ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เชียงใหม่ ประกาศให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 4 ห้องนอน ในเชียงใหม่
921 ยูนิต























































































































































































































































































































































































































































































































อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในเชียงใหม่ ปี 2568 – แนวโน้มตลาดและคำแนะนำสำหรับผู้เช่า
เชียงใหม่ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่น่าจับตามองด้านการเช่าที่อยู่อาศัยในปี 2568 ด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ และบรรยากาศการอยู่อาศัยที่ผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายของเมืองและเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ทำให้ตลาด อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในเชียงใหม่ มีความคึกคักและได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะพาผู้อ่านเจาะลึกแนวโน้มตลาดเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ตลอดปี 2568 พร้อมคำแนะนำสำหรับผู้เช่าชาวไทยทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท ครอบครัว นักเรียน/นักศึกษา หรือคนทำงานทางไกล เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมก่อนการเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ได้อย่างมั่นใจ
ภาพรวมตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ปี 2568
ฟื้นตัวหลังวิกฤตและแนวโน้มการเติบโต: ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ในปี 2568 มีทิศทางฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ผ่านมา แม้กำลังซื้อของคนไทยบางส่วนจะยังไม่กลับมาเต็มที่ แต่ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน เช่น การกลับมาของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือพักระยะยาวในเชียงใหม่ และแนวโน้มการย้ายถิ่นฐานของคนไทยที่ทำงานทางไกลซึ่งมองหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในต่างจังหวัด
ค่าเช่าถูกกว่าเมืองหลวง: โดยทั่วไปแล้วค่าเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ยังคงถูกกว่าในกรุงเทพมหานครอย่างเห็นได้ชัด ผู้เช่าสามารถหาอพาร์ทเมนต์หรือบ้านเช่าที่มีขนาดและคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายกว่าในเมืองหลวง ทำให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับทั้งคนไทยในพื้นที่และผู้ที่ย้ายมาจากจังหวัดอื่น นอกจากนี้การที่ค่าครองชีพโดยรวมของเชียงใหม่ต่ำกว่า ยังส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันในเชียงใหม่ประหยัดและคุ้มค่ากว่า
อุปทานที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขัน: ช่วงปี 2567–2568 มีโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ในเชียงใหม่ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ส่งผลให้มีหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอปล่อยเช่ามากขึ้น ผู้พัฒนาโครงการและเจ้าของอสังหาฯ บางรายที่ขายบ้านหรือคอนโดไม่หมดหันมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ ขณะเดียวกัน เจ้าของบ้านหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวก็เลือกปล่อยเช่าบ้านหรือห้องว่างของตน การเพิ่มขึ้นของอุปทานเหล่านี้สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้ผู้เช่า แต่ก็ทำให้ผู้ให้เช่าต้องแข่งขันด้านราคาและคุณภาพการบริการมากขึ้น
ความต้องการจากกลุ่มหลากหลาย: ตลาดเช่าในเชียงใหม่มีผู้เช่าหลักอยู่หลายกลุ่ม ได้แก่ คนไทยที่ทำงานประจำ, ครอบครัวคนไทย, นักศึกษาไทย, กลุ่มคนทำงานทางไกล (Digital Nomads) และ ชาวต่างชาติระยะยาว กลุ่มเหล่านี้มีความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมองหาเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน เช่น งานที่ต้องย้ายมาอยู่เชียงใหม่ คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า หรือค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เมื่อรวมกันแล้วก็ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเช่ามีดีมานด์ที่สม่ำเสมอและกระจายตัว
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของค่าเช่า: ผู้เช่าควรรับทราบว่าแนวโน้มค่าเช่าในเชียงใหม่อาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในปี 2568 เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อและความต้องการเช่าที่เพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ มีการคาดการณ์กันว่า ค่าเช่าเฉลี่ยในเชียงใหม่อาจปรับเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 4-6% ในช่วงปี 2568–2569 โดยเฉพาะในทำเลที่ได้รับความนิยมสูง แต่แม้จะปรับเพิ่มขึ้น ค่าเช่าในเชียงใหม่ก็ยังถือว่าไม่สูงจนเกินเอื้อมเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจท้องถิ่นยังคงทรงตัวและกำลังซื้อยังไม่ฟื้นเต็มที่ ผู้ให้เช่าหลายรายอาจเลือกตรึงราคาค่าเช่าไว้เพื่อดึงดูดผู้เช่า การต่อรองราคาเช่าในเชียงใหม่จึงยังพอเป็นไปได้ในหลายกรณี โดยเฉพาะหากผู้เช่ามีข้อมูลตลาดและใช้กลยุทธ์การเจรจาที่เหมาะสม
ทำเลยอดนิยมสำหรับการเช่าในเชียงใหม่
เชียงใหม่เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ที่มีหลากหลายพื้นที่ให้เลือกอยู่อาศัย แต่พื้นที่ที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับการเช่าที่อยู่อาศัยมักจะอยู่ในเขตตัวเมืองหรือชานเมืองที่มีความสะดวกในการเดินทาง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ดังนี้:
- ย่านนิมมานเหมินท์ (นิมมานฯ) – ทำเลยอดฮิตใจกลางเมืองสำหรับคนรุ่นใหม่ ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เต็มไปด้วยร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิง มีคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ให้เช่าจำนวนมาก ตอบโจทย์ทั้งพนักงานบริษัทวัยหนุ่มสาว นักศึกษา และชาวต่างชาติที่ชอบชีวิตในเมืองที่คึกคัก คอนโดในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่หรือมีอายุไม่มาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ค่าเช่าค่อนข้างสูงกว่าพื้นที่อื่นแต่แลกมากับทำเลที่เดินทางสะดวกและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย
- ย่านสันติธรรม – พื้นที่ใกล้นิมมานฯ และตัวเมืองเชียงใหม่ที่ขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพประหยัดกว่า ย่านนี้มีอพาร์ทเมนต์ ห้องเช่า และคอนโดมิเนียมขนาดกลางถึงเล็กจำนวนมาก เหมาะกับนักศึกษาและคนทำงานที่ต้องการอยู่ใกล้ตัวเมืองในงบประมาณจำกัด บรรยากาศเงียบสงบกว่าใจกลางนิมมานฯ และมีร้านอาหารท้องถิ่น ตลาด และร้านสะดวกซื้อมากมาย ห้องเช่าเก่าบางแห่งในสันติธรรมอาจไม่มีลิฟต์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรา แต่แลกกับค่าเช่าที่ถูกกว่าย่านอื่นอย่างชัดเจน
- โซนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สุเทพ) – บริเวณรอบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เช่น ย่านสุเทพ ช่างเคี่ยน และถนนรอบมหาวิทยาลัย เป็นทำเลที่นักศึกษาไทยและต่างชาติแสวงหาที่พักอาศัยกันมาก มีหอพัก อพาร์ทเมนต์ และคอนโดมิเนียมขนาดย่อมไว้รองรับความต้องการ ห้องเช่าในย่านนี้มักตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานเพื่อให้พร้อมอยู่สำหรับนักศึกษา ค่าเช่ามีตั้งแต่ราคาประหยัดหลักไม่กี่พันบาทต่อเดือนสำหรับหอพักหรืออพาร์ทเมนต์เล็กๆ ไปจนถึงระดับหมื่นต้นๆ สำหรับคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยที่ใหม่และสะดวกสบาย บริเวณนี้ยังรายล้อมด้วยร้านอาหารราคาย่อมเยา ร้านเครื่องเขียน คาเฟ่อ่านหนังสือ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ชีวิตนักศึกษา
- ย่านช้างคลานและคูเมือง (เมืองเก่า) – ย่านช้างคลานตั้งอยู่ใกล้ไนท์บาซาร์และใจกลางเมืองเก่าของเชียงใหม่ เป็นทำเลที่มีทั้งที่อยู่อาศัยและโรงแรมมากมาย เหมาะกับผู้ที่ชอบกลิ่นอายวัฒนธรรมและความสะดวกในการเดินเที่ยวในเมืองเก่า มีคอนโดมิเนียมให้เช่าหลายแห่งที่นี่ โดยเฉพาะคอนโดที่หันหน้าเข้าสู่แม่น้ำปิงหรือมีวิวเมืองสวยงาม ผู้เช่าที่สนใจพักในย่านนี้จะได้ใกล้ตลาดกลางคืน ร้านอาหารนานาชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น วัดวาอารามต่างๆ ค่าเช่าในโซนนี้มีตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงสูง ขึ้นอยู่กับความใหม่และความหรูของโครงการคอนโด
- ย่านหางดง – แม่เหียะ – พื้นที่เขตชานเมืองด้านทิศใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ แถบ อำเภอหางดง และ ตำบลแม่เหียะ เป็นโซนที่ได้รับความนิยมมากสำหรับครอบครัวและชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยระยะยาว ย่านนี้มีหมู่บ้านจัดสรรและบ้านเดี่ยวให้เช่าจำนวนมาก บรรยากาศสงบ เป็นส่วนตัว มีธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว และไม่แออัดเหมือนในเมือง เหมาะกับผู้ที่ต้องการบ้านหลังใหญ่ มีสนามหญ้าหรือสวนส่วนตัว เช่น ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หางดงยังมีสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง (ทั้งโรงเรียนไทยและโรงเรียนนานาชาติ) รวมถึงห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตรองรับชีวิตชานเมือง ส่วนแม่เหียะอยู่ใกล้สนามบินและห้างดังอย่าง Central Plaza เชียงใหม่แอร์พอร์ต การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 15–30 นาที ค่าเช่าบ้านในโซนนี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่บ้านชั้นเดียวราคาเอื้อมถึง ไปจนถึงบ้านหรูพร้อมสระว่ายน้ำค่าเช่าสูง
