บริหารการ ลงทุนอสังหา แบบมืออาชีพ เพื่อผลตอบแทนสูงสุด!!!

ลงทุนอสังหา แบบมืออาชีพ

ลงทุนอสังหา แบบมืออาชีพ ก็ต้องการการบริหารที่ดีเพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนสูงสุด และเป็นการคำนวณถึงความเสี่ยงไปในตัวด้วยทุกวันนี้การลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากจะเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาให้กับคุณให้รู้จักกันอย่างแพร่หลายทำให้ธุรกิจที่คุณกำลังดำเนินงานนั้นเติบโตไปได้เรื่อยๆ นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ประสบความสำเร็จถึงขั้นสูงสุดนั้นเอง

ขั้นตอนการ ลงทุนอสังหา แบบมืออาชีพ ส่วนบุคคลโดยรวม

ลงทุนอสังหา แบบมืออาชีพแนวคิดการบริหารการลงทุนในภาพรวม จะเริ่มจาก ตรวจสอบความพร้อมของตนเอง แล้วค่อยว่างแผนการลงทุนในขั้นต่อๆ ไป การลงทุนโดยบุคลทั่วไปนั้น ประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน คือ

1.การตรวจสอบความพร้อมในการลงทุนส่วนบุคคล

1.1.เงินส่วนเกินที่นอกเหนือจากเงินที่ใช้ตามปกติ
1.2.มีความตั้งใจ

2.การวางโปรแกรมการลงทุน

2.1.กำหนดจุดมุ่งหมาย
2.2.มองหาทางเลือกหรือประเภทของการลงทุน
2.3.ทำการประเมินทางเลือกในการลงทุน
2.4.เลือกการลงทุนที่ให้เหมาะสม

3.การดำเนินการลงทุนส่วนบุคคลให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือขั้นตอนการบริหารหรือการจัดการลงทุน ควรปฎิบัติอยู่ 10 อย่าง คือ

3.1.รู้ว่าเงินไปลงทุนที่ไหนบ้าง
3.2.กำหนดเป้าหมายของผลตอบแทน
3.3.ต้องทราบถึงความเสี่ยงของการลงทุน
3.4.กำหนดระยะเวลาในการลงทุน
3.5.ทำงบประมาณในการลงทุน
3.6.ศึกษาการเสียภาษีให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
3.7.กระจายการลงทุน
3.8.พัฒนายุทธวิธีการลงทุน
3.9.เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแผนการลงทุน
3.10.ค้นคว้าหาลู่ทางการลงทุนในสิ่งใหม่ๆ

ขั้นตอน การลงทุนอสังหา ในบ้านและที่ดิน

แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ

1.ตรวจสอบความพร้อมที่จะลงทุนภายในบ้านและทรัพย์สิน

1.1.มีเงินออกฉุกเฉินสำหรับครอบครัวแล้วหรือยัง
1.2.มีความพร้อมในเรื่องฐานะการเงินหรือไม่
1.3.มีความชำนาญในการลงทุนบ้านและที่ดินเพียงพอแล้วหรือยัง
1.4.ต้องแน่ใจว่าสามารถปรับปรุงฐานะการเงินให้ดียิ่งขึ้นได้
1.5.จิตใจพร้อมหรือไม่ที่จะรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

2.ขั้นตอนการดำเนินการอย่างเป็นระบบเพื่อลงทุนในบ้านและที่ดิน

2.1.กำหนดวัตถุประสงค์ในการลงทุน เพื่อลงความเสี่ยง หารายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม และรักษาสภาพคล่องตัว
2.2.กำหนดทางเลือกในการลงทุน
2.3.เลือกเป้าหมายในการลงทุน
2.4.กำหนดลำดับและช่วงเวลาในการลงทุน
2.5.ควบคุมดูแลและติดตามผลที่เกิดขึ้น
2.6.เปรียบเทียบผลของโปรแกรมการลงทุนกับเป้าหมายที่วางเอาไว้
2.7.ปรับปรุงวิธีการลงทุนให้ดีขึ้น
2.8.หากข้อบกพร่องของการลงทุนมีมากกว่าที่จะปรับปรุง ก็ควร “ เลิกลงทุน ” เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเราให้ได้มากที่สุด
2.9.จำกัดกลุ่มทรัพย์สินในการลงทุน

เทคนิคปลีกย่อยในการบริหารการลงทุนในบ้านและที่ดิน

ประกอบด้วย 5 อย่าง คือ

  1. เพิ่มรายรับ เช่น การปล่อยเช่า การปรับปรุงบ้านให้ดีขึ้น กำไรจากการต่อรอง ผลประโยชน์จากภาครัฐ การเพิ่มขึ้นของมูลค่าของตัวบ้านเอง
  2. ลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียม ภาษี ค่าใช้จ่ายการดำเนินการต่างๆ ต้องมีการตรวจสอบให้รอบคอบ
  3. การบริหารเงินลงทุน เน้นการใช้เงินในการลงทุนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และใช้การกู้เงินมาเพิ่มผลตอบแทนให้สูงมากยิ่งขึ้น
  4. การจัดการทรัพย์สิน
  5. การจัดการความเสี่ยง ถ้าผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่บ้านก็ยังมีความเสื่องอื่นๆด้วย เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม ฯลฯ ดังนั้นผู้ลงทุนในบ้านและที่ดินจะต้องยอมรับความเสี่ยงในทุกๆด้านด้วย

