


















































































































































































































































































































































































































































































































































































































ภูเก็ตยังคงครองตำแหน่งเป็นหนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตามองที่สุดของประเทศไทยในช่วงปี 2567-2568 ทั้งจากแรงขับเคลื่อนของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเต็มที่หลังวิกฤต COVID-19 ที่เคยทำให้ตลาดซบเซาลงในช่วงปี 2563-2564 และความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตลาดบ้านในภูเก็ตปรับตัวกระเตื้องขึ้นอย่างรวดเร็ว สังเกตได้จากจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ที่เปิดตัวและยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ภาพรวมตลาดมีแนวโน้มสดใสในทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่บ้านพักตากอากาศระดับลักชัวรีไปจนถึงที่อยู่อาศัยราคาปานกลางที่ตอบโจทย์คนท้องถิ่น
ประเด็นสำคัญ ณ ปี 2567:
ข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าวภาคอสังหาฯ ในปี 2567 ชี้ว่า ยอดเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบปีต่อปี และยอดขายที่อยู่อาศัยก็เติบโตต่อเนื่อง สถิติเชิงตัวเลขบ่งบอกว่าภูเก็ตกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของตลาดอสังหาฯ อย่างแท้จริง.
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่รวมหลายพันหน่วย และยอดขายใหม่ก็สามารถดูดซับซัพพลายไปได้เป็นสัดส่วนสูง แสดงถึงความต้องการซื้อที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและบ้านพักตากอากาศสำหรับชาวต่างชาติ
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาดบ้านภูเก็ตให้ร้อนแรง ได้แก่ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปริมาณมหาศาล - ปี 2566 ภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวรวม (ไทยและต่างชาติ) มากกว่า 10 ล้านคน และในจำนวนนั้นเป็นต่างชาติกว่า 8 ล้านคน นับว่าเกือบฟื้นสู่ระดับก่อนโควิด การฟื้นตัวนี้นำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้คนภูเก็ต ทำให้คนในพื้นที่มีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน นักลงทุนจากต่างประเทศที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรือสินทรัพย์ปลอดภัยก็เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมากขึ้น กลุ่มผู้ซื้อจากยุโรป รัสเซีย จีน ตะวันออกกลาง ต่างให้ความสนใจวิลล่าหรูและคอนโดมิเนียมในทำเลสวยของภูเก็ต ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการพักผ่อน (เช่น วิลล่าและคอนโดตากอากาศ) ขยายตัวอย่างโดดเด่น
นอกจากดีมานด์ที่สูงขึ้น ซัพพลายใหม่ในตลาดภูเก็ตก็เพิ่มขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่จากส่วนกลางและผู้ประกอบการท้องถิ่นต่างเร่งเปิดโครงการใหม่เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมและพูลวิลล่าที่เจาะกลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่าและผู้ซื้อชาวต่างชาติ ช่วงปี 2566-2567 มีโครงการใหม่เปิดตัวในภูเก็ตคิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมหลักแสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในโซนที่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาตินิยม เช่น บริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของเกาะ (ย่านบางเทา, ลากูน่า, กะตะ, กมลา ฯลฯ) และบางส่วนในย่านใจกลางเมือง ความร้อนแรงนี้ทำให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นมากในหลายพื้นที่ และการแข่งขันในตลาดเริ่มเข้มข้นขึ้น
อย่างไรก็ดี ภาพรวมที่สดใสนี้ยังมาพร้อมกับสัญญาณที่นักวิเคราะห์ตลาดจับตา เรื่องภาวะอุปทานล้นตลาด (Oversupply) ในบางเซกเมนต์ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีหน่วยเหลือขายสะสมอยู่พอสมควร เนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก หากดีมานด์ไม่เติบโตทัน ซัพพลายส่วนเกินอาจกดดันให้ผู้พัฒนาต้องทำโปรโมชั่นหรือปรับกลยุทธ์การขาย ในขณะที่ตลาดบ้านแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์) ในภูเก็ตกลับแสดงแนวโน้มที่ดี โดยหลายโครงการมียอดขายแซงหน้าปริมาณเปิดขายใหม่ สะท้อนถึงความต้องการซื้อจริงเพื่ออยู่อาศัยของคนไทยในพื้นที่และผู้ที่ย้ายถิ่นฐานมาทำงานในภูเก็ต
