7 วิธี จัดการความเครียด ยังไงให้ได้ผล WFH นานแค่ไหนก็ยังแฮปปี้

           ผ่านช่วงเวลาของการ Social distancing มาได้สักระยะ และหลายบริษัทก็ได้ประกาศให้พนักงาน work from home เชื่อว่าเมื่อพื้นที่ส่วนตัวเพื่อการพักผ่อนอย่างบ้าน ต้องแปลงร่างมาผนวกรวมกับที่ทำงาน หลายคนอาจเริ่มมีความเครียด เนื่องจากเริ่มมีความรู้สึกว่าสมดุลของ work life balance เริ่มจะพังลงเพราะงานอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น แต่จะมีการ จัดการความเครียด อย่างไร ให้การ work from home กลายเป็นสวรรค์เหมือนที่ฝันเอาไว้ตั้งแต่แรกอย่างแท้จริง ก่อนอื่นต้องเริ่มที่สิ่งเหล่านี้

work_from_home 

  1. ค้นต้นตอเพื่อหาวิธีจัด การความเครียด

เมื่อพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ทำงานต้องกลายมาเป็นพื้นที่เดียวกัน หลายคนเริ่มสมดุลชีวิตพังเพราะงานอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะทำงานตอนไหนก็ได้ เวลาในการทำงานเริ่มกลืนไปกับการพักผ่อน ทำให้เส้นแบ่งของ work life balance ที่เคยมีในวันนี้ซีดจางลง ก่อนอื่นเลยคือต้องมาเริ่มขีดเส้นแบ่งนี้ใหม่ให้ชัดเจน

 

  1. จัดการความเครียดด้วยการเปิดเสียงสร้างบรรยากาศการทำงาน

ในส่วนนี้แตกต่างจากการจัดสภาพแวดล้อมภายในห้องและโต๊ะทำงาน แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่รื่นรมย์ให้กับตัวเอง ข้อดีของการทำงานที่บ้านคือเราจะสามารถเปิดเพลงอะไรฟังก็ได้ไม่ต้องเกรงใจใคร โดยอาจจัดการความเครียดด้วยการเปิดเสียงจำลองบรรยากาศร้านกาแฟ เสียงคลื่นกระทบฝั่งของทะเล เสียงนกร้อง เสียงฝนตก หรือเสียงบรรยากาศของที่ทำงานก็ได้ สิ่งเหล่านี่จะช่วยให้รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และมีสมาธิมากขึ้น

 

  1. ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้าง

หลายคนอาจรู้สึกว่าเมื่อไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้านาย จึงต้องเพิ่มศักยภาพการทำงานให้มากขึ้น เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับองค์กร แต่หากมากเกินไปก็จะกลายเป็นความเครียดสะสม วิธีจัดการความเครียดในส่วนนี้คือควรปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้างในแต่ละวัน โดยกำหนดช่วงเวลาพักเบรกของแต่ละวันให้มีความถี่มากขึ้น แต่มีช่วงเวลาที่สั้นลง ยกตัวอย่างเช่น ในเวลาทำงานปกติ ออฟฟิศจะมีช่วงเวลาพักเบรก 15 นาทีต่อวัน ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นการพักเบรก 3 ครั้ง โดยเบรกครั้งละ 5 นาที เพื่อปล่อยให้ตัวเองลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสาย รดน้ำต้นไม้ หรือเดินไปหยิบอะไรมากิน การทำแบบนี้จะทำให้เราได้รู้สึกปล่อยวางและผ่อนคลายมากขึ้น และยังทำให้เรากลับมากระตุ้นตัวเองในการทำงานต่อได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

จัดการความเครียด

 

  1. จัดสีสันในห้องให้ทั้งสงบและรื่นรมย์

งานวิจัยหลายชิ้นได้มีผลสรุปออกมาแล้วว่า สีสันเป็นอีกหนึ่งวิธีจัดการความเครียด ที่มีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเสริมสร้างพลังงานใหม่ๆ ให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการจัดสภาพแวดล้อมบริเวณโต๊ะทำงานหรือภายในห้อง ให้มีสีสันเล็กๆน้อยๆ ในบางจุด จะช่วยให้สมองปลอดโปร่งและส่งผลดีต่อความรู้สึก พื้นที่ภายในห้องรอบโต๊ะทำงาน ควรตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม เพื่อรักษาความรู้สึกสงบสบายไว้ แต่ควรแทรกสีสันสดใส อาทิ สีส้ม สีเหลือง สีเขียวอ่อน เพื่อเข้ามาช่วยให้เกิดความรู้สึกสนุกสนานและผ่อนคลายมากขึ้น

 

  1. คุยกับเพื่อนที่ทำงานบ้าง

ทำงานอยู่บ้านคนเดียวไม่ได้พูดคุยกับใคร ทำให้ความเครียดสะสมง่ายกว่าปกติ ในช่วงเวลาพักเที่ยงที่ต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ควรจัดการความเครียดด้วยการอาจหาเพื่อนที่ทำงานสักคนที่เหงาเหมือนกันมาเป็นเพื่อนพูดคุยด้วยการวีดีโอคอลหา โดยมีข้อห้ามคือห้ามพูดเรื่องงาน แต่เป็นการถามสารทุกข์สุขดิบ อัปเดทชีวิต หรือคุยเรื่องหนังที่ดูมา

 

จัดการความเครียด

 

  1. จัดการความเครียดหาต้นไม้มาวางไว้ในโต๊ะทำงาน

สีเขียวมีผลโดยตรงก่อการสร้างความรื่นรมย์และบรรยากาศแห่งความสบายใจ โดยอาจหาต้นไม้ขนาดเล็กมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน หรือเปลี่ยนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เป็นรูปต้นไม้ จะช่วยสร้างความผ่อนคลายในการทำงานได้เป็นอย่างดี

 

  1. เลิกงานแล้วควรเปลี่ยนบรรยากาศทันที

สุดท้ายแล้วการจัดการความเครียดคือต้องขีดเส้นแบ่งการเลิกงานให้ชัดเจนขึ้น โดยหากถึงเวลาเลิกงาน ถ้าไม่มีงานค้างและงานสำคัญอะไรแล้ว ให้ปิดคอมพิวเตอร์ จัดโต๊ะทำงาน เก็บของซักเล็กน้อย แล้วลุกออกจากโต๊ะทำงานเหมือนกับเวลาเลิกงานตามปกติ โดยอาจจะออกไปที่สวนนอกบ้านหรือระเบียง เพื่อสร้างความรู้สึกว่าเราเปลี่ยนสถานที่และเปลี่ยนโหมดออกจากการทำงานแล้วจริงๆ

 

สนใจข้อมูลข่าวสารเด่นๆ คอนเทนท์ร้อน ที่เรานำมาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านในทุกๆวันจาก Dotproperty คลิก