พัฒนาข้ามชาติ ไทยวางโครงการพัฒนาในพม่าลุ้นผู้ประกอบการกลุ่มก่อสร้างและกลุ่มนิคมฯไทยเข้ายื่น ที โอ อาร์

มีรายงานจากแหล่งข่าวของสภาพัฒน์แจ้งว่า ได้มีการยื่นเสนอต่อคณะ คสช.ให้อนุมัติผ่านโครงการพัฒนาในพม่า ในชื่อ โครงการทวาย เป็นวาระเร่งด่วน และ ทาง คสช.ได้เปิดไฟเขียวให้ลุยได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ในภูมิภาค

ซึ่งข่าวนี้มาจากแหล่งข่าวระดับสูงในสภาพัฒน์ ที่ได้ยื่นเสนอโครงการฒนาเขตเศรษฐกิจทวาย ประเทศเมียนมาร์ เป็นหนึ่งในโครงการเร่งด่วนที่นำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีความเห็นสรุปออกมาว่า ทางไทยควรให้ความร่วมมือ และ สนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมกันของสองประเทศแล้วคือ ไทย กับ พม่า เพื่อให้ทวายเป็นเขตเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภูมิภาคเอเชียทางฝั่งตะวันตก เพื่อให้เป็นเส้นทางโลจิสติกส์แห่งใหม่ ในการกระจายสินค้าไปยังทวีปอื่นๆในโลก เพราะทวายมีศักยภาพพื้นที่ที่เหมาะสมซึ่งจะเป็นโครงการที่ไทยควรให้ความสำคัญและสนับสนุน

โดยมีการดำเนิการผ่านทาง บริษัท ทวาย เอสอีแซด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และมีการประชุมวางแผนการทำงานเพื่อหาผู้เข้าประมูลตามเงื่อนไขของ ทีโออาร์ เพื่อให้ได้ผู้ดำเนินการในระยะแรก (อินเนเชียลเฟส) ซึ่งมีผู้ประกอบการอสังหฯและก่อสร้างให้ความสนใจแล้วคือ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัดหรือไอทีดี เจ้าของสัมปทานเดิม และนักลงทุนจากประเทศญี่ ปุ่น และ ยังมีบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัดหรือไอทีดี เจ้าของสัมปทานเดิม และนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางบริษัทที่ปรึกษาโรแลนด์ เบเกอร์ ยังเสนอว่าควรลงทุนในโครงการนี้ ในส่วนของการสร้างถนน ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และน่าจะคุ้มค่ามากกว่า

นอกจากรัฐบาลไทยที่จะให้การสนับสนุนแล้ว ทางรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็เล็งเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนหลายด้าน ตั้งแต่งบประมาณทำแผนแม่บท การประเมินทรัพย์สินต่างๆ และงบสนับสนุนการวิจัยโครงการในการสร้างถนนตั้งแต่ชายแดนไทยไปถึงทวายที่เสนอให้ทำเป็นถนน 4 เลนในระยะทาง 135 กิโลเมตร และแม้ว่าตอนนี้จะมีปัญหาภายในของการดำเนินโครงการเนื่องจาก ายจุลพงศ์  อยู่เกษ ประธานบริษัท ทวาย เอสอีแซดฯ ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการ และกระทรวงการคลังจะสรรหาผู้ที่เหมาะสมมารับตำแหน่งต่อไป ซึ่งการลาออกของประธานบริษัทนั้นมีสาเหตุมาจากการเข้าไปรับตำแหน่งใหม่เป็นกรรมการของธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย

หากโครงการนี้สามารถดำเนินการได้จนสำเร็จ เชื่อแน่ว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน และ ไทย ก็ได้ผลประโยชน์จากโครงการนี้เต็มๆ ตั้งแต่เป็นหัวหอกในการพัฒนา ผู้ประกอบการไทยประมูลเข้าดำเนินการก่อสร้างได้ และ เชื่อว่าในอนาคตผู้ประกอบการอสังหาฯจะสามารถเข้าพัฒนาโครงการด้านที่อยู่อาศัย หรือ แม้แต่สร้างอสังหาฯในแบบอื่นๆได้อย่างแน่นอน

 

 

ข่าวและบทความข้างต้นนี้จัดทำโดย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ดอท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการส่งข่าวเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่ [email protected]