ไทยแลนด์ อีลิทการ์ด กระตุ้นตลาดธุรกิจอสังหา ฯ คึกคัก เสริมทัพตลาดต่างชาติ ลงทุนคอนโดและกองทุน

เข้าสู่ช่วงปลายปี 2020 ที่วิกฤติโควิดเริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เช่นเดียวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มีการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันให้ธุรกิจอสังหาฯ กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่เนื่องจากกำลังซื้อจากกลุ่มชนชั้นกลางและชั้นล่างถดถอยลง รัฐจึงต้องหามาตรการใหม่ๆ เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจอสังหาฯ เพื่อดึงตลาดต่างชาติให้กลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในแนวทางนั้นก็คือไทยแลนด์ อีลิทการ์ดนั่นเอง ส่วนรายละเอียดของมาตรการอีลิทการ์ดจะเป็นอย่างไร เราลองมาดูกันค่ะ

pic_1

ทำความรู้จัก “ไทยแลนด์ อีลิทการ์ด” มาตรการใหม่ในการกระตุ้นต่างชาติให้ลงทุนอสังหาฯ ในไทย

โครงการไทยแลนด์ อีลิทการ์ดเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านการตลาดของรัฐบาลไทย มีวัตถุประสงค์พื่อผลักดันให้มีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนอสังหาฯ ในบ้านเรามากขึ้นโดยเฉพาะการซื้อคอนโดมิเนียมและกองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยอีลิทการ์ดจะเป็นการมอบวีซ่าอายุ 5 ปี, 10 ปี และ 20 ปีพร้อมสิทธิพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการในการขยายวีซ่าระยะยาวให้กับนักลงทุนต่างชาติเมื่อมีการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยที่มีมูลค่า 5 ล้านบาทขึ้นไป 

ปัจจุบันโครงการนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของรัฐบาล อีกทั้งยังต้องมีการหารือกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่ถือว่าคิดค้นขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการลงทุนในคอนโดมิเนียมและกองทุนอสังหาริมทรัพย์โดยเจาะตลาดกลุ่มชาวต่างชาติเป็นหลักหลังจากยอดโอนคอนโดของชาวต่างชาติลดลงถึง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 ซึ่งนักลงทุนชาวจีนที่มียอดลงทุนเป็นอันดับ 1 เองก็ลดลงถึง 3% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเช่นกัน

ผลของไทยแลนด์ อีลิทการ์ด ส่งผลดีต่อตลาดอสังหาประเทศไทยอย่างไร?

การเสนอโครงการอีลิทการ์ดนั้นคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้มีนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัย และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากเป็นวีซ่าระยะยาวที่มาพร้อมสิทธิพิเศษ และมุ่งหวังว่าโครงการไทยแลนด์ อีลิทการ์ดจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เพื่อให้แนวโน้มตลาดอสังหาฯ กลับมาสดใสขึ้น นอกจากนี้โครงการยังคิดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับตัวแปรพลิกฟื้นอสังหาฯ ไทยเพื่อดึงคนต่างชาติให้หลั่งไหลเข้ามามากขึ้น เช่น สิทธิครอบคลุมการรักษาพยาบาล หากนักลงทุนเจ็บป่วยระหว่างพักอาศัยในประเทศไทยก็สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ เป็นต้น ถือว่าช่วยสร้างแรงบันดาลใจและดึงชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยเกษียณอายุที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง (Second Home) 

นอกจากนี้โครงการนี้ยังเป็นการปรับเปลี่ยนการให้วีซ่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติที่ในอดีตยังไม่เต็มที่เท่าที่ควร มาเป็นการปรับขั้นตอนการขอวีซ่าระยะยาวและการจัดการสิทธิต่างๆ ให้เหมาะสมกับผู้ที่เข้ามาถือครองกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินหรือคอนโดมิเนียมในไทยอีกด้วย 

pic_2

จากที่กล่าวมา โครงการไทยแลนด์ อีลิทการ์ด จึงถือเป็นอีกหนึ่งความหวังใหม่ในการอุดรอยรั่วและเพิ่มศักยภาพให้ตลาดอสังหาฯ ไทย ให้เราสามารถดึงและหนุนชาวต่างชาติให้กลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นผ่านการใช้บัตรดังกล่าว ดังนั้น การผลักดันโครงการนี้จึงถือว่าน่าสนใจสำหรับรัฐที่กำลังมองหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นตลาดโดยการให้วีซ่าระยะยาวแก่นักลงทุน นอกจากนี้ยังถือเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามขั้นตอนต่างๆ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของโครงการก็ยังไม่ประกาศออกมาค่ะ 

โดยสรุป จากภาวะการหดตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของคนไทยลดลง รัฐบาลจึงได้เสนอแนวคิดไทยแลนด์ อีลิทการ์ดขึ้นเพื่อกระตุ้นและดึงกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาฯ ด้วยการ เสนอวีซ่าระยะเวลา 5 ปี, 10 ปี และ 20 ปี นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆ อย่างการแก้กฎหมายถือครองกรรมสิทธิ์กลุ่มคอนโดมิเนียมเป็นชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ 49% เป็นต้น ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการจากภาครัฐที่น่าจับตามองว่าจะมีการนำมาใช้จริงหรือไม่ อย่างไร และผลลัพธ์จะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ค่ะ

ที่มาอ้างอิง : 
https://www.thansettakij.com/content/property/454232?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=property