คอนโดฯ “ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า” ฮอต เพราะคนเลี่ยงโควิดออกจากเมือง!

คอนโดฯ “ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า” ฮอต เพราะคนเลี่ยงโควิดออกจากเมือง!

ไนท์แฟรงค์ฯ” ประเมินสถานการณ์ตลาดคอนโดฯ ในแถบ ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ที่ผ่านมาว่า “คนไทยเลี่ยงโควิดระบาดในกรุงเทพฯ มองหาซื้อคอนโดฯ “ชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า” เติบโตมากขึ้นในอนาคต เพราะชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มักจะเป็นย่านที่ถูกเลือกเป็นบ้านหลังที่สอง เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ตากอากาศยอดนิยม และไม่ห่างจากเมืองหลวงอย่าง กทม. มากนัก ผู้ประกอบการหลายรายจึงเลือกพื้นที่นี้ในการพัฒนาโครงการกันจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว”

อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า

ก่อนปี 2551 ถึงครึ่งปีหลัง 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 28,055 หน่วย โดยในครึ่งปีหลัง 2564 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ จำนวน 1 โครงการ ประมาณ 136 หน่วย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ซอยหัวหิน 94 อุปทานคอนโดมิเนียมโดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชะอำคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 58 รองลงมาคือบริเวณเขาเต่าและเขาตะเกียบมีอัตราร้อยละ 13 และ 11 ตามลำดับ

อุปทานคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในบริเวณหัวหินคิดเป็นอัตราส่วนที่ร้อยละ 10 ส่วนคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ใน

บริเวณเขาฝั่งไม่ติดทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 8 โดยคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 55 และคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 45 ของอุปทานทั้งหมด

จะเห็นว่า ตลาดกลุ่มคอนโดฯ ที่มีวิวทะเล มีจำนวนอุปทานไม่มากนัก โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ค่อนข้างมีฐานะดีหรือกลุ่มคนที่ถือเงินเย็น และตลาดนี้สามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก โดยราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 141,670 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 2 จากครึ่งปีแรก 2564 โดยโครงการใหม่ที่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาขายต่อห้องเฉลี่ยสูงถึง 250,000 บาทต่อ ตร.ม.

ด้านตลาดกลุ่มคอนโดฯ ที่ไม่มีวิวทะเล กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนฐานะปานกลางทั้งจากกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดหรืออาจเป็นคนในพื้นที่ ที่นิยมซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่สอง ซึ่งสถานการณ์คอนโดฯ กลุ่มไม่มีวิวทะเล โดยรวมยังชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 และยังคงมีการทำโปรโมชั่นลดราคาเพื่อเร่งปิดโครงการต่อเนื่อง บางโครงการได้นำคอนโดฯ จำนวนหนึ่งมาทำโปรโมชั่น ลดราคาประมาณ 30% หรืออาจเป็นการลดราคา 25% ควบคู่กับแถมพอร์ตการลงทุน เพื่อกระตุ้นยอดขายเร่งปิดโครงการ เป็นต้น

ส่วนราคาเสนอขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้ มีระดับราคาเสนอขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70,700 บาทต่อ ตร.ม. ราคาขายค่อนข้างทรงตัว และลดลงมาเล็กในอัตราร้อยละ 0.1 จากครึ่งปีแรก 2564 เนื่องจากโครงการที่ยังมีห้องว่างเหลือขายเกินร้อยละ 50 ซึ่งอยู่บริเวณโซนชะอำ ผู้ประกอบการยังคงจัดโปรโมชันและส่วนลดอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดการขายโครงการ

อุปสงค์ของคอนโดมิเนียมบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า

สำหรับกลุ่มผู้ซื้อหลักในปัจจุบัน ได้แก่

  • กลุ่มคนไทยที่อยู่กรุงเทพถึงร้อยละ 90 
  • กลุ่มคนไทยต่างจังหวัดอีกประมาณร้อยละ 5 และมีชาวต่างชาติร้อยละ 5 ซึ่งเป็นกลุ่มวัยเกษียณในกลุ่มประเทศ สแกนดิเนเวีย นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในหัวหินจะนิยมซื้อบ้านหรือวิลล่ามากกว่าเนื่องจากค่อนข้างมีความสงบและเป็นส่วนตัวเพราะอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานาน

คอนโดมิเนียมบริเวณเขาตะเกียบมีอัตราการขายสูงสุดในอัตราที่ร้อยละ 96 รองลงได้แก่คอนโดมิเนียมบริเวณเขาเต่าและฝั่งไม่ติดทะเล มีอัตราการขายที่ร้อยละ 95 และ 90 ตามลำดับ ในส่วนอัตราการขายบริเวณหัวหินและชะอำมีอัตราการขายที่ร้อยละ 83 และ 60 ตามลำดับ โดยบริเวณชะอำเป็นบริเวณที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายสูงสุดคือ 6,468 ซึ่งมีอุปทานเหลือขายประมาณร้อยละ 40 ของอุปทานที่เหลือขายทั้งหมด

และในปัจจุบันที่ดินติดทะเลบริเวณหัวหินที่จะพัฒนาโครงการแทบไม่มีเหลือแล้ว ในส่วนของที่ดินที่ยังมีเหลือสำหรับการพัฒนาโครงการจะอยู่บริเวณชะอำแต่พื้นที่ในบริเวณโซนชะอำยังเป็นที่นิยมน้อยกว่าหัวหินเนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหากเทียบกับคอนโดมิเนียมในหัวหิน ในส่วนพื้นที่บริเวณฝั่งภูเขาที่ไม่ติดทะเลยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอีกมาก และน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจากอยู่โซนเขตตัวเมืองหัวหินและเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ

สรุป

สำหรับทิศทางตลาดคอนโดมิเนียมหัวหินในปี 2565 มีแนวโน้มที่ค่อนข้างทรงตัว สาเหุตเพราะผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ยังคงรอดูสถานการณ์และชะลอการเปิดตัวโครงการหรือพัฒนาโครงการใหม่ 

แต่เนื่องจากคอนโดฯ บริเวณติดทะเลมีจำนวนหน่วยขายค่อนข้างน้อย และมีแนวโน้มที่ราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่โครงการบริเวณโซนชะอำ อาจจะต้องใช้เวลาในการระบายหน่วยเหลือขายในบางโครงการ ที่ราคาอาจจะปรับลงอันเนื่องมาจากอายุของคอนโดมิเนียม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลในแง่ลบกับตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า 

ในทางกลับกัน กลุ่มคนในกรุงเทพฯ ก็ยังมีความสนใจคอนโดมิเนียมในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่ามากขึ้น เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ของโรคระบาดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะเป็นสถานที่ที่สามารถหลีกเลี่ยงโรคระบาดได้ดีกว่ากรุงเทพฯ ทำให้ความต้องการของตลาดคอนโดฯ ในบริเวณชะอำ-หัวหิน-เขาเต่า มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะผ่านไปแล้วก็ตาม