แชร์ประสบการณ์ ซื้อบ้านได้จากกรมบังคับคดีฯ สุดท้ายจะต้องกลายเป็นจำเลย

December 18, 2018

วันนี้เรามีเรื่องราวอุทาหรณ์ที่จะมาบอกเล่าให้เพื่อนทราบสำหรับท่านใดที่กำลังจะ ซื้อบ้านมือสอง จากกรมบังคับคดีฯควรต้องรู้ไว้ เพราะท่านอาจจะกลายเป็นจำเลยได้โดยไม่รู้ตัว โดยเรื่องประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนี้เป็นของ คุณ สมาชิกหมายเลข 842541 สมาชิกจากเว็บไซต์ pantip.com ที่ได้ทำการซื้อบ้านได้จากกรมบังคับคดีฯ แต่สุดท้ายบ้านเจ้ากำดันมาทำให้จกลายเป็นจำเลยขึ้นโรงขึ้นศาลส่วนสาเหตุจะมาจากอะไรนั้น เราไปติดตามกันเลย

ความทุกข์ใจของคน ซื้อบ้านมือสอง ได้จากบังคับคดีฯ สุดท้ายจะต้องกลายเป็นจำเลย !! ซะเองรึเปล่า BY สมาชิกหมายเลข 842541

ความทุกข์ใจของคนซื้อบ้านได้จากบังคับคดีฯ สุดท้ายจะต้องกลายเป็นจำเลย !! ซะเองรึเปล่า T-T เรื่องเริ่มจากผมซื้อบ้านได้จากบังคับคดี (21 พ.ย. 61) แต่มีทรัพย์สินเจ้าของเก่าอยู่เต็มบ้านโดยผมได้ติดต่อธนาคาร ขอเบอร์เจ้าของเก่าก้อได้มา แต่ จนท.แบงค์บอกว่าคนนี้ติดต่อไม่ได้มานานมากแล้วผมก้อลองโทรไป ไม่มีสัญญาน เหมือเบอร์ถูกยกเลิกไปแล้ว…ไม่สารมารถติดต่อเจ้าของได้จึงได้ทรัพย์สินภายในบ้านออกไปบริจาค เพื่อจะเข้าอยู่อาศัย

ภาพหน้าบ้าน

ภาพหลังบ้าน

ภายในบ้าน ชั้น 1 และชั้น 2

บ้านหลังนี้เราได้ชำระราคาทรัพย์ และโอนกรรมสิทธิ์ในวันที่ 30 พ.ย.61และได้ไปขอไฟฟ้าใหม่ (หม้อไฟฟ้าเดิมถูกถอด มากกว่า 3 เดือน) ในวันเดียวกันซึ่งก่อนที่เราจะนำทรัพย์สินในบ้านออกบริจาคนั้น (3 ธ.ค. 61) ผมได้โทรปรึกษาเรื่องนี้กับนิติกรที่สำนักงานบังคดีฯ (ที่ซื้อได้)แจ้งไปว่ามีทรัพย์สินเจ้าของเก่าอยู่เต็มบ้านของเราจะให้ทำอย่างไรดี.. ซึ่งได้รับคำแนะนำว่าเคสของผมไม่มีจำเลยอยู่ในบ้านจึงไม่ต้องตั้งเรื่องฟ้องขับไล่.. ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในบ้านให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แล้วนำออกบริจาคต่อไป..ตอนเย็นวันเดียวกัน เลยนำเอกสารโฉนดที่ดิน ทะเบียนบ้าน รูปถ่ายสภาพบ้านไปแจ้งความที่ สภ.อ.เมืองฯได้เล่าเรื่องให้ฟัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน (บอกด้วยว่าเอาของไปบริจาค แล้วเข้าอยู่ได้เลยสบายใจได้..)