สรุปภาพรวม: ตลาดบ้านในภูเก็ตช่วงปี 2567-2568 อยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งจากแรงหนุนของการท่องเที่ยว การเข้ามาของกลุ่มผู้ซื้อกำลังซื้อสูง และภาวะเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลงทุนในอสังหาฯ แม้จะมีประเด็นท้าทายเรื่องความสมดุลของดีมานด์-ซัพพลายและความเสี่ยงด้านอื่น ๆ (ที่จะวิเคราะห์ต่อไป) แต่โดยรวมแล้วภูเก็ตได้ยกระดับจากเมืองท่องเที่ยวขึ้นมาเป็น ศูนย์กลางการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับภูมิภาค ที่นักลงทุนจับตามอง ศักยภาพการเติบโตในระยะกลางถึงยาวยังคงสดใส หากมีการบริหารจัดการและวางแผนพัฒนาอย่างยั่งยืน
ราคาที่อยู่อาศัยและที่ดินในภูเก็ตมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นของที่ดิน-วัสดุก่อสร้าง โดยจากการสำรวจข้อมูลตลาดในช่วงปี 2566-2567 พบว่าราคาเฉลี่ยของอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยในภูเก็ตอยู่ที่ราว 6-7 ล้านบาทต่อหน่วย ทั้งนี้แบ่งเป็นอสังหาฯเพื่อการพักผ่อน (เช่น คอนโดตากอากาศและวิลล่า) ที่มีราคาเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 10 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนที่อยู่อาศัยทั่วไปสำหรับคนท้องถิ่นจะมีราคาเฉลี่ยต่ำกว่า อยู่ประมาณ 3-4 ล้านบาทต่อหน่วย สะท้อนให้เห็นถึงสองตลาดที่แตกต่างกันภายในจังหวัดเดียว: ตลาดระดับลักชัวรีที่ขับเคลื่อนโดยกำลังซื้อจากต่างชาติและนักลงทุน และตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่างที่ขับเคลื่อนโดยคนไทยในพื้นที่
ราคาที่ดินในภูเก็ตพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา เฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 7-8 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงปี 2547 โดยบางทำเลมีมูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่หาดราไวย์ (ตอนใต้ของเกาะ) มีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของวิลล่าริมทะเลและการเข้ามาซื้อที่ดินของชาวต่างชาติ รองลงมาคือ บริเวณหาดบางเทา (ฝั่งตะวันตกตอนเหนือ) ที่ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่า ขณะที่บางพื้นที่ที่พัฒนาเต็มที่มานานอาจมีอัตราการเพิ่มขึ้นช้ากว่า เช่น โซนหาดกะรนหรือเกาะสิเหร่เป็นต้น ปัจจุบัน ที่ดินที่แพงที่สุดในภูเก็ต อยู่บริเวณหาดป่าตอง ซึ่งมีการประเมินราคาตลาดสูงถึงประมาณ 350 ล้านบาทต่อไร่ (เกือบ 1 ล้านบาทต่อตารางวา) สะท้อนความเป็นทำเลทองด้านการท่องเที่ยวที่มีความต้องการสูง ส่วนทำเลยอดนิยมรองลงมาอย่างบริเวณ หาดบางเทา/สุรินทร์ และหาดกะรน มีราคาที่ดินประมาณ 80 ล้านบาทต่อไร่ (ราว 2 แสนบาท/ตร.วา) ทั้งนี้ราคาตลาดภาคเอกชนมักสูงกว่าราคาประเมินทางราชการหลายเท่าตัว
แนวโน้มราคาที่เพิ่มสูงนี้หมายความว่าผู้ที่ถือครองอสังหาฯในภูเก็ตช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (capital gain) ค่อนข้างดี และยังบ่งบอกถึงโอกาสการลงทุนสำหรับผู้ที่มองหาการเติบโตระยะยาว ภูเก็ตกลายเป็นตลาดที่นักลงทุนมองว่าอสังหาฯมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า โดยเฉพาะในทำเลที่กำลังมาแรงหรือยังมีที่ดินเหลือให้พัฒนาไม่มาก อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรพิจารณาในรายละเอียดแต่ละโซน เนื่องจากศักยภาพและความเสี่ยงต่างกัน ดังนี้:
โดยสรุป แนวโน้มราคาอสังหาฯในภูเก็ตยังเป็นขาขึ้นในภาพรวม แต่ โอกาสการลงทุนจะแตกต่างกันไปตามทำเล นักลงทุนควรศึกษาตลาดเฉพาะจุดที่สนใจก่อนตัดสินใจ เช่น ทำเลริมทะเลอาจให้ผลตอบแทนสูงจากทั้งค่าเช่าและราคาเพิ่ม แต่ก็มีการแข่งขันสูงและใช้เงินลงทุนมาก ขณะที่ทำเลในเมืองหรือรอบนอกอาจโตช้ากว่าแต่สร้างกระแสเงินสดจากผู้เช่าคนไทยได้มั่นคงกว่า การกระจายการลงทุนในหลายทำเลและเลือกเซกเมนต์ที่สอดคล้องกับงบประมาณและกลุ่มผู้เช่าที่มองไว้ จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดบ้านภูเก็ตที่กำลังเติบโตนี้
ป่าตอง เป็นชื่อแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึงเมื่อนึกถึงภูเก็ต และถือเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยว หาดป่าตองขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่ “ไม่เคยหลับใหล” เพราะรายล้อมด้วยสถานบันเทิง แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันตลอดทั้งวันทั้งคืน ความคึกคักนี้ทำให้ป่าตองเป็น ทำเลยอดนิยมของนักลงทุนที่ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่อปล่อยเช่าระยะสั้น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักตลอดปี สามารถสร้างผลตอบแทนจากค่าเช่าในอัตราสูง โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่น แม้ราคาที่ดินและอสังหาฯในป่าตองจะอยู่ในระดับแพงที่สุดของภูเก็ต แต่ผู้ซื้อยังคงให้ความสนใจเพราะศักยภาพในการทำรายได้คุ้มค่า