- ย่านสันกำแพง – สันทราย – ฝั่งทิศตะวันออกและทิศเหนือของเชียงใหม่ อย่าง อำเภอสันกำแพง และบางส่วนของ อำเภอสันทราย (เช่น บริเวณถนนวงแหวนรอบนอกใกล้ห้าง Central Festival) เป็นอีกทำเลที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการขยายตัวของเมือง พื้นที่เหล่านี้มีที่ดินกว้างขวาง ทำให้มีโครงการบ้านจัดสรรและทาวน์โฮมเปิดใหม่หลายโครงการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านเช่าในงบประมาณปานกลางและยอมเดินทางเข้าเมืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จุดเด่นของโซนสันกำแพงคือความสงบและราคาไม่แพง ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ (เช่น น้ำพุร้อนสันกำแพง) ส่วนย่านใกล้ Central Festival (ฟ้าฮ่าม-สันทราย) จะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะอยู่บนถนนซูเปอร์ไฮเวย์และใกล้ห้างใหญ่ เดินทางเข้าเมืองสะดวก
- บริเวณใกล้สนามบินเชียงใหม่ – โซนใกล้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ช่วงถนนมหิดล แยกสนามบิน และถนนเชียงใหม่-หางดง) เป็นทำเลที่นิยมสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางบ่อยหรือทำงานที่ต้องใช้สนามบินเป็นประจำ บริเวณนี้มีทั้งบ้านเช่าและคอนโดมิเนียมหลายแห่ง โดยจุดเด่นคือความสะดวกในการเดินทาง (ไปสนามบินเพียงไม่กี่นาที และเข้าสู่ใจกลางเมืองได้ใน 10-15 นาที) อีกทั้งยังใกล้ห้าง Central Plaza แอร์พอร์ต, ตลาดสด และร้านค้า ร้านอาหารมากมาย คอนโดหลายแห่งในย่านสนามบินเป็นคอนโดสร้างใหม่หรืออาคารชุดที่ปรับปรุงรีโนเวทใหม่เพื่อรองรับดีมานด์ของผู้เช่าที่ต้องการความสะดวกสบาย ค่าเช่าในโซนนี้อยู่ในระดับปานกลาง หากเป็นคอนโดวิวสนามบินหรือภูเขา อาจมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ในซอยใกล้สนามบินจะมีราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับย่านใจกลางเมือง
สรุปทำเลน่าสนใจ: โดยสรุปแล้ว ทำเลยอดนิยมของเชียงใหม่ สำหรับผู้เช่ามักแบ่งได้เป็นสองลักษณะใหญ่ คือ ย่านใจกลางเมืองและใกล้เมือง (เช่น นิมมานฯ, สันติธรรม, สุเทพ, ช้างคลาน) ที่เหมาะกับผู้ที่ชอบความสะดวกและชีวิตเมือง และ ย่านชานเมืองที่สงบเป็นส่วนตัว (เช่น หางดง, แม่เหียะ, สันกำแพง, สารภี) ที่เหมาะกับครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่โซนไหน ควรพิจารณาปัจจัยด้านการเดินทาง ความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบประกอบกัน เพื่อให้ได้ทำเลที่ตรงกับไลฟ์สไตล์มากที่สุด
ราคาเช่าที่อยู่อาศัยเชียงใหม่ ปี 2568 (ตามประเภทและทำเล)
ราคาค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ปี 2568 มีความแตกต่างกันไปตามประเภทของที่อยู่อาศัยและทำเลที่ตั้ง ผู้เช่าควรทำความเข้าใจ ช่วงราคาเฉลี่ย เพื่อวางแผนงบประมาณได้อย่างเหมาะสม ดังนี้:
- คอนโดมิเนียม: คอนโดเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับคนทำงานและนักศึกษาที่ต้องการความสะดวกในเมือง ค่าเช่าคอนโดในเชียงใหม่ขึ้นอยู่กับขนาดห้องและความใหม่ของโครงการ
- ห้องสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอนขนาดเล็ก (พื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม.): ค่าเช่าเฉลี่ยราว 10,000–15,000 บาท/เดือน สำหรับโครงการทั่วไป ในย่านใจกลางเช่นนิมมานฯ หรือใกล้มหาวิทยาลัย หากเป็นคอนโดใหม่ เฟอร์นิเจอร์ครบ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ค่าเช่าอาจสูงถึง 18,000–20,000 บาท/เดือน ได้ ขณะที่ห้องสตูดิโอในอาคารเก่าหรืออยู่นอกเมืองหน่อยอาจหาได้ในราคา 6,000–8,000 บาท/เดือน
- ห้องแบบ 1 ห้องนอนมาตรฐาน (พื้นที่ 40–50 ตร.ม.): ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,000–25,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับทำเลและความหรูของโครงการ ในย่านยอดนิยมใจกลางเมือง ห้องหนึ่งนอนอาจอยู่ที่ 18,000–20,000 บาท ในขณะที่โครงการนอกตัวเมืองเล็กน้อยหรือตึกที่สร้างมานานอาจอยู่ในช่วง 12,000–15,000 บาท
- ห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไป: เหมาะสำหรับครอบครัวเล็กหรือผู้เช่าที่แชร์กันหลายคน ห้องสองห้องนอนในคอนโดย่านกลางเมือง (ขนาด 60–80 ตร.ม.) ค่าเช่าประมาณ 25,000–35,000 บาท/เดือน ส่วนห้องสามห้องนอน (ขนาด 100 ตร.ม. ขึ้นไป) มีน้อยกว่าในตลาด แต่ก็มีให้เลือกในบางโครงการระดับไฮเอนด์ ค่าเช่าอาจอยู่ที่ 40,000–50,000 บาท/เดือน หรือมากกว่านั้นสำหรับคอนโดหรูวิวสวย อย่างไรก็ตาม หากผู้เช่าไม่ได้ต้องการอยู่ใจกลางนิมมานฯ ก็สามารถหา2-3 ห้องนอนในคอนโดชานเมืองหรือคอนโดมิเนียมอาคารไม่สูง ในราคา 20,000–30,000 บาท ได้เช่นกัน
- บ้านเดี่ยว: บ้านเดี่ยวเป็นที่ต้องการสำหรับครอบครัวใหญ่หรือผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมาก มีสนามหญ้าหรือสวนส่วนตัว ซึ่งเชียงใหม่มีตัวเลือกบ้านเช่าเยอะในโซนชานเมือง
- บ้านเดี่ยวขนาด 2–3 ห้องนอนทั่วไปในหมู่บ้านจัดสรรชานเมือง (เช่น หางดง สันทราย สารภี): ค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 15,000–25,000 บาท/เดือน บ้านเหล่านี้มักมีพื้นที่ใช้สอย 100–150 ตร.ม. พร้อมที่จอดรถ 1-2 คัน และเฟอร์นิเจอร์บางส่วน
- บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่หรือบ้านระดับค่อนข้างหรู (4 ห้องนอนขึ้นไป หรือมีสระว่ายน้ำส่วนตัว) ในทำเลดีหรือหมู่บ้านโครงการระดับบน: ค่าเช่าสามารถอยู่ในช่วง 30,000–60,000 บาท/เดือน หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นกับความใหม่ ความหรู และสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ บางหลังที่มีเอกลักษณ์พิเศษหรือพื้นที่กว้างขวางมากอาจแตะ 80,000–100,000 บาท ได้ แต่ตลาดกลุ่มนี้ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม (เช่น ผู้บริหารต่างชาติหรือครอบครัวต่างชาติ)
- บ้านเดี่ยวหลังเก่าหรือบ้านชั้นเดียวขนาดเล็กนอกเมือง: หากผู้เช่าไม่ติดหรูและยอมอยู่ไกลเมืองไปอีก บ้านตามชุมชนท้องถิ่นหรือบ้านชั้นเดียวในอำเภอรอบนอกบางแห่งสามารถหาเช่าได้ในราคา 7,000–12,000 บาท/เดือน เท่านั้น ซึ่งถูกมากเมื่อเทียบกับขนาดบ้าน แต่ผู้เช่าอาจต้องจัดหาของใช้เองและปรับปรุงบางส่วน เนื่องจากบ้านกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และสภาพอาจเก่าไปตามอายุ
- ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม: เป็นตัวเลือกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคอนโดและบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม 2 ชั้นในเชียงใหม่มักมี 2–3 ห้องนอน เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กหรือกลุ่มเพื่อนที่มาแชร์บ้านกัน
- ทาวน์เฮาส์ในตัวเมืองหรือโครงการใกล้เมือง: ค่าเช่าราว 10,000–18,000 บาท/เดือน ขึ้นกับความใหม่และทำเล หากอยู่ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก เช่น ใกล้โรงเรียน ใกล้ห้าง ค่าเช่าจะอยู่โซนบนของช่วงราคา
- ทาวน์โฮมโครงการใหม่ชานเมือง: ในโซนออกห่างตัวเมือง เช่น สันทราย สันกำแพง หางดง มีโครงการทาวน์โฮมเกิดใหม่หลายแห่ง ทาวน์เฮาส์ 2–3 ห้องนอนในโครงการเหล่านี้ค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 8,000–15,000 บาท/เดือน ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพราะได้พื้นที่มากกว่าคอนโดในราคาที่ใกล้เคียงกัน ส่วนใหญ่มีที่จอดรถส่วนตัว 1 คันและบางโครงการมีส่วนกลางให้ (เช่น สวนหย่อม สนามเด็กเล่น)
- ทาวน์เฮาส์ติดถนนใหญ่อาจดัดแปลงเป็นโฮมออฟฟิศ: หากผู้เช่าต้องการเช่าเพื่ออยู่อาศัยและทำธุรกิจขนาดย่อมไปพร้อมกัน ตึกแถวหรือทาวน์เฮาส์ในทำเลการค้า (เช่น ใกล้ตลาด หรือริมถนนใหญ่) ก็มีอยู่บ้าง ค่าเช่าจะขึ้นกับมูลค่าทางการค้า อาจอยู่ในช่วง 15,000–25,000 บาท/เดือน แต่ได้ประโยชน์เรื่องทำเลค้าขายด้วย
- อพาร์ทเมนต์/ห้องเช่า (ไม่ได้แยกเป็นกรรมสิทธิ์ห้องแบบคอนโด): ในเชียงใหม่ยังมีอพาร์ทเมนต์ที่เจ้าของคนเดียวปล่อยเช่าทั้งตึก หรือบ้านแบ่งห้องให้เช่า ซึ่งมักพบในย่านชุมชนและใกล้มหาวิทยาลัย ห้องเหล่านี้อาจไม่หรูหราและไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางมากนัก แต่มีราคาประหยัดมาก
- ห้องพักลักษณะหอพักนักศึกษา: ค่าเช่าอยู่ประมาณ 3,000–6,000 บาท/เดือน ตามขนาดและสภาพ หากเป็นห้องพัดลม ราคาจะถูกกว่าห้องแอร์ มีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานให้ เช่น เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ เหมาะกับนักศึกษาหรือคนทำงานที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
- ห้องเช่าในอพาร์ทเมนต์เอกชน: บางแห่งอาจมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นมาบ้าง เช่น ที่จอดรถ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ หรือระบบรักษาความปลอดภัย ค่าเช่าก็อาจสูงขึ้น อยู่ที่ 5,000–8,000 บาท/เดือน ซึ่งยังถือว่าถูกเมื่อเทียบกับคอนโด แต่ผู้เช่าอาจต้องยอมรับสภาพอาคารที่เก่ากว่าและไม่มีสระว่ายน้ำหรือฟิตเนสเหมือนคอนโดสมัยใหม่
หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นเป็นเพียงช่วงราคาเฉลี่ยในปี 2568 ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ณ ขณะนั้น ควรตรวจสอบราคาตลาดใกล้เคียงจากหลายๆ แหล่ง เช่น เว็บไซต์ประกาศเช่า หรือสอบถามเอเจนต์ท้องถิ่น เพื่อให้ได้ภาพที่อัปเดตที่สุด นอกจากนี้ การต่อรองราคาค่าเช่าในเชียงใหม่สามารถทำได้ในบางกรณี เช่น หากเช่าระยะยาวเกิน 1 ปี หรือจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหลายเดือน ผู้ให้เช่าบางรายอาจยอมลดค่าเช่าลงบ้าง สิ่งสำคัญคือผู้เช่าควรมีข้อมูลเปรียบเทียบราคาบ้าน/คอนโดในบริเวณเดียวกันก่อนจะตกลงเซ็นสัญญา เพื่อให้มั่นใจว่าได้ราคายุติธรรม
ประเภทอสังหาฯ ที่เหมาะกับผู้เช่าแต่ละกลุ่ม
กลุ่มผู้เช่าต่างๆ มักมีความต้องการและไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกประเภทที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับตนเอง จะช่วยให้พักอาศัยได้อย่างสบายใจและคุ้มค่ากับค่าเช่าที่จ่ายไป เรามาดูกันว่าผู้เช่าแต่ละประเภทควรมองหาที่อยู่อาศัยแบบใด:
พนักงานบริษัท
สำหรับพนักงานออฟฟิศหรือมนุษย์เงินเดือนที่ย้ายมาทำงานในเชียงใหม่ ที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมักขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ชีวิตและที่ตั้งที่ทำงานของคุณ:
- คอนโดมิเนียมใกล้ที่ทำงาน: หากที่ทำงานอยู่ในย่านตัวเมืองหรือย่านธุรกิจ (เช่น ย่านนิมมานเหมินท์หรือใจกลางเมืองใกล้คูเมือง) การเช่าคอนโดจะช่วยให้คุณเดินทางสะดวกและประหยัดเวลา คอนโดมักมีที่จอดรถปลอดภัยสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการอย่างฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำให้ผ่อนคลายหลังเลิกงาน อีกทั้งคอนโดใกล้ที่ทำงานจะรายล้อมด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และแหล่งจับจ่ายใช้สอย เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนทำงานรุ่นใหม่
- อพาร์ทเมนต์หรือบ้านทาวน์โฮมสำหรับแชร์กับเพื่อนร่วมงาน: บางกรณีที่พนักงานบริษัทมาเป็นกลุ่ม หรืออยากประหยัดค่าใช้จ่าย ลองพิจารณาเช่าบ้านทาวน์โฮม 2–3 ห้องนอนแล้วแชร์กัน อยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนสนิท วิธีนี้จะได้พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าอยู่คอนโดคนเดียว และหารค่าเช่ากันจะประหยัดกว่า นอกจากนี้ยังได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน มีห้องนั่งเล่นและครัวสำหรับทำอาหาร ช่วยลดค่าใช้จ่ายการกินอยู่นอกบ้านด้วย แต่ต้องแน่ใจว่าเพื่อนร่วมหุ้นเป็นคนที่เข้ากันได้ดีเรื่องการอยู่อาศัย
- บ้านเดี่ยวในโครงการชานเมือง: หากที่ทำงานของคุณอยู่นอกตัวเมืองหรือคุณยินดีขับรถไปทำงาน 20–30 นาที การเช่าบ้านเดี่ยวอาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า คุณจะได้ความเป็นส่วนตัวและพื้นที่มากขึ้น สามารถจอดรถได้หลายคัน เหมาะสำหรับพนักงานที่ย้ายมาพร้อมครอบครัวเล็กๆ หรือคู่สมรส โครงการหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งในเชียงใหม่มีระบบรักษาความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดี เช่น มีสวนส่วนกลาง ถนนในโครงการกว้างขวาง ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายหลังกลับจากการทำงานที่เคร่งเครียด
ครอบครัวไทย
สำหรับครอบครัวไทยที่มีสมาชิกหลายคน (เช่น พ่อแม่ลูก หรือครอบครัวขยายที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วย) การเช่าที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้งพื้นที่ใช้สอย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับทุกคน:
- บ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด: ตัวเลือกยอดนิยมของครอบครัว เนื่องจากมีพื้นที่กว้าง มีหลายห้องนอน รองรับสมาชิกได้ครบ ทั้งยังมีห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องครัวที่ใช้งานได้จริง เด็กๆ จะมีพื้นที่วิ่งเล่นในบ้านหรือสวนหลังบ้าน ส่วนผู้สูงอายุในบ้านก็สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบ หากเลือกบ้านชั้นเดียวหรือบ้านสองชั้นที่มีห้องนอนชั้นล่างเพื่อความสะดวก นอกจากนี้ บ้านเดี่ยวยังให้ความเป็นส่วนตัวและลดความกังวลเรื่องเสียงรบกวนเพื่อนบ้านเมื่อเทียบกับทาวน์เฮาส์
- ทาวน์โฮม 2 ชั้นขนาด 3 ห้องนอน: สำหรับครอบครัวขนาดกลางที่อาจมีงบประมาณจำกัดกว่าบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์หรือทาวน์โฮมสมัยใหม่ก็สามารถตอบโจทย์ได้ รูปแบบบ้านสองชั้น 3 ห้องนอน (พ่อแม่ห้องหนึ่ง ลูกๆ ห้องหนึ่งหรือสองห้อง) ก็เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย พื้นที่ชั้นล่างใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ดูทีวี ทานข้าว และยังพอมีพื้นที่เล็กๆ หน้าบ้านหลังบ้านให้ปลูกต้นไม้หรือจัดเก็บของ อีกทั้งทาวน์โฮมมักตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้ตลาดหรือชุมชน สะดวกในการซื้อของและพาลูกไปโรงเรียน
- บ้านใกล้โรงเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับครอบครัว: ไม่ว่าจะบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮม ครอบครัวที่มีเด็กวัยเรียนควรพิจารณาทำเลที่ใกล้โรงเรียนที่ลูกๆ เรียนหรือมีรถรับส่งผ่าน เพื่อลดภาระการเดินทางของเด็ก นอกจากนี้ การมีห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือสวนสาธารณะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตประจำวันของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในช่วงเย็นหรือสุดสัปดาห์ และใช้บริการร้านสะดวกซื้อหรือตลาดสดสำหรับซื้อของทำอาหารได้ง่าย
นักเรียน/นักศึกษา
กลุ่มนักเรียนมัธยมปลายที่มาเรียนพิเศษ หรือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มาเรียนต่อในเชียงใหม่ รวมถึงนิสิตนักศึกษาจากต่างจังหวัด ต้องการที่พักอาศัยที่ปลอดภัยและสะดวกสบายในงบที่ไม่สูงมาก โดยมีปัจจัยที่ควรคำนึงถึงดังนี้:
- หอพักนักศึกษา/อพาร์ทเมนต์ใกล้มหาวิทยาลัย: นักศึกษามักเลือกพักในหอพักหรืออพาร์ทเมนต์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปเรียน สามารถเดินหรือปั่นจักรยานไปได้ ช่วยประหยัดทั้งเวลาค่าเดินทาง ย่านรอบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สุเทพ ช่างเคี่ยน) จะมีหอพักจำนวนมาก ราคาตั้งแต่ระดับ 3,000-5,000 บาทที่เป็นห้องธรรมดา ไปจนถึง 7,000-10,000 บาทสำหรับห้องแอร์ตกแต่งใหม่ บางแห่งรวมอินเทอร์เน็ตและค่าน้ำในค่าเช่าแล้ว ซึ่งคุ้มค่าสำหรับนิสิตนักศึกษาที่ต้องการควบคุมงบประมาณ
- คอนโดมิเนียมสำหรับนักศึกษากลุ่มมีกำลังทรัพย์: นักศึกษาบางคนอาจได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครอง หรือมาเรียนระดับบัณฑิตศึกษาและต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น พวกเขาอาจเลือกเช่าคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยหรือตัวเมือง ค่าเช่าอาจอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ แต่แลกกับสิ่งแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ดีกว่า เช่น มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. และห้องที่ตกแต่งพร้อมอยู่ กรณีนี้อาจมีการแชร์ห้องกันระหว่างเพื่อนนักศึกษาสองคนเพื่อช่วยกันแบ่งค่าใช้จ่าย เช่น เช่าคอนโด 2 ห้องนอนแล้วแบ่งกันอยู่ ก็จะได้ความสะดวกสบายและประหยัดเงินต่อคนไปพร้อมกัน
- โฮมสเตย์หรือบ้านเช่าเป็นหลังสำหรับนักเรียนกลุ่มใหญ่: ในบางกรณี นักเรียนหรือนักศึกษาที่มาเป็นกลุ่ม เช่น นักเรียนที่มาเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมเป็นกลุ่มเล็กๆ พร้อมผู้ดูแล หรือกลุ่มนักศึกษาโครงการพิเศษ อาจเลือกเช่าบ้านเป็นหลังหรือทาวน์เฮาส์เพื่ออยู่ร่วมกัน การอยู่แบบโฮมสเตย์หรือบ้านเช่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน และสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ เช่น ทำอาหาร อ่านหนังสือเป็นกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ต้องจัดแบ่งหน้าที่รับผิดชอบการดูแลบ้านและความสะอาดกันให้ชัดเจน นอกจากนี้ควรเลือกบ้านที่เจ้าของยินยอมให้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาเช่า และไม่รบกวนเพื่อนบ้าน
คนทำงานทางไกล (Remote Workers/Digital Nomads)
กลุ่มคนทำงานยุคใหม่ที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) เลือกที่จะย้ายมาพักในเชียงใหม่เนื่องจากค่าครองชีพที่ถูกและคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในกลุ่มนี้มักมีไลฟ์สไตล์และความต้องการเฉพาะด้าน:
- คอนโดหรืออพาร์ทเมนต์ที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง: ปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับคนทำงานทางไกลคืออินเทอร์เน็ตต้องเสถียรและรวดเร็ว ที่พักควรอยู่ในพื้นที่ที่มีบริการอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ครอบคลุม คอนโดส่วนใหญ่ในตัวเมืองเชียงใหม่มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ผู้เช่าสมัครใช้ หรือบางแห่งมี Wi-Fi ส่วนกลาง (แต่ความเสถียรอาจไม่พอสำหรับงานจริงจัง ผู้เช่ามักติดตั้งเร้าเตอร์ส่วนตัว) หากเป็นไปได้ ก่อนตัดสินใจเช่าควรสอบถามผู้ให้เช่าถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่รองรับและความเร็วที่ติดตั้งได้ เพื่อให้มั่นใจว่างานของคุณจะไม่สะดุด