เนื่องจากมีของในบ้านเป็นจำนวนมาก วันต่อมาผมจึงได้นำทรัพย์สินบางส่วน เช่นตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ จักยาน แท้งค์น้ำบริจาคให้บ้านใกล้เรือนเคียงที่ติดกัน เพราะเป็นของชิ้นใหญ่ ต้องเอาออกก่อน… ส่วนของอื่น ๆ แพลนจะทยอยบริจาคไปโดยตั้งใจว่าจะบริจาคออกไปทั้งหมด จะไม่เก็บไว้ในบ้านเลย.. เพราะไม่สบายใจที่ต้องเก็บของเหล้านี้ไว้ครับ..แต่ปัญหาเกิดใน 3 วันต่อมา !! (3 ธ.ค. 61) มีคนโทรมาผม บอกว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินในบ้าน (เป็นน้องสาวของเจ้าของเก่า)ได้ต่อว่าผมมีสิทธิ์อะไร..มาบริจาคทรัพย์สินของเขาให้คนอื่นได้อย่างไร สั่งให้ผมเรียกคืนทรัพย์สินกลับคืนมาให้หมดและจะทำเซ็คลิส มาตรวจของทุกชิ้นในบ้าน ถ้าสุญหายจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย.!!

คือถึงตรงนี้… ผมตกใจมากจริง ๆ ครับ ไม่คิดว่าการซื้อบ้านจากบังคับคดีจะนำเรื่องปวดหัวมาให้แบบนี้ บ้านเราก้อใช้เงินซื้อมาตามกฎหมาย เป็นกรรมสิทธิ์ของเราเต็ม 100% แต่กลับอยู่อาศัยไม่ได้เพราะของเต็มบ้าน พอจะจัดการของให้ออกไป (จากบ้านตัวเองแท้ ๆ) ก้อกลายเป็นเราเป็นคนผิดอีกหรือ.. ?? โดยผู้อ้างเป็นเจ้าของทรัพย์ บอกว่าไม่ทราบมาก่อนว่าบ้านจะถูกขายทอดตลาด และไม่ได้รับแจ้งเตือนจากธนาคารฯทำให้ไม่ทราบเรื่อง..ตอนนี้คือผู้อ้างเป็นเจ้าของทรัพย์ รอให้ผมไปเรียกคืนของที่บริจาคไปให้เขาอยู่ แล้วบอกจะเข้ามาตรวจสอบผมนี่ปวดหัวเลย.. ถ้าเขาเอา List แล้วบวกรายการแอบอ้างเพิ่ม แล้วบอกของหายไปจำนวนมากนี่ไม่อยากจะคิด ! เรื่องถึงตรงนี้นะครับ ถ้ามีอัพเดทผมจะมาเขียนต่อไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนที่คิดจะซื้อบ้านจากบังคับคดีฯ

*อัพเดท ตอนนี้ผมตามของคืนมาทั้งหมดละครับ เพราะที่บริจาคไปเป็นเพียงของชิ้นใหญ่ และให้กับบ้านข้างเคียงกันเท่านั้น ที่เหลือยังอยู่ในบ้านทั้งหมด ซึ่งได้นัดกะเจ้าของทรัพย์ให้มาขนไปใน 2 อาทิตย์ครับ ตอนนี้ก้อรอเค้าอย่างเดียวเลยที่ผมต้องตามของคืนให้เขา ส่วนนึงก้อคิดใจเขาใจเรา หากไม่รู้จริง ๆ บ้านถูกขายไป แล้วของก้อยังเก็บอยู่เต็มบ้าน แล้วมีคนมาเอาไปคงเสียความรู้สึกมากเหมือนกัน ตอนตามของก้อไปอธิบายเพื่อนบ้าน ไหว้ขอโทษและซื้อของไปฝากพี่เขาด้วยเพื่อรักษาน้ำใจ เพราะอีกหน่อยคงเป็นเพื่อนบ้านกัน คือที่ทำอย่างนี้เพราะผมบริสุทธิ์ใจที่จะคืนของให้ครับ หวังว่าเขาคงไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร เขาได้ของกลับคืน ผมได้เข้าอยู่อาศัย ให้จบเรื่องเร็ว ๆ ครับ

*อัพเดทเพิ่มเติมเพื่อเป็นกรณีศึกษา ถึงตอนนี้มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของทรัพย์ในบ้านนี้ร่วมอีก 3 คน (เป็นทั้งหมด 4 คน)ยอมรับว่าเป็นเคสไม่ธรรมดาจริง ๆ ครับ.

6 ธ.ค. 61 > วันแรกที่มีผู้แสดงตัวเป็นเจ้าของทรัพย์ในบ้าน โดยตัวน้องสาวของเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม ได้เข้ามาดูของในบ้านเวลา 19.30 น. โดยบอกให้เราตามของที่บริจาคไปกลับคืนมาให้ บอกว่าวันที่เขาจ้างขนส่งมา มีลิสรายการอยู่เดี๋ยวจะเอามาเช็ก

9 ธ.ค. 61 > ตัวน้องสาวของเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม โทรหาผมบอกจะให้ น้องชาย (อายุ 50 ปี) ซึ่งบ้านยุด้านหลัง (หลังบ้านติดกัน) เป็นตัวแทนเขาให้เข้ามาสำรวจของในบ้านก่อน พอผมไปถึงบ้านและได้เปิดประตูด้านหลัง พบว่าประตูหลังบ้านเขาก้อเปิดอยู่เช่นกัน

จึงเรียกให้พี่เขาออกมาคุย ได้ใจความว่าเขาอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ (ด้านหลังบ้านผม) ก่อนหน้านี้.. ได้ปีนข้ามไป-มาบ้านผม เพื่อเอาของมาเก็บไว้ และพระที่อยู่ในบ้านเป็นของเขาเอง บอกเป็นห่วงมากอยากเข้าไปตรวจสอบดู พูดแล้วพี่แกทำท่าจะปีนข้ามมาฝั่งบ้านผม เลยบอกพี่ช่วยเดิมอ้อมมาเข้าประตูหน้าบ้านครับ แบบนี้มันไม่ดีจากนั้นก้อพาไปดูทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยดี ผมบอกว่าถ้าพี่มาดูเห็นพระแล้ว พี่ช่วยขนกลับไปฝั่งบ้านพี่เลยได้ไหม ? เขาบอกยังไม่ขนไป เดวจะขนทีเดียวพร้อมกันทั้งหมด มีอะไรให้คุยกะพี่สาวได้ ผมก้ออึ้งไป…….. รึกูให้เวลาเขาไว้ 2 อาทิตย์ว่ะ เขาเลยยังไม่ขน (คิดในใจ)

13 ธ.ค. 61 > ทีนี้ตัวน้องชายโทรหาผม บอกขอนัดเข้ามาเปิดบ้านให้ดูของอีกรอบหน่อย เดวจะให้ยาย(อายุ 72 ปี) กะพี่สาวอีกคน(อายุ 50 ปี) ทั้ง 2 มีชื่อย้ายเข้าตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เมื่อ 21. มิ.ย. 59 จนถึงปัจจุบัน เข้าโดยยายมีชื่อเป็นเจ้าบ้านหลังที่ผมซื้อ ทั้ง 3 คนมาถึงเวลา 16.00 น. ถ่ายรูปบัตร ปปช ขอเบอร์ทุกคนแล้ว ผมก้อเปิดบ้านให้พวกเขาพากันเดินของในบ้าน มันยังอยู่ดี !!

พอเสร็จผมบอกไปว่าพวกพี่มาดูของกัน 3 เที่ยวแล้ว.. ช่วยขนออกทั้งหมดออกจากบ้านผมภายในอาทิตย์นี้ได้ไหม ? [16 ธ.ค. 61] ผมอ้างเหตุผลต้องใช้พื้นที่ และกลัวเรื่องอัคคีภัย เพราะการไฟฟ้าพึงมาติดหม้อไฟใหม่ให้เมื่อวาน กอปกับของเขาวางกันเต็มบ้านแบบนี้ มันไม่ปลอดภัย แต่คุณยายกะพี่สาวที่มาดูของ บอกยังไม่ว่างอาทิตย์นี้ ขอเลื่อนไปอาทิตย์หน้า อ้าว !! … จะเลื่อนไปถึงไหนนิ T-T…

โปรดติดตามต่อไปครับ…

————————————

ปล. บ้านด้านหลังผมที่ตัวน้องชายเขาอาศัยอยู่ตอนนี้ สอบถามเพื่อนบ้านข้างเคียงบอกว่า ธนาคารไทยพานิยชน์ได้ซื้อไปแล้วเมื่อ 3 เดือนก่อน มาติดป้ายทรัพย์ธนาคารฯไว้ แต่มีคนเอาออกไปครับ

โดยถ้าหากคุณ สมาชิกหมายเลข 842541 มาอัพเดท เมื่อทางเราจะรีบนำมาลงให้ท่านได้รับทราบต่ออย่างแน่นอน