อสังหาริมทรัพย์ในป่าตองส่วนใหญ่จะเป็น คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์สำหรับนักท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมและเกสต์เฮาส์ ส่วนโครงการบ้านพักอาศัยแนวราบจะมีไม่มากและมักตั้งอยู่บนเนินเขารอบๆ หาด ผู้ซื้อบ้านในป่าตองจึงมักเป็นกลุ่มที่ต้องการวิลล่าหรูวิวทะเลที่ตั้งอยู่ตามไหล่เขา ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวสูงและราคาแตะระดับหลายสิบถึงร้อยล้านบาท การเดินทางเข้าสู่ป่าตองปัจจุบันใช้ถนนสายหลักที่คดเคี้ยวผ่านภูเขา แต่ ในอนาคตมีโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง (อุโมงค์หรือลอดเขา) ที่อยู่ระหว่างผลักดันก่อสร้าง ซึ่งจะลดระยะเวลาการเดินทางจากตัวเมืองภูเก็ตมายังป่าตองได้มาก และจะยิ่งเพิ่มศักยภาพให้ทำเลนี้มากขึ้นไปอีก
โดยสรุป ป่าตองเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สนใจ ปล่อยเช่าระยะสั้นแก่กลุ่มนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่ต้องการซื้อคอนโด/วิลล่าเป็นบ้านพักตากอากาศใกล้แหล่งท่องเที่ยวสุดคึกคัก แต่สำหรับผู้ซื้อบ้านชาวไทยที่ต้องการอยู่อาศัยสงบเงียบ ป่าตองอาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกเพราะบรรยากาศความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่หนาแน่น หากแต่ในมุมมองการลงทุนแล้ว ไม่มีพื้นที่ใดในภูเก็ตที่สามารถเทียบเคียงป่าตองได้ในแง่ศักยภาพการดึงดูดนักท่องเที่ยวและโอกาสรับผลตอบแทนจากทรัพย์สิน
อำเภอถลาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตอนเหนือและตอนกลางของเกาะภูเก็ต กลายเป็นอีกทำเลดาวรุ่งสำหรับการซื้อบ้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พื้นที่นี้เดิมทีเป็นชุมชนท้องถิ่นและที่ดินเกษตรกรรม แต่การพัฒนาของ โครงการลากูน่า ภูเก็ต (Laguna Phuket) และความเจริญที่ขยายตัวมาจากฝั่งป่าตอง-บางเทา ได้เปลี่ยนให้ถลางกลายเป็นย่านอยู่อาศัยและการลงทุนที่สำคัญ ปัจจุบันประมาณครึ่งหนึ่งของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมดในภูเก็ตตั้งอยู่ในเขตถลาง ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม หรือบ้านวิลล่าหรู ทำเลยอดนิยมในถลาง ได้แก่ ย่านเชิงทะเล-บางเทา-สุรินทร์ ที่ตั้งของรีสอร์ตและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับนานาชาติ และ ย่านบ้านพอน-ป่าสัก ที่เริ่มมีโครงการบ้านจัดสรรสำหรับคนทำงานเกิดขึ้น
จุดเด่นของอำเภอถลางคือ ความสมดุลระหว่างความเงียบสงบกับความสะดวกสบายทันสมัย ผู้พักอาศัยสามารถเพลิดเพลินกับชายหาดสวยน้ำใสอย่างบางเทาและสุรินทร์ ขณะเดียวกันก็เข้าถึงห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และร้านอาหารระดับพรีเมียมในบริเวณ Boat Avenue และ Porto de Phuket ได้สะดวก นอกจากนี้ ถลางยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่งและสนามกอล์ฟ ทำให้ครอบครัวชาวต่างชาติและคนไทยมีกำลังซื้อสูงนิยมมาปักหลักอยู่ในย่านนี้มากขึ้น บ้านและวิลล่าในถลาง มีหลากหลายระดับตั้งแต่โครงการบ้านจัดสรรราคา 3-5 ล้านบาท ที่จับกลุ่มคนทำงานท้องถิ่น ไปจนถึงพูลวิลล่าหรูราคา 20-50 ล้านบาท ที่เจาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ความหลากหลายนี้ทำให้ถลางเป็นทำเลที่รองรับทั้งการอยู่อาศัยจริงและการลงทุนปล่อยเช่าได้ในระยะยาว
ด้านการคมนาคม ถลางอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเพียง 15-20 นาที และมีเส้นทางหลักเชื่อมต่อไปยังตัวเมืองภูเก็ตและจังหวัดพังงา อนาคตยังมีแผนพัฒนาทางด่วนสายใหม่ (เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้) และรถไฟฟ้ารางเบาเชื่อมสนามบินผ่านถลาง ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้นและเพิ่มมูลค่าให้กับอสังหาฯในเขตนี้ สำหรับผู้ซื้อบ้านชาวไทย ถลางถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะยังสามารถหาบ้านในโครงการดีๆ ได้ในราคาสมเหตุสมผล มีสภาพแวดล้อมดีและปลอดภัย เหมาะทั้งซื้อเพื่ออยู่เอง (โดยเฉพาะครอบครัวที่ต้องการสิ่งแวดล้อมคุณภาพและใกล้โรงเรียน) และซื้อเพื่อลงทุน (ปล่อยเช่าชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือพักผ่อน) ถลางจึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในทุกมิติ
หาดกะตะ เป็นอีกหนึ่งทำเลชายทะเลยอดนิยมที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ค่อนไปทางตะวันตกของเกาะ (อยู่ติดกับหาดกะรน) ความโดดเด่นของกะตะคือชายหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใส และบรรยากาศที่ผ่อนคลายเป็นกันเองมากกว่าป่าตอง จึงดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวครอบครัว นักเล่นเซิร์ฟ และผู้ที่ชื่นชอบความสงบแต่ยังต้องการความสะดวก หาดกะตะเป็นที่ตั้งของโรงแรมรีสอร์ตชื่อดังหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหารและบาร์ริมชายหาดที่มีชื่อเสียง แต่โดยรวมบรรยากาศยามค่ำคืนจะไม่พลุกพล่านเท่าป่าตอง ทำให้ บ้านพักอาศัยในย่านกะตะ เหมาะกับผู้ที่มองหาสมดุลระหว่างชีวิตริมทะเลกับความเป็นส่วนตัว