- ที่พักใกล้คาเฟ่หรือโคเวิร์คกิ้งสเปซ: Digital Nomads หลายคนชอบเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานด้วยการไปนั่งทำงานที่คาเฟ่เก๋ๆ หรือ Co-working Space ดังนั้นการเลือกที่พักที่สามารถเดินหรือนั่งรถไม่กี่นาทีก็ถึงคาเฟ่/โคเวิร์คกิ้งดีๆ จึงเป็นข้อได้เปรียบ ย่านนิมมานเหมินท์คือสวรรค์ของชาว Remote Workers เพราะเต็มไปด้วยร้านกาแฟที่มีปลั๊กไฟและ Wi-Fi รวมถึงพื้นที่ทำงานรวมหลายแห่ง นอกจากนี้ ย่านสันติธรรมและตัวเมืองก็มีสถานที่ลักษณะนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- ห้องพักที่สงบและมีมุมทำงาน: ในการทำงานที่บ้าน ความสงบเป็นสิ่งจำเป็น ห้องพักควรจะอยู่ในบริเวณที่ไม่มีเสียงรบกวนมาก เช่น ไม่ติดถนนใหญ่ที่มีเสียงจราจรทั้งวัน และผนังห้องควรกั้นเสียงได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ การมีโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่เหมาะสมกับสรีระก็สำคัญ คนทำงานทางไกลควรมองหาที่พักที่มีเฟอร์นิเจอร์พร้อม โดยเฉพาะโต๊ะ-เก้าอี้ที่ใช้งานเป็นพื้นที่ทำงานได้ทันที หากไม่มี อย่างน้อยห้องควรมีพื้นที่เพียงพอให้จัดวางโต๊ะทำงานของตัวเองได้
- ระยะเวลาสัญญาที่ยืดหยุ่น: Digital Nomads บางส่วนอาจไม่ได้วางแผนพำนักยาวนาน อาจอยู่เป็นเดือนหรือสองสามเดือนแล้วเดินทางต่อ ดังนั้นอาจมองหาที่พักที่รับสัญญาเช่าระยะสั้นแบบ รายเดือน หรือ 3-6 เดือน ได้โดยที่ค่าเช่าไม่สูงเกินไป แม้ว่าบ้าน/คอนโดส่วนใหญ่ในเชียงใหม่จะนิยมทำสัญญาระยะยาว 1 ปี แต่ในโซนที่นักท่องเที่ยวเยอะ เช่น นิมมานฯ หรือคูเมือง ก็มีเจ้าของที่ยินดีปล่อยเช่าระยะสั้นแบบเดือนต่อเดือน (ในรูปแบบ Serviced Apartment หรือรวมบิลต่างๆ ให้เสร็จ) ซึ่งอาจมีค่าเช่าแพงกว่าสัญญาระยะยาวบ้าง แต่แลกกับความยืดหยุ่นและเฟอร์นิเจอร์อุปกรณ์ที่ครบครัน พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียวเข้าอยู่ได้ทันที
เงื่อนไขและรายละเอียดสัญญาเช่าที่ควรรู้
ก่อนทำการเช่าที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจ เงื่อนไขในสัญญาเช่า และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันปัญหาและความเข้าใจผิดในภายหลัง โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่ผู้เช่าควรรู้และตรวจสอบ มีดังนี้:
- ระยะเวลาสัญญาเช่า: โดยมาตรฐานแล้วเจ้าของบ้าน/คอนโดในเชียงใหม่มักต้องการทำสัญญาเช่าระยะยาว ขั้นต่ำ 1 ปี สำหรับการเช่าระยะยาว (Long-term) เนื่องจากเป็นการประกันว่ามีผู้เช่าอยู่อย่างต่อเนื่อง เจ้าของจะไม่สูญรายได้ในช่วงนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจตกลงกันได้เป็น 6 เดือน โดยเฉพาะถ้าผู้เช่าแสดงความน่าเชื่อถือหรือจ่ายค่าเช่าล่วงหน้ามากกว่า 1 เดือน สำหรับการเช่าระยะสั้น (ต่ำกว่า 6 เดือน) มักพบในรูปแบบ รายเดือน ที่อาจมีอัตราค่าเช่าสูงขึ้นและเงื่อนไขยืดหยุ่นน้อยกว่า เช่น บางแห่งให้เช่ารายเดือนแต่ต้องเช่าอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้สัญญาเช่าไม่ควรระบุระยะเวลาเกิน 3 ปี หากไม่ได้จดทะเบียนต่อกรมที่ดิน เพราะตามกฎหมายไทย สัญญาเช่าที่อยู่อาศัยเกิน 3 ปีจะมีผลบังคับได้ไม่เกิน 3 ปีหากไม่จดทะเบียน
- เงินมัดจำและค่าเช่าล่วงหน้า: เป็นธรรมเนียมในตลาดเช่าไทยที่จะเรียกเก็บ เงินประกันความเสียหาย (เงินมัดจำ) และ ค่าเช่าเดือนแรกล่วงหน้า เมื่อทำสัญญา เงินประกันนี้ปกติอยู่ที่ จำนวน 2 เดือนของค่าเช่า และจะคืนให้ผู้เช่าเมื่อสิ้นสุดสัญญาหากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน หรือไม่มีค่าใช้จ่ายค้างชำระ (เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ) ส่วนค่าเช่าล่วงหน้าก็คือค่าเช่าของเดือนแรกที่ต้องจ่ายก่อนเข้าอยู่ รวมทั้งหมดผู้เช่าต้องเตรียมเงินประมาณ 3 เดือนของค่าเช่า ณ วันทำสัญญา (บางกรณีผู้ให้เช่าบางรายอาจเก็บมัดจำ 1 เดือนแทน 2 เดือน หากเป็นการเช่าระยะสั้น หรือเจ้าของอยู่ในข่ายธุรกิจเช่าที่กฎหมายควบคุม) ควรขอใบเสร็จหรือหลักฐานการรับเงินทุกครั้งที่ชำระ เพื่อป้องกันปัญหาในการเรียกคืนเงินประกันตอนย้ายออก
- เงื่อนไขการคืนเงินประกัน: โดยทั่วไปสัญญาจะระบุว่าเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลง ผู้ให้เช่าจะคืนเงินประกันภายในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 7-30 วัน) หลังผู้เช้าย้ายออก ทั้งนี้ผู้ให้เช่ามีสิทธิ์หักเงินประกันในกรณีที่ทรัพย์สินมีความเสียหายเกินกว่าการใช้งานตามปกติ หรือมีค่าใช้จ่ายที่ผู้เช่ายังค้าง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต การตรวจสภาพห้องก่อนออกและการเปรียบเทียบกับรายการทรัพย์สินที่ได้รับมอบตอนย้ายเข้าจึงเป็นขั้นตอนสำคัญ ผู้เช่าควรอยู่ร่วมในวันที่ตรวจรับคืนบ้าน/คอนโด เพื่อจะได้ทราบว่ามีรายการใดบ้างที่ถูกหักค่าซ่อม และตกลงกันอย่างโปร่งใส
- ค่าใช้จ่ายแฝงและค่าสาธารณูปโภค: ผู้เช่าควรสอบถามและระบุให้ชัดเจนในสัญญาว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใดบ้างที่รวมอยู่ในค่าเช่า และส่วนใดที่ต้องจ่ายต่างหาก โดยปกติแล้ว
- ค่าน้ำและค่าไฟ: มักไม่รวมในค่าเช่า ผู้เช้าต้องชำระตามการใช้งานจริงเป็นรายเดือน โดยอัตราค่าไฟฟ้าจะคิดตามมิเตอร์ (หน่วยงานรัฐกำหนด) หรือบางกรณีถ้าเป็นห้องเช่าในอพาร์ทเมนต์ อาจคิดในอัตราเหมาจ่ายที่เจ้าของกำหนด (ควรระวังกรณีนี้เพราะบางแห่งคิดค่าไฟแพงกว่าปกติ) ส่วนน้ำประปามักมีการเหมาจ่ายรายหัวหรือคิดตามมิเตอร์ในอัตราคงที่ เช่น หน่วยละ 30 บาท เป็นต้น
- ค่าอินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวี: ส่วนใหญ่ไม่รวมในค่าเช่า ผู้เช้าต้องติดตั้งบริการเองหรือจ่ายเพิ่มต่างหาก หากคุณต้องทำงานออนไลน์หรือดูทีวี เคเบิลต่างประเทศ ควรตรวจสอบว่าที่พักมีสายอินเทอร์เน็ตเข้าถึงหรือไม่ ความเร็วสูงสุดเท่าใด และหากต้องการติดตั้งจานดาวเทียมหรือกล่องเคเบิล เจ้าของยินยอมให้ติดหรือไม่
- ค่าส่วนกลาง (ในกรณีคอนโดหรือหมู่บ้าน): โดยทั่วไปเจ้าของห้อง/บ้านจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าส่วนกลางให้โครงการ แต่มีบางกรณีที่เจ้าของตกลงผลักภาระนี้ให้ผู้เช่าจ่าย (เช่น ค่า ส่วนกลางคอนโด รายเดือน ซึ่งครอบคลุมค่าดูแลส่วนกลาง ยามรักษาความปลอดภัย และสิ่งอำนวยความสะดวก) ผู้เช่าควรยืนยันเรื่องนี้ในสัญญาว่าใครเป็นผู้จ่าย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
- ค่าแม่บ้าน/ทำความสะอาด: ถ้าเช่าบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ หรืออยู่คอนโดแล้วเจ้าของจัดหาบริการแม่บ้านรายสัปดาห์ให้ ก็ควรถามให้ชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายนี้ใครออก บางที่รวมบริการทำความสะอาดไว้ให้ฟรีเดือนละครั้ง ในขณะที่ส่วนมากผู้เช่าต้องจัดการเอง
- ค่าที่จอดรถ: คอนโดบางแห่งหากผู้เช่ามีรถยนต์ อาจต้องลงทะเบียนขอสติ๊กเกอร์ที่จอดรถจากนิติบุคคล ซึ่งโดยปกติไม่มีค่าใช้จ่ายหรือมีค่ามัดจำป้ายเล็กน้อย แต่หากคุณมีรถหลายคัน คันที่เกินสิทธิอาจต้องเสียค่าที่จอดเพิ่มเติม หรือถ้าเป็นอพาร์ทเมนต์ ควรถามว่ามีที่จอดรถเพียงพอหรือไม่ และมีค่าบริการเพิ่มหรือไม่
- เงื่อนไขการต่อสัญญาและปรับค่าเช่า: ควรตรวจสอบว่าสัญญาระบุการต่ออายุอย่างไร เมื่อครบกำหนด 1 ปีแล้ว ผู้เช่ามีสิทธิ์ต่อสัญญาก่อนใครหรือไม่ และเจ้าของสามารถปรับขึ้นค่าเช่าได้หรือไม่ ในบางสัญญาอาจระบุไว้ว่าสามารถปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี (เช่น ไม่เกิน 5%) หรืออาจต้องเจรจากันใหม่ทั้งหมด เมื่อใกล้ครบสัญญา ควรสื่อสารกับเจ้าของล่วงหน้าหากตั้งใจจะต่อหรือไม่ต่อสัญญา ปกติแล้วการแจ้ง ล่วงหน้า 30-60 วัน ก่อนหมดสัญญาถือว่าเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลาเตรียมตัว
- ข้อกำหนดกรณีผิดนัดหรือยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด: สัญญาเช่าส่วนมากจะระบุถึงสถานการณ์ที่ผู้เช่าผิดนัด ไม่จ่ายค่าเช่าตามกำหนดและผลที่จะตามมา (เช่น หากค้างค่าเช่าเกิน 30 วัน เจ้าของมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาและขอให้ผู้เช่าออกภายใน X วัน) นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ผู้เช่าต้องการเลิกสัญญาก่อนกำหนดเอง (เช่น ต้องย้ายงานกะทันหันหรือมีเหตุจำเป็นอื่น) ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากไม่มีข้อระบุพิเศษ ผู้เช่าอาจต้องยอมให้ เงินประกัน 2 เดือนถูกริบ เพื่อชดเชยการผิดสัญญา หรือบางสัญญาอาจระบุให้แจ้งล่วงหน้า 30 วันและหาผู้เช่ารายใหม่มาทดแทนจึงจะคืนเงินประกันให้ ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาควรอ่านส่วนนี้อย่างละเอียด หากมีโอกาสที่คุณอาจต้องย้ายออกก่อนครบกำหนด ให้ต่อรองขอเพิ่มเงื่อนไขการบอกเลิกล่วงหน้าเข้ามา เช่น แจ้งล่วงหน้า 60 วันโดยไม่ริบมัดจำ (ทั้งนี้เจ้าของบางรายอาจไม่ยอม แต่การได้พูดคุยไว้ล่วงหน้าก็ดีกว่ามีปัญหาทีหลัง)
- รายการทรัพย์สินและสภาพห้อง: เมื่อเริ่มเช่า เจ้าของมักจะแนบ รายการทรัพย์สิน/เฟอร์นิเจอร์ ที่มีให้พร้อมกับสัญญา เช่น มีโซฟา 1 ตัว, โต๊ะทานข้าว+เก้าอี้ 4 ตัว, เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง เป็นต้น ผู้เช่าควรตรวจสอบรายการและสภาพสิ่งของพวกนี้อย่างรอบคอบ หากพบร่องรอยชำรุดอยู่ก่อนแล้ว (เช่น รอยขีดข่วนบนโต๊ะ เตียงหัก หรือผนังมีรอยเปื้อน) ควรถ่ายรูปเก็บไว้และแจ้งให้เจ้าของทราบตั้งแต่วันแรก เพื่อป้องกันการถูกเรียกร้องค่าซ่อมจากความเสียหายที่ตนไม่ได้ก่อ การทำบันทึก “สภาพห้องขณะรับมอบ” ร่วมกันระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่า จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสบายใจและเป็นธรรมเมื่อสิ้นสุดสัญญา
- การแก้ไขดัดแปลงพื้นที่: หากผู้เช่าต้องการปรับปรุงตกแต่งห้องเพิ่มเติม เช่น ติดวอลเปเปอร์ เจาะผนังแขวนทีวี หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริมบางอย่าง ควรขออนุญาตเจ้าของก่อนและระบุในสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร เจ้าของหลายรายยินดีให้ปรับปรุงได้เล็กน้อย หากผู้เช่าจะอยู่ยาวและการปรับปรุงนั้นไม่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย แต่บางรายก็เข้มงวดห้ามตอกตะปูหรือทาสีใหม่โดยเด็ดขาด ดังนั้นเพื่อความสบายใจ ควรเคลียร์เรื่องนี้ล่วงหน้า และตกลงกันว่าจะคืนสภาพเดิมเมื่อย้ายออกหรือไม่อย่างไร
