อัญมณีแห่งภาคอีสาน

ธนาสิริกรุ๊ป,ธนาสิริ,ศิริวิลเลจ
ธนาสิริกรุ๊ป,ธนาสิริ,ศิริวิลเลจ

หมู่บ้านศิริวิลเลจ: ผลผลิตแห่งความมุ่งมั่นค้นคว้าอย่างที่สุด

ธนาสิริกรุ๊ป,ธนาสิริ,ศิริวิลเลจ
ธนาสิริกรุ๊ป,ธนาสิริ,ศิริวิลเลจ

จังหวัดอุดรธานีเป็น 1 ใน 4 จังหวัดใหญ่ที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยระยะทางราว 560 กิโลเมตรห่างจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดอุดรธานีนี้เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในสมัยสงครามเวียดนาม ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ได้เคยเป็นจุดยุทธศาสตร์สาหรับฐานทัพอากาศมาก่อน และในปัจจุบันนี้ยังคงมีสัมผัสเสน่ห์และกลิ่นไอสมัยเมื่อครั้งสงครามเวียดนามที่ผ่านมา ปัจจุบันตามร้านกาแฟและผับบาร์ต่างๆ ในตัวเมืองได้มีการพัฒนาให้เป็นสังคมเมืองที่มีความเร่งรีบ และการแข่งขันในด้านภาคอสังหาริมทรัพย์

จังหวัดอุดรธานีมีทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนประเทศลาวซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเวียดนามและประเทศจีนได้ จังหวัดอุดรธานีนั้นมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงเนื่องจากเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการคมนาคมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้จังหวัดอุดรธานีเพิ่งเสร็จสิ้นจากการขยายท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 2 แห่งภายในตัวจังหวัดเพื่อต้อนรับผู้โดยสารราว 2 ล้านคนต่อปี ในปี 2559 ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้คงจะมีการขยายตัวจากการเปิดเสรีอาเซียน หรือ ACE เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

การขยายตัวของการค้าปลีกและค้าส่งเป็นเวลาติดต่อกันหลายปี ทำให้ศูนย์การค้า UD-Town เป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เนื่องจากมีสิ่งที่อำนวยความสะดวกเหมือนกับศูนย์การค้าในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะทางด้านเครือเซ็นทรัลได้เข้ามารุกพื้นที่ทำตลาดโดยการนำศูนย์การค้า Festival มาเปิดในจังหวัดอุดรธานี ตามเส้นทางเชื่อต่ออุดร-หนองบัวลำภูทำให้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการค้าส่ง โดยมีศูนย์การค้า 168 แพลททินั่ม และ Ngee Sun เปิดให้บริการเป็นต้น

บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลหลักที่ว่าทำไมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุดรธานีถึงได้รับความสนใจจากบริษัทผู้ลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพ

ธนาสิริกรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้โฟกัสกลุ่มเป้าหมายไปที่ตลาดอื่นนอกเหนือจากกรุงเทพ โครงการศิริวิลเลจ อุดนธานี-แอร์พอร์ตเป็นหนึ่งในโครงการที่ทำด้วยความมั่งมั่น มุมานะและการศึกษาค้นคว้าอย่างที่สุด บริษัทภายใต้การนำของ คุณ สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์กรรมการผู้จัดการซึ่งเข้ามารับช่วงต่อกินกิจต่อจากคุณพ่อ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้เมื่อราว 30 ปีก่อน

หลังจากวิกฤติต้มยำกุ้งใน พ.ศ.2540 ท่านได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ธนาสิริ กรุ๊ป และได้เปิดดำเนินการที่จังหวัดนนทบุรี ในปัจจุบัน ทางบริษัทมีการพัฒนาโครงการมากกว่า 3000 ยูนิต ใน 22 โครงการ และมีอีก 4 โครงการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีที่มีแผนจะทำการเปิดตัวในปีนี้ด้วย โดยที่บริษัทได้ให้ความสนใจในโครงการที่อยู่อาศัยนอกเหนือจากเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลัก ดังนั้นตัวอย่างที่ทางบริษัทธนาสิริได้ทำการพัฒนามา 5 โครงการในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และทั้ง 5 โครงการได้ปิดการขายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่บริษัทได้มองหาพื้นที่ทำเลที่เหมาะสมตามเกาะต่างๆ คุณ สิทธิรักษ์ ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีที่ดินแปลงใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต แต่อยู่ในระหว่างการศึกษาพัฒนา ว่าสมควรประกอบธุรกิจเป็นรูปแบบ Boutique Hotel หรือเป็นวิลล่าหรูแทน

นอกจากจังหวัดภูเก็ตแล้วทางบริษัทได้มองหาพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหลังจากการศึกษาพบว่า พื้นที่ในจังหวัด อุดรธานี เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาโครงการที่มีขนาดใหญ่

