สำหรับท่านที่กำลังต้องการที่จะ กู้เงินซ่อมบ้าน หรือ เก็บเงินซ่อมบ้าน เพราะบ้านที่เราใช้พักพิงเป็นระยะเวลานานๆ ก็ย่อมที่จะทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา เเต่ติดตรงที่เงินสำหรับการ รีโนเวทบ้าน นั้นไม่ใช่น้อยๆ จึงทำให้ใครหลายๆ ไม่สามารถซ่อมแซมบ้านได้ ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปดูวิธีที่ ทำอย่างไรเพื่อให้มีเงินเพียงพอไว้สำหรับซ่อมแซมบ้าน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปชมกันเลย
1.ใช้เงินเก็บของตัวเอง
สำหรับท่านที่ไม่ได้กู้บ้านหรือไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้ต้องรีบซ่อมแซมบ้าน เราอยากจะแนะนำว่าควรเก็บออมเงินเอาไว้ล่วงหน้า และคาดการณ์ไว้ว่าเราควรใช้งบประมาณเท่าไร เช่น ถ้าเราต้องซ่อมแซมบ้านด้วยจำนวนเงิน 150,000 บาท ในอีก 2 ปีข้างหน้า ก็เท่ากับว่าจะต้องเก็บออมเงินประมาณเดือนละ 4,500 บาท โดยเงินจำนวนนี้เราควรที่จะเก็บออมไว้ในสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ จำพวก ฝากประจำรายเดือนปลอดภาษี เพื่อที่จะให้มั่นใจว่าในอีก 2 ปีต่อจากนี้ เราจะมีเงินไว้ใช้ซ่อมแซมบ้านอย่างแน่นอนนั้นเอง
2.เงินจากการ ขอเพิ่มจากสินเชื่อบ้านที่กำลังผ่อน
สำหรับท่านที่เจอปัญหาและมีความจำเป็นต้องใช้เงินซ่อมแซมบ้านโดยทันทีแบบเร่งด้วย จนไม่มีเวลาให้เก็บออมเงินได้ทัน เราสามารถที่จะทำการขอสินเชื่อเพื่อซ่อมบ้านจากธนาคารปัจจุบันที่เรากำลังผ่อนชำระสินเชื่อบ้านอยู่ได้ แต่จะมีการกำหนดเงื่อนไขสำหรับการกู้เพิ่มเติม ได้แก่ ต้องเป็นลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระดี ไม่มีการค้างชำระและผ่อนมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือมีเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ให้วงเงินไม่เกิน 80% ของวงเงินที่ได้ผ่อนชำระไปแล้ว โดยมีเงื่อนไขของแต่ละธนาคารอาจมีความแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามการขอวงเงินเพิ่มจากยอดเงินกู้ที่ผ่อนชำระไปแล้วนั้น เราจะต้องเจอกับอัตราของดอกเบี้ยจ่ายอาจจะสูงกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่กำลังผ่อนอยู่ดังนั้นเราควรคำนวนและคิดให้ดีๆว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ เพราะดอกเบี้ยจ่ายสำหรับวงเงินกู้เพิ่มครั้งนี้จะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
3.เงินจากสินเชื่อใหม่ จากบ้านที่ปลอดภาระ
วิธีนี้คือการนำบ้านไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้มีเงินมาซ่อมแซมบ้าน โดยการนำบ้านไปเป็นหลักประกันสำหรับขอกู้เงินกับธนาคารอีกครั้ง จะได้เงื่อนไขแตกต่างจากการกู้ซื้อบ้านครั้งแรก เช่นระยะเวลาการผ่อนชำระจะสั้นกว่า อาจผ่อนได้ไม่เกิน 15 ปี แต่สินเชื่อกู้ซื้อบ้านจะผ่อนได้สูงถึง 30 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยอาจจะคิดในอัตราที่สูงกว่าการกู้ซื้อบ้านใหม่ และสินเชื่อประเภทนี้ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้ โดยการขอสินเชื่อนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมือนกับการกู้ซื้อบ้านใหม่ ตั้งแต่ค่าจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง ค่าประเมิน ค่าประกันอัคคีภัย ค่าอากรแสตมป์ ค่าทำสัญญาวงเงินกู้ เป็นต้น
