของหลักเกณฑ์คนต่างชาติซื้อคอนโด ที่ช่วยให้ชาวต่างชาติสามารถครอบครองเป็นเจ้าของอาคารชุดได้ อ้างอิงจากพระราชบัญญัติอาคารชุด (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มาตรา 19 ทวิ บัญญัติไว้ว่า  ” อาคารชุดแต่ละอาคารชุดจะมีคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๑๙ ถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดได้เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินอัตราร้อยละสี่สิบเก้าของเนื้อที่ของห้องชุดทั้งหมดในอาคารชุดนั้นในขณะที่ขอจดทะเบียนอาคารชุดตามมาตรา ๖” ทำให้คอนโดมิเนียมในไทยกลายเป็นสินค้าลงทุนที่น่าสนใจของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีน โดยคนจีนซื้อบ้านในไทยเป็นสินค้าคอนโดมิเนียมเนื่องจากตลาดสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีโดยเฉลี่ย 5-10% ต่อปี ประกอบกับค่าเงินบาทยังอยู่ในอัตราที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวน โดยคนจีนซื้อบ้านในไทยในทำเลที่ชาวจีนคุ้นเคย อาทิ พระราม9 – ห้วยขวาง เป็นต้น

         แต่อย่างไรก็ตามในปี 2562 เริ่มมีสัญญานการถดถอยของคนจีนซื้อบ้านในไทย เนื่องจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ความเข้มงวดในการขนเงินออกนอกประเทศ และมาตรการด้าน LTV ของประเทศไทยเอง ซึ่งต่อมาในปี 2563 เกิดเหตุซ้ำร้ายจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบให้จีนต้องปิดเมือง โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ชี้ว่าในช่วงเหตุการณ์วิกฤตนี้ ทำให้ยอดคนจีนซื้อบ้านในไทยหายวูบไปถึง 70%
_pic_1_ (4)ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ฉุดยอดคนจีนซื้อบ้านในไทย

นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการบริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์และการขายในไทย ฉายภาพคนจีนซื้อบ้านในไทยว่า ยอดขายอสังหาริมทรัพย์จากชาวจีนปรับตัวลดลงถึง 20-30% ในช่วงโควิด-19 โดยจากที่ขายได้ 700-800 ยูนิต ลดลงมาเหลือเพียง 500-600 ยูนิต ซึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อจากลูกค้าชาวจีนที่หายไปถึง 70% ทำให้มูลค่าหายไปถึง 40,000-50,000 ล้านบาท

         แต่อย่างไรก็ตามตามหลักเกณฑ์คนต่างชาติซื้อคอนโด แองเจิล เรียลเอสเตท ยังคงมองว่าลูกค้าชาวจีนยังคงมีความสนใจในคอนโดมิเนียมอยู่ และไม่ต้องการทิ้งเงินดาวน์และทิ้งโอน แต่ด้วยสถานการณ์ภายในประเทศ ทำให้ลูกค้าชาวจีนเกิดความยากลำบาก ซึ่งหากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องการรักษากำลังซื้อชาวจีนที่ส่วนใหญ่ได้ทำวางเงินดาวน์ไปแล้วกว่า 30% อาจต้องมีการยืดหยุ่นระยะเวลาการโอนออกไป 3-12 เดือน เพื่อให้ลูกค้าชาวจีนสามารถทยอยโอนเงิน และเพื่อไม่เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการที่ต้องบริหารอุปทานคงค้างเพิ่มขึ้น

_pic_2_ (1)ในด้านเดียวกัน ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่าแม้ในปัจจุบันจะเกิดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และวิกฤตโรคระบาด แต่สถิติการรับโอนห้องชุดของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ยังคงมีสัดส่วนถึง 22% จากยอดโอนทั้งหมด 20,000 ล้านบาทในปี 2562 ซึ่งสะท้อนว่าลูกค้าชาวต่างชาติยังคงมีการรับโอนห้องชุดที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยังคงมั่นใจว่าในปี 2563 หากสถานการณ์โรคระบาดมีความคลี่คลายลง กลุ่มลูกค้าชาวจีนจะกลับมาอย่างแน่นอน
_pic_3_

ผู้ประกอบการต้องปรับตัวออกแคมเปญ ดึงดูดคนจีนซื้อบ้านในไทย

แน่นอนว่ากำลังซื้อจากลูกค้าชาวจีนนั้นเป็นกำลังซื้อใหญ่ ซึ่งอย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต้องปรับตัวและยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถยังคงรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ไว้ โดยผู้ประกอบการที่สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส คือพฤกษา เรียลเอสเตท ที่ได้ออกแคมเปญดึงดูดลูกค้าชาวจีน หลังจากได้รับการติดต่อจากเอเจนซี่ว่า ยังคงมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูงจำนวนมากที่สนใจคอนโดมิเนียมในไทย ทั้งการซื้อเพื่ออยู่เอง ซื้อเพื่อเก็งกำไร และซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าในระยะยาว โดยนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มพฤกษาเรียลเอสเตทแวลู ได้เปิดเผยว่าได้ทำการขายคอนโดมิเนียมในทำเลรัชดาและรามคำแหง ให้กับกลุ่มลูกค้าชาวจีนจำนวน 2 โครงการ กว่า 100 ยูนิต

         อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพการรับมือกับวิกฤตโรคระบาดของประเทศไทยที่ทำได้ดีในสายตาต่างชาติ ทำให้ผู้ประกอบการเชื่อว่าหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย กำลังซื้อจากชาวต่างชาติจะกลับมาอย่างแน่นอน