บทสรุป: การทำสัญญาเช่าบ้าน/คอนโดในเชียงใหม่โดยหลักไม่ต่างจากที่อื่นในไทย สิ่งสำคัญคือ อ่านสัญญาให้รอบคอบทุกครั้ง ถ้ามีข้อสงสัยควรถามและทำความเข้าใจจนกระจ่าง อย่ารีบลงชื่อหากยังไม่แน่ใจในเงื่อนไขใดๆ และเพื่อความเป็นทางการ ควรทำสัญญา 2 ฉบับ (ผู้ให้เช่าเก็บ 1 ฉบับ ผู้เช่าเก็บ 1 ฉบับ) เซ็นกำกับทุกหน้าโดยทั้งสองฝ่าย รวมถึงพยาน (ถ้ามี) พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนของคู่สัญญาทั้งสอง แนวทางปฏิบัติง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้การเช่าเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยขึ้น
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรมองหาตามกลุ่มผู้เช่า
การเลือกที่อยู่อาศัยไม่ได้ขึ้นอยู่กับทำเลและราคาเท่านั้น แต่ยังควรพิจารณา สิ่งอำนวยความสะดวก (Amenities) ภายในที่พักและบริเวณโดยรอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าแต่ละคนด้วย ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรมีจะแตกต่างกันไปตามกลุ่มผู้เช่า ดังนี้:
- พนักงานบริษัท: ควรมองหาที่พักที่เดินทางสะดวกไปยังที่ทำงาน อาจอยู่ใกล้ถนนสายหลักหรือจุดขึ้นลงทางด่วน (ในกรณีทำงานนอกเมือง) หากไม่มีรถยนต์ ควรอยู่ใกล้ป้ายรถสองแถวหรือจุดรับส่งพนักงานของบริษัท สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการคอนโดที่น่าจะเป็นประโยชน์ เช่น ฟิตเนสและสระว่ายน้ำ สำหรับออกกำลังกายหลังเลิกงาน, ที่จอดรถ เพียงพอและปลอดภัยหากมีรถยนต์, Co-working Space หรือพื้นที่นั่งทำงานส่วนกลาง (คอนโดใหม่บางแห่งมี) เผื่อวันไหนอยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งทำงานที่พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึง ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง เพื่อความอุ่นใจในการอยู่อาศัย นอกจากนี้ หากเป็นพนักงานที่ต้องทำงานล่วงเวลาบ่อย การมีร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักเปิดดึกๆ ก็จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก
- ครอบครัวไทย: ควรให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเด็ก หมู่บ้านหรือคอนโดที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดี (มีรปภ. กล้องวงจรปิด ทางเข้าออกใช้คีย์การ์ด) จะทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจเรื่องความปลอดภัยของลูกๆ ถ้าเป็นหมู่บ้าน ควรมีถนนในโครงการที่ไม่พลุกพล่าน สามารถให้เด็กปั่นจักรยานหรือวิ่งเล่นได้ นอกจากนี้ สนามเด็กเล่นหรือสวนหย่อม เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครอบครัวชื่นชอบ เพราะเด็กๆ จะได้มีพื้นที่ออกมาสนุกนอกบ้าน ส่วนในตัวบ้านเอง จำนวนห้องนอนและห้องน้ำเพียงพอ เป็นเรื่องสำคัญ ครอบครัวที่มีลูกควรมีห้องนอนแยกให้เด็กเพื่อความเป็นระเบียบ และห้องน้ำ 2 ห้องขึ้นไปเพื่อลดความเร่งรีบตอนเช้า ในบริเวณใกล้เคียงที่พัก ควรมี ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดสด หรือร้านสะดวกซื้อ สำหรับซื้อของเข้าบ้านง่ายๆ รวมถึงใกล้ โรงพยาบาลหรือคลินิก เผื่อกรณีฉุกเฉินสำหรับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ
- นักเรียน/นักศึกษา: สิ่งอำนวยความสะดวกที่ควรคำนึงถึงคือเรื่อง การอ่านหนังสือและการใช้ชีวิตประจำวันที่ประหยัดและปลอดภัย ที่พักควรมีโต๊ะเขียนหนังสือและเก้าอี้ให้ หรือมีพื้นที่สำหรับจัดวางโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเอง มีแสงสว่างเพียงพอในตอนกลางคืน ภายในอาคารควรมี ห้องซักผ้าหรือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เพื่อความสะดวกไม่ต้องไปหาที่ซักข้างนอก และหากมี ห้องนั่งเล่นส่วนกลางหรือพื้นที่ส่วนกลาง (ในกรณีอพาร์ทเมนต์ใหญ่ๆ หรือหอพักนักศึกษาบางแห่ง) จะช่วยให้นักศึกษาได้พบปะแลกเปลี่ยนกับเพื่อนใหม่ ที่พักสำหรับนักศึกษาควรเน้นความปลอดภัยเป็นพิเศษ เช่น มีระบบคีย์การ์ดเข้าตึก มียามรักษาความปลอดภัย เพราะนักศึกษาหญิงหรือผู้ที่ไม่ชำนาญพื้นที่อาจตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้ง่าย บริเวณรอบที่พักควรมี ร้านอาหารราคาประหยัด และ ร้านถ่ายเอกสาร/เครื่องเขียน ใกล้ๆ เพื่อรองรับชีวิตนักศึกษา และถ้าใกล้กับ ห้องสมุดหรือศูนย์การเรียนรู้ (เช่น ใกล้มหาวิทยาลัยที่เข้าไปใช้ห้องสมุดได้) ก็จะยิ่งดี
- คนทำงานทางไกล (Remote Workers): ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สิ่งที่ต้องมีคือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ดังนั้นไม่เพียงแค่มีสายอินเทอร์เน็ตเข้าถึง แต่ควรตรวจสอบด้วยว่าตึกที่พักมีผู้ให้บริการหลายรายหรือไม่ (เพื่อทางเลือก) และความเร็วแพ็กเกจสูงสุดที่ติดตั้งได้คือเท่าไร นอกจากนี้ พื้นที่ทำงานในห้อง สำคัญมาก ควรจัดมุมสงบให้ตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์และเก้าอี้ทำงานสบายๆ ได้ ถ้าห้องมีระเบียงหรือวิวธรรมชาติ จะช่วยให้บรรยากาศการทำงานผ่อนคลายขึ้น คนทำงานที่อยู่บ้านนานๆ อาจให้ความสำคัญกับ สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องอบไอน้ำ ในโครงการ เพราะสามารถใช้ออกกำลังกายหรือผ่อนคลายระหว่างวัน ลดความเครียดจากงานได้ และอีกสิ่งที่ดีมากสำหรับ remote worker คือ ร้านกาแฟหรือคาเฟ่ใกล้ๆ ที่มี Wi-Fi ดี เพราะบางวันการได้ออกไปนั่งทำงานนอกสถานที่บ้างช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและแรงบันดาลใจในการทำงาน หากมีโคเวิร์คกิ้งสเปซอยู่ใกล้ที่พัก เดินไปไม่เกิน 5-10 นาที ก็ถือเป็นทำเลที่ยอดเยี่ยมทีเดียวสำหรับชาวฟรีแลนซ์หรือคนทำงานสายเทคโนโลยีที่มักพบปะสร้างคอนเน็คชั่นกัน
สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าในบริบทกฎหมายไทย
การเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมีกฎหมายและข้อกำหนดที่คุ้มครองสิทธิของผู้เช่ารวมถึงระบุหน้าที่ที่ผู้เช่าควรปฏิบัติอย่างชัดเจน เพื่อให้การเช่าเป็นไปด้วยความเป็นธรรมทั้งต่อผู้เช่าและผู้ให้เช่า ผู้เช่าควรทราบ สิทธิและหน้าที่พื้นฐาน ของตน ดังนี้:
สิทธิของผู้เช่า:
- สิทธิในการได้รับที่อยู่อาศัยที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ: ผู้ให้เช่าต้องส่งมอบที่พักอาศัยในสภาพที่พร้อมอยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ (ไฟฟ้า ประปา) ใช้งานได้ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้มาควรอยู่ในสภาพดี หากภายหลังพบว่ามีปัญหาที่ไม่ใช่ความผิดของผู้เช่า เช่น ท่อน้ำรั่วจากความเสื่อมสภาพ, เครื่องปรับอากาศใช้งานไม่ได้ตั้งแต่วันแรก ผู้เช่ามีสิทธิ์ร้องขอให้ผู้ให้เช้าซ่อมแซมแก้ไขโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- สิทธิในความเป็นส่วนตัว: เมื่อเช่าบ้านหรือคอนโด ผู้เช้ามีสิทธิ์อยู่อาศัยอย่างเป็นส่วนตัว ผู้ให้เช่า ไม่มีสิทธิ์เข้ามาในทรัพย์ที่เช่าโดยพลการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เว้นแต่มีการตกลงกันไว้ หรือมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ (เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วมภายในห้อง) กรณีทั่วไปหากเจ้าของต้องการเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สิน ควรมีการนัดหมายกับผู้เช่าล่วงหน้าตามสมควร (เช่น แจ้งก่อน 1-2 วัน) และเข้ามาในเวลาที่ผู้เช่าสะดวก ทั้งนี้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคสำหรับสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยยังระบุชัดเจนว่า ห้ามผู้ให้เช่ากำหนดสิทธิ์เข้าตรวจทรัพย์สินโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ในสัญญา และห้ามเข้ารบกวนการอยู่อาศัยตามปกติของผู้เช่า
- สิทธิในการได้รับเงินประกันคืน: หากผู้เช่าปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วน ไม่มีค่าใช้จ่ายค้าง และไม่มีความเสียหายเกินปกติต่อที่พัก ผู้เช้าย่อมมีสิทธิ์ได้รับเงินประกัน (เงินมัดจำ) คืนเต็มจำนวน เมื่อสิ้นสุดสัญญา การที่ผู้ให้เช่าจะหักเงินประกันได้ต้องเป็นกรณีที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกิดความเสียหายจากการกระทำของผู้เช่าหรือมีค่าใช้จ่ายที่ผู้เช่ายังไม่จ่าย เจ้าของไม่มีสิทธิ์ยึดเงินประกันไว้โดยไม่มีเหตุผล หรือใช้อ้างเป็นค่าปรับหากผู้เช้าย้ายออกเมื่อครบสัญญาตามปกติ (กฎหมายใหม่ยังระบุด้วยว่า ผู้ให้เช่าควรคืนเงินประกันทันทีเมื่อสัญญาสิ้นสุด หรือเร็วที่สุดภายในไม่กี่วัน ไม่ใช่เก็บไว้เกินสมควร)
- สิทธิในการบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดในบางกรณี: แม้ว่าสัญญาเช่าส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาคงที่ ผู้เช่าก็อาจมีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาก่อนหมดกำหนดได้ หากมีเงื่อนไขระบุไว้หรือได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า เช่น บางสัญญาระบุว่าผู้เช่าสามารถเลิกสัญญาได้โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 30 วัน และต้องไม่ค้างค่าเช่า ทั้งนี้ต้องมี “เหตุจำเป็น” ประกอบด้วย (เช่น ถูกย้ายงานต่างจังหวัด, เจ็บป่วยร้ายแรงต้องย้ายที่อยู่ เป็นต้น) ซึ่งเงื่อนไขนี้มักพบในสัญญาของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ภายใต้ประกาศคุ้มครองผู้เช่า แต่ในสัญญาทั่วไประหว่างบุคคลด้วยกัน มักไม่มีข้อนี้ ผู้เช่าจึงควรเจรจาเงื่อนไขนี้ไว้ตั้งแต่ต้นหากคิดว่าอาจมีโอกาสต้องย้ายก่อนกำหนด
