ชีวิตมันเครียด! ให้ห้องช่วยผ่อนคลายด้วยการจัดห้องตามหลักจิตวิทยา

สถานการณ์โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความตึงเครียดทั้งเรื่องโรคระบาด สงครามและอีกมากมายรอบตัวเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งในช่วงเวลาที่เราต้องอยู่บ้านหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกทำให้ไม่สามารถพบเจอเพื่อนหรือเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อผ่อนคลายได้ด้วยแล้วทำให้ความเครียดที่สะสมอยู่ยิ่งไม่อาจระบายออก ดอทจึงมาแนะนำวิธีการจัดบ้านให้รองรับความเครียดของเราได้ดีมากขึ้น มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

จัดสรรพื้นที่อย่าง Work Life Balance

business documents on office table with smart phone and digital

เมื่อก่อนบ้านเป็นพื้นที่พักผ่อนเพียงอย่างเดียวมาโดยตลอดแต่เมื่อเราต้องเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นทุกอย่าง รองรับทุกกิจกรรมที่เราทำแล้วการแบ่งแยกพื้นที่ให้ชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้จิตใจของเราไม่สับสนและยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราจัดเวลาได้ง่ายขึ้น

สำหรับบ้านหรือห้องพักพื้นที่จำกัดการจัดสรรพื้นที่ให้แยกจากกันเด็ดขาดอาจทำได้ยากเพราะแทบทุกกิจกรรมของเราอาจจะต้องรวมกันอยู่ในห้องเดียวทั้งพักผ่อน ทำงานหรือกระทั่งออกกำลังกาย หากเป็นเช่นนี้ลองหาเวลาสักวันหนึ่งแบ่งพื้นที่กิจกรรมออกเป็นโซนหรือมุมตามสะดวกและตกแต่งให้แตกต่างกันออกไป แต่หากใครกลัวว่าจะดูรกหรือวุ่นวายสามารถใช้วิธีหันหลังให้กัน เช่น เวลานั่งทำงานให้แน่ใจว่าเรามองไม่เห็นที่นอน เวลานอนก็มองไม่เห็นพื้นที่เครียดอย่างโต๊ะทำงาน เป็นต้น

สิ่งสำคัญคือเราต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเทียบเท่ากับงาน เพราะการพักผ่อนก็เป็นส่วนหนึ่งของงานเราเช่นกัน

จัดมุมดูแลจิตใจ

Grey chair at desk with desktop computer in scandi open space in

แน่นอนว่าบ้านคือที่พักใจของเราอยู่แล้ว แต่เมื่อบ้านต้องกลายเป็นที่ทำงาน กลายเป็นที่เรียนหนังสือด้วยไปแล้วมุมมองที่เรามีต่อบ้านก็จะมีความเครียดเข้ามาร่วมอยู่ด้วย ยิ่งหากอยู่คนเดียวด้วยแล้วความอัดอั้นที่ถูกเก็บเอาไว้จะยิ่งมีมากกว่าเดิม หรือหากใครที่อยู่ห้องคอนโดหันไปทางใดก็เจอแต่ผนังสี่เหลี่ยมทำให้รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกด้วยแล้วการสร้างมุมโปรดที่มีแต่เรื่องผ่อนคลายก็ยิ่งสำคัญ

มุมดูแลจิตใจนี้ดอทขอแนะนำให้เป็นมุมของงานอดิเรกเช่น ปลูกต้นไม้ เลี้ยงปลาหรือเป็นการออกกำลังกาย หลักคือต้องเป็นงานอดิเรกที่เราทำแล้วเพลิดเพลินมีความสุขอย่างแท้จริงเท่านั้น 

เลือกใช้สีโทนเย็นหรือโทนธรรมชาติเป็นหลัก

Modern furniture in retro style

กล่าวกันถึงสีแล้วต้องบอกเลยว่าสีส่งผลต่อเรามากกว่าที่เราคิด สีโทนเย็นหรือโทนธรรมชาติจะสามารถช่วยให้จิตใจของเราสงบนิ่งมากกว่าสีเข้มหรือสีที่เนื้อสีอย่างเข้มข้นเช่นชมพูบานเย็น ส้ม แดง เพราะสีโทนร้อนเหล่านี้มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความไม่หยุดนิ่งหรือการให้ความสำคัญ เป็นสีที่เมื่อเรามองเห็นแล้วจะไม่รู้สึกผ่อนคลายโดยอัตโนมัติ

ขณะที่สีโทนธรรมชาตินั้นมักถูกใช้แทนความไม่เร่งรีบและความอบอุ่นอยู่เสมอทำให้จิตใจที่เคร่งเครียดเปิดรับความผ่อนคลายนี้ได้มากกว่า เราจึงสบายใจกับสีโทนเย็นหรือสีโทนธรรมชาติมากกว่านั้นเอง

จัดบ้านทุกวันช่วยจัดสรรความคิด

kitchen cleaning

มนุษย์สามารถความมหัศจรรย์ให้กับตัวเองได้อย่างหนึ่งนั่นคือ ช่วงเวลาที่เราไร้แรงบันดาลใจ คิดไอเดียหรือทำงานไม่ได้เมื่อใด หากเก็บบ้าน จัดโต๊ะหรือทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว หรือกระทั่งล้างจานเพียงเท่านี้สมองและจิตใจของเราก็จะโปร่งโล่งขึ้นมาได้ทันที

ดังนั้นหากสามารถทำได้ควรจัดตารางให้หนึ่งวันเราเก็บบ้านหนึ่งครั้งหรือจัดพื้นที่ทำงานให้เป็นระเบียบก่อนเริ่มงานก็เป็นการเคลียร์ความคิดที่สับสนวุ่นวายออกให้สามารถเริ่มงานได้อย่างลื่นไหล การทำเช่นนี้ยังช่วยลดความเครียดที่สะสมอยู่ได้อีกด้วย เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

ในช่วงเวลาที่บ้านเป็นทุกอย่างให้เราแบบนี้การดูแลบ้านและใส่ใจกับบ้านจึงเป็นเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นคือการระวังเรื่องความเครียด หากมีเวลาว่างแล้วควรหากิจกรรมผ่อนคลายลดความเครียดเช่นการออกกำลังกาย ออกแรงจะช่วยให้สมองหลั่งสารความสุขออกมาได้แบบเดียวกับเมื่อเราได้เจอผู้คน หรืออยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้นก็สามารถช่วยลดความเครียดไปได้อย่างมากแล้ว