หนึ่งในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลในจังหวัดสกลนคร ได้ทำการศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นและสอบถามความต้องการของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ว่าต้องการอะไรบ้างจากอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ทางบริษัทมีความประสงค์ที่จะต้องการรู้ถึงความต้องการของผู้อยู่อาศัยว่าชอบแบบบ้านที่ทางบริษัทได้เสนอและออกแบบมาหรือไม่ พอใจไม่พอใจอย่างไร

ผลปรากฎว่า ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญสำหรับการพัฒนาในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคอื่นๆในประเทศไทย

คุณสุทธิรักษ์ กล่าวว่า “ คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือต้องหารพื้นที่ในการเก็บของ หรือสังสรรค์มากกว่า เพราะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบรัวมาก เพราะฉะนั้น ทางบริษัทจึงออกแบบบ้านที่มีระเบียงที่กว้างขวางสำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆในครอบครัว”

ทางบริษัทได้เรียนรู้ว่า โครงการที่พัฒนาขึ้นและสามารถขายหมดส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าทางบริษัทได้ออกแบบบ้านที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า

โครงการศิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ตมีพื้นที่การพัฒนาทั้งหมดมากกว่า 40 ไร่ ใช้เวลาในการก่อสร้างและพัฒนาประมาณ 3 ถึง 4 ปี โดยเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีจำนวนบ้านทั้งหมด 179 ยูนิต ภายใต้คอนเซ็ป”Difference begins” สิ่งที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างและโดดเด่นต่างจากโครงการอื่น คือ มีการนำเสนอคุณภาพชีวิตที่สุดพรีเมียม

คุณสุทธิรักษ์ กล่าวว่า  “เราได้ทำธุรกิจในพื้นที่รอบจังหวัดอุดรธานีและพบว่า ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เราสามารถตอบเสนอคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ในราคาที่ต่ำกว่าตลาด และเราเชื่อมั่นว่ามันจะสามารถได้ผล”

ศิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต ตั้งอยู่ประมาณ 4 กิโลเมตรจากท่าอากาศยานอุดรธานี และประมาณ 30 นาทีจากใจกลางเมือง ทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าต่างๆเช่น Big C, Tesco Lotus และศูนย์การค้าอื่นๆ พื้นที่ของโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดีสำหรับลูกผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายเพียบพร้อม แต่ไม่อยากจะอยู่ในพื่นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น โดยพื้นที่โครงการตั้งอยู่ท่ามกลางสวนธรรมชาติสีเขียวสดชื่นที่สงวนเฉพาะผู้พักอาศัยเท่านั้นอีกทั้งยังใกล้กับอุทยานแห่งชาติอีกด้วย

ในโครงการจะประกอยด้วย สระว่ายน้ำระบบ Salt Water ลานออกกำลังกาย คลับเฮ้าส์ที่มีขนาดใหญ่ และระบบรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น ทำการตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบบบ้านจะเป็นในแนว Modern Tropical Resort

ราคาสำหรับบ้านคุณภาพสูงนี้เริ่มต้นที่ 4 ล้านบาท ถึง 8 ล้านบาท ทำให้คุ้มค่าเงินมากกว่าในภูมิภาคอื่นของประเทศ โดยเงิน 4 ล้านบาทจะได้บ้านขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขกแบบแยกส่วน และที่จอดรถ 2 คัน

การพัฒนาโครงการครั้งนี้ โดยที่คุณ สิทธิรักษ์ ได้อธิบายถึง “big for us” โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดขอนแก่น นั้นคือบริษัท อีสานพิมาน กรุ๊ป เป็นการร่วมแชร์ประสบการณ์ของทั้ง 2 บริษัทมารังสรรค์บ้านคุณภาพอย่างเต็มที่

“พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวอุดรธานี” คุณสิทธิรักษ์กล่าว

ศิริวิลเลจ อุดรธานี-แอร์พอร์ต เสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษแก่ผู้ที่ทางบริษัทได้เชิญเข้างานในรอบพิเศษระหว่างวันที่ 18 ถึง 20 มีนาคมที่ผ่านมา และงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ แม้ว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการแรกของบริษัทในจังหวัดอุดรธานี แต่ด้วยด้วมทุ่มเททำงานและระดมสมองศึกษาค้นคว้าเป็นอย่างหนักจะทำให้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

“แน่นอนเราจะทำการพัฒนาโครงการในพื่นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดอื่นๆเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยที่เราจะพยายามหาทำเลที่เหมาะสมกับโครงการของเรา แต่เราต้องมั่นใจก่อนว่าโครงการศิริวิลเลจนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและมียอดจองในระดับที่น่าพอใจ”

“ด้านผู้พัฒนาบางเจ้าได้เข้ามาในพื้นที่และสุดท้ายต้องจากไป แต่สำหรับเรา เรามาเพื่อที่จะอยู่อย่างมั่นคง”