- สิทธิได้รับสำเนาสัญญา: เมื่อเซ็นสัญญาเช่าเรียบร้อย ผู้เช่ามีสิทธิ์ได้รับเอกสารสัญญาที่ลงนามครบถ้วนแล้ว 1 ฉบับ เก็บไว้กับตัวเอง อย่าให้มีกรณีที่เซ็นสัญญาแล้วเจ้าของเก็บไว้ฝ่ายเดียว เพราะหากเกิดข้อพิพาท ผู้เช่าต้องมีหลักฐานสัญญาฉบับเดียวกันไว้ใช้อ้างอิงเสมอ
หน้าที่ของผู้เช่า:
- หน้าที่ชำระค่าเช่าตรงเวลา: นี่คือหน้าที่พื้นฐานที่สุด ผู้เช่าควรจ่ายค่าเช่า ตามจำนวนและภายในกำหนดเวลาที่ระบุในสัญญา (เช่น ทุกวันที่ 1 ของเดือน มีระยะเวลาผ่อนผันไม่เกินวันที่ 5) หากรู้ตัวว่าอาจจ่ายล่าช้า ควรแจ้งให้ผู้ให้เช่าทราบล่วงหน้าและขอผ่อนผันตามสมควร การค้างค่าเช่าโดยไม่บอกกล่าวอาจทำให้ผู้ให้เช่าใช้สิทธิตามกฎหมายแจ้งบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่ได้ ซึ่งจะเสียประวัติและอาจทำให้หาที่เช่าใหม่ยากในอนาคต (เพราะเจ้าของบ้านบางรายจะตรวจสอบประวัติผู้เช่าก่อนรับเช่า)
- หน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ที่เช่าเสมือนบ้านของตน: ผู้เช่าควรดูแลรักษาที่อยู่อาศัย เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับมอบให้อยู่ในสภาพดีตามสมควร ใช้งานด้วยความระมัดระวัง อย่าทำความเสียหายโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อร้ายแรง (เช่น ห้ามทุบรื้อ ดัดแปลงโครงสร้าง, ห้ามเลี้ยงสัตว์หากสัญญาห้ามไว้เพราะอาจสร้างความเสียหาย, ไม่ปล่อยให้บ้านสกปรกมีปลวกขึ้นเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น) ความเสียหายจากการใช้งานตามปกติหรือเหตุสุดวิสัย (เช่น เฟอร์นิเจอร์ซีดจางตามอายุการใช้งาน, ความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่) ตามกฎหมายผู้เช่าไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หากเป็นความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดวิธีหรือประมาท (เช่น ทำพื้นเป็นรอยไหม้จากเตารีด, ทำอ่างล้างจานร้าวจากการวางของหนัก) ผู้เช่าต้องรับผิดชอบซ่อมแซมหรือชดใช้
- หน้าที่ปฏิบัติตามกฎของสถานที่และชุมชน: หากเช่าอพาร์ทเมนต์หรือคอนโด ผู้เช้าต้องปฏิบัติตาม กฎระเบียบนิติบุคคล ของอาคาร เช่น ไม่ส่งเสียงดังรบกวนหลังเวลา 22:00 น., ไม่เลี้ยงสัตว์ (ในกรณีคอนโดส่วนใหญ่ห้ามสัตว์เลี้ยง), ใช้พื้นที่ส่วนกลางตามเวลาที่กำหนด เป็นต้น ในกรณีเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรก็มักจะมีกฎชุมชน เช่น ห้ามจอดรถขวางถนน, ห้ามส่งเสียงดังจัดงานปาร์ตี้ดึกๆ ซึ่งผู้เช่าควรเคารพกติกาดังกล่าวเสมือนตนเป็นเจ้าของบ้านเอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้านและนิติบุคคล
- หน้าที่รับผิดชอบค่าซ่อมบำรุงเล็กน้อย: โดยธรรมเนียมการเช่า มักแบ่งความรับผิดชอบค่าซ่อมของเสียชำรุดตามสาเหตุและข้อตกลง หากสิ่งใดเสียเพราะความเก่าเจ้าของมักรับผิดชอบ แต่บางสัญญาอาจระบุว่าผู้เช่ารับผิดชอบ ค่าซ่อมแซมเล็กน้อย ที่มีมูลค่าไม่เกิน X บาท เช่น เปลี่ยนหลอดไฟ ท่ออุดตันเล็กๆ น้อยๆ ฯลฯ ดังนั้นผู้เช่าควรศึกษาว่าอะไรบ้างที่ตนต้องซ่อมเองและอะไรที่แจ้งเจ้าของให้มาดำเนินการ อย่าลืมว่าหากมีสิ่งเสียหาย ควรรีบแจ้งเจ้าของหรือฝ่ายอาคารทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามและกลายเป็นความเสียหายใหญ่
- หน้าที่ไม่ใช้ทรัพย์เช่าไปในทางผิดกฎหมาย: ผู้เช่าต้องใช้ที่พักอาศัยตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ คือเพื่อการอยู่อาศัยปกติเท่านั้น ห้ามใช้สถานที่ในการประกอบธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เช่น เปิดเป็นบ่อนการพนัน แหล่งมั่วสุม หรือเก็บสิ่งของผิดกฎหมายในบ้าน หากฝ่าฝืนไม่เพียงผิดกฎหมายร้ายแรง แต่เจ้าของยังสามารถยกเลิกสัญญาทันทีโดยไม่คืนเงินประกัน และผู้เช่าอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย
- หน้าที่คืนทรัพย์เช่าเมื่อสัญญาสิ้นสุด: เมื่อครบกำหนดสัญญาหรือยกเลิกสัญญา ผู้เช่าควรส่งมอบคืนที่อยู่อาศัยให้แก่เจ้าของในสภาพใกล้เคียงกับตอนรับมอบมากที่สุด (ยกเว้นสึกหรอตามการใช้งานปกติ) ควรทำความสะอาด เก็บข้าวของส่วนตัวออกให้หมด และซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากการใช้งานของตนเอง เช่น อุดรูตะปูที่เคยเจาะผนัง ทาสีแต้มบริเวณที่มีรอยขูดเล็กน้อย เป็นต้น เพื่อให้ผู้ให้เช่าตรวจรับและคืนเงินประกันโดยไม่มีปัญหา
หมายเหตุด้านกฎหมาย: ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นมา ในประเทศไทยมี ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับสัญญาเช่าที่อยู่อาศัย ซึ่งมีผลบังคับใช้กับผู้ให้เช่าที่เป็น “ธุรกิจ” กล่าวคือ ผู้ให้เช่าที่ปล่อยที่พักอาศัยตั้งแต่ 5 หน่วยขึ้นไป เช่น เจ้าของอพาร์ทเมนต์ ห้องเช่า หรือเจ้าของคอนโดหลายยูนิตที่ปล่อยเช่า ถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องทำตามกฎนี้ ประกาศดังกล่าวมีใจความเพื่อคุ้มครองผู้เช่ามากขึ้น อาทิ
- สัญญาเช่าต้องเป็นภาษาไทย ตัวอักษรอ่านง่าย และมีรายละเอียดผู้ให้เช่า-ผู้เช่า ค่าเช่า เงินประกัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ชัดเจน
- ห้ามผู้ให้เช่าเก็บ ค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน และ เงินประกันเกิน 1 เดือน (รวมจ่ายวันทำสัญญาไม่เกิน 2 เดือนของค่าเช่า)
- ผู้ให้เช่าต้อง คืนเงินประกันทันทีเมื่อสิ้นสุดสัญญา (หรือภายในไม่กี่วันหลังส่งมอบห้องคืน)
- ผู้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดได้โดยแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
- ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิ์ระงับน้ำไฟฟ้าหรือเข้าไปยึดทรัพย์สินของผู้เช่า หากผู้เช่าค้างค่าเช่าหรือผิดสัญญา ต้องดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น
- ห้ามผู้ให้เช่ากำหนดค่าปรับหรือเงื่อนไขอื่นใดที่ไม่เป็นธรรม เช่น ปรับรายวันในอัตราสูงเกินสมควรเมื่อผู้เช่าจ่ายช้า, กำหนดให้ผู้เช่าต้องรับผิดในความเสียหายทุกกรณี แม้เกิดจากการใช้งานตามปกติ
หากผู้ให้เช่าฝ่าฝืนประกาศฉบับนี้ ผู้เช่าสามารถร้องเรียนไปที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สายด่วน 1166 เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดตามกฎหมาย (มีโทษทั้งปรับและจำคุกสำหรับผู้ให้เช่าที่ไม่ปฏิบัติตาม) อย่างไรก็ตาม ประกาศนี้ใช้กับ “ผู้ประกอบธุรกิจ” เท่านั้น ถ้าเป็นการเช่าทั่วไปกับเจ้าของบ้านหรือคอนโดรายย่อย (มีทรัพย์ให้เช่าน้อยกว่า 5 แห่ง) จะไม่ถูกบังคับตามเงื่อนไขเข้มงวดเหล่านี้ แต่ถึงอย่างไร แนวทางดังกล่าวก็กลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เป็นธรรม ซึ่งผู้ให้เช่าหลายรายก็เริ่มนำมาปฏิบัติตามโดยสมัครใจ ผู้เช่าจึงควรทราบสิทธิของตนไว้ และเลือกเช่ากับผู้ให้เช่าที่มีความเป็นธรรม
ข้อควรระวังในการเช่าอสังหาฯ ในเชียงใหม่
แม้ว่าการเช่าบ้านหรือคอนโดจะเป็นเรื่องปกติและมีระบบระเบียบรองรับ แต่ผู้เช่าก็ควรใช้ความรอบคอบและระมัดระวังในหลายๆ ด้าน เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือประสบปัญหาระหว่างการเช่า ดังนี้:
- ตรวจสอบตัวตนและความน่าเชื่อถือของผู้ให้เช่า: ก่อนโอนเงินหรือทำสัญญา ควรยืนยันว่าผู้ที่เราติดต่อคือเจ้าของทรัพย์จริงหรือเป็นตัวแทนที่ได้รับมอบหมายถูกต้อง ในกรณีที่เป็นนายหน้าหรือตัวแทน ควรมีหนังสือมอบอำนาจจากเจ้าของตัวจริง หากเป็นไปได้ควรขอดู สำเนาโฉนดที่ดินหรือกรรมสิทธิ์คอนโด ที่ระบุชื่อเจ้าของและที่ตั้งทรัพย์ เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของเดียวกับชื่อในสัญญาหรือไม่ ระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างนำบ้านคนอื่นมาปล่อยเช่า (กรณีนี้แม้พบไม่บ่อยแต่ก็เคยมีเกิดขึ้น) การได้พบปะพูดคุยกับเจ้าของตัวจริงก่อนตกลงจะช่วยสร้างความมั่นใจมากขึ้น
- อย่าโอนเงินมัดจำก่อนเห็นที่พักจริง: ควรนัดหมายเข้าชมสถานที่จริงก่อนจะตกลงเช่าเสมอ เพื่อยืนยันว่าที่พักมีอยู่จริง ตรงกับรูปถ่ายและคำโฆษณาในประกาศหรือไม่ กรณีที่อยู่ไกลไม่สะดวกไปดูเอง ควรหาคนรู้จักที่อยู่ในพื้นที่ไปช่วยดู หรืออย่างน้อยขอวิดีโอคอลพาชมห้องแบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันประกาศปลอมที่หลอกเอาเงินมัดจำจากผู้เช่าที่ใจร้อน
- ทำสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรทุกครั้ง: การเช่าด้วย “สัญญาใจ” หรือข้อตกลงปากเปล่าเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง แม้จะเช่าระยะสั้นก็ตาม สัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษรที่ลงรายละเอียดชัดเจนคือหลักฐานคุ้มครองสิทธิของทั้งสองฝ่าย หากผู้ให้เช่าไม่มีสัญญามาให้ ผู้เช่าก็ควรเตรียมร่างสัญญาฉบับง่ายๆ ไปให้ลงนาม หรืออย่างน้อยทำบันทึกข้อตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร และให้ทั้งสองฝ่ายลงชื่อกำกับ
- อ่านสัญญาทุกบรรทัดและสอบถามหากไม่เข้าใจ: บ่อยครั้งที่ปัญหาเกิดเพราะผู้เช่าไม่อ่านสัญญาแล้วลงชื่อทันทีตามความไว้ใจ การทำเช่นนั้นอาจทำให้พลาดเห็นเงื่อนไขบางอย่างที่ผู้ให้เช่าใส่มา เช่น ค่าปรับกรณีจ่ายล่าช้า, เงื่อนไขริบมัดจำหากเลิกสัญญาก่อนเวลา, ข้อห้ามในการใช้พื้นที่ ฯลฯ หากมีภาษาไหนไม่เข้าใจ ควรถามเพื่อให้เจ้าของอธิบายจนเข้าใจตรงกัน หรือหากรู้สึกว่าเงื่อนไขใดไม่เป็นธรรม สามารถเจรจาขอแก้ไขก่อนเซ็นได้ (เช่น ขอขยายเวลาผ่อนผันจ่ายค่าเช่าเป็น 7 วันจากเดิม 3 วัน เป็นต้น) เมื่อทุกอย่างตกลงกันดีแล้วจึงค่อยลงนาม
