บทความเรื่อง “เขาใหญ่-พื้นที่สีเขียวที่ดีที่สุดในการหลีกหนีจากกรุงเทพฯ” โดยลาซูดี และเผยแพร่โดย ดอท พรอพเพอร์ตี้

ความมีชีวิตชีวา แสงสี เสียงจอแจ ความคึกคัก หมอกควัน ชีวิตที่รวดเร็วไม่หยุดนิ่ง แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นคำอธิบายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกรุงเทพ ซึ่งเป็นที่ที่มีความเป็นสากลและยังคงกลิ่นอายของวัฒนธรรมไทยไว้ได้เป็นอย่างดี ผู้คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมักจะมองหาเมืองที่จะสามารถหลบหนีความวุ่ยวายเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ในพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่เปิด เพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ที่โอบล้อมด้วยบรรยากาศที่เย็นสบาย และปราศจากผู้คนสักระยะหนึ่ง

พื้นที่สีเขียวที่กล่าวถึงนี้คือ เขาใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 180 กิโลเมตร มันอาจจะทำให้คุณสับสน แต่ไม่มีพื้นที่ที่เป็นทางการในภูมิภาคนี้ที่เรียกว่าเขาใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่ขยายขึ้นจนติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรก และจัดว่าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันใช้ชื่อนี้เพื่อสะดวกในการระบุพื้นที่

การเดินทาง

เส้นทางการเดินทางจากกรุงเทพ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 และทางหลวงหมายเลข 2 ที่สระบุรี ซึ่งขึ้นอยู่กับการจราจร ใช้เวลาในการเดินทางไม่ถึง 3 ชั่วโมง ระยะเวลาในการเดินทางมักจะลดลงเมื่อใช้ทางด่วนสายใหม่ (ทางหลวงหมายเลข 6) จากทางแยกบางปะอินบริเวณจุดตัด กรุงเทพ-อยุธยาจนถึงนครราชสีมา ซึ่งจะเป็นการจราจรที่เปิดทำการเต็มรูปแบบในต้นปี 2565

นอกจากนี้คุณยังสามารถนั่งรถไฟจากกรุงเทพ ไปยัง ปากช่อง โดยใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงเศษๆ ในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติ ระยะเวลาในการเดินทางจะลดลงเป็นอย่างมากหากใช้เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายใหม่ จากสถานีกลางบางซื่อแห่งใหม่ของกรุงเทพ ไปยัง นครราชสีมาที่เปิดให้บริการในปี 2566 การเดินทางท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ การเดินทางด้วยพาหนะส่วนตัวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากการขนส่งสาธารณะค่อนข้างจำกัด  และยังมีอะไรให้สำรวจและสัมผัสอีกเยอะมากมาย ดังนั้นการเดินทางด้วยการขับรถส่วนตัวจึงเป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามากที่สุด

เหตุผลที่ควรมาเยือน

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

หลายๆ คนคงทราบดีว่าเขาใหญ่นั้นเหมาะที่จะต้องไปเพื่อส่องสัตว์ เช่น ช้าง ลิงแสม เก้งและกวางป่า ชะนี นกเงือกกรามช้าง และนกเงือกสีน้ำตาลคอขาว รวมถึงสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ อาทิ กิ้งก่าเขาหนามยาวกับแย้เหนือ แต่อย่างไรก็ดีคุณควรถอยห่างจากงูที่มีพิษทั้ง 3 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น งูเขียวหางไหม้ งูแมวเซา งูกะปะ หรือแม้กระทั่งงูพิษสายพันธ์อื่นๆ ที่พบในอุทยาน

อุทยานครอบคลุมพื้นที่ถึง 2,168 ตารางกิโลเมตร มีทั้งป่าดิบชื้นและทุ่งหญ้า รวมถึงเขาร่ม ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในแถบนั้นกับความสูงที่ 1,351 เมตร ทอดยาวจากทางเหนือจรดใต้ยาวถึง 46 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากทางเหนือ (เขาช่อง) โดยมีเส้นทางเดินหลายเส้นทางยาวถึง 8 กิโลเมตร มีจุดเขตชมวิว และเขตพื้นที่ในการชมสัตว์ป่าและน้ำตกหลายแห่งให้คุณได้สำรวจภายในอุทยานอันกว้างใหญ่แห่งนี้ และควรเผื่อเวลาไว้ 1 วันเต็มๆ เพื่อที่จะได้ชมไฮไลท์หลักๆ ของอุทยาน

เขาใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของผืนป่า ดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ครอบคลุมพื้นที่คุ้มครอง 5 แห่งด้วยกัน ตั้งแต่เขาใหญ่ถึงชายแดนกัมพูชา ผืนป่าและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่มีความยาวถึง 230 กิโลเมตร และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ใกล้ศูนย์พันธุ์หลายชนิด บทบาทของเขาใหญ่ในฐานะ ปอดสีเขียว มีส่วนช่วยและได้รับการขนานนามให้เป็น ‘ภูมิภาคที่มีโอโซนที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก’  

อาหาร ไวน์และเส้นทางเที่ยวชมศิลปะ

ปากช่อง คือพื้นที่ที่คุณจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ข้อมูลรวมถึงความสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์ม เช่น ฟาร์มโชคชัย-ผลิตภัณฑ์ด้านน้ำนมโค ฟาร์มสุวรรณ-ผลิตภัณฑ์ด้านข้าวโพด และพาโนรามาฟาร์ม-ผลิตภัณฑ์ด้านเห็ด รวมถึง จิม ทอมป์สันฟาร์ม ที่เปิดให้เข้าชมเฉพาะเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคมเท่านั้น ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทอผ้าไหมและชีวิตเกษตรกรรมไทยอีกด้วย

ที่นี่มีโรงบ่มไวน์เก่าแก่ ถึง 2 แห่ง พร้อมไร่องุ่นที่งดงามราวกับภาพวาด บริษัทผลิตไวน์ขนาดใหญ่เป็นเจ้าของ “ไร่องุ่นพีบีวัลเลย์” และอีกแห่งคือ “กรานมองเต้” ที่บริหารงานโดยครอบครัวบูติก ไร่องุ่นเป็นธุรกิจที่อยู่ในรายการท่องเที่ยวที่ ‘ต้องไป ’เสมอ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเขาใหญ่ ซึ่งมีแกลเลอรีในที่ร่มสุดกว้างขวาง และสวนประติมากรรมอันโดดเด่นก็เป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ คุณยังจะพบกับร้านกาแฟและร้านอาหารสุดเก๋อีกมากมาย ตั้งแต่ร้านขนาดเล็กไปจนถึงร้านขนาดใหญ่ อาทิ ‘มิด วินเทอร์ เขาใหญ่’ ที่ออกแบบเป็นปราสาทสีขาวที่ตกแต่งสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสแกนดิเนเวีย และยังมีคาเฟ่สุดชิวและร้านค้าปลีก รวมถึงร้านอาหารในร่มและกลางแจ้งหลายแห่ง และสวนอีกหลายที่ แน่นอนว่าการรับประทานอาหารนอกบ้านจึงไม่ใช่ปัญหาเมื่อคุณมาเยี่ยมเยือนเขาใหญ่

สวรรค์ของนักกอล์ฟ

คุณจะได้พบกับสนามกอล์ฟถึง 11 แห่งด้วยกันที่โดดเด่นในภูมิภาคนี้ รวมถึง สนามกอล์ฟ 2 แห่งที่ออกแบบโดย แจ็ค นิกคลอส (Jack Nicklaus) ซึ่งเป็นสนามสุดท้าทาย และอีกแห่งที่ออกแบบโดย เซเบ บาลเลสเตอรอส (Seve Ballesteros) ซึ่งเป็นสนามแห่งเดียวที่เขาได้ออกแบบในประเทศไทย พื้นที่สนามแผ่ขยายไปทั่วด้วยหลุมถึง 39 หลุม แต่ละหลุมตั้งชื่อตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อาทิ ที่ราบสูง ลำธาร และหุบเขา ดังนั้นเขาใหญ่จึงเป็นเหมือนสวรรค์ของนักกอล์ฟเลยก็ว่าได้

พักที่ไหนดี

แน่นอนว่าเขาใหญ่มีที่พักให้เลือกมากมายตั้งแต่การแกลมปิ้ง โรงแรมศิลปะขนาดเล็ก วิลล่าและโรงแรมสนามกอล์ฟ รวมไปถึงคอนโดที่ให้เช่าในช่วงสุดสัปดาห์ และคอมแพล็กขนาดใหญ่ที่จำลองหมู่บ้านทัสคาน นอกจากนี้ยังมีกระท่อมแบบชนบทสำหรับค้างคืนภานในอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

แต่หากต้องการพักผ่อนแนวโรแมนติกท่ามกลางไร่องุ่น คุณอาจสนใจที่ ไวน์ คอทเทจ ที่ กราน มอนเต้ เอสเตท ในขณะที่อยู่ที่นั่นก็อย่าลืมทำเยี่ยมชมไวน์ทัวร์ และแวะที่ร้านอาหารวินคอตโต้  หรืออีกวิธีคือการนั่งพักในปราสาทที่ เมอเวนพิค เขาใหญ่ และออกรอบตีกอล์ฟโดยการเล่นลิงค์กอล์ฟที่ มาย โอโซน กอล์ฟ ได้อีกด้วย

มาดูสิว่าพื้นที่สีเขียวที่เขาใหญ่มีดีอะไรถึงต้องแวะไป

เราได้ให้ข้อมูลในภาพรวมของพื้นที่เขาใหญ่ และข้อเสนอในการหลีกหนีจากกรุงเทพ ที่นี่มีอะไรให้คุณได้สำรวจและสำผัสอีกมากมาย ดังนั้นทำให้การไปเยี่ยมชมเพียงครั้งเดียวคงไม่พอ เมื่อฤดูหนาวมาเยือนซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ แต่การไปเยี่ยมชมในช่วงเวลาต่างๆ นอกเหนือจากนี้ในตลอดทั้งปี จะช่วยให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมายได้ดีขึ้น

ถ้าคุณมองหาพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ภูมิประเทศที่เขียวขจี พื้นที่เปิดโล่ง และอากาศที่บริสุทธิ์บนภูเขา รวมไปถึงบรรยากาศที่เย็นสบาย อาหารรสเลิศ พร้อมด้วยสถานที่อีกมากมายที่เหมาะแก่การพักผ่อนเพื่อเติมพลังของคุณ แนะนำให้เดินทางมาที่ เขาใหญ่