การจัดการความเสี่ยงในการลงทุนบ้านและที่ดินสามารถทำได้ 2 แบบ คือการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในบ้านและที่ดิน กล่าวคือแทนที่จะลงทุนในบ้านและที่ดินอย่างเดียว เราจะแบ่งเงินลงทุนกระจายไปยังการลงทุนอย่างอื่นด้วย อีกแบบหนึ่งคือการจัดการความเสี่ยงโดยการทำประกันภัย โดยการเสียเบี้ยประกันไม่มากแต่สามารถคุ้มครองภัยพิบัติในการลงทุนต่างๆได้อย่างดี

การกระจายการลงทุนในบ้านและที่ดิน

เป็นการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในบ้านและที่ดินแต่จะมีข้อเสียตรงที่ผลตอบแทนจะลงลดกว่าปกติ สำหรับการกระจายการลงทุนในบ้านและที่ดินที่ได้ความนิยม มักจะใช้  วิธีนี้

1.กระจายการลงทุนไปยังบ้านหลายๆประเภท
2.การกระจายการลงทุนไปยังอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่นๆ
3.กระจายการลงทุนไปยังการลงทุนอื่นๆ

การประกันภัยบ้านที่อยู่อาศัยและสำนักงานธุรกิจ

ซึ่งจะช่วยบรรเทาเรื่องค่าเสียหาย หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับบ้านหรือธุรกิจของคุณ แถมค่าเบี้ยประกันยังไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ สำหรับเงื่อนไขในการทำประกันภัยบ้านและสำนักงานที่ระบุรายละเอียดอยู่ในกรมธรรม์  จะประกอบไปด้วยประเด็นที่ที่ควรรู้

  • ลักษณะสิ่งปลูกสร้าง ส่วนใหญ่ประกันภัยจะรับประกันเฉพาะ สิ่งปลูกสร้างที่เป็นตึก หรือ ครึ่งตึกครึ่งไม้ เท่านั้น ส่วน สิ่งปลูกสร้างที่ทำจากไม้จะไม่รับประกัน
  • ทรัพย์สินบ้างประเภทไม่คุ้มครอง เช่น เงิน ธนบัตร ทองแท่ง อัญมณี โบราณวัตถุ เอกสาร ภาพเขียน เป็นต้น
  • สถานที่ตั้ง ที่อยู่ในเขตอันตราย เช่น แหล่งชุมชนแออัด ใกล้โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น ซึ่งคุณจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น
  • สำนักงานธุรกิจ บริษัทจะระบุไว้ เช่น ร้านค้าย่อย คลีนิก จะต้องไม่มีสินค้าอันตรายอยู่ภายในร้าน ร้านอาหาร ร้านวีดีโอ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ จะต้องไม่มีสิ่งที่ทำจากไม้ เป็นต้น
  • ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก เช่น ปลูกต้นไม้ไว้บนคอนโด แล้วกระถางดันตกลงมาโดนคนข้างล่าง ประกันภัยก็จะชดเชยค่าเสียหายรวมถึงการถูกฟ้องร้องด้วย

เพื่อให้ประกันภัยบ้านและสำนักงานธุรกิจ เกิดประโยชน์ต่อการลงทุนในบ้านที่ดินมากที่สุด มีข้อแนะนำในการใช้ประกันภัยดังนี้

  • พิจารณาว่าความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นนั้นมีความเหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่
  • ควรศึกษารายระเอียดก่อนเก็บกรมธรรม์ไว้ในที่ๆปลอดภัยเพื่อป้องกันเอกสารเสียหาย
  • ควรเก็บเบอร์ติดต่อไว้เพื่อสะดวกในการแจ้งเหตุได้ทันท่วงที
  • ควรระบุทุนประกันภัยให้ใกล้มูลค่าจริงมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการทำประกันเกิน

ทั้งนี้การกำหนดทุนประกันที่สูงกว่ามูลค่าจริงจะทำให้เราเสียเบี้ยประกันโดยใช่เหตุ ในทางกลับกันถ้ากำหนดทุนประกันที่น้อยกว่ามูลค่าจริงก็จะทำให้ความคุ้มครองที่ได้รับนั้นไม่เต็มที่จึงอาจประสบปัญหาล้มละลายเลยก็ว่าได้ ดังนั้นควรศึกษาให้เข้าใจก่อนทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวคุณและครอบครัวของคุณเอง

ลงประกาศฟรี !!! ไม่มีค่าใช้จ่ายลงประกาศเลย คลิ๊ก …

ขายคอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดิน กับ Dot Property ขายง่าย ขายไว หรือต้องการซื้อ-เช่า !!! คอนโดมือสอง บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ที่ดินทั่วไทยมากกว่า 300,000 รายการคลิ๊กที่นี่