- สำรวจความเรียบร้อยของบ้าน/ห้องอย่างละเอียดวันรับมอบ: ใช้เวลาตรวจเช็กทุกจุดในที่พัก เช่น ระบบไฟฟ้า เปิดสวิตช์ไฟทุกดวงว่าติดครบ, ระบบประปา ลองเปิดน้ำทุกก๊อก เช็กน้ำร้อนน้ำเย็นถ้ามีเครื่องทำน้ำอุ่น, เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ลองทดสอบการทำงาน, ประตูหน้าต่างทุกบานลองเปิดปิด, ผนังและฝ้าเพดานดูว่ามีคราบรั่วซึมหรือไม่ หากเจอปัญหาแจ้งเจ้าของให้แก้ไขทันทีหรือบันทึกลงในเอกสารแนบท้ายสัญญาว่า “ทราบและยอมรับในสภาพเช่นนั้น” เพื่อป้องกันถูกกล่าวหาภายหลัง นอกจากนี้ สำรวจดู มิเตอร์น้ำ-มิเตอร์ไฟ และบันทึกเลขมิเตอร์วันเริ่มเช่าไว้ เปรียบเทียบกับบิลที่ออกในเดือนแรกว่ามีการคิดค่าใช้จ่ายตรงกันหรือไม่
- ระวังสัญญาเช่าที่มีข้อกำหนดแปลกๆ: หากในสัญญามีเงื่อนไขที่ไม่คุ้นหรือดูไม่เป็นธรรม เช่น ให้ผู้เช่ารับผิดชอบทุกความเสียหายไม่ว่ากรณีใด, ให้ผู้ให้เช่าสามารถยกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า, หรือปรับเงินรายวันที่อัตราสูงหากจ่ายช้า ฯลฯ ควรเจรจาให้แก้ไข เพราะเงื่อนไขเหล่านี้ขัดกับหลักความเป็นธรรมและบางข้อตรึงขัดต่อประกาศคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญาเช่าด้วย ผู้เช่ามีสิทธิ์ต่อรองหรือตั้งคำถามกับข้อกำหนดเหล่านี้ ถ้าเจ้าของไม่ยอมปรับและคุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะรับเงื่อนไข ก็ควรพิจารณาหาที่เช่าอื่นแทน
- ดูแลรักษาที่พักเสมือนเป็นเจ้าของเอง: ข้อควรระวังนี้เป็นทั้งหน้าที่และกลยุทธ์ในการรักษาสิทธิ์ของคุณเอง การดูแลบ้าน/ห้องเช่าให้สะอาดและอยู่ในสภาพดี ไม่เพียงทำให้คุณอยู่สบายระหว่างเช่า แต่ยังช่วยให้เมื่อย้ายออกจะไม่มีปัญหาเรียกเงินประกันคืน อย่างเช่น หากอยู่เป็นเวลานานควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศทุก 6 เดือน (บางทีผู้ให้เช่าจะจัดการส่วนนี้ แต่ถ้าไม่มีก็ควรทำเองเพื่อสุขภาพและป้องกันเครื่องเสีย), หมั่นระบายอากาศลดความชื้นป้องกันเชื้อรา, ไม่ทิ้งขยะหรือเศษอาหารจนเกิดแมลงหรือหนู เพราะหากปล่อยห้องให้ทรุดโทรม ผู้ให้เช่าอาจอ้างเก็บค่าทำความสะอาดหรือค่ากำจัดแมลงตอนย้ายออกได้
- รักษาสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ให้เช่าและเพื่อนบ้าน: แม้จะเป็นเรื่องนอกเหนือสัญญา แต่การมีความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้การอยู่อาศัยราบรื่น หากผู้ให้เช่าเป็นคนในพื้นที่ การเคารพกฎระเบียบและรายงานปัญหาอย่างสุภาพแต่ทันการ จะทำให้เขาเต็มใจช่วยเหลือหากคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม ในทำนองเดียวกัน การทำความรู้จักเพื่อนบ้าน (โดยเฉพาะกรณีเช่าบ้านหรือทาวน์โฮม) จะช่วยในเรื่องความปลอดภัยและความช่วยเหลือยามฉุกเฉิน เช่น ฝากให้ช่วยสอดส่องบ้านเมื่อเราไม่อยู่ หรือขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ได้โดยไม่ลำบากใจ
- ระวังเรื่องการเช่าระยะสั้นในคอนโด: หากคุณวางแผนจะเช่าคอนโดแล้วนำไปปล่อยเช่าช่วงต่อ (Sublet) หรือทำเป็น Airbnb ควรทราบว่า การปล่อยเช่ารายวันในคอนโดมิเนียมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติโรงแรม และนิติบุคคลคอนโดส่วนใหญ่ก็มีกฎห้ามเรื่องนี้โดยเด็ดขาด ดังนั้นอย่ารับผู้เข้าพักรายวันหรือรายสัปดาห์โดยพลการ เพราะหากถูกจับได้ คุณและเจ้าของห้องอาจมีความผิด นอกจากนี้ ถ้าคุณเป็นผู้เช่าที่จะเช่าคอนโดแบบรายเดือนเอง ก็ควรระวังเช่าจากเจ้าของที่แอบปล่อยผิดกฎหมาย (เช่น ปล่อยเช่าคอนโดรายเดือนในแพลตฟอร์มท่องเที่ยว) เพราะหากนิติบุคคลพบปัญหา คุณอาจถูกบังคับให้ออกจากที่พักกะทันหัน
แนวโน้มค่าเช่าและภาวะตลาดเชียงใหม่ในปี 2568
ปี 2568 นับว่าเป็นปีที่น่าสนใจสำหรับตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ เพราะมีปัจจัยบวกและลบผสมผสานกันที่อาจส่งผลต่อระดับค่าเช่าและความต้องการของตลาด ดังนี้:
- เศรษฐกิจท้องถิ่นและกำลังซื้อ: เศรษฐกิจเชียงใหม่และภาคเหนือโดยรวมในช่วงต้นปี 2568 มีลักษณะ ทรงตัว ไม่ได้ขยายตัวหวือหวามากนัก เหตุจากปัญหาหนี้ครัวเรือนของประชาชนที่ยังอยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อบ้าน อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวและบริการของเชียงใหม่เริ่มกลับมาคึกคักหลังจากเปิดประเทศเต็มที่ นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา โดยเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี 2567 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2568 ที่จำนวนเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ทำให้บางครอบครัวมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งอาจแปลว่าคนกลุ่มที่เคยพักบ้านญาติหรืออยู่บ้านตัวเอง อาจหันมาเช่าที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน/ธุรกิจของตนเพื่อความสะดวกมากขึ้น
- อุปสงค์จากชาวต่างชาติ: หนึ่งในปัจจัยบวกสำคัญของตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่คือ ความต้องการจากชาวต่างชาติ ที่เพิ่มขึ้น ชาวต่างชาติในที่นี้รวมถึงกลุ่มผู้เกษียณอายุที่มาใช้ชีวิตในเชียงใหม่, กลุ่มผู้ทำงานดิจิทัล (digital nomads) ที่เข้ามาพำนักระยะกลาง-ยาว, และนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่า (เช่น นักลงทุนจีน สิงคโปร์ ที่เห็นศักยภาพของเชียงใหม่) กลุ่มเหล่านี้ช่วยพยุงตลาดให้มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับกลาง-บน เช่น คอนโดมิเนียมหรูในตัวเมือง หรือบ้านเดี่ยวคุณภาพดีในย่านชานเมืองที่เงียบสงบ เมื่อมีดีมานด์จากกลุ่มนี้ ค่าเช่าในเซ็กเมนต์บนของตลาดจึงมีแนวโน้มขยับสูงขึ้นเล็กน้อย อาทิ คอนโดวิวสวยใจกลางเมืองที่เคยปล่อยเช่า 25,000 บาท อาจปรับเป็น 28,000–30,000 บาท หากมีชาวต่างชาติต่อคิวเช่า
- การแข่งขันในตลาดเช่า: ด้านอุปทาน (จำนวนที่อยู่อาศัยให้เช่า) ของเชียงใหม่ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ทั้งจากโครงการใหม่ที่สร้างเสร็จและเจ้าของทรัพย์เดิมที่นำออกมาปล่อยเช่ามากขึ้นด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ความหลากหลายของที่พักให้เช่าทำให้ผู้เช่ามีทางเลือกมาก ผู้ให้เช่าจึงต้องรักษาระดับค่าเช้าให้สมเหตุสมผลและปรับปรุงคุณภาพบริการเพื่อดึงดูดผู้เช่า เช่น ยอมปรับปรุงห้องใหม่ ทาสีใหม่ เฟอร์นิเจอร์ใหม่ เพื่อให้ปล่อยเช่าได้ไวขึ้น หรือบางรายยอมปรับลดค่าเช่าลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ห้องว่างนาน ในภาพรวมจึงเกิดสภาวะ ผู้เช่ามีอำนาจต่อรองมากขึ้น กว่าช่วงหลายปีก่อน ผู้เช่าที่มองหาที่อยู่ใหม่สามารถเปรียบเทียบราคาและคุณภาพของที่พักหลายๆ แห่งแล้วค่อยตัดสินใจ ทำให้ค่าเช่าไม่พุ่งสูงเกินไปในตลาดทั่วไป มีเพียงอสังหาฯ เฉพาะกลุ่มที่มีจุดขายพิเศษจริงๆ เท่านั้นที่สามารถตั้งราคาเช่าไว้สูงและยังมีคนเช่า
- อัตราค่าเช่าเติบโตในระดับปานกลาง: จากการวิเคราะห์แนวโน้มหลายฝ่ายคาดว่า ค่าเช่าในเชียงใหม่จะปรับเพิ่มขึ้นในอัตราปานกลางราว 3-5% ต่อปี ในช่วงปี 2568–2570 ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตตามปกติ (Normal Growth) ไม่เกิดภาวะฟองสบู่ค่าเช่า ความน่าจะเป็นที่จะเห็นค่าเช่าทรงตัวหรือแม้กระทั่งลดลงเล็กน้อยในบางพื้นที่ก็มี เช่น หากย่านไหนมีห้องเช่าล้นตลาดแต่ผู้เช่ากำลังซื้อลดลง (เช่น บางส่วนของชานเมืองไกลๆ) เจ้าของอาจยอมลดค่าเช่าหรือจัดโปรโมชั่น (เช่น ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี, ลดค่าเช่าเดือนแรก 50%) เพื่อจูงใจผู้เช่า ส่วนย่านฮิตอย่างนิมมานฯ คูเมือง ที่ความต้องการยังสูง ค่าเช่าคงขยับขึ้นเล็กน้อยทุกปี แต่ก็คงไม่สูงจนเกินเอื้อม
- ปัจจัยเสี่ยงและอื่นๆ: นอกจากเรื่องเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจกระทบตลาดเช่า เช่น ปัญหาหมอกควันและมลพิษอากาศในเชียงใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงฤดูแล้งทุกปี หากปีไหนสถานการณ์รุนแรงมาก ผู้เช่าบางส่วนโดยเฉพาะชาวต่างชาติอาจเลือกย้ายไปอยู่จังหวัดอื่นชั่วคราว (ส่งผลให้ช่วงหน้าร้อน-ต้นฝน อัตราเช่าอาจลดลงเล็กน้อย) นอกจากนี้ นโยบายภาครัฐ เช่น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว, การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ (เช่น โครงการรถไฟฟ้ารางเบาในเชียงใหม่ที่มีแผนระยะยาว) หากเกิดขึ้นจริงก็จะมีผลทางอ้อมเพิ่มความน่าสนใจให้ตลาดที่อยู่อาศัยเชียงใหม่ และดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้เช่าระยะยาวเข้ามา
บทสรุปแนวโน้ม: ตลาดเช่าอสังหาฯ เชียงใหม่ปี 2568 อยู่ในภาวะสมดุลค่อนข้างดี ค่าเช่าโดยเฉลี่ยยังถือว่า “คุ้มค่า” เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตที่ได้รับ แนวโน้มระยะใกล้ยังเป็นการปรับเพิ่มทีละเล็กละน้อย ไม่ได้พุ่งสูงจนตามไม่ทัน ผู้เช่าที่วางแผนจะย้ายมาเชียงใหม่จึงยังมีโอกาสหาที่พักดีๆ ในงบประมาณที่จัดการได้ ส่วนผู้ที่เช่าอยู่เดิม หากดูแลประวัติการเช่าดี จ่ายตรงเวลา และรักษาที่อยู่ในสภาพดี มีโอกาสสูงที่ผู้ให้เช่าจะไม่ขึ้นค่าเช่าหรือขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อท่านต่อสัญญา เพราะเจ้าของก็มักอยากรักษาผู้เช่าที่ดีเอาไว้เช่นกัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการเช่าอสังหาฯ ในเชียงใหม่
ถาม: โดยทั่วไปสัญญาเช่าในเชียงใหม่กำหนดระยะเวลาเช่านานเท่าใด?
ตอบ: ส่วนใหญ่สัญญาเช่าที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่จะกำหนดระยะเวลา 1 ปี เป็นมาตรฐาน เจ้าของบ้าน/คอนโดจำนวนมากนิยมสัญญาปีต่อปีเพราะมั่นคงดี แต่ก็มีหลายกรณีที่สามารถตกลงระยะสั้นกว่านั้นได้ เช่น 6 เดือน หรือ 3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจาและความยินยอมของเจ้าของ บางแห่งที่เป็น Serviced Apartment หรือห้องชุดแบบรายเดือน ก็อาจมีสัญญา เดือนต่อเดือน ที่ยืดหยุ่น แต่ค่าเช่ามักจะสูงกว่าการทำสัญญารายปี
ถาม: ต้องวางเงินประกันและค่าเช่าล่วงหน้าจำนวนเท่าไร?
