“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู 3 กลยุทธ์ เดินหน้าเปิด 8 โครงการ

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู 3 กลยุทธ์ตอกย้ำ 29 ปีแห่งความเชื่อมั่น
เดินหน้าเปิด 8 โครงการในทำเลเด่น – ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีโต 15 %

 

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มองตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 59 อยู่ในสภาวะปรับตัวจากภาวะเศรษฐกิจผันผวนและภาวะอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ความเชื่อมั่นผู้บริโภค-ภาคสินเชื่อที่ฟื้นตัว และภาครัฐอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ เตรียมก้าวสู่ปีที่ 29 แห่งความเชื่อมั่นอย่างยิ่งใหญ่ รุก 3 กลยุทธ์ “Quality – Service Mind – CRM” ปรับโฉมองค์กร ตอกย้ำศักยภาพความเป็นมืออาชีพ และเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงเทรนด์อสังหาฯ ปักหมุดทำเลโดดเด่นปีนี้เปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ ทั้งกรุงเทพฯ – ปริมณฑล และต่างจังหวัด ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 2,800 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตกว่า 15%

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 01
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 01

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 ว่า ตลาดอสังหาฯ อยู่ในสภาวะปรับตัวจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงชะลอตัว การเมืองมีเสถียรภาพ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ โดยหนึ่งในมาตรการนั้นคือการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาฯ ในกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลางและระดับล่าง ซึ่งนับว่าเป็นฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ ทำให้ช่วยดึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมา ด้านภาคการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น นอกจากนั้นรัฐบาลยังเร่งผลักดันแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างระบบขนส่งคมนาคมและอื่นๆ มูลค่าลงทุนกว่า 2.7 ล้านล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักได้และสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ดีภาคธุรกิจอสังหาฯ ยังมี “ปัจจัยลบ” ที่ยังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจจีนและตลาดทุนกำลังผันผวนและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเปราะบาง ราคาที่ดินที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมากเกินไป ปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง และปัญหาโอเวอร์ซัพพลายของโครงการแนวสูงจากปีที่ผ่านๆ มา

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559 บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโต และมีการเตรียมแผนธุรกิจที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ด้วยทีมงานที่มีศักยภาพ มีความยืดหยุ่นในการปรับแผน   กลยุทธ์การดำเนินงานต่างๆได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีแผนการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ไว้ล่วงหน้า ตลอดจนบริษัทมีความสามารถในการบริหาร และคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ดี ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องดี และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ (D/E) กว่าอุตสาหกรรม จะเป็นปัจจัยสนับสนุนและส่งเสริมโอกาสในการขยายการลงทุนของบริษัท ได้อย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาวอย่างยั่งยืน

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 02
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 02

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวเสริมว่า ในปี 2559 นี้ “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไว้วางใจ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มาเกือบสามทศวรรษ โดยปีนี้จะมุ่งงานและสื่อสาร 3 หลักสำคัญ ได้แก่ คุณภาพ (Quality) ที่ยังคงมุ่งมั่นรักษาระดับมาตรฐานงานออกแบบและการก่อสร้าง เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพให้ถึงมือผู้บริโภค การบริการ (Service Mind) ที่สร้างความประทับใจ และการดูแลลูกค้า (CRM) ให้ความใส่ใจสร้างสังคมแห่งคุณภาพภายใต้โครงการของบริษัท ดังนั้น ปีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นการดำเนินงานของบริษัทได้

สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าหมายทั้งปีนี้ไว้ประมาณ 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดในส่วนของหัวเมืองหลัก และหัวเมืองชั้นรอง แบ่งสัดส่วนทำเลออกเป็น โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และในทำเลต่างจังหวัด 30%

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 03
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน),ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 03

ทั้งนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้มุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการแนบราบที่บริษัทมีความชำนาญ โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านแนวคิด การวางคอนเซ็ปต์ ตลอดจนการให้ความคุ้มค่าในการอยู่อาศัย การเลือกทำเลศักยภาพสะดวก และการใช้ประโยชน์ได้จริงของผู้อยู่อาศัย ให้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า มีพื้นที่สวนและที่จอดรถ ในราคาที่สามารถประหยัดงบประมาณได้มากกว่า

“บริษัทจะเป็นผู้นำรายแรกในการนำเทรนด์โครงการแนวราบรอบสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีบางใหญ่) โดยปัจจุบันมีโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแนวคิดใหม่และทาวน์โฮม แล้ว 2 โครงการ และเตรียมเปิดในเร็วๆนี้อีก 3 โครงการ ในทำเลศักยภาพที่ล้อมรอบแนวรถไฟฟ้าในระยะไม่ถึง 2 กิโลเมตร เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบครัว และตลาดเรียลดีมานต์ ตลาดที่เป็นชุมชนใหม่ที่มีอนาคตของนนทบุรี ที่ต้องการความคุ้มค่าทั้งในแง่ของพื้นที่ ราคาต่อตารางเมตร และการเดินทางที่สะดวก ไม่แพ้โครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า แต่มีราคาที่ใกล้เคียงกัน” นายชูรัชฏ์ กล่าว

ในส่วนของการตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัท มั่นใจว่าจะสามารถขยายตัวได้ดีจากปีก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 2,800 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 2,400 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ประมาณ 15% บริษัทตั้งงบซื้อที่ดิน 800-900 .ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดที่มีในมือ อย่างไรก็ดีบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อีกประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อสำรองทุนไว้ใช้หมุนเวียนในการขยายธุรกิจในระยะยาวให้เติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน และเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ทศวรรษในปี 2560