ตลาดอสังหาฯ ในหาดกะตะกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในช่วงปีหลังๆ มีโครงการคอนโดมิเนียมและวิลล่าขนาดเล็กเปิดขายหลายแห่ง ทั้งในบริเวณริมชายหาดและตามเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวทะเล ยอดขายอสังหาฯในโซนกะตะ-กะรนมีการเติบโต เนื่องจากผู้ซื้อบางส่วนมองว่าราคาในโซนนี้ยัง คุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับหาดชื่อดังอื่น (ราคาอสังหาฯในกะตะเฉลี่ยจะต่ำกว่าบางเทาหรือป่าตองอยู่บ้าง) ประกอบกับโครงการใหม่ๆ มักออกแบบมาเพื่อรองรับการอยู่อาศัยระยะยาวและการลงทุนปล่อยเช่าทั้งรายเดือนและรายวัน จุดแข็งอีกประการของย่านนี้คืออยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ เช่น อยู่ห่างจากแหลมพรหมเทพและหาดในหานไม่กี่นาทีขับรถ และสามารถเดินทางไปยังตัวเมืองภูเก็ตได้ภายในประมาณครึ่งชั่วโมง
สำหรับผู้ซื้อบ้านชาวไทย การเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดที่หาดกะตะอาจเหมาะกับผู้ที่อยากได้ บ้านพักตากอากาศสำหรับครอบครัว หรือคู่ที่ต้องการมาพักผ่อนช่วงวันหยุด โดยได้บรรยากาศทะเลสวยงามแต่ไม่พลุกพล่านจนเกินไป นอกจากนี้ในแง่การลงทุนปล่อยเช่า กะตะก็มีดีมานด์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวแบบพักผ่อนยาวหรือกลุ่ม digital nomads ที่นิยมบรรยากาศสงบ ทำให้มีโอกาสปล่อยเช่าระยะกลางได้ดี โดยรวมแล้วหาดกะตะถือเป็นทำเล “ตัวเต็ง” ที่กำลังมาแรงในฐานะทางเลือกที่ลงตัวระหว่างความคึกคักและความเป็นส่วนตัวบนเกาะภูเก็ต
ราไวย์ ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะภูเก็ต โดดเด่นด้วยบรรยากาศชุมชนชาวประมงดั้งเดิม ผสมผสานกับวิถีชีวิตคนต่างชาติที่ย้ายมาพำนักในพื้นที่นี้อย่างลงตัว ราไวย์มีชายหาดและท่าเรือที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสด (หมู่บ้านชาวประมงราไวย์) รวมถึงอยู่ใกล้กับหาดในหานซึ่งเป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยสงบที่สุดของภูเก็ต ทำเลนี้ไม่ได้พลุกพล่านด้วยนักท่องเที่ยวระยะสั้นเท่าป่าตองหรือกะตะ แต่กลับเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติที่มา พักอาศัยระยะยาว เช่น กลุ่มผู้เกษียณอายุจากยุโรป อเมริกา ที่ต้องการใช้ชีวิตเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติท้องถิ่น ทำให้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ราไวย์กลายเป็นชุมชนนานาชาติขนาดย่อม มีร้านอาหารนานาชาติ คาเฟ่ และร้านค้าต่างๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้พำนักจากหลากหลายประเทศ
ในด้านอสังหาริมทรัพย์ บ้านและวิลล่าในราไวย์ มีชื่อเสียงในด้านความคุ้มค่าคุ้มราคาเมื่อเทียบกับพื้นที่ติดทะเลอื่นๆ ของภูเก็ต ผู้ซื้อสามารถหาบ้านพร้อมที่ดินหรือพูลวิลล่าขนาด 2-3 ห้องนอนในราไวย์ได้ในงบที่อาจเอื้อมถึงมากกว่า (ระดับหลักล้านกลางๆ ถึงสิบกว่าล้านบาท ขึ้นอยู่กับระยะห่างทะเล) แม้ปัจจุบันราคาที่ดินในราไวย์จะปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในเกาะภูเก็ต แต่ก็ยังถูกกว่าทำเลฝั่งตะวันตกที่เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก การเติบโตของราคานี้บ่งบอกถึงศักยภาพที่นักลงทุนเริ่มมองเห็นในทำเลราไวย์ ประกอบกับ โครงสร้างพื้นฐานที่กำลังพัฒนา เช่น การปรับปรุงท่าเรืออ่าวฉลองให้เป็นศูนย์กลางการเดินทางทางทะเลและยอชต์ที่ทันสมัย รวมถึงโครงการถนนสายใหม่ๆ ที่เชื่อมฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของเกาะ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ราไวย์มากขึ้น
ราไวย์เหมาะกับผู้ซื้อบ้านที่ต้องการ คุณภาพชีวิตแบบเนิบช้าและกลมกลืนกับธรรมชาติ ผู้ซื้อบ้านคนไทยบางส่วนที่นิยมพื้นที่นี้มักเป็นผู้ที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ มาใช้ชีวิตหลังเกษียณหรือทำงานจากระยะไกล (work from anywhere) ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์และชุมชนที่เป็นมิตร สำหรับการลงทุนปล่อยเช่า บ้านหรือวิลล่าในราไวย์สามารถปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาวหรือกลุ่มครอบครัวที่มาพักผ่อนได้นานหลายเดือนต่อครั้งได้เป็นอย่างดี ความเสี่ยงของการลงทุนในโซนนี้ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับโซนที่พึ่งพานักท่องเที่ยวระยะสั้น เพราะดีมานด์มาจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริงที่ต่อเนื่อง ดังนั้นราไวย์จึงเป็นทำเลที่มีทั้งเสน่ห์เฉพาะตัวและโอกาสเติบโตอย่างมั่นคง
ตัวเมืองภูเก็ต (อำเภอเมือง) เป็นหัวใจทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจังหวัด ภายในเมืองเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน รวมถึง “ย่านเมืองเก่า” ที่มีเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสอันสวยงาม ทำให้เมืองภูเก็ตเป็นทำเลที่อยู่อาศัยหลักของคนท้องถิ่นและชาวไทยที่ย้ายมาทำงานบนเกาะ สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ เมืองภูเก็ตเป็นแหล่งของ ที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียมในราคาที่เอื้อมถึง มากกว่าพื้นที่ชายทะเล ราคาเฉลี่ยของบ้านหรือทาวน์เฮาส์ในตัวเมืองอาจอยู่ที่ประมาณ 2-5 ล้านบาท ซึ่งจับต้องได้สำหรับชนชั้นกลาง นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมใกล้แหล่งช้อปปิ้งและมหาวิทยาลัย ที่ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 2 ล้านบาท เหมาะกับกลุ่มมนุษย์เงินเดือนหรือครอบครัวเริ่มต้น
แม้ว่าเมืองภูเก็ตจะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่ก็มีจุดเด่นเรื่องความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตและการเดินทาง พื้นที่เมืองเชื่อมต่อถนนสายหลักหลายสาย สามารถเดินทางไปยังหาดต่างๆ รอบเกาะภายในเวลา 20-40 นาที และในอนาคตยังมี โครงการระบบขนส่งมวลชนรางเบา (รถราง) ที่วางแผนจะสร้างผ่านกลางเมือง เชื่อมจากสนามบินมายังตัวเมือง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะยิ่งเพิ่มคุณค่าให้กับอสังหาฯในย่านนี้ นอกจากนี้ เมืองภูเก็ตยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานราชการและบริษัทเอกชนจำนวนมาก ส่งผลให้ ดีมานด์ที่อยู่อาศัยเพื่อคนทำงานในเมืองมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น การเช่าอพาร์ตเมนต์หรือบ้านของข้าราชการ ครู แพทย์ พนักงานธนาคาร ฯลฯ ผู้ลงทุนที่ซื้อคอนโดหรือบ้านในตัวเมืองเพื่อตลาดเช่าระยะยาวจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนค่าเช้าที่สม่ำเสมอ
สำหรับผู้ซื้อบ้านชาวไทย การซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองภูเก็ตเป็นทางเลือกยอดนิยม โดยเฉพาะผู้ที่เกิดและโตในภูเก็ตหรือผู้ที่ย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากเพราะหน้าที่การงาน สภาพแวดล้อมในเมืองมีความเป็นชุมชนและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังใกล้โรงเรียนประถมมัธยมที่มีคุณภาพ ทำให้ครอบครัวคนไทยจำนวนมากเลือกอยู่อาศัยในเมืองแล้วค่อยเดินทางไปท่องเที่ยวยังชายหาดต่างๆ ในวันหยุดแทน จากมุมมองการลงทุน แม้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาของอสังหาฯในเมืองอาจไม่หวือหวามากนัก แต่ความเสี่ยงก็น้อย เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยพื้นฐานของคนท้องถิ่นมีอยู่จริงและสม่ำเสมอ เมืองภูเก็ตจึงเป็นทำเล “ฐานที่มั่น” ที่มั่นคงสำหรับตลาดบ้านบนเกาะนี้ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าระยะยาวก็ตาม
ตลาดบ้านในภูเก็ตสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับตามลักษณะและกลุ่มผู้ซื้อ โดยชนิดของบ้านที่เป็นที่ต้องการในตลาดปัจจุบัน ได้แก่ บ้านติดทะเล, บ้านหรูระดับลักชัวรี, และ บ้านจัดสรรในโครงการหมู่บ้าน ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนี้:
จุดเด่นของบ้านจัดสรรคือ การมีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม., สระว่ายน้ำส่วนกลาง, ฟิตเนส, สวนสาธารณะ ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัยและสะดวกสบาย คล้ายรูปแบบการอยู่คอนโดแต่ได้พื้นที่ใช้สอยและความเป็นส่วนตัวของบ้าน ในตลาดภูเก็ต บ้านจัดสรรใหม่ๆ ที่เปิดขายในช่วงปี 2566-2567 หลายโครงการได้รับการตอบรับดีจน ยอดขายในบางไตรมาสสูงกว่าจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ สะท้อนว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยยังมีดีมานด์ซื้อบ้านแนวราบเพื่ออยู่อาศัยจริง หากเจอโครงการที่ทำเลและราคาสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ผู้ซื้อบ้านจัดสรรในภูเก็ตต้องคำนึงถึงคือราคาที่ดินบนเกาะที่ปรับตัวสูง ทำให้ราคาเสนอขายบ้านจัดสรรในเกาะภูเก็ตสูงกว่าจังหวัดอื่นในภูมิภาคเดียวกัน (เช่น สงขลา หรือ นครศรีธรรมราช) อยู่พอสมควร ส่งผลให้บางครอบครัวอาจขยับไปเลือกซื้อบ้านมือสองที่มีราคาถูกกว่าแทน สำหรับนักลงทุน การซื้อบ้านจัดสรรอาจไม่หวือหวาในแง่กำไรส่วนต่างระยะสั้น แต่สามารถถือครองเพื่อปล่อยเช่าให้ครอบครัวชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในภูเก็ตได้ต่อเนื่อง ซึ่งให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในอสังหาฯประเภทอื่น
ผู้ซื้อบ้านชาวไทยในภูเก็ตสามารถแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มตามวัตถุประสงค์และลักษณะทางเศรษฐกิจของแต่ละคน ซึ่งแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมในการเลือกซื้อและปัจจัยขับเคลื่อนที่แตกต่างกัน ดังนี้:
โดยสรุป กลุ่มผู้ซื้อบ้านคนไทยในภูเก็ตมีตั้งแต่ระดับรายได้ปานกลางไปจนถึงรายได้สูง และมีทั้งที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน ความต้องการของแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกันไป คนท้องถิ่นต้องการที่อยู่ที่คุ้มค่าเงิน ใกล้ที่ทำงานและโรงเรียน ส่วนคนไทยนอกพื้นที่มองหาทำเลสวย ศักยภาพสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนหรือคุณค่าในการใช้สอย การทำความเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้พัฒนาโครงการหรือผู้ขายสามารถวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น การออกแบบโปรโมชั่นสำหรับคนพื้นที่ (เช่น ผ่อนดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ยพิเศษ) หรือการจัดแพ็คเกจบริหารการเช่าสำหรับกลุ่มนักลงทุน เป็นต้น
การซื้อบ้านในภูเก็ตสามารถมีวัตถุประสงค์หลักอยู่สองรูปแบบคือ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และ ซื้อเพื่อลงทุนหาผลตอบแทน ซึ่งแนวทางในการตัดสินใจและปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงจะแตกต่างกัน ผู้ซื้อควรวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของตน ดังนี้:
กลยุทธ์สำหรับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง:
กลยุทธ์สำหรับการซื้อเพื่อลงทุน:
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะซื้อบ้านในภูเก็ตเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อลงทุน การทำการบ้านและวางแผนอย่างรอบคอบเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจทั้งตัวสินทรัพย์, ทำเล, สภาพตลาด ณ ขณะนั้น และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือคนในวงการอสังหาฯของภูเก็ตก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้เฉียบขาดขึ้น เมื่อเตรียมตัวมาดี การซื้อบ้านในภูเก็ตก็จะกลายเป็นการตัดสินใจที่ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าตามเป้าหมายที่วางไว้
การถือครองอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตสำหรับชาวไทยนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมาเมื่อเทียบกับข้อจำกัดที่ชาวต่างชาติเผชิญ แต่ก็ยังมีประเด็นด้านกฎหมายและข้อควรรู้หลายประการที่ผู้ซื้อบ้านคนไทยควรทราบเพื่อให้การครอบครองทรัพย์สินเป็นไปอย่างมั่นคงและถูกต้องตามกฎหมาย ดังนี้:
โดยภาพรวมแล้ว การถือครองบ้านในภูเก็ตสำหรับคนไทยไม่มีข้อห้ามยุ่งยากเหมือนชาวต่างชาติ แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจและป้องกันปัญหาในระยะยาว ผู้ซื้อควรเอาใจใส่ในขั้นตอนทางกฎหมายอย่างครบถ้วน ตั้งแต่การตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ไปจนถึงการปฏิบัตามกฎหมายนิติบุคคลและการชำระภาษีอย่างถูกต้อง การเตรียมการเหล่านี้จะทำให้การเป็นเจ้าของบ้านในภูเก็ตเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นคง
นอกเหนือจากตลาดโครงการบ้านใหม่ที่เติบโตอย่างร้อนแรงแล้ว ตลาดบ้านมือสองในภูเก็ต ก็มีบทบาทสำคัญและเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยที่มองหาที่อยู่อาศัยราคาคุ้มค่าหรือโอกาสการลงทุนในงบประมาณที่จำกัด บ้านมือสองหมายถึงบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่เจ้าของเดิมนำออกขายต่อ ทั้งในสภาพเดิมหรือนำมาปรับปรุงใหม่ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ ได้แก่ ราคาที่มักต่ำกว่าบ้านใหม่ในระดับคุณภาพใกล้เคียงกัน, ทำเลที่ตั้งที่มักอยู่ในชุมชนดั้งเดิม (เช่น ในตัวเมืองหรือแหล่งชุมชนที่โครงการใหม่อาจไม่มีที่ดินเหลือแล้ว), และความพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอก่อสร้าง
กลุ่มผู้เล่นหลักในตลาดบ้านมือสองภูเก็ตมีทั้ง ผู้ซื้ออยู่อาศัยจริง ที่ต้องการประหยัดงบประมาณ และ นักลงทุนรายย่อย ที่ใช้กลยุทธ์ “Fix & Flip” - คือ ซื้อบ้านเก่ามาปรับปรุง (Renovate) แล้วขายทำกำไร ตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านอายุ 10-20 ปีในตัวเมืองที่โครงสร้างยังดีแต่สภาพภายนอกทรุดโทรม ในราคาเหมาะสม จากนั้นลงทุนรีโนเวทซ่อมแซมและตกแต่งใหม่ แล้วจึงประกาศขายในราคาที่สูงขึ้น ผลตอบแทน (Margin) จากการขายบ้านปรับปรุงเช่นนี้ในภูเก็ตพบว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ หากบริหารต้นทุนค่าวัสดุและแรงงานได้ดี และเลือกทำเลบ้านที่มีศักยภาพ (เช่น ใกล้สถานศึกษา โรงพยาบาล หรืออยู่ในย่านชุมชนที่คนท้องถิ่นนิยม) แม้ปริมาณธุรกรรมบ้านมือสองต่อปีอาจไม่มากเท่าตลาดบ้านใหม่ แต่แนวโน้มก็ เติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าตลาดนี้จะคึกคักขึ้นในปี 2568 เนื่องจากผู้ซื้อบางส่วนหันมาให้ความสนใจทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในภาวะที่บ้านใหม่ราคาแพงขึ้น
ข้อควรระวังสำหรับการซื้อบ้านมือสองคือ การตรวจสอบสภาพบ้านและเอกสารสิทธิ์อย่างละเอียด ผู้ซื้อต้องเช็คโครงสร้าง ความชำรุดทรุดโทรม ระบบน้ำไฟ รวมถึงภาระค้างชำระค่าส่วนกลางหรือค่าไฟฟ้าที่อาจติดมากับบ้าน นอกจากนี้ควรตรวจสอบโฉนดที่ดินว่าไม่มีภาระจำนองหรือค้ำประกันใด ๆ และดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินอย่างถูกต้อง ในกรณีที่ปรับปรุงบ้านแล้วขายต่อ ผู้ลงทุนก็ควรคำนึงถึงต้นทุนทั้งหมดและภาษีธุรกิจเฉพาะที่จะเกิดขึ้นหากขายในเวลาไม่ถึง 5 ปีหลังซื้อ สำหรับผู้ซื้อบ้านมือสองเพื่ออยู่อาศัย การเจรจาต่อรองราคาเป็นสิ่งที่ทำได้และมีโอกาสได้ส่วนลดมากกว่าการซื้อบ้านใหม่จากโครงการ เนื่องจากผู้ขายมักยืดหยุ่นและต้องการปิดการขายเร็ว สรุปแล้ว ตลาดบ้านมือสองภูเก็ตเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทั้งสำหรับผู้อยู่อาศัยงบจำกัดและนักลงทุนที่มองหากำไรจากการรีโนเวท โดยเป็นตลาดที่เสริมสร้างความหลากหลายให้กับภูมิทัศน์อสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ตอย่างมีนัยสำคัญ
ถาม: การซื้อบ้านหรือที่ดินในภูเก็ตมีขั้นตอนพิเศษหรือต่างจากพื้นที่อื่นหรือไม่?