ตอบ: ตามธรรมเนียมจะมีการเก็บ เงินประกัน (มัดจำ) เท่ากับค่าเช่า 2 เดือน และ ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน ดังนั้นวันทำสัญญาแรกเข้าผู้เช่ามักต้องชำระเป็นเงิน 3 เดือนของค่าเช่า เช่น ค่าเช่า 10,000 บาท/เดือน ก็เตรียม 30,000 บาทตอนเซ็นสัญญา เงินประกันนี้เจ้าของจะคืนเมื่อหมดสัญญาหากทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีอะไรเสียหายหรือค้างจ่าย อย่างไรก็ตาม หากผู้ให้เช่าเข้าข่ายผู้ประกอบธุรกิจ (มีห้องเช่า 5 แห่งขึ้นไป) ตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค จะถูกบังคับให้เก็บเงินประกันได้ไม่เกิน 1 เดือนและค่าเช่าล่วงหน้าไม่เกิน 1 เดือน รวมจ่าย 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งบางแห่งก็ปฏิบัติตามนี้จริง แต่ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่ยังคงเป็น 2+1 เดือนอยู่ดี
ถาม: นอกจากค่าเช่าแล้ว มีค่าใช้จ่ายอะไรอีกที่ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ?
ตอบ: ผู้เช่าต้องรับผิดชอบ ค่าสาธารณูปโภค ได้แก่ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ตามที่ใช้จริง (โดยจะได้รับบิลรายเดือนมาให้ชำระ) ค่าไฟคิดตามมิเตอร์ในอัตราของการไฟฟ้า หากเป็นคอนโดก็เท่ากับอัตราบ้านปกติ แต่ถ้าเป็นห้องเช่าในอพาร์ทเมนต์บางแห่ง เจ้าของอาจคิดอัตราเหมา ซึ่งควรถามให้ชัดเจน ค่าน้ำส่วนใหญ่คิดเป็นแบบเหมาจ่ายหัวละ 100-200 บาท หรือมิเตอร์ยูนิตละ 20-30 บาท ขึ้นกับแต่ละที่ นอกจากนี้ยังมี ค่าอินเทอร์เน็ต (ถ้าติดตั้งเอง), ค่าโทรศัพท์/เคเบิลทีวี (ถ้ามี), ค่าจอดรถ (บางคอนโดหากมีรถเกินสิทธิที่กำหนด) สำหรับคอนโดหรือบ้านในโครงการ เจ้าของมักจ่าย ค่าส่วนกลาง เอง แต่ผู้เช่าควรถามเพื่อความแน่ใจ ส่วน ค่าแก๊สหุงต้ม (ถ้ามีเตาแก๊ส) ผู้เช่าออกเองเมื่อซื้อถังแก๊สมาเปลี่ยน สรุปคือ ค่าใช้จ่ายหลักๆ นอกเหนือค่าเช่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟที่ทุกคนต้องจ่าย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับบริการที่เลือกใช้
ถาม: สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยง (เช่น สุนัขหรือแมว) ในที่เช่าได้หรือไม่?
ตอบ: ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละที่ เลยค่ะ คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในเชียงใหม่ ห้ามเลี้ยงสัตว์ ตามข้อบังคับของนิติบุคคลคอนโด ยกเว้นบางโครงการที่ประกาศตัวว่า pet-friendly (มีน้อยมาก) ดังนั้นถ้าคิดจะเลี้ยงสัตว์ คอนโดอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก หรือต้องค้นหาคอนโดที่ยินยอมจริงๆ ส่วนกรณีบ้านเช่าหรือทาวน์เฮาส์ จะยืดหยุ่นกว่าขึ้นอยู่กับเจ้าของบ้าน บางรายอนุญาตให้เลี้ยงน้องหมาน้องแมวได้แต่ต้องดูแลความสะอาด ไม่ปล่อยให้รบกวนเพื่อนบ้าน และอาจมีการระบุเงื่อนไขเรื่องความเสียหายในสัญญา เช่น หากสัตว์เลี้ยงข่วนเฟอร์นิเจอร์เสียหาย ผู้เช้าต้องซ่อม เป็นต้น ดังนั้นก่อนเซ็นสัญญาควรสอบถามเจ้าของให้แน่ชัดเรื่องสัตว์เลี้ยง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
ถาม: ถ้าจำเป็นต้องย้ายออกก่อนครบสัญญา จะทำได้หรือไม่ มีผลอย่างไร?
ตอบ: การย้ายออกก่อนครบกำหนด (Early Termination) โดยทั่วไป ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญาเช่ามาตรฐาน ซึ่งมักผูกมัดผู้เช่าจนครบระยะเวลา หากผู้เช่าต้องการย้ายออกก่อน จะต้องเจรจากับผู้ให้เช่าโดยตรง ทางออกที่พบบ่อยคือ ผู้เช้ายอมให้เจ้าของริบเงินประกันบางส่วนหรือทั้งหมด เพื่อแลกกับการยกเลิกสัญญาก่อนเวลา หรือในบางกรณี หากผู้เช้าหาผู้เช่ารายใหม่มาแทนที่ได้ต่อเนื่องทันที เจ้าของอาจยอมให้เปลี่ยนสัญญาโดยไม่ริบมัดจำ (เพราะไม่ขาดรายได้) ทั้งนี้ทุกอย่างขึ้นกับความยินยอมของเจ้าของบ้าน หากในสัญญาไม่มี clause อนุญาตการบอกเลิกก่อนกำหนด ผู้เช้าก็ไม่มีสิทธิ์โดยตรง ต้องอาศัยการขอผ่อนผันกันเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นหากคิดว่าอาจต้องย้ายก่อน ควรคุยตั้งแต่ตอนทำสัญญาว่ามีทางยืดหยุ่นอย่างไรบ้าง เพื่อป้องกันการเสียเงินประกันทั้งหมด
ถาม: ระหว่างการเช่า หากเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือส่วนใดของห้องเสีย ใครเป็นคนซ่อม?
ตอบ: หลักการคือ ถ้าเสียเพราะความชำรุดตามอายุหรือเหตุสุดวิสัย ผู้ให้เช่าควรเป็นผู้ซ่อม แต่ถ้าเสียเพราะการใช้งานผิดวิธีหรืออุบัติเหตุที่ผู้เช่าก่อ ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้เช่า ตัวอย่างเช่น แอร์ไม่เย็นเพราะน้ำยาแอร์หมดหรือคอมเพรสเซอร์เสียจากการใช้งานนานปี กรณีนี้เจ้าของมักรับผิดชอบซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ให้ (ยกเว้นในสัญญาอาจระบุว่า ผู้เช่าต้องล้างแอร์ทุก 6 เดือน ถ้าไม่เคยล้างเลยจนเสีย ผู้เช่าก็อาจถูกมองว่าประมาทได้) หรือเครื่องทำน้ำอุ่นชำรุดโดยที่ผู้เช่าใช้งานปกติ เจ้าของก็ควรดูแล แต่หากบานกระจกหน้าต่างแตกเพราะผู้เช่าเผลอปิดแรงเกินหรือทำหล่นแตกเอง อย่างนี้ผู้เช่าต้องซ่อมแซมหรือจ่ายค่ากระจกเอง นอกจากนี้สัญญาบางฉบับจะระบุเพดานไว้ เช่น ค่าซ่อมต่ำกว่า 1,000 บาทผู้เช่าออกเอง เกินกว่านั้นเจ้าของออกให้ เพื่อแบ่งแยกความรับผิดชอบชัดเจน ดังนั้นควรเช็กสัญญาว่าระบุเรื่องนี้อย่างไร หากไม่ระบุก็ใช้หลักตามเหตุปัจจัยข้างต้นค่ะ
ถาม: ถ้าผู้ให้เช่าต้องการขายบ้าน/คอนโดที่เรากำลังเช่าอยู่ เราต้องย้ายออกทันทีหรือไม่?
ตอบ: โดยปกติ สัญญาเช่ายังคงมีผลบังคับแม้เจ้าของจะเปลี่ยนมือ กล่าวคือ หากเจ้าของขายทรัพย์ให้คนใหม่ ผู้เช่ามีสิทธิ์อยู่ต่อจนกว่าจะครบสัญญาเดิม ยกเว้นว่าจะมีการเจรจายกเลิกสัญญาโดยความยินยอมของผู้เช่าเอง ผู้ซื้อรายใหม่จะต้องรับโอนสัญญาเช่านั้นไปด้วย และกลายเป็นผู้ให้เช้ารายใหม่โดยปริยาย ผู้เช่าสามารถติดต่อกับเจ้าของใหม่ในเรื่องการจ่ายค่าเช่าและอื่นๆ ต่อไปได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี ในทางมารยาท หากเจ้าของแจ้งว่าจะขายบ้านและต้องการพาผู้สนใจเข้ามาชมทรัพย์ ผู้เช่าควรให้ความร่วมมือในเวลาที่เหมาะสม (โดยเจ้าของต้องนัดหมายล่วงหน้า) และหากตกลงกันได้ อาจเจรจารับ ค่าชดเชย เล็กน้อยเพื่อแลกกับการย้ายออกก่อนครบสัญญา กรณีที่ผู้เช่าหาที่ใหม่ได้แล้วและไม่เดือดร้อน ก็อาจ win-win ทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าไม่ยินยอม ผู้เช่าก็มีสิทธิ์อยู่จนครบกำหนดตามสัญญา ไม่มีใครมาบังคับออกได้
ถาม: มีช่องทางใดบ้างในการหาที่เช่าในเชียงใหม่?
ตอบ: ปัจจุบันมีหลายช่องทางให้ค้นหาที่พักเช่าในเชียงใหม่ ได้แก่
- เว็บไซต์ประกาศออนไลน์: เช่น DDproperty, LivingInsider, RentHub, Hipflat, FazWaz ซึ่งรวบรวมประกาศเช่าบ้านคอนโดจำนวนมาก ผู้เช่าสามารถค้นหาตามทำเล ประเภท และงบประมาณ แล้วติดต่อเจ้าของหรือนายหน้าผ่านข้อมูลที่ให้ไว้
- กลุ่มโซเชียลมีเดีย: Facebook มีกลุ่มมากมายเช่น ห้องเช่าเชียงใหม่, Chiang Mai Condo & House for Rent ที่มีคนโพสต์หาผู้เช่าหรือหาเช่าโดยตรง อัพเดททุกวัน วิธีนี้จะได้พูดคุยกับเจ้าของห้องหรือนายหน้าแบบรวดเร็ว แต่อาจต้องระมัดระวังตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้โพสต์ด้วย
- นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น: ในเชียงใหม่มีเอเจนซี่หลายเจ้าที่เชี่ยวชาญเรื่องปล่อยเช่าบ้านคอนโด โดยเฉพาะตลาดชาวต่างชาติ เช่น บริษัทที่ตั้งอยู่ย่านนิมมานฯ, สันติธรรม การใช้บริการนายหน้าจะช่วยประหยัดเวลาในการหาและพาชมหลายๆ ที่ ข้อดีคือผู้เช่า ไม่ต้องเสียค่านายหน้า เพราะตามธรรมเนียมไทย ผู้ให้เช่าเป็นฝ่ายจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้เอเจนต์ ดังนั้นผู้เช่าจึงใช้บริการได้ฟรี และเอเจนต์จะช่วยเตรียมสัญญา ตรวจห้อง และประสานงานต่างๆ ให้ด้วย
- เดินสำรวจพื้นที่: วิธีคลาสสิกแต่ได้ผล หากคุณอยู่ในเชียงใหม่แล้วและเล็งทำเลไว้ เช่น เดินในซอยใกล้มหาวิทยาลัย อาจเจอป้าย “ห้องว่างให้เช่า” ติดอยู่ตามอาคาร ลองโทรติดต่อสอบถามดู บางแห่งไม่ได้ลงประกาศออนไลน์แต่มีห้องว่างราคาไม่แพงซ่อนอยู่ หรือสอบถามคนในพื้นที่ เช่น รปภ. แม่บ้านร้านซักรีดแถวๆ นั้น อาจได้เบาะแสห้องเช่าดีๆ ที่ยังว่างอยู่
หวังว่าบทความเชิงลึกนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในเชียงใหม่ ปี 2568 และได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการมองหาที่พักเช่าที่ตรงใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานบริษัทที่ย้ายมาเปิดสาขาในเชียงใหม่ ครอบครัวที่มองหาสิ่งแวดล้อมใหม่ให้อบอุ่นปลอดภัย นักศึกษาที่เริ่มชีวิตมหาวิทยาลัย หรือคนทำงานทางไกลที่ตามหาสมดุลชีวิต-งานที่ลงตัวในเมืองน่าอยู่แห่งนี้ การบ้านชิ้นสำคัญคือการศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องทำเล ราคา และเงื่อนไขสัญญา เมื่อตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด คุณก็จะพบ “บ้านหลังที่สอง” ในเชียงใหม่ที่อยู่แล้วสบายใจและช่วยให้ชีวิตคุณก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน


