หน้าฝนมาถึงแล้ว! มาดูวิธีจัดการความชื้นและกลิ่นอับในบ้านกัน

หน้าฝนที่ชุ่มฉ่ำได้มาถึงแล้ว ทุกบ้านคงได้สังเกตกันว่าอากาศชื้นเช่นนี้ทำให้อากาศในห้องหนักขึ้นบางทียังรู้สึกคล้ายได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาด้วย เพราะความชื้นที่มีมากขึ้นในฤดูนี้นี่แหละครับที่ทำให้เชื้อโรคหรือราเติบโตได้ดีขึ้น ยิ่งหากห้องของคุณมักไม่ได้เปิดหน้าต่างรับลมรับแดดด้วยแล้วยิ่งต้องระวัง

วันนี้ดอทจึงอยากเอาวิธีจัดการความชื้นและกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์นี้ออกไปจากที่อยู่อาศัยของเขาเสีย แม้จะยากอยู่บ้างแต่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี

จัดการความชื้นและกลิ่นอับด้วยถ่าน

วิธีการสุดคลาสสิกที่ทุกบ้านต้องเคยใช้นั่นคือการใช้ถ่านไม้ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็น แต่ว่านอกจากขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว ถ่านไม้เหล่านี้ยังช่วยดูดความชื้นได้ด้วย เพียงคุณตั้งเอาไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของห้องก็ช่วยได้แล้ว เป็นหนึ่งวิธีราคาประหยัดที่ทำได้ง่ายที่สุดเลย

คุณสามารถเลือกซื้อถ่านสำหรับดูดความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้หลายรูปแบบ หากมีพื้นที่อาจคัดเลือกท่อนถ่านไม้ที่ดูดีมาจัดวางเป็นของตกแต่งบ้าน หรือหากไม่สะดวกใช้ถ่านไม้ก็อาจใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นที่มีส่วนผสมของชาโคลก็ได้เช่นกัน

จัดการความชื้นและกลิ่นอับด้วยการเปิดบ้านระบายอากาศ

ช่วงนี้หลายคนทำงานที่บ้านต้องอยู่บ้านมากขึ้นก็สามารถเลือกเอาวันที่ฝนไม่ตกเปิดบ้านระบายอากาศบ้าง จะให้ดีก็เลือกวันที่มีแดดเพื่อให้แสงแดดฆ่าเชื้อโรคหรือเชื้อราภายในห้องออกไปบ้าง แต่หากห้องใครที่ไม่โดนแสงแดดตลอดวัน เราแค่เปิดระบายอากาศก็ใช้ได้เช่นกันครับ อาจจะเปิดพัดลมช่วยสักหน่อยเพื่อให้อากาศหมุนเวียนเปลี่ยนอากาศเก่าออกไปดึงอากาศใหม่เข้ามาบ้าง

สำหรับการเปิดบ้านเช่นนี้ดอทแนะนำให้ทำในวันที่มีแดดจัดฟ้าใสนะครับ เพราะช่วงนั้นค่าฝุ่น PM 2.5 จะค่อนข้างน้อย ยิ่งเป็นช่วงเที่ยงถึงบ่ายสองจะยิ่งดี แต่ถ้าเช้ามากๆ หรือเย็นมากๆ จะไม่แนะนำเพราะฝุ่นจะลอยต่ำลง อาจกลายเป็นขจัดเชื้อราได้แต่ได้ฝุ่นกลับมาแทน แบบนี้ไม่คุ้มกัน หากไม่แน่ใจอาจจะเช็คค่าฝุ่นก่อนเปิดบ้านก็ดีครับ

จัดการความชื้นและกลิ่นอับด้วยการย้ายต้นไม้ในบ้าน

ช่วงหน้าร้อนเรามีต้นไม้เยอะหน่อยก็เย็นกายเย็นใจดีทีเดียว แต่พอช่วงหน้าฝนความชื้นในห้องเราบวกกับความชื้นที่ต้นไม้คายน้ำออกมารวมกันแล้ว เราอาจจะได้เพื่อนใหม่เป็นเห็ดที่โค่นต้นแทนก็ได้ ดังนั้นในช่วงหน้าฝนอย่างนี้เราควรย้ายน้องออกไปอยู่ในพื้นที่อากาศถ่ายเทและมีแสงแดดส่องแทนก่อน เพื่อไม่ให้ในห้องหรือในบ้านเรามีความชื้นมากเกินไป

จัดการความชื้นและกลิ่นอับด้วยการใช้เครื่องดูดความชื้น

หากข้อที่กล่าวมาด้านบนยังไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เราก็คงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแทนแล้วล่ะครับ ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวช่วยจากเทคโนโลยีเรื่องผลลัพธ์จึงแน่นอนกว่า เพราะใช้ไฟฟ้ามาควบคุมระดับความชึ้นในห้องให้พอดีอย่างที่เราต้องการ ไม่ต้องรอเวลาเปิดหน้าต่างหรือหาซื้อถ่านไม้มาวางในห้องอีก

แต่ความแน่นอนของผลลัพธ์นี้ก็แลกมาด้วยการเป็นวิธีจัดการความชื้นและกลิ่นอับที่มีราคามากที่สุด เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลห้องพักหรือคนที่มีปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุจากความชื้นเป็นอย่างมาก

หน้าฝนอย่างนี้เรื่องที่ต้องระวังมากที่สุดก็เป็นเรื่องเชื้อราที่มากับความชื้นนี่แหละครับ ใครที่รู้สึกว่าบ้านเริ่มมีกลิ่นอับ ดอทแนะนำให้ลองสังเกตพื้นที่ชื้นอย่างมุมบ้าน ตู้เสื้อผ้า พื้นที่ซักล้างดูนะครับเพื่อป้องกันราที่ซ่อนตัวอยู่ ถ้าหากว่ามีให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอลจากนั้นก็เลือกใช้วิธีที่ดอทแนะนำมาได้เลยครับ