รัฐเปิดเกณฑ์ดึงเอกชนเข้าร่วม ธนาคารหนุนสร้างบ้านผู้มีรายได้น้อย

ผู้มีรายได้น้อย

กคช.ผนึกแบงก์กรุงไทย นำร่องเตรียมวงเงินพร้อมปล่อยกู้เอกชนพัฒนาโครงการอสังหาฯร่วมกับกคช. ตามนโยบายสร้างบ้านให้กับ ผู้มีรายได้น้อย สนองนโยบายรัฐบาล เผยปล่อยกู้โครงการที่ผ่านเกณฑ์ของ กคช. เปิดหลักเกณฑ์การเข้าร่วม บิ๊กกรุงไทย หนุน

ผู้มีรายได้น้อย

นับเป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารรัฐ กับ การเคหะแห่งชาติ(กคช.) ในการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง(MOU) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน ได้มีแหล่งเงินกู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีการเคหะฯเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำโครงการ รวมถึงโครงการบ้านล้านหลัง ตามนโยบายของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561 ทางการเคหะแห่งชาติ ได้ร่วมลงนาม MOU กับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นำร่องในโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) และจะเพิ่มเติมกับธนาคารชั้นนำของรัฐ ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าฯ กคช. กล่าวว่า โครงการเคหะประชารัฐร่วมทุน เป็นอีกหนึ่งภารกิจของกคช. ภายใต้การขับเคลื่อนแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับกคช. ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ โครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะดำเนินงานในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Investment) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556

ซึ่งโครงการจะมีลักษณะของการให้สิทธิการเช่าที่ดินของ กคช.เป็นเวลา 30 ปี และสามารถต่อสัญญาเพิ่มได้อีก 30 ปี ขณะนี้ ได้รับอนุมัติในหลักการจากคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) บนเนื้อที่ 52 ไร่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โครงการร่มเกล้า คอนเน็กชั่น บนที่ดิน 128.96 ไร่ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 3 และ 4 รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่

ผู้มีรายได้น้อย

และอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสวัสดิการข้าราชการและเชิงพาณิชย์บนที่ดิน 136 ไร่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และโครงการพัฒนาโครง การที่อยู่อาศัยข้าราชการและเชิงพาณิชย์บนเนื้อที่ 118 ไร่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ส่วนโครงการที่มีมูลค่าโครงการต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จะดำเนินงานในรูปแบบโครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและเอกชน (Joint Operation) และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) ตามพระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ และระเบียบการเคหะแห่งชาติว่าด้วยการสนับสนุนโครงการ โดยได้คัดเลือกพื้นที่โครงการนำร่องไว้ 5 พื้นที่ ได้แก่ พัทยา (เทพประสิทธิ์) ปทุมธานี (แยกปทุมวิไล) นนทบุรี (ประชานิเวศน์ 3) สมุทรปราการ (บางปู) และเชียงใหม่ (หนองหอย 2) พื้นที่ราวโครงการละ 5-20 ไร่

และโครงการร่วมสนับสนุนภาคเอกชน (Joint Support) กคช.จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และบริหารจัดการงานก่อสร้าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพิจารณาความเป็นไปได้ด้านการตลาด ความเหมาะสมทางกายภาพ และการเงินการลงทุน

อีกทั้งประสานงานกับสถาบันการเงินของรัฐ ในการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการภาคเอกชน ในการพัฒนาโครงการ ที่อยู่อาศัย ซึ่ง กคช.ได้ประสานความ ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยในการดำเนินโครงการดังกล่าว คาดว่าจะประกาศ เชิญชวนเอกชนยื่นข้อเสนอภายในเดือนกันยายนนี้ โดยในระยะแรกของโครงการจะคัดเลือกราว 20-30 โครงการ เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ของภาคเอกชน

ทั้งนี้ เงื่อนไขของความร่วมมือระหว่าง กคช.กับ บริษัทเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ จะมีเรื่องอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคาร เพียงแต่ในแต่ละโครงการ ทาง กคช.จะกำหนดให้กั้นส่วนของผู้มีรายได้ประมาณ 20% ของจำนวนยูนิต แต่กระนั้น ทาง กคช.จะไม่มีนโยบายรับซื้อโครงการเหมือนกรณีบ้านเอื้ออาทร เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง

นายผยง ศรีวณิช กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยฯ กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ ธนาคารจะให้ การสนับสนุนสินเชื่อกับผู้ประกอบการ ที่สนใจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปพัฒนา (Pre Finance) โครงการต่างๆ ทั้งแนวราบ และแนวสูง ซึ่ง กคช.จะเป็นผู้คัดเลือก ผู้ประกอบการที่เหมาะสม โดยธนาคารจะสนับสนุนวงเงินสินเชื่อในส่วนของ ค่าก่อสร้าง และพัฒนาสาธารณูปโภค ให้กับลูกค้าที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาของธนาคารตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ

ธนาคารมีการร่วมมือกับ กคช. ในการลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 โดยที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการสนับสนุนสินเชื่อราย ย่อยให้แก่ประชาชน ซึ่งมีผู้ยื่นขอสินเชื่อเกือบ 100 ล้านบาท ทั้งในโครงการจังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์ 3) ระยะ 3 จำนวน 33 ราย วงเงิน 24 ล้านบาท, โครงการจังหวัดสงขลา (หาดใหญ่-ลพบุรีราเมศวร์) จำนวน 107 ราย วงเงิน 67 ล้านบาท และโครงการจังหวัดศรีสะเกษ ระยะ 3 จำนวน 12 ราย วงเงิน 7 ล้านบาท และธนาคารยังคงดำเนินการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของกคช.อย่างต่อเนื่องต่อไป

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิ๊ก