ตอบ: ขั้นตอนหลักในการซื้อบ้านในภูเก็ตไม่ต่างจากพื้นที่อื่นในประเทศไทย ผู้ซื้อจะต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย ชำระเงินมัดจำ และดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินเช่นเดียวกัน สิ่งที่ต่างอาจเป็นรายละเอียดปลีกย่อย เช่น ค่าธรรมเนียมโอนในภูเก็ตจะคำนวณตามราคาประเมินของที่ดินซึ่งค่อนข้างสูง (เพราะมูลค่าที่ดินสูง) ทำให้ค่าโอนอาจสูงตาม นอกจากนี้บางโครงการในภูเก็ตอาจเสนอเงื่อนไขพิเศษ เช่น การรับประกันค่าเช่าสำหรับนักลงทุน หรือโปรโมชันตกแต่งพร้อมอยู่สำหรับบ้านพักตากอากาศ ผู้ซื้อควรอ่านสัญญาและเงื่อนไขให้รอบคอบ ส่วนการขอสินเชื่อบ้านในภูเก็ต ธนาคารก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับทั่วประเทศ โดยจะพิจารณารายได้ผู้กู้ มูลค่าประเมินทรัพย์ และความสามารถชำระหนี้
ถาม: ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านหรือที่ดินในภูเก็ตได้หรือไม่?
ตอบ: ตามกฎหมายไทย ชาวต่างชาติไม่สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้โดยตรง ไม่ว่าจะที่ภูเก็ตหรือจังหวัดใดๆ อย่างไรก็ตาม ชาวต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตได้ (ภายในโควตาต่างชาติ 49% ของพื้นที่ขายอาคารชุดนั้น) และสามารถถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดในชื่อตนเอง อีกทางเลือกหนึ่งคือการซื้อบ้านหรือวิลล่าพร้อมทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว (เช่น 30 ปีต่ออายุได้) ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเช่นกัน นอกจากนี้มีกรณีชาวต่างชาติสมรสกับคนไทยแล้วให้คู่สมรสชาวไทยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทน ซึ่งถูกต้องตามกฎหมายตราบเท่าที่เป็นการใช้เงินส่วนตัวของฝ่ายไทย (มีการลงนามยืนยัน) สรุปคือชาวต่างชาติซื้อบ้านในภูเก็ตได้ในบางรูปแบบ แต่หากเป็นที่ดินจะต้องใช้วิธีทางอ้อมหรือเงื่อนไขพิเศษ
ถาม: ระหว่างลงทุนซื้อคอนโดกับบ้านวิลล่าในภูเก็ต อันไหนมีโอกาสให้ผลตอบแทนดีกว่ากัน?
ตอบ: ทั้งคอนโดและบ้านวิลล่าในภูเก็ตต่างก็มีข้อดีและเหมาะกับเป้าหมายการลงทุนที่ต่างกัน คอนโดมิเนียม มีข้อได้เปรียบเรื่องราคาที่ถูกกว่า (เริ่มต้นไม่กี่ล้านบาทก็ลงทุนได้) และง่ายต่อการปล่อยเช่าในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปหรือคนทำงานเดี่ยวๆ นอกจากนี้คอนโดดูแลง่าย มีนิติบุคคลคอยจัดการส่วนกลาง แต่ผลตอบแทนระยะยาวของคอนโดอาจไม่สูงมากนักเพราะมีซัพพลายออกมาเรื่อยๆ และตัวอาคารเสื่อมสภาพตามเวลา บ้านวิลล่า (โดยเฉพาะพูลวิลล่าหรู) แม้ใช้เงินลงทุนสูงกว่า แต่มีตลาดปล่อยเช่าระยะสั้นที่แข็งแกร่ง สามารถคิดค่าเช่าได้แพงต่อคืนจากกลุ่มครอบครัวหรือนักท่องเที่ยวระดับบน ผลตอบแทนต่อปีในช่วงที่ท่องเที่ยวบูมอาจสูงกว่าคอนโด (หลัก 8-10% ต่อปีสำหรับพูลวิลล่าบางหลัง) อีกทั้งวิลล่ามีที่ดินมูลค่าเพิ่มในตัวทำให้ราคาเติบโตในระยะยาวดีกว่าคอนโด อย่างไรก็ตาม วิลล่าก็มีค่าใช้จ่ายดูแลรักษาสูงกว่าและหาผู้เช่าระยะยาวยากกว่าเช่นกัน โดยสรุปหากเน้นปล่อยเช่าสม่ำเสมอและลงทุนไม่สูง คอนโดถือเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการผลตอบแทนสูงสุดและรับความเสี่ยงได้ การลงทุนในบ้านวิลล่าที่ทำเลดีในภูเก็ตก็มีศักยภาพมาก
ถาม: แนวโน้มราคาบ้านในภูเก็ตอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?
ตอบ: แม้ไม่อาจคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ แต่จากปัจจัยปัจจุบัน มีแนวโน้มว่าราคาบ้านและที่ดินในภูเก็ตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ปัจจัยสนับสนุนคือศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่น่าจะเติบโตอีกมาก (ภูเก็ตยังมีแผนพัฒนาเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวสุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ จะเสร็จสิ้นในไม่กี่ปี) ประกอบกับที่ดินบนเกาะมีจำกัด แต่ความต้องการจากทั้งคนไทยและต่างชาติมีสูง จึงเป็นแรงผลักดันให้ราคาปรับสูงขึ้นทุกปี อย่างไรก็ดี การเติบโตอาจไม่หวือหวามากเท่าช่วง 1-2 ปีหลังโควิดที่ดีมานด์อั้นอยู่แล้วระเบิดขึ้นมา นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าตลาดจะเข้าสู่ภาวะ “ปรับตัวเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” คือราคาอาจเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงบ้าง แต่ยังเป็นขาขึ้น ด้วยข้อแม้ว่าไม่มีวิกฤตใหญ่ใดๆมากระทบ ดังนั้นหากลงทุนระยะยาว 5-10 ปี ผู้ซื้อมีโอกาสเห็นมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน แต่ควรเลือกทำเลและโครงการที่มีคุณภาพเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการเติบโตของตลาด
ถาม: การปล่อยเช่าบ้านหรือคอนโดในภูเก็ตผ่าน Airbnb และแพลตฟอร์มออนไลน์ถูกกฎหมายหรือไม่?
ตอบ: การปล่อยเช่าระยะสั้น (ไม่เกิน 30 วัน) โดยไม่มีใบอนุญาตโรงแรมในประเทศไทยถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตาม พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 ดังนั้นการนำบ้านหรือคอนโดในภูเก็ตไปปล่อยเช่ารายวัน/สัปดาห์ผ่าน Airbnb, Booking.com หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตมีความเสี่ยงที่จะถูกเจ้าหน้าที่สั่งปรับหรือดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายนี้ในภูเก็ตอาจยังไม่เข้มงวดเต็มที่ เจ้าของหลายรายยังคงปล่อยเช่าระยะสั้นกันอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงแฝง นักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่าควรพิจารณาทางเลือกที่ปลอดภัย เช่น ปล่อยเช่ารายเดือนขึ้นไป (ซึ่งไม่เข้าข่ายธุรกิจโรงแรม) หรือเข้าร่วมโครงการเช่าของโรงแรมที่มีใบอนุญาตถูกต้อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ในกรณีที่ต้องการปล่อยเช่าระยะสั้นจริงๆ ควรดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้อง หรือชั่งน้ำหนักความเสี่ยงให้ดีก่อนดำเนินการ
ถาม: ถ้าต้องการซื้อบ้านในภูเก็ตที่ราคาประหยัดที่สุด มีช่วงราคาเริ่มต้นประมาณเท่าใด?
ตอบ: ราคาบ้านในภูเก็ตขึ้นอยู่กับทำเลและประเภทของบ้าน แต่โดยทั่วไป บ้านแนวราบที่ราคาต่ำที่สุด มักจะเป็นทาวน์เฮาส์หรือบ้านชั้นเดียวขนาดเล็กที่อยู่ชานเมือง ช่วงราคาเริ่มต้นประมาณ 1-2 ล้านบาท ในบางโครงการ (เช่น ทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวที่ลิพอน เคยเปิดขายเริ่มต้นใกล้เคียง 1 ล้านบาทซึ่งขายหมดอย่างรวดเร็ว) สำหรับบ้านโครงการใหม่ในภูเก็ต ราคามักเริ่มราว 3-5 ล้านบาท ขึ้นไป (ได้บ้านขนาดเล็ก 2-3 ห้องนอนในทำเลรอบนอกเมือง) หากเป็นบ้านในทำเลที่ดีกว่านี้หรือขนาดใหญ่ขึ้น ราคาก็จะไต่ระดับสูงขึ้นตามลำดับ ในตลาดบ้านมือสอง บางครั้งอาจพบบ้านหรือทาวน์เฮาส์สภาพเก่าในชุมชนพื้นถิ่นที่ประกาศขายในช่วงราคา 2-3 ล้านบาทได้เช่นกัน แต่ผู้ซื้อควรตรวจสอบสภาพบ้านและค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงที่อาจตามมาให้ดี
หากคุณเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และต้องการขายบ้านในภูเก็ตให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงและผู้ซื้อหลากหลายกลุ่ม ลองพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้:
การขายบ้านในภูเก็ตอาจใช้เวลาเนื่องจากเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง แต่ด้วยการตั้งราคาที่เหมาะสม การนำเสนอที่ดี และการทำการตลาดเชิงรุก ก็มีโอกาสสูงที่จะขายได้สำเร็จในราคาที่น่าพอใจ ทั้งนี้ความอดทนและความยืดหยุ่นในการเจรจาต่อรองก็เป็นกุญแจสำคัญ ในตลาดที่ผู้ซื้อมีทางเลือกมาก ผู้ขายที่เตรียมตัวมาดีย่อมได้เปรียบในการปิดการขายทรัพย์สินของตน
ตลาดบ้านภูเก็ตในภาพรวมยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตอกย้ำสถานะ “ไข่มุกแห่งอันดามัน” ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและกำลังซื้อที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ภูเก็ตเป็นตลาดที่สวนกระแสเมื่อเทียบกับหลายพื้นที่ในประเทศไทย มีสัญญาณว่าตลอดปี 2567 และก้าวสู่ปี 2568 ภูเก็ตจะยังคงเป็นจังหวัดที่ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตโดดเด่น โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวรวมอาจแตะระดับ 14 ล้านคนต่อปี ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ นำมาซึ่งรายได้และความต้องการที่อยู่อาศัยมหาศาลบนเกาะแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวจะเป็นการเติบโตแบบคัดกรองมากขึ้น แต่ละเซกเมนต์ของตลาดอาจเคลื่อนไหวแตกต่างกัน เช่น ตลาดคอนโดมิเนียม ที่มีซัพพลายมากอาจชะลอตัวเล็กน้อยในแง่ยอดขายต่อหน่วย แต่ยังมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าต่อเนื่องจากผู้พัฒนารายใหญ่และผู้ซื้อชาวต่างชาติ ขณะที่ ตลาดวิลล่าและบ้านหรู จะยังคงคึกคักจากดีมานด์ของเศรษฐีไทย-เทศที่มองหาบ้านพักตากอากาศคุณภาพ ในเวลาเดียวกัน ตลาดบ้านจัดสรรและที่อยู่อาศัยสำหรับคนไทย ก็จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
ความท้าทายในระยะข้างหน้าคือการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาและความยั่งยืน ภาครัฐและเอกชนในภูเก็ตตระหนักถึงปัญหาต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ต้องเร่งปรับปรุง, การจัดการสิ่งแวดล้อม, และการควบคุมดูแลให้การเติบโตของเมืองไม่กระทบคุณภาพชีวิต สิ่งเหล่านี้หากดำเนินการได้ดีจะยิ่งทำให้ภูเก็ตทรงเสน่ห์สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนในระยะยาว
โดยสรุป “ภูเก็ต” ในปี 2567-2568 เปรียบเสมือนเวทีที่โอกาสและความท้าทายมาบรรจบกัน ผู้ที่สนใจขายบ้านในภูเก็ตหรือซื้อบ้านเพื่อลงทุน ควรติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด มีการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และพร้อมปรับตัวตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างสามารถใช้ประโยชน์จากกระแสความนิยมและศักยภาพของภูเก็ต หากมีการวางแผนและปรับตัวที่ดี เกาะภูเก็ตก็พร้อมมอบทั้งผลตอบแทนทางธุรกิจและคุณค่าของชีวิตให้กับทุกคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้

ดีลักซ์ คอนโดมิเนียม

เลอ เซแลส พระราม9 ศรีนครินทร์

ลุมพินี เซ็นเตอร์ แฮปปี้แลนด์